1568. จัดการเป็นทาส
น้ำเสียงเย็นเยียบเสมือนสายลมหนาวเหน็บพัดผ่านมาจากด้านหลัง เมื่อเข้าสู่หูของหลิวจินเปียว รูม่านตาหรี่แคบและแข็งค้างอยู่ตรงนั้น ความคิดขาวโพลน
เขาตัวสั่นและหันกลับมาโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่เห็นแทบจะคิดอะไรไม่ออกและคุกเข่าลง ใบหน้าซีดเซียวและกระอักโลหิตออกมา คราวนี้เป็นโลหิตจริงๆ และหวาดกลัวสุดขีด!
ไม่ว่าเขาจะเก่งด้านการหลอกลวงแค่ไหนก็ไม่สามารถคิดอะไรได้ เขาตัวสั่นและต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่ภายใต้สายตาของหวังหลิน ความคิดสั่นสะท้านและรู้สึกเหมือนร่างกำลังฉีกขาด สายตานั้นแทงทะลุผ่านร่างและวิญญาณดั้งเดิมเสมือนเป็นกระบี่ ราวกับหวังหลินเพียงแค่คิดก็สังหารเขาได้แล้ว
สายตาน่าหวาดกลัวคู่นั้นแฝงจิตสังหารที่ทำให้หลิวจินเปียวรู้สึกด้านชา เขาหวาดกลัวจนเป็นใบ้และมิอาจเอ่ยอะไรออกมาได้ เขาทำได้แค่คุกเข่าและ โขกคำนับหลายหน แม้หน้าผากจะมีโลหิตไหลนอง เขาก็ไม่สน
ฉวี่ลี่กั๋วยังคงกรีดร้องโหยหวนและภูมิใจ แต่พอได้ยินเสียงนี้จึงตัวสั่นเทา เขาคุ้นเคยกับเสียงนี้มาก มากถึงมากที่สุด มันเป็นเสียงของอสูรร้ายที่เขาหวาดกลัว!
น้ำเสียงโกรธเกรี้ยวและเยือกเย็นนี้ทำให้ร่างวิญญาณของฉวี่ลี่กั๋วแทบสูญสลาย ความคิดสั่นสะท้าน ใบหน้าซีดขาว กระบี่ในร่างกายพังทลาย คราวนี้เขาดูไร้ จิตวิญญาณเข้าแล้วจริงๆ พอหันกลับมาจึงได้เห็นสายตาเยือกเย็นของหวังหลิน
สายตานี้แทบทำให้เขาสลบ ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างหาที่สุดไม่ได้
“น…นายท่าน!!!” ฉวี่ลี่กั๋วแข็งค้างและกรีดร้องโหยหวน เสียงสั่นสะเทือนจิตวิญญาณและถ่ายทอดความหวาดกลัวออกมาได้สมบูรณ์แบบ
“นายท่านโปรดเมตตา นายท่านฟังข้าก่อน เรื่องนี้ไม่ใช่อย่างที่ท่านเห็น เรื่องนี้…” ฉวี่ลี่กั๋วติดตามหวังหลินมานาน แม้จะหวาดกลัวแต่ก็ยังพอจะพูดได้บ้าง ซึ่งดีกว่า หลิวจินเปียวมากนัก แม้เสียงสั่นเครือแต่ดูเหมือนต้องการกอดขาหวังหลินและ อ้อนวอนขอชีวิต
การเปลี่ยนแปลงฉับพลันนี้ทำให้เซียนที่เหลือตกตะลึง เซียนมากกว่าสิบคนหันกลับมามองหวังหลิน พอได้เห็นหวังหลิน พวกเขารู้สึกว่าสายตาเยือกเย็นนั้นสามารถมองทะลุเข้ามาได้และทำให้ความคิดสั่นสะเทือน ทั้งหมดกระอักโลหิตและมีแต่สายตาหวาดกลัว
