Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1467

Cover Renegade Immortal 1

1467. กลียุคในสุสานบัญชาโบราณ

ภายในสุสานบัญชาโบราณเริ่มเกิดความโกลาหล หลังจากรอยแยกถูกเปิดขึ้นมา หมอกทั้งหมดก็เริ่มปั่นป่วนและส่งเสียงดังลั่น

การเปลี่ยนแปลงข้างในส่งผลต่อข้างนอกเช่นกัน

ณ ตอนนี้ด้านนอกสุสานบัญชาโบราณ ทางเข้าสุสานที่หายไปกลับปรากฏขึ้นอีกครั้ง หมอกด้านนอกดูเหมือนจะเชื่อมกับหมอกด้านในและมันเริ่มปั่นป่วน เสียงหมอกปะทะกันแพร่กระจายออกไปกว้างไกล

สายหมอกถูกดึงเข้าไปในรอยแยกจนดูเหมือนรอยแยกมีพลังดึงดูดอันแข็งแกร่ง พริบตาเดียวสายหมอกมากกว่าครึ่งก็ถูกดูดเข้าไป

ห่างจากสุสานบัญชาโบราณไปไม่ไกลมีดาวเคราะห์รกร้างอยู่หนึ่งดวง ร่างหลักของเฒ่าพิษเดียวดายลืมตาขึ้นมา ใบหน้าซีดเซียวและมีแววตาโหดเหี้ยมอำมหิต ในชีวิตเขาชื่นชอบการทำลายคำสาบาน แต่ทุกคนที่รู้นิสัยของเขานี้ต่างก็ตายกันหมด มันจึงไม่แพร่กระจายออกไปไหน

แม้เขาจะเป็นสหายกับวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองอยู่บ้าง แต่จะเทียบกับผลประโยชน์ได้อย่างไร? ด้วยนิสียเขาแบบนี้จึงแทบไม่มีสหายเลยเป็นเวลาหลายหมื่นปี เขาพ่นลมหายใจเย็นและร่างกายหายวับ ปรากฏตัวด้านนอกสายหมอกที่กำลังถูกดูดเข้าไป

ร่างกายลอยอยู่ในสายหมอกราวกับภูเขาไร้การเคลื่อนไหว สายตาเยือกเย็นจับจ้องไปที่สายหมอก ขบคิดเล็กน้อยและมีแววตาตั้งมั่น

‘คนที่เข้าไปได้ไม่มีขีดจำกัดเรื่องระดับบ่มเพาะแล้ว…’ เฒ่าพิษเดียวดายขบคิดและจากนั้นพุ่งเข้าไปในรอยแยกโดยไม่ลังเล

ตอนที่รอยแยกเริ่มดูดซับสายหมอก มีดาวเคราะห์เลือนลางดวงหนึ่งอยู่ห่างออกไปไกล ดาวเคราะห์ดวงนี้ปกคลุมด้วยมหาสมุทรสีม่วงและมีคลื่นกระทบฝั่งดังสนั่น ในส่วนลึกของมหาสมุทรมีชายชรานั่งอยู่ เขาลืมตาขึ้นมาและมีแสงกะพริบเย็นชา

‘เฒ่าพิษเดียวดายกล้าขโมยร่างอวตารของข้าและมันยังกล้าทำแผนการของข้าเสียหาย!… ตอนนี้เกิดความวุ่นวายขึ้นในสุสานและเขตอาคมบนทางเข้าก็หายไปแล้ว…’ ชายชราขบคิดและจากนั้นสะบัดแขน คลื่นมหาสมุทรพรั่งพรูเบื้องหน้าและปรากฏประตูยักษ์ที่สร้างขึ้นจากมหาสมุทรอยู่เบื้องหน้า!

