1666. อนุสรณ์
การโค้งคำนับครั้งนี้กวาดผ่านไปทั่วดาราจักรอันมืดมิดดุจดั่งสายลม เหล่าดวงวิญญาณที่กำลังหลับใหลในสี่ดาราจักรดูเหมือนได้ตื่นขึ้นมาเป็นการเฉพาะ
ไม่ว่าพวกเขาจะเสียชีวิตอย่างสมเกียรติ อย่างภาคภูมิใจ อย่างไร้ทางสู้หรือหลบหนีไม่ได้ ทั้งหมดต่างปรากฏตัวขึ้นมาหลังได้ยินเสียงเรียกร้องของหวังหลิน
ความโศกเศร้าแผ่กระจายออกไปทั่วทุกที่ภายในสี่ดาราจักรดวงดาว
ความโศกเศร้าออกมาจากดวงวิญญาณ แม้พวกเขาจะตายไปแล้ว ดวงวิญญาณยังคงเฝ้าดูดินแดนชั้นในอย่างสงบเงียบ ตลอดหลายชั่วอายุคนที่ผ่านมาพวกเขาไม่เคยได้ไปเกิดใหม่
พวกเขาไม่ยอมไปเกิดใหม่และไม่ต้องการไป ทำได้แค่เปลี่ยนเป็นวิญญาณแค้นและเฝ้าดูอย่างโศกเศร้า รอวันคืนที่เหล่าเซียนดินแดนชั้นในตายไปหมด รอวันที่ ค่ายกลดินแดนปิดผนึกล่มสลาย พวกเขาอยากเห็นว่าสงครามไม่มีวันจบครั้งนี้จะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน
ยามที่หวังหลินโค้งคำนับ พวกเขาไม่ได้แหงนหน้ามองขึ้นมาแต่ประคองท่าทีของตัวเองไว้ ศีรษะก้มลงเล็กน้อย ในแววตาปกคลุมไปด้วยความเศร้าโศก
ภาพดวงวิญญาณปรากฏขึ้นมาในดาราจักรดวงดาว วิญญาณกลุ่มแรกที่ปรากฏขึ้นมาคือเหล่าเซียนโบราณที่มีชีวิตมาก่อนที่จะกลายเป็นดินแดนชั้นในและดินแดนชั้นนอก
พวกเขาคือกลุ่มชนรุ่นแรกหลังการเกิดของแดนสวรรค์โบราณ พวกเขาได้รับการสั่งสอนจากแดนสวรรค์โบราณและเป็นชนกลุ่มแรกในถ้ำ
เสื้อผ้าแต่ละคนดูเหมือนขาดวิ่น แต่กลิ่นอายที่ปล่อยออกมาจากร่างกายเต็มไปด้วยความเข้าใจในโลก ตอนที่ค่ายกลดินแดนปิดผนึกปรากฏขึ้น พวกเขาสับสนและหวาดกลัว พยายามหนีออกมาจากค่ายกลแต่ก็ตายกันหมด
ยามนี้ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน ดวงวิญญาณถูกหวังหลินเรียกขึ้นมา ปรากฏตัวขึ้นทั่วสี่ดาราจักรและมองหวังหลินที่อยู่ในทะเลเมฆาอย่างเงียบงัน
ต่อจากพวกเขาคือเหล่าเซียนที่คงอยู่มาก่อนที่แดนสวรรค์ทั้งสี่จะถูกทำลาย เหล่าเทพของแดนสวรรค์ทั้งสี่แห่ง!