เซียนสตรีเองก็หน้าซีดเช่นกันและกระอักโลหิตจนนางต้องถอยไปหลายก้าว แววตาตื่นตระหนกขีดสุด นางไม่รู้ว่าคนมาใหม่ผู้นี้เป็นใคร แต่แรงกดดันที่เขาปลดปล่อยออกมาแทบทำให้นางแตกดับ แม้แต่อาจารย์ของนางและเซียนทรงพลังที่นางเคยเจอยังเหมือนเป็นแค่มดแมลงเบื้องหน้าคนผู้นี้
“ท่าน…ท่านเป็นใคร?!” นางถอยร่นและตัวสั่น แม้แต่คำพูดและสีหน้ายังบิดเบี้ยวจากความหวาดกลัวภายใต้แรงกดดัน
ไม่เพียงแค่นางเท่านั้นแต่เกือบทุกคนรู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่ด้านหน้าพายุ พายุลูกนี้เชื่อมต่อกับโลกและมีพลังทำลายทุกชีวิต พวกเขาเป็นแค่คนตัวเล็กๆ เบื้องหน้าพายุ แค่สัมผัสก็คงตายแล้ว
ชายหนุ่มชุดดำนามว่าฟ่านฮั่วกำลังยืนอยู่ไกลๆ โลหิตไหลย้อนออกมาจากมุมปาก ทว่าเขามองหวังหลินด้วยสายตาเหม่อลอยก่อนจะเผยความตื่นเต้น เขาดูเหมือนจะจำหวังหลินได้แต่ยังไม่เชื่อสิ่งที่เห็น
เหลียนต้าวเฟยเป็นคนที่เจอแรงกดดันน้อยที่สุด พอเขาเห็นหวังหลิน หยาดน้ำตาผุดขึ้นมาและพุ่งเข้าหาหวังหลินและเริ่มร้องไห้
“พวกมันกลั่นแกล้งข้า!! เห็นได้ชัดว่าข้าไม่ได้ทำอะไรเลย ข้าแค่ถามว่าน้องสาวคนนั้นชื่ออะไร ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย ฉวี่ลี่กั๋วเล่าให้ข้าฟังว่าข้าจะสนุกมากถ้าได้ทำสิ่งนี้สิ่งนั้น แต่ก่อนที่ข้าจะได้ทำ คนพวกนี้ก็เข้ามา ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย…” เหลียนต้าวเฟยรู้สึกผิดจนในที่สุดก็เริ่มร้องไห้
ฉวี่ลี่กั๋วจิตใจสั่นเทาเมื่อได้ยินแบบนี้ เขาไม่กล้าขยับไปข้างหน้าภายใต้สายตาไม่แยแสของหวังหลิน ขณะที่กำลังจะเอ่ยขึ้นมา หวังหลินชี้นิ้วไปข้างหน้า
เพียงการชี้นิ้วครั้งนี้ ฉวี่ลี่กั๋วพ่นแกนพลังปราณจำนวนมากออกมา ร่างกายเปลี่ยนเป็นโปร่งใส จากนั้นลอยกลับมากระแทกใส่ผนังหิน แสงเขตอาคมกะพริบวาบทำให้เขาปล่อยเสียงกรีดร้องโหยหวนพลางกระโจนออกไป
การชี้นิ้วครั้งนี้ทำให้ฉวี่ลี่กั๋วสูญเสียระดับบ่มเพาะไปสามในสิบส่วนจนร่างวิญญาณแทบแตกสลาย ความเจ็บปวดเข้าถาโถมจนต้องกรีดร้อง
ครั้งนี้เขาหวาดกลัวอย่างสิ้นเชิง เขาติดตามหวังหลินมาหลายปีและรู้ว่าหวังหลินโหดเหี้ยมแค่ไหน ไม่เช่นนั้นการเรียกหวังหลินว่า “อสูรร้าย” คงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ!
