1554. เต่าดำ
“ปรมาจารย์จงเฉิน เรื่องในอดีตไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด…” ปรมาจารย์จงซวนเต็มไปด้วยความสำนึกผิดและเศร้าโศกต่ออาจารย์ ขณะที่จากไปเขาหันกลับมามองปรมาจารย์จงเฉินด้วยสีหน้าซับซ้อน
ในหมู่ดาวไม่มีสายลม ถึงแม้จะมีก็คงเกิดขึ้นจากวิชาเซียน พายุที่ปรมาจารย์หลงผานสร้างขึ้นได้ทำลายแสงสีแดงและปลดปล่อยผนึกทั้งหมดจนดินแดนเจ็ดสีปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหวังหลินอย่างชัดเจน
ขณะที่แสงเจ็ดสีส่องประกายจากรอยแยก เสียงคำรามบ้าคลั่งดังออกมาจากภายใน ราวกับเสียงอสูรคำรามด้วยความกระหายเลือด
เมื่อได้ยินเสียงคำรามนี้ หวังหลินสงบนิ่งลง เขามองรอยแยกเจ็ดสีอย่างเงียบงัน สักพักจึงมองกลับไปที่ปรมาจารย์จงเฉิน
สายตาของปรมาจารย์จงเฉินยังคงจับจ้องไปยังตำแหน่งที่ปรมาจารย์จงซวนหายไป แววตาเกลียดชังรุนแรง
หวังหลินไม่รู้ความบาดหมางระหว่างปรมาจารย์จงเฉินและปรมาจารย์จงซวน อย่างไรก็ตามพอเห็นว่าปรมาจารย์จงเฉินทำทุกอย่างที่สามารถทำได้เข้าโจมตีใส่พันธมิตรเซียนหลังจากออกมาจากดาราจักรทุกชั้นฟ้า เห็นได้ชัดว่าความอาฆาตนี้ ลึกล้ำดั่งมหาสมุทร!
“ข้ามิอาจช่วยเจ้าเรื่องนี้ได้…” หวังหลินถอนหายใจ เขารู้ซึ้งถึงพลังแห่งความเกลียดชัง มันมากพอจะทำให้คนบ้าคลั่งได้
ปรมาจารย์จงเฉินขบคิดเงียบๆ ผ่านไปสักพักจึงถอนสายตา คำนับฝ่ามือให้ และเอ่ยเสียงเบา “เรื่องระหว่างผู้น้อยและปรมาจารย์จงซวนเป็นเรื่องส่วนตัว ท่านจ้าวดินแดนปิดผนึกไม่ต้องเป็นห่วง สถานการณ์โดยรวมสำคัญกว่า ผู้น้อยเข้าใจเรื่องนี้ดี…หากจบสงครามแล้วผู้น้อยตาย เรื่องนี้ก็จะจบเหมือนที่ข้าได้สิ้นชีวิต…”
“แต่หากในท้ายที่สุดเราทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ เมื่อนั้นจะถึงเวลาที่ผู้น้อยจะได้ ล้างแค้น!” ปรมาจารย์จงเฉินซ่อนความเกลียดชังในแววตา เขาอดทนมานานหลายปีและการรออีกนิดจะเป็นอะไรไป
เขาไม่มีวันลืมสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อตอนนั้น เดิมทีเขาเป็นสหายสนิทกับปรมาจารย์ จงซวน อีกทั้งเป็นเพราะปรมาจารย์จงซวนที่ทำให้เขาและคู่ฝึกเต๋าของเขาได้เข้าร่วมพันธมิตรเซียน
ทั้งสามคนมักจะสนทนาเต๋าอยู่บ่อยครั้ง เขาได้รับความรู้เชิงลึกของปรมาจารย์ จงซวนจนยอมเชื่อฟัง ปรมาจารย์จงซวนเป็นคนสุภาพอย่างยิ่ง ทั้งสองจึงเป็นสหายที่ดีต่อกัน ยามแรกความสัมพันธ์ราวกับน้ำใสๆ แต่ยิ่งเวลาผ่านไปจึงเสมือนกับ สุรารสเลิศ
อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้เปลี่ยนแปลงไปเพราะหนึ่งเรื่อง ปรมาจารย์จงเฉินมักจะตื่นจากการบ่มเพาะเนื่องจากความทรงจำที่ฉายย้อนไปเรื่อยๆ ทุกครั้งเขามักจะ กำหมัด ร้องคำรามด้วยความโกรธแค้นและความอัปยศ
เขาไม่อยากนึกถึงมันอีก แต่ความทรงจำได้ถูกฝังลึกไว้ในใจ กลายเป็นหนามในจิตใจ เป็นหนามที่ฝังลึกไว้ข้างในและเริ่มเน่า มันกัดกินเลือดเนื้อและกลายเป็นความเจ็บปวดไปตลอดกาล!