ชายชรายืนขึ้นและก้าวเข้าไปในประตู ร่างกายปรากฏอยู่นอกสุสานบัญชาโบราณ วินาทีนี้อวกาศเบื้องหน้าชายชราบิดเบือนและคล้ายจะแบ่งโลกออกเป็นเก้าใบ คนผู้หนึ่งเดินออกมาจากการบิดเบือนนี้ด้วย!

เขาเป็นชายวัยกลางคนและมีใบหน้ามืดครึ้ม หลังจากปรากฏขึ้นดวงตาพลันเป็นประกายชำเลืองมองปรมาจารย์เต๋าเมียวหยิน “เซียนเฒ่าเมียวหยินผู้ไม่ออกมาจากมหาสมุทรม่วงหลายหมื่นปีก็ยังออกมาจากน้ำเน่านั่นเสียด้วย”

“ในเมื่อเจ้าเซียนเฒ่าเก้าสวรรค์ก็มา ข้าก็ต้องมาด้วยสิ” ปรมาจารย์เต๋าเมียวหยินเอ่ยเสียงแหบพร่า ทั้งสองมองหน้ากันเองและหยุดพูดคุย จากนั้นมองรอยแยกที่กำลังกลืนกินสายหมอก

หลังจากนั้นปรมาจารย์เต๋าเมียวหยินพลันเอ่ยขึ้น “เฒ่าพิษเดียวดายเข้าไปแล้ว…”

จอมมารเก้าสวรรค์ขมวดคิ้ว “อาจจะเป็นกับดัก…”

“ไม่น่าจะเป็นแบบนั้น…คนที่สามารถวางกับดักในสุสานบัญชาโบราณได้จะทำแบบนี้ไปทำไม…” สองคนมองหน้ากันเอง สายตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

“เฒ่าพิษเดียวดายต้องโดนผนึก!”

“ข้าช่วยเจ้าผนึกเฒ่าพิษเดียวดายด้วยก็ได้ แต่ข้าขอสมบัติมันสักหกในสิบส่วน!”

“ตกลง แต่เด็กน้อยนั่นเป็นของข้า!”

ทั้งสองคนทำข้อตกลงและต่างก็พุ่งหารอยแยกที่สงบนิ่งไปเมื่อมันกลืนกินหมอก ได้หมด ขณะที่ทั้งสองกำลังจะเข้าไป ดาราจักรโบราณเกิดการสั่นสะเทือน

พลังอันแข็งแกร่งเริ่มควบแน่นจากทุกทิศทาง พริบตาเดียวมันก็เปลี่ยนเป็นประทับฝ่ามือมายาและลอยอยู่เหนือรอยแยก

ประทับฝ่ามือนี้ขนาดใหญ่มากพอจะปกคลุมพื้นที่ดวงดาว ปรมาจารย์เต๋าเมียวหยินหยุดชะงักและมองประทับฝ่ามือ ส่วนจอมมารเก้าสวรรค์ขมวดคิ้วและหยุดลงเช่นกัน

ควันสีดำปรากฏขึ้นด้านล่างประทับฝ่ามือจนเกิดเป็นร่างสีดำ เขาสวมผ้าคลุมสีดำจนไม่อาจมองรูปร่างหน้าตาได้ชัดเจน

“การต่อสู้ครั้งใหญ่กำลังจะเริ่มขึ้น สุสานบัญชาโบราณนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้…จงอย่าไป” ผ่านความเงียบไปสักพักรอยแยกกลับไม่หุบลงราวกับรอให้เหล่าเซียนเข้าไป

ปรมาจารย์เต๋าเมียวหยินมองคนชุดดำและเอ่ยขึ้น “เจ้าทำนายว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นหรือ?”

