Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1613

Cover Renegade Immortal 1

1613. ตื่นขึ้นจากฝัน

“ทำไมเจ้าถึง…พานางมาที่นี่…” ชายหนุ่มชุดขาวดื่มไปอีกหนึ่งอึกและหลับตา

“นางอยู่ที่นี่ หากเจ้าสามารถตัดขาดได้ ก็ตัดเลย!” หวังหลินหยิบขวดสุราขึ้นมาและค่อยๆ ดื่ม

ชายหนุ่มผมขาวขบคิดเงียบๆ จนกระทั่งดื่มสุราไปหมดขวด

“เจ้ากำลังด่าข้าใช่หรือไม่…”

“เจ้าคือข้า ข้าคือเจ้า การด่าเจ้าก็เหมือนกับด่าตัวเอง” หวังหลินยิ้มอย่างสงบนิ่ง

ชายหนุ่มชุดขาวเอ่ยขึ้นเบาๆ “ข้ายังหลับอยู่ ข้าใช้เต๋าแห่งการหลอกลวงเพื่อสร้างโลกนี้ขึ้นมา ข้าไม่ได้ควบคุม ทั้งหมดนี้มาจากการใช้เจตนาแห่งเต๋าอันซับซ้อนจากผลไม้เต๋าทั้งสาม…”

หวังหลินไม่ได้เอ่ย

ทั้งสองคน หรือก็คือหนึ่งคน นั่งอยู่บนเรือและดื่มสุราขณะที่โลกยังคงแข็งค้าง

กาลเวลาไม่ได้ดำเนินไป ใบไม้แห้งยังคงนิ่งสงบอยู่ในอากาศ แต่ทั้งสองคนดื่มสุราไปมากมาย

หลังจากนั้นสักพัก ชายหนุ่มชุดขาวเอ่ยขึ้นเบาๆ “ชีวิตนี้เป็นเช่นไรบ้าง…”

“ทำไมเจ้าต้องถามข้า? ข้ารู้สึกอย่างไรก็เหมือนกับที่เจ้ารู้สึก” หวังหลินวางขวดสุราลง

“เจ้าพร้อมหรือไม่…” ชายหนุ่มชุดขาวถอนหายใจและมองลี่มู่หวาน แววตาของเขาพร่าเลือน

“เจ้าไปได้แล้ว” หวังหลินมองกลับไปที่ลี่มู่หวานด้วยแววตาฝืนๆ ไม่ว่าเขาจะไม่อยากไปสักแค่ไหน เขาก็รู้ว่าตนเองกำลังจะหายไป…ความฝันนี้กำลังจะจบลง…

มีหลายสิ่งหลายอย่างรอทำให้สำเร็จ มีหลายคนรอคอยเขาอยู่

“รอข้านะ หวานเอ๋อร์ ข้าจะปลุกเจ้าให้ตื่น…”

แววตาของชายหนุ่มชุดขาวเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจเช่นกัน เขายืนขึ้นเงียบๆและเดินเข้าหาลี่มู่หวาน คุกเข่าลงและจุมพิตหน้าผากนางก่อนจะหลบซ่อนไปด้วยความเศร้า เขาหันตัวกลับมาและยื่นมือเข้าหาท้องฟ้า สุราขวดหนึ่งปรากฏขึ้นในฝ่ามือ

เขาค่อยๆ วางมันลงไป ชายหนุ่มชุดขาวถอนหายใจและก้าวไปข้างหน้า ร่างกายเปลี่ยนกลายเป็นวิหคสีขาวและหายวับไปกับตา

แม้จะจากไปแล้ว ทุกอย่างในโลกนี้ยังคงหยุดชะงักไม่มีเปลี่ยน มีเพียงขวดสุราที่ยังคงอยู่ ราวกับรอคอยให้ใครสักคนมาหยิบไปดื่มให้หมด

หวังหลินขบคิดเงียบๆ กาลเวลาไม่ได้ผ่านไปแต่เขาขบคิดอยู่นาน หวังหลินมาถึงข้างลี่มู่หวานและนั่งอยู่ข้างๆ เขาวางฝ่ามือไปอยู่เหนือพิณ หลับตาและเริ่มเล่นมันอย่างช้าๆ

พิณกลับไร้เสียงภายนอกแต่เสียงเพลงดังอยู่ในใจหวังหลิน ความเศร้าระเบิดขึ้นมาอยู่ในใจ เสียงเพลงในความฝันจำต้องจบลงโดยไม่มีวันลืมเลือน

“ปีนั้น ปีนั้น เราเจอกันในแคว้นฮัวเฝินที่อยู่นอกทะเลปีศาจ เสียงเรียกหนึ่ง ดังออกมาและข้าจึงมองลงไป”

“หลายปีผ่านไป เราคือสองละอองฝุ่นที่อยู่ในสองมุมของความฝันนี้ หลังจาก ผ่านไปอีกหลายปีในที่สุดเราก็เจอกันเพื่อจากกัน เช่นนั้นหรือ?”