หวังหลินถอนหายใจและส่ายศีรษะ “หากเจ้าดูดซับพลังจากมังกรทมิฬเพลิงนรกานต์ มันจะเป็นประโยชน์ต่อเจ้ามหาศาล ตอนนี้ข้าจะเข้าไปในดินแดนเจ็ดสี มันเต็มไปด้วยอันตราย ดังนั้นเจ้าไม่ต้องติดตาม…”
ปรมาจารย์จงเฉินพยักหน้าและเอ่ยคำลากับหวังหลินก่อนจะจากไป เขาดูคอตกเล็กน้อยและช่วยอะไรไม่ได้ รอบๆ ตัวมีความโดดเดี่ยวอยู่เบาบาง
จนกระทั่งปรมาจารย์จงเฉินจากไปแล้วหวังหลินจึงถอนสายตา ความเกลียดชังระหว่างปรมาจารย์จงเฉินและปรมาจารย์จงซวนเห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องส่วนตัว หวังหลินไม่อยากคาดเดา
แม้เรื่องราวเหล่านั้นจะถูกฝังไปตามกาลเวลา มันยังคงเจ็บปวด เหมือนกับสายน้ำที่ไหลออกจากฝ่ามือ แม้จะหมดไปแล้ว ความเย็นยังคงอยู่ดีถึงแม้ร่างกายจะอบอุ่น ก็ตาม…
หวังหลินก้าวเข้าหาดินแดนเจ็ดสี ความเร็วไม่ได้มากมายนัก แต่ละก้าวเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ไม่หันเหหรือลังเลอันใด เพียงแค่สามก้าวเขาก็เข้าสู่ดินแดนเจ็ดสีแห่งที่สองในชีวิตแล้ว!
แสงเจ็ดสีเต็มไปทั่วโลกและสะท้อนอยู่บนพื้น เพียงชำเลืองสายตามอง มันแพรวพราวยิ่งและทำให้มึนงงได้ง่ายๆ
แสงทั้งเจ็ดสีเสมือนเป็นสายรุ้ง!
หวังหลินลอยอยู่ในท้องฟ้าของดินแดนเจ็ดสีและสังเกตการณ์ ที่นี่ไม่เหมือนกับดินแดนเจ็ดสีที่หวังหลินเคยเข้าไปครั้งก่อน แม้จะมีภูเขาอยู่ทุกที่แต่ดูเหมือนจะก่อตัวเป็นค่ายกลขนาดใหญ่!
ค่ายกลแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นจากภูเขาเกือบแสนลูกจนเปล่งกลิ่นอายทรงพลัง
ภูเขาทุกลูกเป็นส่วนหนึ่งของค่ายกล ยิ่งลึกเข้าไปในภูเขายิ่งมีความสูงส่งมากยิ่งขึ้น ภูเขาที่อยู่ในส่วนลึกที่สุดมียอดเขาสูงทะลุฟ้า ห่อหุ้มด้วยก้อนเมฆเจ็ดสี ครึ่งภูเขาเผยตัวเองออกมานอกก้อนเมฆเจ็ดสี
สิ่งที่น่าตกตะลึงขึ้นก็คือภูเขาทั้งหมดหนึ่งแสนลูก แต่ละแห่งมีเซียนนั่งอยู่บนยอดเขาหนึ่งคน
พวกเขาไม่ได้บ่มเพาะแต่ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด! เสียงร้องผสานกันกลายเป็นเสียงร่ำไห้ดังกึกก้องไปทั่วฟ้าดิน!