แม้พวกเขาจะไม่ใช่เทพจริงๆ จากแผ่นดินเซียนดารา ในจิตใจของหวังหลิน พวกเขาคือเทพตัวจริง! มีมากมายหลายคนต้องตายไปเพียงเพราะพยายามหนีออกไปจากค่ายกลดินแดนปิดผนึก
ท่ามกลางการรุกรานของดินแดนชั้นนอก มีหลายคนต้องเสียชีวิต แม้หวังหลินได้ก้มหน้าโค้งคำนับ เขายังสัมผัสได้ถึงวิญญาณอันโศกเศร้าจากพวกเขาได้
เขาจำได้ชัดเจนตอนที่เห็นรูปปั้นของเผ่าสายฟ้ากระจายในครั้งแรกที่เข้าไปในดินแดนเจ็ดสี เขามองเข้าไปในความทรงจำของรูปปั้นและเห็นเหล่าเทพทั้งหมดพุ่งใส่ค่ายกลดินแดนปิดผนึก แต่ทั้งหมดล้วนตายไปทีละคน
วันนี้เหล่าวิญญาณเทพที่เสียชีวิตได้ถูกอัญเชิญมาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่พวกเขาตายไป
ต่อจากเหล่าเทพแห่งยุค คือเหล่าเซียนที่ตายไปในช่วงสงครามหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่หวังหลินรู้จักพวกเขาแต่ก็มีอีกมากที่ไม่รู้จัก อย่างไรก็ตามมีดวงวิญญาณมากมายมหาศาลที่ตายไปเพื่อดินแดนชั้นใน การตายของพวกเขาจำเป็นต้องได้รับการจดจำจากคนรุ่นหลัง!
ตลอดหลายชั่วอายุคน มีเซียนและสิ่งมีชีวิตมากมายเหลือเกินที่ตายไประหว่างสงครามของดินแดนชั้นในและดินแดนชั้นนอก ไม่มีใครสร้างอนุสรณ์ความทรงจำให้แก่เหล่าเซียนเหล่านี้แม้แต่ในช่วงยุคโบราณก็ตามที จนกระทั่งตอนนี้หวังหลินได้เรียกวิญญาณพวกเขาที่ตายในสนามรบขึ้นมา!
“พวกท่านทั้งหลายยอมกลายเป็นจิตวิญญาณอมตะให้แก่ค่ายกลนี้หรือไม่?” หวังหลินเงยหน้ามองเหล่าดวงวิญญาณ เอ่ยเสียงดังฟังชัดแก่วิญญาณทั้งหมด
ดวงวิญญาณมากมายมหาศาลในดินแดนชั้นในเกิดการบิดเบือนและกลายเป็นกลิ่นอายที่มองไม่เห็นลอยเข้าหาหวังหลิน
กลุ่มแรกที่เข้ามาหาหวังหลินคือเซียนโบราณ สีหน้าแต่ละคนพร่ามัวและวิญญาณมืดมัว เขาปรากฏตัวห่างจากหวังหลินไปพันฟุตและมองดูอย่างลึกซึ้ง หวังหลินยังคงอยู่ในท่าโค้งคำนับ ดวงวิญญาณคำนับฝ่ามือให้หวังหลิน
หลังคำนับฝ่ามือ ดวงวิญญาณพุ่งเข้าหากงล้อและยินยอมกลายเป็นหนึ่งในจิตวิญญาณค่ายกล!
เบื้องหลังวิญญาณดวงนั้น มีวิญญาณอีกหลายดวงที่ตายไปในยุคโบราณพลันมาถึง ทั้งหมดคำนับฝ่ามือห่างจากหวังหลินหนึ่งพันฟุตและเข้าสู่ค่ายกลกงล้อโดยไม่ลังเล
แม้พวกเขายังคงขัดข้องใจในการตายของตนเอง วินาทีที่พวกเขาคำนับฝ่ามือให้ กลับยินยอมผสานเข้ากับค่ายกลกงล้อโดยไม่มีความเสียใจ พวกเขาตายเพื่อดินแดนชั้นใน แม้หลังจากตาย ก็ยังเสนอวิญญาณให้แก่ดินแดนชั้นใน
พวกเขาเป็นผู้กล้าทั้งในยามมีชีวิตและยามตาย!
หนึ่งดวง สองดวง หมื่นดวง สองหมื่นดวง หนึ่งแสนดวง หลายแสนดวง! เหล่าเซียนโบราณที่ตายไปต่างก็ปรากฏตัวขึ้นและคำนับฝ่ามือให้หวังหลิน บ้างก็มาคนเดียว มาเป็นกลุ่ม เป็นร้อยหรือไม่ก็หลักหมื่น ทั้งหมดผสานเข้ากับค่ายกลหลังจากคำนับฝ่ามือให้!