“นายท่าน นายท่าน!! ข้าทำคุณงามความดีอันยิ่งใหญ่แก่นายท่าน!! ข้าหลั่งโลหิตเพื่อนายท่าน!! นายท่าน ท่านจำเรื่องบรรพชนเผ่ามารยักษ์บนดาวซูซาคุได้หรือไม่ นายท่านจำได้หรือไม่…” ฉวี่ลี่กั๋วกรีดร้องและร่ายยาวทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำไปเพื่อ หวังหลิน
เขากลัวว่าหากสายไป เขาคงไม่มีโอกาสได้พูดอีกครั้ง
“ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องทั้งหมดพวกนั้น นิ้วที่ชี้ครั้งนี้คงไม่แค่สลายระดับบ่มเพาะของเจ้าสามในสิบส่วน มันคงสังหารเจ้าไปแล้ว!” หวังหลินสายตาเย็นเยียบ เขาเป็น หนี้บุญคุณเหลียนต้าวเฟย แต่ฉวี่ลี่กั๋วกล้าขัดคำสั่ง! ตามที่เขาพูด ถ้าไม่ใช่เพราะ ฉวี่ลี่กั๋วติดตามเขามานาน หวังหลินคงสังหารฉวี่ลี่กั๋วไปแล้ว
สายตากวาดไปทางหลิวจินเปียวที่กำลังโขกคำนับไม่หยุด จิตสังหารกะพริบวาบ
“โลกเปลี่ยนแปลงได้ง่ายดาย แต่นิสัยคนเปลี่ยนแปลงได้ยากยิ่ง หลิวจินเปียว เจ้าทำให้ข้าผิดหวัง! เจ้าทำคุณงามความดีอันยิ่งใหญ่เอาไว้ในเผ่านกกระจอกเพลิงและข้าสัญญาว่าจะปล่อยเจ้าไป ข้าวางแผนจะมอบโชควาสนาให้เจ้าเป็นของขวัญที่ ดูแลเขา…” หวังหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาดุจสายลมกวาดไปทั่วบริเวณ ร่างของหลิวจินเปียวสั่นเทา กระแทกหน้าผากบนพื้นเพื่อโขกคำนับเร็วยิ่งขึ้น
หวังหลินมองดูหลิวจินเปียว ชี้ไปข้างหน้าทำให้สายลมกรรโชกร่อนใส่ร่างหลิวจินเปียว หลิวจินเปียวตัวสั่น กระอักโลหิตก่อนจะกระเด็นออกไปหลายสิบฟุต
“เจ้าทำคุณงามความดีไว้ใหญ่โต เรื่องนั้นข้ายังนับ แต่ข้าจะไม่มอบโชควาสนาแก่เจ้าในครั้งนี้ เจ้าลืมเรื่องเป็นอิสระไปได้เลย เจ้าจะกลายเป็นทาสรับใช้ข้าไปอีกพันปี!” พอได้ยินคำพูดหวังหลิน หลิวจินเปียวถึงกับเผยรอยยิ้มขมขื่นแต่ก็ถอนหายใจอย่าง โล่งอก เขายอมรับการลงโทษนี้
“จ้าวดินแดนปิดผนึก!!! ท่านคือจ้าวดินแดนปิดผนึก!!!” ฟ่านฮั่วตื่นเต้นจนโพล่งออกมา ก่อนหน้านี้เขาไม่มั่นใจแต่เมื่อได้ยินหวังหลินพูดเรื่องดาวซูซาคุและ เผ่านกกระจอกเพลิง เขาจึงมั่นใจ ก้าวเดินไปหาหวังหลินอย่างตื่นเต้นและโค้งตัวให้
เมื่อเอ่ยเช่นนั้น เซียนรอบด้านไม่เชื่อสายตาและตื่นเต้นทันที ทั้งหมดคำนับฝ่ามือและโค้งตัวให้
“ขอคารวะ ท่านจ้าวดินแดนปิดผนึก!!”
เซียนสตรีตกตะลึงไปชั่วขณะก่อนจะคำนับฝ่ามือเหมือนทุกคน นางเชื่อคำพูดของฟ่านฮั่ว มีเพียงจ้าวดินแดนปิดผนึกเท่านั้นจึงจะเปล่งแรงกดดันน่ากลัวขนาดนี้ได้
หวังหลินมองชายหนุ่มชุดดำด้วยสายตาแบบเดียวกันและเอ่ยขึ้น
“เจ้าเคยเห็นข้ามาก่อนหรือ?”