เสียงโหยหวนไม่อาจดังไปถึงด้านนอกดินแดนเจ็ดสี แต่มันตรงเข้าสู่จิตใจคนที่อยู่ข้างใน เสียงร้องของคนนับแสนกำลังดิ้นรน มันทรงพลังจนสั่นสะเทือนโลกใบนี้
เซียนทุกคนมีหนามแหลมคมนับไม่ถ้วนแทงใส่ร่างกาย พวกเขาดูไม่เหมือนเซียนเลย แต่เหมือนถูกตรึงอยู่ที่นี่ด้วยหนามแหลม!
เซียนทุกคนเงยศีรษะขึ้นมา เบ้าตากลวงมองไปยังท้องฟ้าและส่งเสียงร้องอย่างไม่มีสติ
โลหิตสดๆไหลเจิ่งนองออกมาจากเหล่าเซียนจนไหลลงภูเขา ราวกับมันไม่เคยแห้งเหือด
โลหิตไม่ได้มากนัก เพราะหนึ่งคนต่อหนึ่งภูเขา จำนวนโลหิตจึงเทียบไม่ได้กับความใหญ่โตของภูเขา…อย่างไรก็ตามไม่มีสิ่งใดจะเทียบกับกาลเวลาได้ โลหิตเหล่านี้ไหลอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี…คงต้องใช้เวลานานมากสำหรับเซียนที่ถูกจองจำไว้ที่นี่โดยไม่ได้ตาย ร่างกายยังต้องสร้างโลหิตขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง…
ภูเขาแต่ละลูกมีควันสีแดงโผล่ออกมาพุ่งใส่ภูเขาที่สูงที่สุดภายในก้อนเมฆเจ็ดสี
ภูเขาหนึ่งแสนลูก เซียนหนึ่งแสนคน!
ครึ่งหนึ่งเป็นเซียนที่มีอักขระกลางหน้าผาก เห็นได้ชัดว่าเป็นเซียนจากดินแดนชั้นนอก! อีกครึ่งดูเหมือนจะมาจากพันธมิตรเซียน ไม่รู้ว่าพวกเขาดิ้นรนอยู่ที่นี่นาน แค่ไหน
กลิ่นคาวโลหิตเต็มไปทั่วดินแดนและดูเหมือนผสานเข้ากับแสงเจ็ดสีจนทำให้ แสงอันงดงามทั้งเจ็ดกลายเป็นความน่ากลัว
ระหว่างภูเขาแสนลูกมีร่างเงาดุจภูตผีลอยอยู่ พวกมันพึมพำออกมาจากปาก
ภายในภูเขาแสนลูกมีร่างศพเดินอยู่ด้วยความสับสน เสื้อผ้าแต่ละตนฉีกขาด ดวงตาเป็นสีเทา
หวังหลินมองทุกอย่างเบื้องหน้าอย่างเงียบงัน หลังจากผ่านไปสักพักจึงค่อยๆ ก้าวเดินไปข้างหน้าและเข้าสู่ภูเขาหนึ่งแสนลูก ขณะที่ก้าวเข้าไป เขตอาคมภายในภูเขาหนึ่งแสนลูกดูเหมือนจะกระตุ้นขึ้นมา จากนั้นเสียงโหยหวนคล้ายหยุดชะงักลง
เดิมทีสายตาของเซียนทุกคนบนภูเขากำลังมองท้องฟ้า ทันใดนั้นหันมาหาหวังหลิน! พวกเขาไม่โหยหวนแล้วแต่สายตาสับสนพวกนั้นจ้องมองหวังหลินด้วยความอาฆาต!