ต่อจากพวกเขาคือเหล่าเทพจากแดนสวรรค์ทั้งสี่แห่ง พวกเขามาจากแดนสวรรค์พิรุณ วายุ อัสนีและแสง โลหิตที่ไหลผ่านยังคงเป็นของดินแดนชั้นใน แม้จะตายไปหลายปี ดวงวิญญาณก็ยังเป็นวิญญาณของดินแดนชั้นใน!
พวกเขาถือกำเนิดเป็นคนของดินแดนชั้นใน และตายเป็นวิญญาณของดินแดนชั้นใน!
พวกเขาค่อยๆ ปรากฏตัวเบื้องหน้าหวังหลิน เกิดเหตุการณ์เสียสละเหมือนก่อนหน้านี้ ทั้งหมดคำนับฝ่ามือให้หวังหลินและผสานเข้ากับค่ายกล
ฉากเหตุการณ์ครั้งนี้ได้ก่อเกิดคลื่นในใจขึ้นแก่ผู้คนนับไม่ถ้วนที่พบเห็น หวังหลินประคับประคองการโค้งคำนับของตัวเองต่อไป
ต่อจากวิญญาณเหล่าเทพก็เป็นวิญญาณเหล่าเซียนที่ตายไปในสงครามครั้งนี้ในชั่วระยะเวลาร้อยปี มีทั้งใบหน้าที่คุ้นเคยและไม่คุ้นเคย ทั้งหมดโค้งคำนับให้หวังหลินและผสานเข้ากับค่ายกลโดยไม่ลังเล!
บางคนเคยเป็นศัตรูของหวังหลิน บางคนมีสายใยสัมพันธ์กับหวังหลิน แต่นาทีนี้พวกเขาได้ใช้พลังสุดท้ายเพื่อปกป้องคุ้มครองดินแดนชั้นใน!
กลิ่นอายแห่งความเศร้าเต็มไปทั่วดาราจักร เหล่าเซียนดินแดนชั้นนอกที่พุ่งเข้ามาทั้งหมดต่างก็หวาดกลัวกับสิ่งที่เห็น
ณ ดาราจักรทุกชั้นฟ้า บนดาวเคราะห์ที่เหลืออยู่สิบเก้าดวง เหล่าเซียนทั้งหมดยืนขึ้น โค้งคำนับให้หมู่ดาวโดยไม่ต้องมีใครนำ
จ้าวเมฆาใต้ ซือถูหนาน ปรมาจารย์หงซาน ฉิงหลินและคนอื่นๆ ต่างก็ยืนขึ้นทั้งหมด พวกเขามองไปยังท้องฟ้าด้วยความโศกเศร้าและเคารพ!
ไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้น แต่ในอีกสามดาราจักร เซียนกลุ่มที่เหลืออยู่ของดินแดนชั้นในต่างก็มองขึ้นไปทั้งหมด ความทรงจำแห่งสงครามแล่นวาบผ่านสายตาและ โค้งคำนับให้แก่ดวงดาว!
รวมไปถึงสตรีสามคนที่รวมกลุ่มกันในทะเลเมฆาและยังคงอยู่ห่างไกลจาก หวังหลินเล็กน้อย แววตาแต่ละคนเต็มไปด้วยความโศกเศร้า พวกนางโค้งคำนับให้แก่ร่างเงาทั้งหลายที่ลอยผ่านไป
ยามนี้ด้วยในดาราจักรฟ้ากระจ่าง ในดาราจักรดวงดาวที่ว่างเปล่า ผีเฒ่าจางเผย สีหน้าท่าทางเศร้าหมองที่ไม่ค่อยได้พบเห็น เขายืนขึ้นมองเหล่าดวงวิญญาณที่ล่องลอยผ่านไปและเผยท่าทีซับซ้อนเกินอธิบาย
‘ลู่ค่าย…ลี่ตง ชางยี่…พวกเจ้าก็อยู่ที่นี่ใช่หรือไม่…พวกเจ้าตายไปนานแล้วและ ยังเหลือเพียงข้าที่ยังรอด…ตอนนั้นเราต่างก็คาดเดาว่าทำไมดินแดนชั้นนอกและดินแดนชั้นในถึงต้องสู้กัน…ข้าไม่คิดว่าวันหนึ่งข้าจะกลายเป็นต้นตอของสงครามที่ข้าขัดข้องใจขนาดนั้น…เราสาบานกันว่าจะเปลี่ยนแปลงมัน ทำลายค่ายกลดินแดน ปิดผนึกและให้ดินแดนชั้นในได้ก้าวออกไป…’
