1546. ข้ากลับมาแล้ว
หวังหลินทะยานท่ามกลางดวงดาวด้วยตัวเอง ร่างกายของเขาทรงพลังมาก ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องหลบเลี่ยงรอยแยกอวกาศเลย รอยแยกอวกาศมักจะพังทลายไปตอนที่พวกมันสัมผัสเขา ซึ่งหวังหลินไม่มีแม้แต่อาการบาดเจ็บ
ภายในร่างหวังหลินมีแสงสีทองจางๆ ขณะที่ทะยานไป อวกาศดูคล้ายหดลงอยู่ ใต้ฝ่าเท้า เพียงแค่ก้าวหนึ่งคราได้พาเขาข้ามผ่านระยะทางกว้างไกลมหาศาล
พอไม่มีเหลียนต้าวเฟยติดตาม ความเร็วของหวังหลินจึงเพิ่มถึงขีดสุด เขาอยู่ห่างไกลจากกองบัญชาการของพันธมิตรเซียนเป็นอย่างมาก แต่ว่าเพียงเขาก้าว แค่สามครั้งก็ข้ามผ่านไปอีกฟากหนึ่งแล้ว
ก้าวแรกปรากฏตัวภายในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยดาวเคราะห์เซียนและเหล่าเซียน แต่ไม่มีใครสังเกตถึงการปรากฏตัวของหวังหลิน!
ส่วนใหญ่เพียงแค่รู้สึกเกิดระลอกคลื่นเบาบางขึ้นมาและหายไปทันที
ปรมาจารย์ลั่วฟู่อยู่ท่ามกลางเซียนเหล่านี้ด้วย ดาราจักรฟ้ากระจ่างมีเซียนขั้นที่สามอยู่น้อยมาก และคนที่รู้จักค่ายกลโบราณยิ่งน้อยลงไปอีก ปรมาจารย์หงซานเชิญชวนปรมาจารย์ลั่วฟู่มาที่นี่เพื่อวางค่ายกล
แม้แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าทัศนวิสัยพร่ามัว ราวกับมีคนผ่านไป แต่ดวงตาหรี่แคบทันที
‘ข้ารู้สึกว่ามีคนเพิ่งผ่านไป…กลิ่นอายคุ้นเคยมาก…’ ปรมาจารย์ลั่วฟู่มองไปข้างหน้าและส่ายศีรษะ
‘กลิ่นอายนี้เหมือนเขามาก…ผ่านมาหลายสิบปีแล้วแต่กลับไม่มีข่าวของเขาเลย…บางทีตาข้าคงแค่เลอะเลือน’ ปรมาจารย์ลั่วฟู่ดูเหมือนสงบลงได้
หวังหลินเห็นปรมาจารย์ลั่วฟู่เช่นกัน แต่เวลาเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นจึงไม่หยุดลงและก้าวครั้งที่สอง!
ก้าวครั้งที่สอง เขามาถึงใจกลางดาราจักรฟ้ากระจ่าง พื้นที่บริเวณนี้ค่อนข้างว่างเปล่าและรอยแยกที่ปรากฏขึ้นเหมือนกับเป็นรอยแผล
ราวกับมีสงครามครั้งใหญ่เกิดขึ้นที่นี่เมื่อหลายปีก่อน! การสู้รบรุนแรงมากจนทำให้อวกาศพังเสียหาย ซึ่งเพราะการพังเสียหายเหล่านี้จึงเกิดรอยแยกอวกาศขึ้นมากมาย ราวกับพื้นที่แถบนี้ถูกตัดขาดออกจากดาราจักรฟ้ากระจ่าง รอยแยกยังทำให้สัมผัสวิญญาณปกคลุมทั่วพื้นที่ได้ยากยิ่ง
เมื่อบวกกับระลอกคลื่นที่เต็มไปทั่วบริเวณ สัมผัสวิญญาณจึงไม่สามารถสัมผัสอะไรได้เลยจนไร้ประโยชน์!
กลิ่นคาวโลหิตจางๆ ล่องลอยอยู่แถบนี้ เผยให้เห็นถึงโศกนาฏกรรมที่เคยเกิดขึ้นที่นี่! หวังหลินจำได้ชัดว่าการสู้รบระหว่างทุกชั้นฟ้าและพันธมิตรเซียนไม่ได้รุนแรงขนาดนี้ มีอยู่คำตอบเดียวที่ทำให้มันเปลี่ยนไป!
