Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1587

Cover Renegade Immortal 1

1587. สิ้นสุดความเมตตา

ตอนที่เงาโลหิตพุ่งออกไปจากบ่อ ในผนึกปรากฏหลุมยักษ์ขึ้นมา

พอหลุมปรากฏ โลกไร้ขอบเขตเริ่มสั่นเทา รอยแตกราวจำนวนมากแผ่กระจายโดยมีหลุมอยู่ตรงกลาง มองไกลๆ ช่างเป็นภาพที่น่าตกตะลึงยิ่ง

ขณะที่ในท้องฟ้าปรากฏรอยแตกร้าว บนผิวน้ำจึงปรากฏรอยแตกร้าวขึ้นนับไม่ถ้วน ทั่วทั้งโลกสั่นสะเทือนรุนแรงราวกับกำลังแตกสลาย

จ้าววิญญาณสีชาดไม่ได้มองลงไปเลย หลังจากทะลวงเปิดหลุมในท้องฟ้าขึ้นมา เขาจึงหัวเราะขณะจากไป

“เด็กน้อย เจ้ามีกลิ่นอายบัญชาโบราณอยู่ด้วย ข้าควรจะสังหารเจ้าซะ แต่ในเมื่อเจ้าปลดปล่อยข้า เรื่องนี้ถือว่าหายกัน ฮ่าฮ่า ในที่สุดข้าก็เป็นอิสระ!!” เสียงของ จ้าววิญญาณสีชาดดังกึกก้องและไม่มีใครหยุดเขาไม่ให้หนีได้ แม้แต่ราชันย์ยังมีสีหน้าเคร่งเครียดขณะจ้องมองจ้าววิญญาณสีชาดค่อยๆ หายไป

จ้าววิญญาณสีชาดไม่สามารถควบคุมได้นั่นเป็นสิ่งที่หวังหลินคาดคิดเอาไว้ แต่เขายังรู้สึกเสียใจ กระนั้นสภาวะฉุกเฉินนี้ได้ขจัดอันตรายที่ราชันย์ยื่นมือเข้าหาโลหิต สีทองที่อยู่ด้านบนหวังหลินไปได้

เขาได้ทำลายผนึกไปได้ ดังนั้นหวังหลินจึงเคลื่อนร่างได้อิสระอีกครั้ง

หวังหลินรีบยกแขนขึ้นมาคว้าโลหิตด้านบน หยดโลหิตนี้บริสุทธิ์ยิ่งและเป็นสายโลหิตเทพของเขา ดังนั้นจึงไม่สามารถเก็บในมิติเก็บของได้ เขาถือมันไว้ในมือพลางพุ่งไปหาหลุมในท้องฟ้า

‘หากข้าออกไปจากที่นี่ ข้าจะสามารถรอดชีวิตจากหายนะแห่งชีวิตและความตายไปได้!! ตอนนี้มีหลุมเปิดขึ้นมาแล้ว กลิ่นอายจะรั่วไหลออกไปและเซียนขั้นที่สามทั้งหมดในดินแดนชั้นในจะรับรู้ได้!!’ หวังหลินพุ่งเข้าหาหลุมในท้องฟ้าด้วยแววตาบ้าคลั่ง

กฎแห่งต้นกำเนิดและวิชาตกจันทราในบ่อน้ำของราชันย์ถูกใช้ออกไปเพื่อแยกโลหิตเทพของหวังหลิน เป้าหมายของเขาคือการได้หยดโลหิตเทพมาครอบครอง แม้หวังหลินไม่ยอมนำมันออกมา ราชันย์ก็มีวิธีของตัวเองในการได้สิ่งที่ต้องการ

แต่เพราะจ้าววิญญาณสีชาดพุ่งออกไป เขาจึงถูกดันกลับไปหลายร้อยฟุต แม้จะดูไม่เป็นอันตราย แต่ร่างดั้งเดิมของเขากระอักโลหิตออกมาสองคำ

คำแรกโผล่ออกมาตอนที่เขาคว้าเกาทัณฑ์!

หลังจากโดนผลักให้ถอยไป เขาจึงสูญเสียโอกาสได้โลหิตมา ส่งผลให้เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแย่สำหรับหวังหลิน ร่างเทพและร่างบัญชาโบราณของเขาไม่ได้ผสานกันและ พลังต่อต้านเป็นเสมือนคมมีดที่แขวนไว้เหนือศีรษะ เขาตกอยู่ในอันตรายมากขณะที่ร่างกายพังทลายอย่างต่อเนื่อง

แต่ในตอนนี้พลังทั้งสองถูกราชันย์แยกออกจากกัน ทำให้ขจัดปัญหาเรื่องพลังต่อต้านไปได้ คมมีดเหนือศีรษะของเขาจึงหายไป

หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตมักจะเป็นแบบนี้ สูญเสียไปแต่ก็ได้รับสิ่งใหม่ด้วย!

