Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1492

Cover Renegade Immortal 1

1492. ประลองปัญญา

หากไร้ซึ่งความบาดหมางระหว่างเซียนขั้นที่สามแต่ยังต้องสังหารอีกฝ่าย ทั้งสองยังเคารพกันเพราะท่ามกลางเหล่าผู้คนมากมายในโลกนี้มีแค่ไม่กี่คนที่สามารถ บรรลุขั้นที่สาม

ปรมาจารย์ลั่วฟู่บรรลุขั้นที่สามมานานแล้วและไม่มีข้อบาดหมางกับหวังหลิน ตอนนี้พวกเขาเผชิญหน้ากันเพราะเทพโลหิต แต่ก็เป็นแค่การเผชิญหน้าเท่านั้น

ปรมาจารย์ลั่วฟู่คงไม่ล่วงเกินหวังหลินมากไปนักด้วยเหตุเพราะเทพโลหิต ในสายตาเขาหวังหลินไม่ใช่เพียงแค่เท่าเทียมแต่ยังเหนือกว่าเล็กน้อย

อย่างไรก็ตามเขาเชื่อว่าตนเองมีประสบการณ์มากกว่าหวังหลินเนื่องจากอยู่ขั้นที่สามมานานหลายหมื่นปี ดังนั้นจึงไม่หวั่นเกรง

แม้หวังหลินยังไม่ได้บรรลุขั้นที่สาม แต่ร่างกายก็สามารถเทียบเคียงได้กับ เซียนขั้นที่สาม ตัวหวังหลินเผชิญหน้ากับเซียนขั้นที่สามหลายคนในดินแดนชั้นนอก ดังนั้นปรมาจารย์ลั่วฟู่จึงไร้ค่าในสายตาเขา!

ในเมื่อปรมาจารย์ลั่วฟู่ทำเป็นปากแข็ง หวังหลินจึงคิดจะสั่งสอนบทเรียนให้ หลังจากเขาเป็นเทพโบราณเจ็ดดาวก็ไม่ได้ต่อสู้กับใครนอกจากต้าเสิน ตอนนี้หวังหลินอยากต่อสู้กับปรมาจารย์ลั่วฟู่เข้าแล้ว

ปรมาจารย์ลั่วฟู่ดวงตาส่องสว่าง จ้องมองจุดกลางหน้าผากหวังหลิน เขาสัมผัสถึงเจตนาต่อสู้อันรุนแรงจนต้องหรี่ตาแคบและรีบเปลี่ยนความคิด

“สหายเซียนหวังหลิน ดาราจักรทุกชั้นฟ้าไม่สามารถทนรับการต่อสู้เต็มกำลังของเราสองคนได้ หากไปกระตุ้นค่ายกลดินแดนปิดผนึกขึ้นมามันจะคุ้มค่าหรือ…เราสองคนประลองปัญญากันดีหรือไม่ เจ้าชนะสองในสามถือว่าข้าแพ้!”

“หากเจ้าชนะ ข้าจะมอบเทพโลหิตให้กับมือ แต่หากเจ้าแพ้ต้องรีบจากไปให้เร็ว! เจ้าจะไม่อนุญาตให้เข้ามาในดาราจักรทุกชั้นฟ้าได้!”

“เจ้ากล้าประลองปัญญากับข้าหรือไม่?” ปรมาจารย์ลั่วฟู่รู้สึกว่าถึงแม้เขาจะสู้กับหวังหลินก็คงพัวพันอยู่ดีและอาจจนมุมได้

หากเขาลดความระมัดระวังชั่ววูบเดียวคงบาดเจ็บ ซึ่งหากบาดเจ็บตอนนี้คงส่งผลกระทบต่อการขโมยเพลิงนรกานต์จากเขตชั้นนอก เขาต้องกังวลกับเรื่องนี้ให้มากขึ้น

“ประลองปัญญา?” หวังหลินไม่เคยประลองปัญญากับใครมาก่อน หลังจากได้ยินคำพูดของปรมาจารย์ลั่วฟู่ ดวงตาเผยแสงประหลาด

ดินแดนชั้นในไม่อาจเทียบกับดินแดนชั้นนอกได้ หากเซียนขั้นที่สามสู้กัน อวกาศคงพังทลายและคงเกิดค่ายกลดินแดนปิดผนึก หวังหลินรู้เรื่องนี้ดี

“ใช่แล้ว แม้ดินแดนชั้นในจะมีเซียนขั้นที่สามอยู่น้อยมาก เราไม่ควรสู้กันอย่างหนักหน่วง หากไปกระตุ้นค่ายกลขึ้นมาคงไม่คุ้มค่า!”

