1662. แปดนางสนมจักรพรรดิเทพ
หวังหลินยืนอยู่ตรงช่องว่างในค่ายกลดินแดนปิดผนึก มองไปยังสตรีจากอัญเชิญนที สตรีเยือกเย็นหยุดห่างจากเขาเพียงร้อยฟุต
นางงดงามมาก แม้จะด้อยกว่ามู่ปิงเหมยแต่นางยังสวยจนตกตะลึงอยู่ดี ขณะที่นางยืนอยู่ตรงนั้น ชุดราตรีสีม่วงพัดพริ้วทำให้นางดูราวกับเทพธิดา
ใบหน้าซีดของนางขับเสน่ห์ให้น่าหลงใหล ทำให้รู้สึกเหมือนคนอ่อนแอแต่ยังมีความมั่นใจ
สตรีชุดม่วงและหวังหลินมองหน้ากัน ผ่านไปสักพักนางเอ่ยเย็นเยียบเพียง “ซื่อเจีย” ราวกับนางไม่ได้พูดขึ้นมานานแล้ว น้ำเสียงจึงแข็งกระด้างไปหน่อย
“หรือท่านคือจักรพรรดิเทพซื่อเจียแห่งแดนสวรรค์แห่งแสง?” หวังหลินคาดเดาตัวตนของนางได้ลางๆ จึงคำนับฝ่ามือให้
ซื่อเจียขบคิดเล็กน้อยและเอ่ยขึ้นอย่างเยือกเย็น “มอบนางสนมจักรพรรดิเทพที่ เจ้าผนึกมา”
หวังหลินมีท่าทีสงบนิ่งแต่แววตาเปล่งประกายโดยไม่มีใครเห็น ดวงตาหรี่แคบพลางมองสตรีชุดม่วงเบื้องหน้าและเอ่ยขึ้นอย่างเย็นเยียบ
“ท่านเป็นนางสนมของจักรพรรดิเทพอันดับที่เท่าไร?” คำพูดของหวังหลินดูน่าตกตะลึง ซื่อเจียหรี่ตามองหวังหลิน หลังจากนั้นสักพักจึงเอ่ยตอบ
“นางสนมอันดับแปดของจักรพรรดิเทพ ซื่อเจีย”
สีหน้าท่าทางสบนิ่ง หวังหลินถามขึ้นเบาๆ “นางสนมจักรพรรดิเทพที่ข้าสังหารไปคือคนไหน?”
“เจ้าสังหารนางสนมอันดับสอง และคนที่เจ้าผนึกไว้คืออันดับห้า…คนที่หนีไปได้คืออันดับหก” ซื่อเจียไม่พูดเสียงแข็งกระด้างอีกแล้วแต่ลื่นไหลขึ้นมาก กระนั้นความเย็นเยียบไม่ได้ลดน้อยลง
หวังหลินดวงตาส่องสว่าง เขาพบเจอนางสนมจักรพรรดิเทพทั้งแปดมาเกือบหมด ตอนนี้รูปร่างของแต่ละนางผุดขึ้นในใจ นางสนมอันดับสี่คือคนที่พยายามควบคุม ต้าเสินและถูกกักขังไว้ในสุสานโบราณจนหนีออกมาไม่ได้
อันดับสามคือสตรีเย็นชาที่โต้ตอบกับหวังหลินและหวังหลินปลดปล่อยออกมาจากสุสานโบราณ นางไม่ได้เข้าร่วมสงครามกับดินแดนชั้นใน
ส่วนอันดับสอง นางมีความสัมพันธ์กับดินแดนชั้นนอกมากที่สุด จากเบาะแสที่เขาได้มาจากคำพูดของนาง ดูเหมือนนางได้ร่วมมือกับราชันย์แต่ไม่ได้ตายด้วยน้ำมือเขา
มีนางสนมอันดับห้าที่ถูกหวังหลินผนึกไว้ในเตาหลอมจักรพรรดิและไม่สามารถหลอมได้อย่างสิ้นเชิง
หากซื่อเจียพูดถูก คนที่หนีไปได้คืออันดับหก! ทำให้เหลือนางสนมจักรพรรดิเทพอีกสองคนที่หวังหลินไม่เคยเจอ
สองคนนั้นคืออันดับหนึ่งและอันดับเจ็ด!