หวังหลินดวงตาส่องสว่าง ฝ่าเท้าหยุดชะงักไปหนึ่งจังหวะ
ขณะเดียวกัน เหล่าผู้รู้แจ้งจำนวนหนึ่งท่ามกลางภูเขาหนึ่งแสนลูกก็ได้หยุดพึมพำ ดวงตากลวงโบ๋จ้องมาที่หวังหลิน
ราวกับการปรากฏตัวของหวังหลินได้ทำลายสมดุลที่นี่ ราวกับมีคนที่มีชีวิตผุดขึ้นมาท่ามกลางความตาย การเข้ามาของเขาทำให้เซียนที่ตายทั้งหมดที่นี่สัมผัสได้
“โลหิต…โลหิต…” ในความเงียบงันนี้ค่อยๆ ผุดเสียงสะอื้นหนึ่งขึ้นมา มันดังออกมาจากภูเขาลูกที่ใกล้หวังหลินที่สุด ออกมาจากปากของเซียนดินแดนชั้นนอกผู้หนึ่ง
เมื่อเสียงนี้ปรากฏ เสียงสะอื้นแห่งอื่นปรากฏขึ้น เซียนทั้งหมดกล่าวแบบเดียวกัน!
“โลหิต…โลหิต…” เหล่าเซียนแสนคนทั้งหมดมีแววตาแดงฉาน พวกเขาจ้อง หวังหลินอย่างไม่มีสติและส่งเสียงกรีดร้องออกมาจากปาก
วินาทีนั้น หนึ่งในเซียนบนยอดเขากระอักโลหิตออกมา หมอกโลหิตแผ่กระจายและกลายเป็นเงานับไม่ถ้วนภายในหมอกโลหิต
หลังจากนั้นไม่นานเหล่าเซียนกระอักโลหิตออกมายิ่งขึ้น หมอกโลหิตเต็มไปทั่วท้องฟ้าเหนือภูเขานับแสนและรวมตัวกัน
หวังหลินกะพริบแววตาเย็นเยียบ เขาก้าวไปข้างหน้าโดยไม่มีความลังเล ความเร็วมากพอจนทำลายอวกาศ หวังหลินพุ่งตรงไปจนเกิดเสียงดังลั่นกึกก้อง
ก่อนที่หมอกโลหิตจะผสานกันได้อย่างสมบูรณ์ หวังหลินพุ่งออกมาค่อนข้างไกลแล้ว เขาพุ่งเข้าหาส่วนลึกของเทือกเขา เข้าหายอดเขาที่สูงที่สุด
พริบตาเดียวหวังหลินก็ไปถึง เมื่อเข้าไปใกล้ เขาได้เห็นฉากเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องอ้าปากค้าง!
ตรงจุดนี้เขามองเห็นได้ชัดเจนว่าภูเขาแสนลูกนั้นไม่ได้เชื่อมต่อกับพื้นดินแต่ได้ถูกจับเอาไว้โดยเต่าดำที่กลายเป็นหิน ภูเขาแสนลูกอยู่บนหลังของเต่าดำตัวนี้!
กล่าวได้ว่าภูเขาแสนลูกไม่ใช่ภูเขาเลยแต่เป็นหนามที่โผล่ออกมาจากเต่าดำ!
เต่าดำตัวใหญ่มากจนเต็มไปทั้งดินแดนเจ็ดสี ตรงหัวของเต่าดำมีชายวัยกลางคนนั่งอยู่ แต่ร่างกายเปล่งกลิ่นอายโบราณ ยามที่นั่งตรงนั้นเขากลับไม่มีร่องรอยแห่งชีวิต
ร่างกายดูเหมือนจะเชื่อมต่อกับเต่าดำ ศีรษะมีหนามขนาดสามนิ้วงอกออกมา หากมองใกล้ๆ คงจะเห็นได้ว่าหนามนั้นแทงทะลุผ่านร่างกายเขาจนโผล่ออกมา สามนิ้ว!