‘ไม่รู้ว่าข้าใช้เวลาอยู่ในอสูรโลกันตร์นานแค่ไหน ข้าสงสัยว่ามีการต่อสู้กับดินแดนชั้นนอกขึ้นอีกกี่ครั้ง…ดินแดนเจ็ดสีควรจะถูกค้นพบและทำลายไปแล้ว…’ หวังหลินกำลังจะก้าวครั้งที่สาม แต่ก่อนที่เท้าจะย่างลงไป แววตาเย็นเยียบ มองออกไปไกล
ลำแสงสามสายทะยานเข้ามาไกลๆ คนที่อยู่ข้างหน้าเป็นเซียนดินแดนชั้นใน เขาเป็นชายชราใบหน้าซีดผู้กระอักโลหิตอยู่บ่อยครั้ง แต่สีหน้าท่าทางดุดัน
ด้านหลังเป็นเซียนดินแดนชั้นนอกสองคนที่มีอักขระกลางหน้าผากต่างกัน หนึ่งในนั้นมาจากเผ่านกกระจอกเพลิงและอีกหนึ่งมาจากเผ่าหมาป่าสวรรค์!
ทั้งสองมีสีหน้าดุดันและเผยเจตนาอันโหดเหี้ยม เซียนเผ่านกกระจอกเพลิงมีท่าทีเยาะเย้ยและสะบัดแขนขวา เปลวเพลิงพุ่งออกมาจากกลางหน้าผาก
“ปรมาจารย์จงเฉิน เจ้ามาที่นี่แล้วหลายครั้ง เจ้าคิดว่าที่นี่เป็นดินแดนชั้นในของเจ้าหรือ? เราปล่อยเจ้ารอดไปได้หลายครั้ง แต่ครั้งนี้เจ้าไปไหนไม่ได้แน่!”
เปลวเพลิงพุ่งเข้าหาชายชราอย่างบ้าคลั่ง ชายชราผู้นั้นคือปรมาจารย์จงเฉิน!
ปรมาจารย์จงเฉินแววตาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ฝ่ามือสร้างผนึกและสะบัดแขน เศษชิ้นส่วนแผ่นดินปรากฏขึ้นมาหลายสิบแผ่นและหมุนเป็นม่านป้องกั้น พวกมันปะทะเข้ากับทะเลเพลิง
เสียงดังปังสั่นสะเทือนและเกิดคลื่นกระแทก ปรมาจารย์จงเฉินกระอักโลหิต เขายืมแรงกระแทกพุ่งมาข้างหน้าทันที
เศษชิ้นส่วนด้านหลังเขาถูกทะเลเพลิงเผาไหม้ มีสามชิ้นที่พังทลาย ชิ้นที่เหลือติดตามปรมาจารย์จงเฉินมา
“ถ้าไม่ใช่เพราะท่านรองผู้แทนสภาราชันย์ อาจารย์เทียนจ้าวได้มีข้อตกลงกับดินแดนชั้นในเพื่อหยุดการต่อสู้ทั้งหมด เจ้าคิดหรือว่าดาราจักรฟ้ากระจ่างของเจ้าจะยังเป็นของดินแดนชั้นใน?!” สมาชิกเผ่าหมาป่าสวรรค์เผยท่าทีดูถูก เขาสะบัดแขนปรากฏเงาหมาป่าสีเขียวขนาดหลายพันฟุตขึ้นมา มันกระโจนใส่ปรมาจารย์จงเฉิน
เซียนสองคนจากดาราจักรโบราณต่างมีระดับทลายสวรรค์สูงสุดทั้งคู่ ซึ่งระดับเท่ากับปรมาจารย์จงเฉินตอนนี้ ความจริงแล้วที่ปรมาจารย์จงเฉินต่อสู้มาจนถึงตอนนี้ได้เป็นหลักฐานชี้ว่าทรงพลังแค่ไหน
ขณะที่หมาป่าเขียวเข้าประชิด ปรมาจารย์จงเฉินหันหน้ากลับไป กัดปลายลิ้นพ่นโลหิตใส่แผ่นดินหลายสิบแห่งด้านหลัง สีหน้าท่าทางเปลี่ยนเป็นดุดันและร้องตะโกน “ระเบิด!”