‘ในรอยแยกที่อยู่ในทะเลเมฆา สตรีที่ทำข้อตกลงกับข้าก็เหมือนนางสนมจักรพรรดิเทพเช่นกัน ข้าเพียงไม่รู้ว่านางเป็นอันดับหนึ่งหรืออันดับเจ็ด!’ ความคิดหนึ่งแล่นผ่านจิตใจหวังหลิน
“น้องห้าที่เจ้าผนึกไว้มีประโยชน์กับข้า ส่งนางมาให้ข้า” ซื่อเจียเอ่ยเสียงเย็นเยียบเต็มไปด้วยเจตนาที่มิอาจโต้ตอบได้ เห็นได้ชัดว่านางเคยชินกับการใช้สถานะสูงส่งตอนที่อยู่บนแผ่นดินเซียนดารา ดังนั้นนางจึงพูดแบบนี้ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
หวังหลินขมวดคิ้ว เห็นแก่ที่นางช่วยเหลือดินแดนชั้นในไว้มาก เขาขบคิดและพร้อมจะส่งนางสนมอันดับห้าให้ไป
ทว่าในขณะนั้น ซื่อเจียเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“และเจ้าต้องไปดินแดนชั้นนอก จับกุมนางสนมคนอื่นๆ ทั้งหมด นำมาให้ข้า ข้าต้องใช้ประโยชน์พวกนาง เจ้าควรทำให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ การคุ้มกันที่นี่ไว้สามปี มันไร้ประโยชน์เมื่อเทพ…” นางเอ่ยเสียงไม่แยแสและเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่งการ แต่ก่อนที่นางจะพูดจนจบ หวังหลินขมวดคิ้วและแววตาส่องสว่าง
แววตาหวังหลินเย็นเยียบยิ่งขึ้น เขามองซื่อเจียที่กำลังสั่งการและเอ่ยตอบ “พอแล้ว!”
“คำขอของเจ้ามากเกินไป!”
“ไร้สาระ เจ้าเป็นใครถึงพูดกับข้าแบบนี้? ไม่ใช่ว่าสิ่งที่เจ้าทำลงไปก็เพื่อปลุกราชันย์เทพและได้รับโชควาสนาอันยิ่งใหญ่หรอกหรือ? เจ้าจงทำสิ่งที่ข้าบอกเอาไว้ เมื่อเรื่องราวจบลง ข้าจะรายงานผลงานของเจ้าให้กับราชันย์เทพ” แววตาดุจหงษ์ของซื่อเจียจ้องไปที่หวังหลินและสีหน้าท่าทางมืดมน
หวังหลินจ้องมองซื่อเจียอย่างตกตะลึงชั่วครู่ จากนั้นเริ่มหัวเราะด้วยสายตาเย็นเยียบ
“เป็นเช่นนี้หรอกหรือ แปดนางสนมจักรพรรดิเทพไม่ได้ทรยศเขาทั้งหมด ยังมีเจ้าอยู่หนึ่งคน นางสนมอันดับแปดผู้ยังภักดี แต่ลืมเรื่องคำขอให้จับนางสนมคนอื่นไปได้เลย ข้าจะไม่ให้นางสนมอันดับห้ากับเจ้าด้วยซ้ำ!” หวังหลินสะบัดแขนเสื้อและเยาะเย้ย
ซื่อเจียหรี่ตาแคบเช่นกันหลังจากได้ยินคำพูดของหวังหลิน นางรู้สึกเหมือนคาดเดาบางอย่างผิดพลาด นางไม่รู้เรื่องหวังหลินมากนัก นางรู้แต่เพียงเขาคือศิษย์ของจ้าวดินแดนปิดผนึกคนก่อน นางรู้ด้วยว่าสิ่งที่หวังหลินทำลงไปเพื่อดินแดนชั้นใน เหมือนการต่อสู้และการสังหารครั้งก่อนหน้า
ในสายตานาง สิ่งที่หวังหลินทำลงไปเพราะตำแหน่งจ้าวดินแดนปิดผนึก จ้าวดินแดนปิดผนึกคนก่อนควรจะแจ้งทุกอย่างแก่หวังหลินไปแล้ว หวังหลินควรเป็นคนของฝั่งจักรพรรดิเทพ!
ดังนั้นนางจึงมาหาหวังหลินและสั่งการเป็นชุดแม้เขาจะแสดงพลังอำนาจที่ทำให้นางตกตะลึง นางไม่คิดว่าเขาจะปฏิเสธ อีกทั้งนางยังเป็นนางสนมจักรพรรดิเทพ และมีเป้าหมายเดียวกันคือปลุกราชันย์เทพขึ้นมา!