หวังหลินสูญเสียร่างเทพและโลหิตเทพ แต่ขณะเดียวกันร่างกายเขากลับคืนเป็นเทพโบราณ พลังฟื้นตัวอันทรงพลังกลับคืนมา อวัยวะภายในทั้งห้าที่สูญเสียไปเริ่มปรากฏ อาการบาดเจ็บกำลังฟื้นคืนอย่างรวดเร็ว

วิญญาณดั้งเดิมปรากฏขึ้นในร่างกาย แม้จะอ่อนแอแต่ไม่มีความเจ็บปวดรุนแรงแล้ว เขาทั้งรู้สึกผ่อนคลายยิ่งอีกด้วย

ขณะเดียวกันโลหิตสีทองที่ควบแน่นมาจากร่างเทพของเขาก็ไม่ได้ถูกราชันย์แย่งชิงไปและตกอยู่ในมือหวังหลิน หากเขารอดชีวิตไปได้จะไม่พยายามฝืนผสานมัน การทำเช่นนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ราวกับเป็นพิษรุนแรงจนเกิดผลลัพธ์เดียวคือความตายเท่านั้น!

หวังหลินคงเลือกจะหลอมมันเป็นสมบัติ สมบัติร่างเทพอมตะ! จากนั้นเขาก็จะผสานสมบัตินี้เข้าไปในร่างเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเรื่องพลังต่อต้านและยังใช้พลังของมันได้!

ตอนที่หวังหลินได้รับโชควาสนานี้มาจากเหลียนต้าวเฟย เขาไม่มีทางเลือกและถูกบังคับให้ดูดซับ หากเขาเลือกได้คงไม่พยายามผสานพลังเทพและพลังบัญชาโบราณด้วยระดับบ่มเพาะในปัจจุบัน แม้แต่ในโลกของเหลียนต้าวเฟยก็ไม่มีใครลองอยู่ดี

ผลลัพธ์ของการฝืนพยายามคงมีแต่ความตายเท่านั้น!

กระนั้นหายนะแห่งชีวิตและความตายที่ราชันย์นำมามอบให้แก่หวังหลินได้ถูกขจัดไป หายนะก็คือหายนะ แต่มันยังเป็นโชคอันมหาศาลอีกด้วย!

ความคิดหลายอย่างเหล่านี้แล่นผ่านในใจหวังหลินขณะที่เขาพุ่งทะยานเข้าหาหลุม ในท้องฟ้า

วินาทีที่หลุมปรากฏขึ้น กลิ่นอายทั้งหมดข้างในจึงระเบิดออกมาด้านนอก

โลกที่ซ่อนเอาไว้เดิมทีจึงไม่สามารถซ่อนได้อีกแล้วเมื่อมีหลุมเกิดขึ้น เหล่าเซียนขั้นที่สามหลายคนในดินแดนชั้นในจึงรับรู้ได้!

ณ ทะเลเมฆา ปรมาจารย์หงซานกำลังหลอมเซียนขั้นที่สามที่พวกเขาจับได้ในดินแดนเจ็ดสีที่อยู่ในดาราจักรอัญเชิญนที เขาเพิ่งจะสังเกตสิ่งประหลาดได้จึงหันมองขึ้นไปไกลๆ สีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปมหาศาล

“ไม่เลว!!” ปรมาจารย์หงซานเก็บหุ่นเชิดเบื้องหน้าไปโดยไม่ลังเลและก้าวเท้าออก เขาใช้ความเร็วเต็มที่และหายวับไปจนเกิดระลอกคลื่นเสียงดัง

วินาทีที่เขาหายตัวไป อาจารย์ของปรมาจารย์จงซวนได้ตื่นขึ้นเช่นกัน เขาหรี่ตาลงและผสานเข้ากับโลกอย่างรวดเร็ว

ณ แดนสวรรค์พิรุณที่อยู่ในดาราจักรฟ้ากระจ่าง ฉิงหลินปิดด่านบ่มเพาะฟื้นฟูพลัง เขาอยู่ในห้องลับที่ล้อมรอบด้วยหมอกสลัว นาทีนี้พลันลืมตาขึ้นมาและตกตะลึง

“ราชันย์!!” ใบหน้าจมดิ่ง แขนขวาฉีกเปิดรอยแยกเบื้องหน้า หายตัววับไปในพริบตา

ทางด้านสำนักซากศพในดาราจักรฟ้ากระจ่าง จ้าวเมฆาใต้กำลังเพ่งสมาธิหลอมธงค่ายกล ธงเหล่านี้มีไว้เพื่อสงครามรอบถัดไป แต่ทันใดนั้นเขาหันมองขึ้นไป สีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปตอนที่สังเกตถึงกลิ่นอายผนึก จากนั้นก้าวเท้าโดยไม่ลังเล