แผ่นดินหลายสิบแห่งระเบิดออกมาเกิดเสียงดังลั่นอย่างต่อเนื่อง สร้างพลังทำลายล้างอันทรงพลัง หมาป่าเขียวกรีดร้องโหยหวนและพังทลายไป
ทว่าขณะเดียวกันร่างกายของปรมาจารย์จงเฉินก็สั่นเทา เขาหน้าซีดและดิ้นรน
“เศษเดนเหล่าเซียนดินแดนชั้นนอก หากปรมาจารย์หงซานไม่ถูกขัง หากจ้าวเมฆาใต้ออกมาจากปิดด่านบ่มเพาะ หากจ้าวดินแดนปิดผนึกไม่หายตัวไป พวกเจ้าจะกล้าโอหังหรือ?”
เสียงของปรมาจารย์จงเฉินมีแต่ความโศกเศร้า ดวงตาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งดีเดือด เขารู้ว่าตราบใดที่เขาหนี สองคนนี้คงไม่ไล่ล่าเขาอีก เพราะเมื่อเขาออกไปจากที่นี่ จะไม่มีรอยแยกอวกาศมาผนึกการเคลื่อนไหวและเขาจะสามารถใช้บิดมิติได้ หากทั้งสองไล่ตามต่อคงต้องเป็นกังวล
ทว่าเขายังอยู่ห่างจากขอบด้านนอกเกินกว่าจะใช้บิดมิติได้ ปรมาจารย์จงเฉินกัดฟันและถอยด้วยกำลังทั้งหมด
เซียนเผ่านกกระจอกเพลิงและเซียนเผ่าหมาป่าสวรรค์ก้าวข้ามแรงกระแทกจากการพังทลาย ทั้งสองเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
“ไร้สาระ ช่างปรมาจารย์หงซานและจ้าวเมฆาใต้ไป แต่คนที่เรียกว่าจ้าวดินแดนปิดผนึกเล่า? เขาก็แค่โชคดีและยอมแพ้ต่อชีวิต เห็นได้ชัดว่าตายไปแล้ว แต่เจ้าก็แค่แสร้งทำเป็นว่าเขาหายตัวไป!” เซียนจากเผ่านกกระจอกเพลิงมีแววตาเกลียดชัง เขาพ่นลมหายใจเย็น แขนขวาสร้างผนึก วิหคเพลิงสีดำปรากฏขึ้นด้านหลังและส่งเสียงร้อง
“จ้าวดินแดนปิดผนึกได้ตายไปแล้ว พวกเจ้ารู้ดีมากกว่าเราอีก หากเขามีชีวิต ทำไมไม่ปรากฏตัวมาในการต่อสู้ครั้งที่สองและครั้งที่สามเล่า? ทำไมไม่ปรากฏตัวมาตอนที่ปรมาจารย์หงซานถูกจับ? จ้าวดินแดนปิดผนึก! มันก็แค่ชื่อจอมปลอม ในสายตาข้า มันเป็นแค่เด็กน้อย!” คำพูดจากเซียนเผ่าหมาป่าสวรรค์นั้นแหลมคมยิ่ง แขนขวาสร้างผนึก เส้นผมสีเขียวค่อยๆ ขยายไปทั่วทั้งแขนขวา
ปรมาจารย์จงเฉินมีสีหน้าหมองเศร้า พลางถอยร่นไปแต่ยังหัวเราะออกมา เขาชี้ใส่เซียนเผ่านกกระจอกเพลิง “ไร้สาระอะไรกัน? เขาฆ่าบรรพชนเผ่านกกระจอกเพลิงของเจ้าในชั่วพริบตา สังหารเซียนดินแดนชั้นนอกไปมากกว่าแสนคน! เจ้าได้ยินเสียงกรีดร้องก่อนตายของบรรพชนของเจ้าหรือไม่!?”
แววตาเซียนเผ่านกกระจอกเพลิงมีจิตสังหารเข้มข้น นี่เป็นความเจ็บปวดที่ทั้งเผ่านกกระจอกเพลิงกำลังทุกข์ทรมาน!
“และเจ้าจากเผ่าหมาป่าสวรรค์ บรรพชนเจ้าเป็นทาสรับใช้ของจ้าวดินแดนปิดผนึก แม้เขาจะหนีไป เจ้าเห็นวันที่เขาไม่กลัวหรือไม่เล่า? วันที่เขาไม่หวาดกลัวน่ะ?”