เมื่อราชันย์เทพตื่นขึ้น ทั้งคู่จะได้รับผลประโยชน์มหาศาล!
อย่างไรก็ตามเสียงหัวเราะและการปฏิเสธได้ทำให้ซื่อเจียเงียบขรึมทันที นางถอยไปหลายก้าวพลางมองหวังหลินและเอ่ยขึ้น
“จ้าวดินแดนปิดผนึกคนก่อนไม่ได้บอกเจ้าเกี่ยวกับภารกิจและเขามาจากไหนหรือ?”
“แผ่นดินเซียนดารา สำนักเจ็ดเต๋า แน่นอนสิว่าข้ารู้!” หวังหลินมองซื่อเจียอย่างเย็นเยียบ ถ้าไม่ใช่เพราะนางทำคุณงามความดีให้แก่ดินแดนชั้นในไว้มาก แม้จะคิดว่านางมีเป้าหมายของตัวเอง เขาคงไล่ตะเพิดนางออกไปแล้ว
หลังเอ่ยเช่นนั้น สีหน้าของซื่อเจียจึงเปลี่ยนไป นางถอยไปอีกร้อยฟุตและเผยท่าทางตกตะลึง
“ข้ารู้ทุกอย่าง เจ้าไปได้แล้ว อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก!” หวังหลินเอ่ยคำพูดเย็นเยียบพลางมองสตรีชุดม่วงและสะบัดแขนเสื้อ
ซื่อเจียหน้าซีดเผือดและถอยไปหลายก้าว สีหน้าท่าทางเปลี่ยนไป ท้ายที่สุดก็จ้องมองหวังหลินและกัดฟัน
“ในเมื่อเจ้ารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ทำไมเจ้าไม่ร่วมมือกันข้า? เราสามารถร่วมมือกันปลุกราชันย์เทพให้ตื่นขึ้น เมื่อราชันย์เทพตื่น เขาจะมอบรางวัลให้เราอย่างงาม…”
“ราชันย์เทพถือว่าเป็นคนที่ทรงพลังแม้แต่บนแผ่นดินเซียนดารา เมื่อเขาตื่นขึ้น ข้าจะขอให้เขารับเจ้าเป็นศิษย์และเจ้าจะสามารถออกไปจากถ้ำแห่งนี้ได้ กลายเป็นคนของสำนักเจ็ดเต๋าและมีตัวตนในฐานะเซียนของแผ่นดินเซียนดารา แผ่นดินเซียนดาราคือโลกจริง มันใหญ่ยิ่งกว่าถ้ำแห่งนี้หลายพันเท่าและดียิ่งกว่า…”
“เราจะได้รับความน่าเชื่อถือ ราชันย์เทพจะมอบผืนดินให้เจ้าบนแผ่นดินเซียนดารา เจ้าจะได้รับชื่อเสียงจำนวนหนึ่งที่นั่นซึ่งเป็นแดนสวรรค์ของจริง แม้แต่ระดับบ่มเพาะของเจ้าก็จะเพิ่มขึ้นมากมาย…”
หวังหลินมีสีหน้าสงบนิ่งพลางมองสตรีชุดม่วง คำพูดของนางไม่ทำให้เขาอ่อนไหวเลย
“ราชันย์เทพสีรุ้งและนางสนมจะเทียบกับเก้าตะวันของแผ่นดินเซียนดาราได้หรือไม่? หนึ่งในมหาอำนาจของแผ่นดินเซียนดารา…ช่างน่าขัน! เขาเป็นแค่ จ้าวผู้ปกครองแผ่นดินของตัวเอง แม้แต่สำนักเจ็ดเต๋าของเจ้าก็แค่สำนักเล็กๆ บนแผ่นดินเซียนดารา ข้ากลัวเจ้าปลุกเขาคงมีเจตนาอื่น”
“เจ้า…เจ้ารู้เรื่องเก้าตะวันจริงๆ?!” ซื่อเจียสีหน้าเปลี่ยนไป แววตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ดวงตาพลันหรี่แคบลงเมื่อคิดว่าหวังหลินรั้งคันศรลี่กวงได้อย่างไรและราชันย์ได้ร้องคำรามตอบกลับมาว่าอะไร
“ไปซะ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าช่วยดินแดนชั้นในไว้มาก ข้าคงสังหารเจ้าเพราะเป็นคนของสำนักเจ็ดเต๋าไปแล้ว!” หวังหลินดวงตาส่องสว่าง จิตสังหารพุ่งเข้าใส่สายตาของซื่อเจีย
นางมีสีหน้าเปลี่ยนไป รีบล่าถอยและไม่พูดอะไรอีก พลันเปลี่ยนเป็นลำแสงสีม่วงและจากไป
‘ราชันย์เทพสีรุ้ง ข้าจะหาทางฟื้นคืนชีพเขา แต่ไม่ใช่เพื่อให้ได้โชควาสนา…แต่เพื่อสังหาร!! สังหารเขาเท่านั้นจะทำให้ถ้ำแห่งนี้ไม่มีเจ้าของ จากนั้นข้าจะชิงเต๋าแห่งสวรรค์มาและพาคนในถ้ำไปสู่แผ่นดินเซียนดารา!’