‘กระนั้น พวกเจ้ากลับไม่รู้เรื่องที่ข้าค้นพบจากต้นกำเนิดเทพ ข้าค้นพบความลับอันน่าตกตะลึง…’
ผีเฒ่าจางผุดแววตาโศกเศร้า แม้เขาจะถือว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในถ้ำ เขาก็ยังเป็นคน เป็นชีวิตที่ถือกำเนิดในถ้ำแห่งนี้
เขาไม่ใช้คนไร้อารมณ์ความรู้สึก ขณะที่หวังหลินเรียกขานเหล่าดวงวิญญาณ หัวใจเขารู้สึกเจ็บปวด เขาตกตะลึงและมีแววตาสับสน ผ่านไปสักพักจึงโค้งให้แก่วิญญาณเหล่านั้น
แต่ในขณะที่เขาโค้งคำนับ สีหน้าท่าทางกลับกลายเป็นบิดเบี้ยวและเจ็บปวด ราวกับพลังส่วนหนึ่งระเบิดออกมาจากในร่าง ป้องกันไม่ให้เขาโค้งคำนับต่อเหล่า มดแมลงชั้นต่ำพวกนี้!
“ข้าสามารถช่วยเจ้าได้ แต่เจ้าไม่สามารถหยุดข้าไม่ให้โค้งคำนับต่อเหล่าวิญญาณเหล่านี้เพื่อทำให้ข้ารู้สึกผิด!” ผีเฒ่าจางกัดฟันและเอ่ยคำพูดทีละคน เขาไม่สนพลังที่พยายามหยุดยั้งเขาและโค้งคำนับทั้งตัว
ขณะเดียวกัน ในดาราจักรอัญเชิญนที บนอุกกาบาตที่แม้แต่หวังหลินใช้สัมผัสวิญญาณก็ไม่สังเกตเห็น เทียนหยุนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
สีหน้าท่าทางของเขาสงบนิ่ง สัมผัสวิญญาณที่ถูกอัญเชิญออกมาจากดวงดาวและขบคิดอย่างเงียบงัน ผ่านไปสักพักจึงก้าวออกมาจากอุกกาบาตและยืนอยู่ตรงนั้น มองไปยังเหล่าวิญญาณนับไม่ถ้วน
“ข้าควรเป็นคนแรกที่จะปลุกความทรงจำของข้าให้ตื่น…แต่ข้ายังเป็นเซียนของดินแดนชั้นใน…พวกเจ้าทั้งหมดสมควรแล้วที่ได้รับการโค้งคำนับจากข้า” เทียนหยุนถอนหายใจ สะบัดแขนเสื้อพลางโค้งคำนับให้กับดวงดาว
ในดาราจักรอัญเชิญนทีอีกเช่นกัน มีอีกคนที่แม้แต่เทียนหยุนก็ไม่สังเกต เขาคือชายหนุ่มที่โผล่ออกมาจากทัณฑ์สวรรค์ของหวังหลิน มาจากรอยแยกที่นำทางไปสู่แดนสวรรค์โบราณ
เขานั่งลง ร่างกายพร่ามัว ไม่อาจเห็นร่างเขาได้ชัดเจน
ยามนี้เขาลืมตาตื่นขึ้นมา ในสายตาแล่นกระพริบแสงสีทอง จากนั้นผุดความดูถูกเหยียดยามขึ้น
‘โค้งคำนับวิญญาณที่น่าสงสารพวกนี้ไปจะได้อะไร? ก็แค่นกในกรงกลุ่มเดียว ข้ายังหาสถานที่ที่อาจารย์ลุงหม่ากล่าวถึงไว้ไม่ได้ ดังนั้นข้าไม่ไปรบกวนดีกว่า คำนวณเวลาแล้ว อาจารย์ลุงหม่าน่าจะตื่นขึ้นอีกไม่นานนี้ ถ้ำของสำนักเจ็ดเต๋าช่างน่าสนใจยิ่งนัก…’