สีหน้าของเซียนเผ่าหมาป่าสวรรค์ถึงกับเปลี่ยนไปมหาศาล เส้นผมสีเขียวบนแขนยิ่งเติบโตมากขึ้นและไม่นานก็ปกคลุมร่างท่อนบน แขนขวาเปลี่ยนกลายเป็น หัวหมาป่ายักษ์ในทันที!
“ไปลงนรกตามจ้าวดินแดนปิดผนึกของเจ้าซะ!” สิ้นเสียงคำราม เซียนเผ่าหมาป่าสวรรค์โยนกำปั้นออกไป หมาป่าส่งเสียงร้องกึกก้อง แขนขวาทะยานกลายเป็น หมาป่ายักษ์พุ่งใส่ปรมาจารย์จงเฉิน
ขณะเดียวกันเซียนจากเผ่านกกระจอกเพลิงก็ร้องคำราม วิหคเพลิงสีดำส่งเสียงแหลม ทะเลเพลิงสีดำมหึมาล้อมรอบมันอยู่ มันพุ่งใส่ปรมาจารย์จงเฉินด้วยความเร็วอันน่าตกตะลึงพร้อมกับหมาป่ายักษ์
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที ปรมาจารย์จงเฉินเผยรอยยิ้มเวทนาและล้มเลิกความคิดหนีทั้งหมด แววตาผุดความบ้าคลั่งและระเบิดความจองหอง!
“ข้าไม่กลัวตาย!! ถ้าข้าตาย ข้าจะตายไปพร้อมกับพวกเจ้า!” เขาไม่ล่าถอยแต่หัวเราะอย่าบ้าคลั่ง เขากำลังจะเผาไหม้ตัวเองเพื่อระเบิดพลังออกมา!
วิหคเพลิงทมิฬพร้อมด้วยเพลิงมหึมา หมาป่ายักษ์มีกลิ่นอายสังหารเข้าประชิด เซียนเผ่านกกระจอกเพลิงและเผ่าหมาป่าสวรรค์เผยรอยยิ้มเหี้ยมโหด ทั้งสองจินตนาการถึงการตายของปรมาจารย์จงเฉินไว้แล้ว หากทำลายตัวเองคงไม่มีประโยชน์ที่จะผสานกำลังกัน
ทว่าในจังหวะนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าตกตะลึงขึ้น!
แขนขวาธรรมดากลับปรากฏขึ้นด้านหลังร่างปรมาจารย์จงเฉิน มันคว้าเขาไว้เบาๆ และดึงออกไป เปลวเพลิงทำลายบนร่างปรมาจารย์จงเฉินถูกดึงไปข้างๆ หลังจากนั้นไม่นาน ร่างสีขาวผู้หนึ่งพลันปรากฏตัว สีหน้าท่าทางมืดมน เขาหันมองขึ้นไปด้วยสายตาเรืองแสงสีทองแพรวพราว!
แสงสีทองสั่นสะเทือนสวรรค์ ยามที่มันปรากฏขึ้นมา มันส่องสว่างไปทั่วบริเวณราวกับโลกสีทอง!
“ไปซะ!” วินาทีที่แสงสีทองปรากฏขึ้นมา เสียงเย็นเยียบทำเอาเซียนดินแดนชั้นนอกสองคนถึงกับสติแตกกระเจิง!
สองคนคุ้นเคยกับเสียงนี้มาก มันเป็นเสียงแห่งฝันร้ายในความทรงจำ พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของคลื่นลูกที่สามและเสียงนี้คือต้นตอของความหวาดกลัวไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อได้เห็นร่างนั้นชัดเจน ฟางแห่งความหวังเส้นสุดท้ายถึงกับพังทลาย!
“จ้าวดินแดนปิดผนึก!!”
“จ…จ้าวดินแดนปิดผนึก!!!” น้ำเสียงบิดเบี้ยวไปเนื่องจากความหวาดกลัวเกินอธิบาย! เสียงแบบนี้ปรากฏขึ้นมาเฉพาะตอนที่พวกเขาหวาดกลัวจนความคิดพังทลายเท่านั้น!
“จ้าวดินแดนปิดผนึก หวังหลิน!” เสียงสุดท้ายเต็มไปด้วยความสุขเกินจินตนาการ เสียงนี้มาจากปรมาจารย์จงเฉินผู้ตกตะลึงอย่างไม่เชื่อสายตา!
“ข้ากลับมาแล้ว!”