“เมื่อไรที่เราได้เจอกัน มันเป็นตอนที่ความฝันจะจบลง แม้ข้าจะโหยหา แม้ข้าจะไม่เต็มใจก็ตาม…”

หวังหลินลืมตามองไปที่จุดจบของเพลง แขนขวาสั่นเทาพลางยกขวดสุราขึ้นและมองลี่มู่หวาน สายตานี้เสมือนจุดจบของกาลเวลา

สายตานี้คือการตื่นขึ้นจากความฝัน

หวังหลินถือขวดสุราและยกไว้ที่ปาก เขามองฟ้าดิน มองโลกที่อาศัยมามากกว่าเจ็ดสิบปี จากนั้นดื่มไปหมดขวด!

สุราขวดนี้เหมือนน้ำ มันไม่มีรสชาติเผ็ดร้อนเสียเลย

แต่มันเหมือนกับไฟ พอมันลงท้อง มันจึงลุกโชน

‘เวรกรรมคืออะไร…เมื่อข้าเปิดฝ่ามือ นั่นคือเหตุแห่งกรรม เมื่อข้าปิดฝ่ามือ นั่นคือผลแห่งกรรม…’

โลกสั่นไหว เรือที่หวังหลินอยู่ได้หายไป ตามมาด้วยสายน้ำ สะพานหิน เรือนับไม่ถ้วนบนแม่น้ำ และใบไม้แห้งทั้งหมดในท้องฟ้า

ระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นแผ่กระจายออกไปทุกทิศทางโดยมีหวังหลินอยู่ตรงกลาง สิ่งก่อสร้างทั้งหมดในเมืองซูหายไปในพริบตา ไม่เพียงแค่เมืองนี้เท่านั้นแต่ทั้ง แคว้นจ้าว ภูเขา แม่น้ำ สำนัก หมู่บ้านและทุกสิ่งทุกอย่างหายไปในพริบตา

แคว้นจ้าว นอกแคว้นจ้าว สำนักหลอมวิญญาณ เฉว่ยี่ แคว้นอื่นๆ ทุกอย่างในโลกล้วนหายไป

รวมไปถึงทะเลอันไร้ขอบเขต ทะเลโหมกระหน่ำ อีกฟากฝั่งของทะเล อีกแผ่นดินที่เป็นบ้านเกิดของลี่มู่หวาน ทั้งหมดล้วนหายไป รวมไปถึงแคว้นฮัวเฝิน แคว้นซวนหวู่ ทะเลปีศาจ บ้านของหวังหลินและลี่มู่หวาน ทั้งหมดดับสลายกลายเป็นขี้เถ้า

ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกสลายไป…เหลือไว้แต่เพียงคนทั้งหมดและเหล่าเซียนที่กำลังทำหน้าที่ของตัวเอง พวกเขาไม่ได้หายไป เพียงแต่อยู่นิ่งๆ

เหมือนลี่มู่หวานและต้าฝูที่อยู่ข้างๆหวังหลิน

‘ชีวิตและความตายคืออะไร…แขนซ้ายข้าคือชีวิต แขนขวาข้าคือความตาย…’ สองหยาดน้ำตาไหลรินจากดวงตาหวังหลิน หลังจากเอ่ยขึ้นมา สายฟ้าส่งเสียงดังลั่น ประกายไฟเต็มไปทั่วท้องฟ้าเหนือดาวซูซาคุ

วินาทีที่เขาเอ่ยขึ้น ลี่มู่หวานผู้อยู่ใกล้กับเขามากที่สุดดูเหมือนจะถูกสายลมตีใส่และเปลี่ยนเป็นเถ้าถ่าน ไม่เพียงแค่นางเท่านั้นแต่คนนับไม่ถ้วนที่เหลืออยู่ในเมืองซูได้หายวับเป็นเถ้าถ่านไปหมด