“ข้ายังไม่ได้ทำนาย…” เสียงชายชุดดำฟังดูแก่ชรา

“จะไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น ถึงแม้จะเกิด เจ้าก็ต้องหาทางช่วยเรา” ปรมาจารย์เต๋าเมียวหยินหันตัวกลับและเข้าไปในสุสาน

จอมมารเก้าสวรรค์ยิ้มออกมาและคำนับฝ่ามือ “ดูเหมือนอาการบาดเจ็บของท่านได้ฟื้นฟูเกือบหมดแล้ว หากมีเหตุอันใดเกิดขึ้น เราคงทำให้ท่านหนักใจ”

จอมมารเก้าสวรรค์ก้าวเข้าไปในรอยแยกโดยไม่ลังเล รอยแยกยังลอยอยู่ที่นั่น ร่างชุดดำยืนอยู่และถอนหายใจยาว

‘ข้าหวังว่าจะไม่มีเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้น…สองในห้าปรมาจารย์ เฒ่าพิษเดียวดายขั้นแก่นแท้ดับสูญ โจวจินและอีกสองนามสนมเทพโบราณ พวกเขาต่างเป็นกำลังสำคัญของดาราจักรโบราณถึงสามในสิบส่วน…ทั้งหมดเข้าไปในสุสานบัญชาโบราณ…ข้าเป็นกังวล…’

ข้างในสุสานบัญชาโบราณ สองฝ่ามือยักษ์ที่กวาดผ่านเข้ามาราวกับจะทำลายแท่นระดับเก้าแต่พวกมันกลับเปิดรอยแยกออกสู่โลกอีกใบ

หวังหลินหน้าซีดแต่ไม่ลังเลเลย ชั่ววินาทีที่รอยแยกปรากฏ เขาก็ก้าวไปข้างใน

คนอื่นๆทำได้แค่มองหวังหลินหายวับไป เนื่องเพราะพลังของแขนสองข้าง พวกเขาไม่กล้าเคลื่อนไปข้างหน้า

เมื่อหวังหลินเข้ารอยแยกไป แขนยักษ์สองข้างค่อยๆสลาย อย่างไรก็ตามอันตรายไม่ได้หายไป ปีศาจโบราณปลดปล่อยดวงตาสีแดงฉาน จากนั้นเลียริมฝีปากและ ส่งเสียงคำรามแหลมคม!

ชั่วจังหวะหวังหลินเข้าไปในรอยแยก แผนที่ส่วนที่เก้าปรากฏขึ้นในใจเขาทันที ขณะเดียวกันเสียงเก่าแก่ดังกึกก้องในใจหวังหลิน

“แท่นระดับเก้า เจ้ามีคุณสมบัติจะได้รับมรดกของข้า…เจ้าสามารถเข้าสู่ประตูแห่งการเกิดใหม่และเข้าสู่ตำหนักสวรรค์…อย่างไรก็ตามตำหนักสวรรค์ถูกศัตรูของข้าผนึกเอาไว้ ดังนั้นเจ้าจำเป็นต้องมีระดับบ่มเพาะที่สูงส่งและมีโชคมหาศาลถึงจะเข้าได้.ในชีวิตข้ามีเพียง…ความเสียใจเดียวเท่านั้น…ประตูทางออกขัดขวางเส้นทางหนีของข้า…ลี่กวงยิงใส่ตาซ้ายของข้าซึ่งบรรจุความทรงจำครึ่งหนึ่งเอาไว้ ความทรงจำของ บ้านเกิด…ผู้สืบทอด หากเจ้าสามารถกลายเป็น…ถ้าหาก…” คำพูดขาดหายไป ประโยคสองส่วนสุดท้ายเลือนลางเกินไป ทัศนวิสัยของหวังหลินพร่ามัวไปชั่วขณะและเมื่อมีสติอีกครั้งเขาก็อยู่ในตำหนักใหญ่โตมหาศาลแล้ว

ตำหนักแห่งนี้ราวกับท้องฟ้าและยากจะเห็นจุดสิ้นสุด ทั้งตำหนักส่องสว่างและเปล่งรัศมีแห่งบารมีและงดงาม ทั้งยังมีสัมผัสน่ากลัวจนขนลุกด้วย