เหล่าเซียนขั้นที่สามของดาราจักรอัญเชิญนทีเองก็รับรู้ถึงกลิ่นอายนี้ ทั้งหมดเคลื่อนไหวฉับพลัน

ณ ดาราจักรทุกชั้นฟ้า คนผู้หนึ่งสวมชุดสีเขียวกำลังเดินทะยานผ่านดวงดาว เขามองไปข้างหน้าด้วยท่าทีมัวหมองราวกับกำลังมองหาอะไรบางอย่าง แต่กลับไม่พบสัญญาณอันใดเลย

คนผู้นี้คือฉิงชุ่ย เขาถอนหายใจและกำลังจะก้าวไปข้างหน้า ทันใดนั้นพลันหันกลับมา สีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปและจ้องไปทางดาราจักรฟ้ากระจ่าง

“หวังหลิน!!” หลังจากสัมผัสกลิ่นอายเลือนลางในดินแดนชั้นในได้ ฉิงชุ่ยจึงไม่คิดเรื่องของตัวเองอีก แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารและเย็นสุดขั้ว เขาพุ่งเข้าหาดาราจักรฟ้ากระจ่าง

ณ ดาราจักรอัญเชิญนที ชายหนุ่มได้หนีมาในช่วงสายฟ้าของหวังหลินยังตามไม่เจอ เขาตัดสินใจวนอยู่รอบๆ บริเวณที่สงสัย ขณะที่กำลังคิด ดวงตาพลันส่องสว่างและมองไปทางดาราจักรฟ้ากระจ่าง

“เอ๋!” ดวงตาหรี่แคบ เขาหายไปพร้อมเสียงระลอกคลื่นดังกึกก้อง

ณ แดนสวรรค์อัสนี ผีเฒ่าจางผู้ลึกลับพลันก้าวออกมาและพุ่งเข้าหาดาราจักร ฟ้ากระจ่าง

เซียนทรงพลังหลายคนรับรู้ได้ตอนที่จ้าววิญญาณสีชาดทำลายผนึกออกมา ทั้งหมดต่างพุ่งเข้ามาที่นี่จากทุกทิศทาง

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในพริบตา หวังหลินกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในหลุม ด้านราชันย์พอเห็นว่าหวังหลินกำลังจะออกไป ดวงตาเผยแสงลึกลับ เขาไม่ยอมให้แผนการนี้ล้มเหลวได้ แม้ผนึกจะพังทลาย ทุกคนในดินแดนชั้นในจะสัมผัสได้ แม้ผีเฒ่าจางหรือคนลึกลับที่ร้องคำรามใส่เขาจะปรากฏตัวขึ้นมา เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยหวังหลินให้หนีรอดไปได้!

“ปรมาจารย์เต๋าความฝัน! อย่าลืมข้อตกลงของเรา ข้าจะช่วยเจ้าให้ได้ร่างภรรยากลับคืนมา” ราชันย์มีน้ำเสียงสงบนิ่ง ขณะเดียวกันเขายกแขนเหี่ยวแห้งชี้ใส่ท้องฟ้า

หลังเอ่ยขึ้น เสียงถอนหายใจดังออกมาจากท้องฟ้า ขณะที่หวังหลินก้าวเข้าไปในหลุม แสงสีฟ้ารวมตัวกันก่อเกิดเป็นม่านแสงขัดขวางหวังหลิน ไม่เพียงแค่นั้นแสงสีฟ้ายังกะพริบวาบและผลักหวังหลินกลับไป

เขาพูดไว้ครั้งหนึ่งแล้วว่าจะไม่โจมตี แต่ตอนนี้เขาจำต้องโจมตี…

เมื่อเขาโจมตีและขัดขวางหวังหลินไม่ให้ออกไป ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนจึงขาดสะบั้น!

ในแววตาหวังหลินมีความซับซ้อนเกินอธิบาย ขณะที่เขาถูกกระเด็นกลับไป ราชันย์ชี้แขนขวาใส่ท้องฟ้าและปรากฏแสงสีแดง หลังจากนั้นไม่นานจึงปรากฏ แสงสีส้ม พริบตาเดียวแสงสีรุ้งเต็มไปทั่วฟ้า

แสงสีรุ้งไร้ขอบเขตได้ผสานกัน ไม่นานนักหอกสีรุ้งขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นเหนือราชันย์

แขนขวาแห้งเหี่ยวคว้าหอกสีรุ้งเอาไว้ เขามองหวังหลินอย่างเย็นชาและโยนหอกออกไป!

หอกสีรุ้งส่งเสียงหอนผ่านอากาศ นำพาพลังทำลายล้างและพลังอำนาจที่หวังหลิน มิอาจต่อต้านได้

นี่คือหอกแห่งความตาย!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!