ทั่วทั้งแคว้นจ้าว คนทั้งหมดที่หวังหลินทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยต่างก็หายไป

เดิมทีหลิวเหมยยืนอยู่บนยอดภูเขา หลังจากภูเขาหายไปนางดูเหมือนจะลอยอยู่ตรงนั้น สายลมพัดผ่านทำให้ร่างของนางพร่ามัวก่อนที่นางจะหายไปกับสายลม

ฉีเฟยและโจวลี่เดิมทีเหาะเหินอยู่ในอากาศ นาทีนั้นกาลเวลาหยุดลง สายลมพัดผ่านมา ร่างทั้งสองเปลี่ยนเป็นเถ้าถ่านและถูกสายลมพัดไป

หวังจัวสวมชุดคลุมสีดำยืนอยู่บนยอดภูเขาเหิงยั่ว สายลมพัดผ่านทำให้ร่างเขาแตกสลาย

รวมไปถึงฮวงหลง บรรพชนตระกูลเถิง เหล่าเซียนของแคว้นจ้าวทั้งหมด ทั้งนอกแคว้นจ้าวยังมีโจวหวู่ไท่ผู้กำลังมองชายหนุ่มเบื้องหน้าที่เป็นศิษย์ของตน

เขามองศิษย์ตนเอง โจวหวู่ไท่ถูกสายลมพัดผ่านจนหายตัวไปพร้อมกับลูกศิษย์

ยังมีหยุนเซว่จื่อ ตุ้นเทียนและเนี่ยนเทียนแห่งสำนักหลอมวิญญาณ จูเซว่จื่อ ไม่ว่าจะเป็นทวีปนี้หรือข้ามฝั่งแม่น้ำ ทุกคนได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย

โลกใบนี้ไม่มีพื้นดินหรือชีวิตหลงเหลือ มีเพียงท้องฟ้า

คนที่ไม่หายไปคือ หวังหลินผู้กำลังร้องไห้ และต้าฝู

โลกนี้เหลือเพียงคนสองนี้เท่านั้น

พอลี่มู่หวานหายไป หยาดน้ำตาของหวังหลินจึงตกใส่ความว่างเปล่า สายฟ้าและแสงสายฟ้าก่อเกิดเป็นวังวนยักษ์ ในวังวนมีแสงโลหิตสีแดงเข้ม มีชายหนุ่มผมขาว นั่งอยู่ข้างใน เขาหลับตาและมีหยาดน้ำตาไหลออกมา

เขาไม่อยากล้มเลิก…แต่ความฝันในที่สุดก็มีวันจบและเขาก็ต้องตื่น ตอนนั้นจะมาในอีกไม่ช้าก็เร็ว หลังจากพบเจอตัวเองและดื่มสุราขวดนั้น ความฝันจึงแตกสลาย

“จริงเท็จคืออะไร…เมื่อข้า หวังหลินได้ลืมตาขึ้นมา มันคือความจริง เมื่อข้าหลับตามันคือเรื่องเท็จ…” ขณะที่เอ่ยเช่นนั้น หวังหลินคว้าแขนของต้าฝูและแขนเขาจึงทับซ้อนกับประทับสีทองบนข้อมือต้าฝู เขาค่อยๆ หลับตาลง

เมื่อหลับตา ฉากเหตุการณ์มากมายปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้เขาไม่ยอมล้มเลิก แต่ท้ายที่สุดมันก็หายไปทีละฉาก หากเขาต้องการค้นหามัน เขาทำได้แค่ดูในความทรงจำเท่านั้น

ในฉากเหตุการณ์เหล่านี้ เขาเห็นตัวเองและลี่มู่หวานนั่งอยู่บนเรือพร้อมกับต้าฝู

เขาเห็นรถม้าแล่นผ่านหิมะเข้าหาหมู่บ้านกลางภูเขาที่เป็นบ้านเกิด

เขาเห็นตัวเองและลี่มู่หวานอยู่ในบ้านแห่งนั้น เสียงพิณกำลังขับขานและมันเป็นเสียงแห่งความสุข สายตาที่จับจ้องดูเหมือนคงอยู่ชั่วกาลนาน เมื่อไหร่ที่มองกลับมา มันมิอาจเห็นได้ชัดเจน