“นั่นจึงเกิดข้อตกลงประลองปัญญาขึ้น!”

“การประลองรอบแรกคือการหลอม เจ้านำวัตถุดิบออกมาหลอมสมบัติ สมบัตินี้ถูกใช้เพื่อการประลองรอบแรก! หากเจ้าไม่เก่งด้านการหลอมอาวุธ จะหลอมเม็ดยาก็ได้! แม้กระทั่งหลอมวิญญาณก็ได้!”

“การประลองรอบสองคือการต่อสู้เจตนาแห่งเต๋า!”

“การประลองสุดท้ายคือการแสดงวิชา หลังจากสามการประลองจะมีผู้ชนะถูกตัดสิน เช่นนั้นเราจะไม่มีความบาดหมางกันอีกหากเจอกันครั้งหน้า!”

หวังหลินเผยรอยยิ้มพลางมองปรมาจารย์ลั่วฟู่ เขาสะบัดแขนเสื้อและหัวเราะ “ก็ได้ ในเมื่อเจ้าต้องการประลองปัญญา ข้าก็เอาด้วย”

เมื่อปรมาจารย์ลั่วฟู่ได้ยินเช่นนี้จึงผ่อนคลายเล็กน้อย ตอนที่เขาเห็นเจตนาต่อสู้ในตาหวังหลินเขารู้สึกว่าหวังหลินเต็มไปด้วยความมั่นใจและรู้สึกเลือนลางว่าบางสิ่งแย่ๆกำลังจะเกิดขึ้น เขาระมัดระวังอยู่เสมอและในฐานะบรรพชนแห่งดาราจักรทุกชั้นฟ้า เขาไม่สามารถสูญเสียได้

ดังนั้นจึงเอ่ยถึงข้อตกลงประลองปัญญา พอเห็นว่าหวังหลินตกลงจึงอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยในใจ

‘ไอ้เด็กนี่ยังอ่อนและไม่ได้บ่มเพาะมานาน แม้การบ่มเพาะเพิ่มมาถึงระดับนี้ก็ยังขาดไหวพริบด้านอื่น!’ ปรมาจารย์ลั่วฟู่บรรลุขั้นที่สามมาเมื่อหลายหมื่นปีก่อน เขาติดอยู่ในขั้นสวรรค์ดับสูญระดับต้นเนื่องจากขาดแคลนเพลิงนรกานต์ ดังนั้นจึงได้เริ่มค้นคว้าเรื่องการหลอม ปรุงยาและเขตอาคม เขามีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง

ปรมาจารย์ลั่วฟู่เอ่ย “สหายเซียนเลือกสิ่งที่ใช้หลอมในการประลองแรกได้เลย”

“หลอมสมบัติก็ดี” หวังหลินมองปรมาจารย์ลั่วฟู่อย่างล้ำลึก

ปรมาจารย์ลั่วฟู่มีท่าทีเช่นเดิมและพยักหน้า แต่ก็ลอบเยาะเย้ยอยู่ในใจ ทักษะการหลอมสมบัติของเขามาไกลยิ่งกว่าการหลอมเม็ดยาเสียอีก แม้กระทั่งสมบัติที่ทรงพลังที่สุดที่เขาหลอมมายังมาจากสมบัติที่เสียหาย

เขาไม่เสียเวลากับหวังหลินอีกต่อไปและสะบัดแขน วังวนรอบตัวเริ่มหมุนวนและผุดสายหมอกขึ้นมากมายจนเป็นพายุ เขากระโจนออกไปจากวังวนและปรากฏตัวเหนือค่ายกลยักษ์

ด้านหลังมีเหล่าเซียนแห่งอารามเทพอัสนีหลายหมื่นคนมองเข้ามา แต่ละคนมีสายตาชื่นชมปรมาจารย์ลั่วฟู่ บรรพชนแห่งดาราจักรทุกชั้นฟ้า

แม้กระทั่งสามคนที่อยู่ในวังวนก็ยังเกิดความเคารพ สำหรับคนในดาราจักรทุกชั้นฟ้าแล้วปรมาจารย์ลั่วฟู่ถือเป็นเทพเจ้า!