ชายหนุ่มตื่นเต้นยิ่ง รีบก้าวเข้ามาและเอ่ยอย่างเคารพ “ผู้น้อยอาศัยอยู่ในดาราจักรทุกชั้นฟ้าอยู่ช่วงหนึ่งและอยู่ในการรบครั้งแรกที่ทะเลเมฆา ผู้น้อยอยู่ท่ามกลางกองทัพของทุกชั้นฟ้าและเห็นจ้าวดินแดนปิดผนึกอยู่ไกลลิบ อีกทั้งผู้น้อยได้รับ หินหยกจากทะเลเมฆา จึงพอมีภาพความคิดเรื่องรูปลักษณ์ของท่านอยู่บ้าง”
หลังเอ่ยขึ้น เขามองเหลียนต้าวเฟยด้านหลังหวังหลินและดูละอายใจ เขาอยากจะอธิบายออกมาแต่ท้ายที่สุดก็พบว่ายากจะเอ่ยออกมาได้
หวังหลินขบคิดเงียบๆ และมองดูเหล่าเซียนในถ้ำอย่างเย็นชา สายตาส่งแรงกดดันจำนวนมากใส่เซียนเหล่านี้ ทั้งหมดต่างก้มหน้า ละอายใจและไม่กล้าเอ่ยปาก
“เรื่องนี้อย่าให้เกิดซ้ำสอง!” หวังหลินสะบัดแขนเสื้อ นำพาฉวี่ลี่กั๋ว หลิวจินเปียวและเหลียนต้าวเฟยเข้าไปในระลอกคลื่นและทั้งหมดหายตัวไป
เมื่อเขาจากไปแล้ว เซียนในถ้ำจึงกล้าเงยหน้า แผ่นหลังทุกคนชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นเฉียบและมองหน้ากันเอง หัวใจเต้นเร็วดุจรัวกลอง
“เค่อหนี่! หากเจ้าไม่บังคับข้า เราคงไม่โดนจ้าวดินแดนปิดผนึกดูถูกหรอก เจ้า…โถ่! ข้าโดนด่าว่ากลายเป็นคนโลภก็เพราะคำพูดของฉวี่ลี่กั๋ว เพราะไปทำเรื่องหลอกลวงคนบ้านั่น…” ฟ่านฮั่วดูละอายใจยิ่งพลางมองตำแหน่งที่หวังหลินหายตัวไป
หวังหลินเป็นคนที่เขาเคารพและฝันว่าจะได้เจอจ้าวแห่งดินแดนปิดผนึกสักครั้ง แต่ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะเป็นจริงภายใต้สถานการณ์เช่นนี้…
เซียนสตรีรู้สึกละอายใจเช่นกันและกัดฟันแน่น “ทั้งหมดเป็นเพราะความผิดของฉวี่ลี่กั๋วนั่น…หากข้าเจออีกครั้ง ข้าจะต้องให้มันจ่ายคืนเรื่องนี้อย่างแน่นอน!”
หวังหลินก้าวเดินไปข้างหน้าท่ามกลางดวงดาวอย่างช้าๆ หลิวจินเปียวและฉวี่ลี่กั๋วถูกเก็บไว้ในมิติเก็บของ โลหิตสีทองส่วนใหญ่ที่ทั้งสองได้มาถูกหวังหลินริบไป
เหลียนต้าวเฟยยังดูรู้สึกผิดและพูดจ้ออยู่ด้านหลังหวังหลินไม่หยุด เรื่องนี้ได้ทิ้งความประทับใจอันลึกซึ้งแก่เหลียนต้าวเฟย
“จิตใจมนุษย์ช่างน่ากลัว จิตใจมนุษย์ช่างน่ากลัว อาา…หินวิญญาณและเหรียญเงิน ก็สำคัญมาก ในอนาคตหากข้าได้หินวิญญาณหรือเหรียญเงินมา ข้าต้องใช้มันอย่างระมัดระวังและไม่ประมาท…ใช้อย่างไม่ประมาท…ใช้อย่างไม่ประมาท…”
แม้แต่หวังหลินก็ไม่คาดว่าประสบการณ์ครั้งนี้จะเปลี่ยนนิสัยของเหลียนต้าวเฟยไปเล็กน้อย เมื่อเขามีหินวิญญาณและเหรียญเงิน ความขี้เหนียวของเขาคงทำให้ทุกคนตกตะลึง!
พอฟังเหลียนต้าวเฟยพูดเรื่อยเปื่อยอยู่ด้านหลัง หวังหลินค่อยๆ สงบนิ่งลง เขามองกลับไปที่เหลียนต้าวเฟย โดยเฉพาะเรื่องการพูดคุย เขาช่างดูเหมือนคนบางคนเสียจริง…
คนที่เขาพบครั้งเดียวในดินแดนชั้นนอกและแทบจะลืมไปเกือบหมดสิ้น
หวังหลินส่ายศีรษะและยิ้มขึ้นมา เขารู้สึกว่าความคิดหลายอย่างค่อนข้างไร้สาระ หวังหลินไม่คิดเรื่องนี้อีกและค่อยๆ เดินทางไปที่ดาวซูซาคุ