กลิ่นอายน่ากลัวโผล่ออกมาจากร่างศพเหล่าเซียนเรียงกันสี่แถว! แต่ละแถว มีเซียนอยู่เกือบพันคน ทั้งหมดยืนตรงพร้อมกับมีโลหิตไหลออกจากรูขุมขน ดวงตาเบิกโพลงเต็มไปด้วยจิตสังหาร

คนเหล่านี้สวมเสื้อผ้าแปลกประหลาดและแตกต่างจากที่หวังหลินเคยเห็น เสื้อผ้าแต่ละคนพลิ้วไหวดุจสายน้ำและราวกับมีชีวิต หวังหลินเคยเห็นแค่เสื้อผ้าของเผ่าสายฟ้ากระจายจากภาพในอดีตเท่านั้น แต่ละคนมีเปลวเพลิงสีเขียวเผาไหม้อยู่เหนือแขน ส่งเสียงดังปะทุอยู่ในตำหนัก

หวังหลินลอยตัวในตำหนักและมองเหล่าเซียน พวกเขากลายเป็นต้นตอของแสงที่นี่ ร่างศพและวิญญาณแต่ละคนก่อเกิดเป็นแท่งเทียนเผาไหม้เปลวเพลิง

พอเห็นเช่นนี้ความรู้สึกกลัวก็ยิ่งรุนแรงขึ้น สายตาหวังหลินมองตามเหล่าเซียนเข้าไปในห้องโถง มีแท่นหินยักษ์และบัลลังก์ขนาดใหญ่อยู่ด้านบนแท่น

ด้านล่างบัลลังก์มีรอยแยกขนาดใหญ่อยู่บนแท่นหิน มันมีกลิ่นอายอันน่าตกตะลึงที่ยังอยู่มาถึงทุกวันนี้

ราวกับมีใครสักคนใช้กระบี่หรือธนูที่สามารถเจาะทะลวงได้ทุกอย่างในโลกนี้และโจมตีคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์!

บัลลังก์ว่างเปล่าแต่กลับมีก้อนแสงเรืองแสงอ่อนๆลอยอยู่อย่างเงียบๆ

ณ ใจกลางเหล่าเซียนทั้งสี่แถวมีเตาหลอมสูงขนาดหลายพันฟุต มีธูปกำลัง เผาไหม้อยู่ข้างในและมีควันลอยขึ้นไป

หวังหลินขบคิดและค่อยๆเหินขึ้นกลางอากาศ สายตากวาดผ่านแท่นไปและมองตำแหน่งหนึ่งของตำหนัก!

ด้านหลังแท่นหินมีเตาหลอมยักษ์พร้อมกับเหล่าเซียนสี่แถวอยู่ด้วย พวกเขาอยู่นิ่งไม่เคลื่อนไหวและมีสีหน้าเหมือนคนอื่นๆ ทั้งยังมีเปลวเพลิงเผาไหม้เหนือศีรษะอยู่เช่นเดียวกัน

เตาหลอมวางรอบแท่นหินเป็นแปดทิศ ทิศละหนึ่งเตาหลอม เกิดเป็นรูปแปดเหลี่ยมและมีเหล่าเซียนอยู่นับไม่ถ้วน!

ขณะที่หวังหลินสังเกตทุกอย่างเบื้องหน้า ความคิดพลันสั่นเทา หลังจากผ่านไปสักพักเขาจึงสูดหายใจลึก ที่เขาเห็นตอนนี้ไม่ใช่ทั้งหมดของห้องโถง หลังจากขบคิดเล็กน้อยจึงสะบัดแขนและให้สายลมกวาดผ่านไป แสงเรืองรองเต็มไปทั่วตำหนัก หวังหลินมองเห็นได้กว้างไกลขึ้น และเมื่อเขาเห็นว่าอะไรอยู่ไกลๆ รูม่านตาจึงหด แคบลง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!