การสามารถเห็นบรรพชนหลอมสมบัติด้วยตาตนเอง นับว่ามากพอจะทำให้จิตใจแต่ละคนเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น

“วันนี้ข้าจะหลอมสมบัติที่จะพำนักไว้ในอารามเทพอัสนี หลังจากการต่อสู้กับดินแดนชั้นนอกเริ่มต้นขึ้นจะมีการสร้างลำดับเทพขึ้นมา คนที่สังหารเซียนฝ่ายตรงข้ามได้มากที่สุดในสามเดือนแรกจะได้รับสมบัติชิ้นนี้!” คำพูดของปรมาจารย์ลั่วฟูดังเข้าไปในหูเซียนทุกคน

เสียงของเขาดังกึกก้องจนเกิดเป็นคลื่นเสียง เหล่าเซียนหลายหมื่นคนต่างก็ตื่นเต้นและร้องตะโกนอย่างดีอกดีใจ!

ปรมาจารย์ลั่วฟู่อยู่ห่างจากหวังหลินไปพันฟุต เขาชี้ไปที่ดวงดาวและเริ่มมีแสงนับไม่ถ้วนส่องเป็นประกายข้ามผ่านพื้นที่ดวงดาว

พริบตาเดียวทั้งพื้นที่ดวงดาวถูกปกคลุมด้วยแสงดวงดาว จากนั้นเกิดเป็นฉากอันงดงามที่สุดขึ้น!

“วันนี้ข้าจะใช้แสงดวงดาวเป็นฐานราก!” แขนขวายื่นออกไปให้แสงดวงดาวเริ่มรวมกันอย่างบ้าคลั่งในมือ

พริบตาเดียวเงาแสงดวงดาวก็ปรากฏ มันเป็นเงารูปต้นไม้ยักษ์!

ต้นไม้ยักษ์ถูกสร้างขึ้นจากแสงดวงดาวและเรืองแสงแพรวพราว แค่ปรายตาดูมือก็เหมือนมันจะถูกสร้างขึ้นจากดาวเคราะห์นับไม่ถ้วน ต้นไม้นี้มีขนาดหลายแสนฟุตและลอยอยู่ท่ามกลางดวงดาว

“ใช้ฝุ่นผงที่อยู่ในดาราจักรทุกชั้นฟ้ามาตั้งแต่ยุคบรรพกาลเป็นลำต้น! ควบแน่นเป็นสมบัติ!” น้ำเสียงของปรมาจารย์ลั่วฟู่ดังกึกก้อง แขนซ้ายกวาดผ่านดวงดาว ทั่วพื้นที่ดวงดาวดังลั่นและแพร่กระจายเสียงนี้ไปทั่วทุกชั้นฟ้า

มันเปลี่ยนกลายเป็นระลอกคลื่นมากมายจนตอนนี้เหล่าฝุ่นที่มองไม่เห็นต่างถูกบังคับให้เผยตัวตนออกมา โดยมีพลังดึงดูดอันแข็งแกร่งดึงเข้ามาหา

ราวกับมีพายุเต็มไปทั่วดาราจักรทุกชั้นฟ้าซึ่งนำพาเหล่าฝุ่นผงเข้ามาในต้นไม้ที่สร้างขึ้นจากแสงดวงดาว

ฝุ่นผงเหล่านี้เป็นแค่ฝุ่น แต่เมื่อเข้าไปในต้นไม้ดวงดาวแล้วมันจึงไม่พร่าเลือนอีกและเกิดเป็นรูปร่างอย่างรวดเร็ว

หวังหลินมีท่าทีสงบนิ่งพลางเฝ้าดูการหลอมของปรมาจารย์ลั่วฟู่ ต้นไม้ที่สร้างขึ้นจากแสงดวงดาวซึ่งมีขนาดหลายแสนฟุตพลันปรากฏขึ้นมาในพริบตา!

ใช้อวกาศเป็นดิน ใช้ฝุ่นเป็นสารหล่อเลี้ยง ใช้แสงดวงดาวเป็นวิญญาณ ราวกับต้นไม้ที่คงอยู่มานานนับตั้งแต่ยุคแรกเริ่มได้ปรากฏขึ้นมา

พลังอำนาจอันทรงพลังค่อยๆแพร่กระจายออกมาจากต้นไม้ต้นนี้ ทั้งยังมีพลังชีวิตอันแข็งแกร่งกระจายออกมาด้วยซึ่งทำให้เหล่าเซียนหลายหมื่นคนด้านหลังปรมาจารย์ลั่วฟู่ต่างก็มีชีวิตชีวา!