‘ข้าเป็นเซียนฝืนลิขิตฟ้ามาทั้งชีวิต หากข้าจะทำแบบนี้ก็ต้องเป็นทางที่ทำได้สำเร็จ ข้าจะเป็นสุนัขไปอ้อนวอนให้คนอื่นเพื่อไว้ชีวิตได้อย่างไร ไปอ้อนวอนให้พาข้าออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร?’
‘แม้ข้าออกไปไม่ได้และถูกราชันย์เทพสังหาร ข้าก็ยังเป็คนที่ก้าวเดินบนเส้นทางต่อต้านสวรรค์!’ หวังหลินยิ้ม เขาไม่ได้พูดออกมาแต่มันดังกึกก้องอยู่ในใจ
สายตามองทิศทางที่ซื่อเจียจากไปและไม่แม้แต่ถามเรื่องโลงศพเลี่ยงสวรรค์ เขาไม่อยากถาม หากเขาออกไปจากที่นี่และเข้าสู่แผ่นดินเซียนดาราได้ เขาคงจะรู้ ทุกอย่างแม้แต่วิธีการฟื้นคืนชีพหวานเอ๋อร์
อย่างไรก็ตามหากเขาล้มเหลว ไม่จำเป็นต้องถามอะไรต่อ การตายไปพร้อมกับหวานเอ๋อร์คงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่เขาจะทำได้ในตอนนั้น
หวังหลินถอนสายตาและหันหน้ากลับไป มองไปยังค่ายกลดินแดนปิดผนึกที่กำลังหมดพลัง ดวงตาพลันส่องสว่าง เขาเดินเข้าไปใกล้ค่ายกลที่คล้ายใยแมงมุม นั่งลงและหลับตา เปิดระดับบ่มเพาะและเริ่มดูดซับพลังงานจากโลก
ขณะที่หวังหลินบ่มเพาะ พลังดั้งเดิมจากในทะเลเมฆาโผล่ออกมาจากทุกทิศทาง พลังดั้งเดิมหมุนเวียนผ่างร่างกายและถูกวิญญาณดั้งเดิมดูดซับไปเพื่อช่วยฟื้นฟูร่างเทพโบราณ
ขณะเดียวกันหวังหลินยื่นแขนซ้ายออกไปและแยกก้อนแสงออกมาด้วยประทับเวรกรรม เขาบดขยี้และดูดซับพลังแก่นแท้ข้างใน พลังแก่นแท้นี้เข้าไปในหกแก่นแท้ของเขาและทำให้มันค่อยๆ ฟื้นคืนขึ้นอีกครั้ง
หลังจากบรรลุขั้นที่สาม พลังดั้งเดิมจะสามารถช่วยเขาฟื้นฟูพลังเทพโบราณให้เร็วขึ้นเท่านั้น มันไม่ได้ช่วยเพิ่มระดับบ่มเพาะเลย
ในขั้นที่สาม สิ่งเดียวที่สามารถช่วยเพิ่มพูนและฟื้นพลังของเซียนได้คือ แก่นแท้!
หลายชั่วโมงผ่านไป หวังหลินดวงตาส่องสว่างขึ้นทันทีจนเผยแรงกดดันน่าตกตะลึง
“ในเมื่อค่ายกลดินแดนปิดผนึกเสียหายจนกู้คืนไม่ได้แล้ว เช่นนั้นข้าจะทำลายมันและใช้ระดับบ่มเพาะของข้าสร้างค่ายกลขึ้นมาใหม่!”