เขาเห็นตัวเองนั่งอยู่บนก้อนหินบนภูเขาเพื่อทำความเข้าใจสวรรค์ รอบด้านมีเหล่าเซียนมากมายนับไม่ถ้วนทำความเคารพเขา ท่ามกลางเซียนเหล่านี้เขาเห็นหยาดน้ำตาของหลิวเหมยด้วย

เขาเห็นตัวเองชี้ท้องฟ้า ส่งเสียงคำรามใกล้กับภูเขาไฟ เขาสามารถอดทนทุกอย่างได้ เขาสามารถใช้ทุกอย่างเพื่อหลอกตัวเอง แต่ไม่สามารถหลอกตัวเองเพื่อตัดขาด เวรกรรมกับลี่มู่หวานได้ เขาชี้ไปที่ท้องฟ้า ชี้ไปที่วิหคสีขาวและถามกับตัวเอง

เจ้าตัดขาดมันได้หรือไม่ เจ้าตัดขาดมันไม่ได้ เจ้าตัดขาดมันไม่ได้!!!

ท่ามกลางสายลมและคลื่นทะเลโหมกระหน่ำ เขาเห็นเรือขนส่งสินค้ากำลังดิ้นรน เขาเห็นทุกคนบนเรือกำลังร้องเพลงลูกเรือโบราณ เขาเห็นการฝืนชะตาต่อความตาย!

เขาเห็นหญิงสาวอุ้มทารกในยามฝนตกนอกอาราม นางเยือกเย็นมากพอจะเปลี่ยนสายฝนเป็นน้ำแข็ง

เขาเห็นแววตาสับสนของหลิวเหมยที่สุดเขตของแคว้นจ้าวและเม็ดยาที่นางมอบมาให้ด้วยรอยยิ้ม

เขาเห็นท่านพ่อหลับตาในอ้อมแขนตัวเอง เขาเห็นใบไม้ร่วงพัดออกไปพร้อมกับวิญญาณท่าน เพื่อออกไปไกลแสนไกล…เขาเห็นท่านแม่ไม่เคยลืมตาขึ้นอีกเลยแต่มีรอยยิ้มบนมุมปากราวกับได้เจอท่านพ่อ

เขาเห็นตัวเองชำเลืองมองเซียนที่เข้ามาสังหารเขาในเมืองซู เขาทำให้เซียนหวาดกลัวจนต้องหนีเพียงแค่ประโยคเดียว!

เขาเห็นซูต้าวและเห็นตัวเองโดนท้าทาย เห็นตอนที่เขาและต้าฝูมาถึงเมืองซูในครั้งแรกตอนที่ใบไม้แห้งพัดในอากาศ ทั้งสองเช่าเรือและรอมาพบตัวเอง

ท้ายที่สุดเขาก็เห็นโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งข้างถนนหลวง บนโต๊ะในโรงเตี๊ยมมีชายหนุ่มเมามายอยู่คนหนึ่ง เสี่ยวเอ้อร์ยืนอยู่ข้างชายหนุ่มพร้อมกับขมวดคิ้วและเริ่มปลุกให้ตื่น

“น้องชาย ตื่นได้แล้ว…อาา เป็นบัณฑิตจริงๆ แค่สองแก้วก็เมาแล้ว ข้าต้องทำความสะอาด รีบตื่นได้แล้ว…”

เขาเห็นชายหนุ่มเมามายเงยศีรษะขึ้นมาและเอ่ยหนึ่งประโยคด้วยท่าทางคิกคัก

“ข้าจะบอกเจ้าให้ฟัง ข้าฝัน…ข้าฝันว่าข้าเป็นเซียน…”

ภาพทั้งหมดกลายเป็นเศษเสี้ยวพร่ามัวเมื่อเขาพูดคำว่า “เซียน”

ดวงตาของหวังหลินปิดลงสนิท วินาทีที่เขาหลับตา ท้องฟ้าพังทลาย ทุกอย่างในความฝันหายไป

ความฝันสิ้นสุด…

ณ มิติว่างอันมืดมิดที่ผีเฒ่าจางได้กล่าวเอาไว้ว่าเป็นชั้นผนังถ้ำ มีชายหนุ่มผมขาวผู้หนึ่งกำลังนอนอยู่ในแสงสีแดงโลหิต เขาลืมตาขึ้นมาแล้ว

‘โชคชะตามาจากความว่างเปล่า และความว่างเปล่าต้องดำรงอยู่…ข้าเข้าใจแล้ว’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!