“สมบัติก่อเกิดรูปร่างแล้วแต่ยังขาดแก่นแท้ แม้ข้าจะมาจากดาราจักรทุกชั้นฟ้าแต่ได้รับเกียรติจากแดนสวรรค์วายุและเข้าใจในแก่นแท้วายุ แก่นแท้วายุของข้าจงผสานเข้าไปในต้นไม้นี้!”

ปรมาจารย์ลั่วฟู่อ้าแขนและสะบัด สายลมรุนแรงผุดขึ้นมาจากร่างกาย วังวนเก้าแห่งปรากฏในดวงตา ทุกครั้งที่พวกมันหมุนจะทำให้สายลมจากร่างเขาพัดรุนแรงยิ่งขึ้น

พริบตาเดียวพายุสายลมทั้งหมดก็พังทลายและถูกใส่ไว้ข้างใน พลังอันน่าตกตะลึงก่อตัวขึ้นและพุ่งใส่ต้นไม้ยักษ์

เมื่อสายลมปะทะใส่ร่างหวังหลิน เขายังทำใบหน้าสงบนิ่งอยู่ได้ แก่นแท้สายฟ้าและเปลวเพลิงปรากฏขึ้นในดวงตา หลังจากม่านสายลมห่างออกไป ร่างกายของเขากลับไม่ขยับเลยแม้แต่นิ้วเดียว

สายลมกรรโชกรุนแรงร่อนลงใส่ต้นไม้ยักษ์จนมันสั่นเทาราวกับตื่นขึ้นจากการหลับใหล กลิ่นอายสมบัติขั้นสวรรค์ดับสูญเทียมจึงกระจายออกมา

“ตอนนี้มันมีแก่นแท้แล้ว แต่ยังขาดโลหิต! ในเมื่อแผนของข้าคือทิ้งมันไว้ในทุกชั้นฟ้า มันก็ควรจะเป็นโลหิตของเซียนในทุกชั้นฟ้า!” ปรมาจารย์ลั่วฟู่ดวงตาส่องสว่างขึ้น แขนขวาชี้ใส่เหล่าเซียนหลายหมื่นเบื้องหน้า

ขณะที่เขากวาดมือไป โลหิตหนึ่งหยดก่อตัวขึ้นกลางหน้าผากเซียนเหล่านั้นและควบแน่นกันเบื้องหน้าปรมาจารย์ลั่วฟู่ จากนั้นปรมาจารย์ลั่วฟู่กัดปลายลิ้นและ พ่นโลหิตของเซียนขั้นที่สามออกมา สองหยดโลหิตผสานกันและสะบัดแขนเสื้อ

โลหิตลอยเข้าหาต้นไม้และผสานในทันที

ตอนนี้การเชื่อมต่อโลหิตผุดขึ้นในใจเซียนทุกคนด้านหลังเขา

หลังจากเสร็จเรื่องทั้งหมด ปรมาจารย์ลั่วฟู่ร้องคำราม วังวนสายลมในดวงตาหมุนติ้วอย่างรวดเร็ว จากนั้นกระแทกฝ่ามืออย่างรุนแรงใส่พื้นดินด้านล่าง!

“ขั้นตอนสุดท้ายคือทำดวงดาวให้เป็นสมบัติ!”

ต้นไม้ขนาดหลายแสนฟุตเกิดเสียงดังลั่นและหดตัวลงอย่างรวดเร็ว มันควบแน่นจนเหลือเพียงหนึ่งร้อยฟุตเท่านั้นแต่กลับมีกลิ่นอายน่าตกตะลึงแพร่กระจายจนอวกาศสั่นเทา!

“สมบัตินี้จะมีชื่อว่าต้นไม้ทุกชั้นฟ้า สหายเซียนคิดว่าอย่างไร?” ปรมาจารย์ลั่วฟู่เผยแววตาภูมิใจและโล่งอก เขาใช้ดาราจักรทุกชั้นฟ้าเป็นฐานราก ใช้เหล่าเซียนเป็นโลหิต ใช้แก่นแท้ของตัวเองเป็นแกนและใช้ระดับบ่มเพาะของเขาเพื่อควบแน่นมัน แม้จะไม่ใช่สมบัติที่แข็งแกร่งที่สุด แต่การสามารถหลอมมันในระยะเวลาสั้นๆแค่นี้ได้ทำให้เขาพึงพอใจมาก!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก่นโลหิตและพลังแก่นแท้ของเขาได้ทำให้รู้สึกเจ็บปวดใจ แต่การจะเอาชนะการประลองปัญญาได้ เขาจำเป็นต้องทุ่มสุดตัว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!