1685. อสรพิษ
ระหว่างเซียนสองกลุ่มมีแท่นหินวิญญาณขนาดยักษ์ตั้งอยู่ แท่นหินวิญญาณนี้เปล่งกลิ่นอายทรงพลังออกมา มันมีขนาดราวหมื่นฟุตดั่งภูเขาย่อมๆ หินวิญญาณก้อนขนาดนี้นับว่าหาได้ยากยิ่ง
หวังหลินบ่มเพาะมานานและไม่ค่อยพบเจอหินวิญญาณขนาดใหญ่เช่นนี้ แม้ตอนนี้หินวิญญาณจะไร้ประโยชน์สำหรับเขา แต่หลังจากเห็นตรงหน้า จึงปรากฏสีหน้าท่าทางที่แปลกประหลาดขึ้น
บนหินวิญญาณมีมังกรแดงขดตัวอยู่ด้านบน มันไม่ได้ใหญ่นัก ทั้งยังนอนอย่างขี้เกียจอีกด้วย บางครั้งมันก็กะเทาะหินวิญญาณออกมาโยนเข้าไปในปาก เคี้ยวเล็กน้อยก่อนจะกลืนไป มีท่าทีสุขสบายอย่างยิ่ง
“มังกรเทพคืออำนาจ…มังกรเทพแสดงเต๋า…” เสียงคำรามจากเหล่าเซียนทำให้เจ้ามังกรยิ่งสุขใจมากไปอีก
‘ฮึ่ม หากข้าไม่ถูกขังไว้ในที่บัดซบนั่นตั้งหลายปี เจ้ามังกรนี่จะมีชีวิตในโลกถ้ำดีกว่าข้างนอกไปได้อย่างไร เจ้าวิหคศักดิ์สิทธิบัดซบนั่น ราชันย์เทพบัดซบนั่น และราชันย์บัดซบนั่นก็ด้วย… โชคดีที่ข้าหนีรอดมาได้ ตอนนี้จึงเป็นชีวิตในอุดมคติของข้า… ชีวิตแบบนี้ช่างดีและน่ารื่นรมเพียงใด… ข้าอดคิดถึงบ้านเกิดและเสียงเพลงดังไพเราะไม่ได้เสียแล้ว…’ มังกรแดงดูภูมิใจมาก ใช้กรงเล็บทำลายเศษหินวิญญาณอีกชิ้นและโยนเข้าปาก
‘มังกรสาวตัวน้อยทั้งสองใต้ภูเขาหิมะเหิน เจ้ารู้ความคิดที่ข้ามีต่อเจ้าหรือไม่? หนวดยาวของเจ้า ร่างงดงามและสายตายั่วยวนของเจ้า…’ มังกรแดงดูเหมือนจะมีความสุขเกินไปและเริ่มพึมพำ
ขณะเดียวกันมันใช้หางมังกรตีกระทบหินวิญญาณจนเป็นทำนอง เหล่าเซียนนับพันรอบด้านอดไม่ได้ที่จะมองมัน สำหรับพวกเขาแล้วน้ำเสียงของมันโศกเศร้าเกินไปและไร้ความรู้สึก ไม่ว่ามันจะทำอะไรก็ได้แต่ยินเสียงคำรามดังออกมาน่ากลัวเท่านั้น
“มังกรเทพแสดงเต๋า…มังกรเทพคืออำนาจ…”
มังกรแดงตัวนี้คือมังกรเพลิงที่เกือบถูกวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นสองในดินแดนตกสวรรค์ใช้เพลิงเผาจนโลหิตเกือบแห้งหมดตัว รุ่นที่สองมอบมันให้กับหวังหลินแต่มันก็หนีไปได้ ความจริงตอนที่สุสานโบราณเปิดขึ้น หวังหลินก็ไม่ได้ไปทำอะไรกับมันแล้ว
ตอนนี้หลายร้อยปีผ่านไป ขณะที่หวังหลินกำลังจะลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท เจ้ามังกรผู้น่าสงสารตัวนี้กลับปรากฏขึ้นในสัมผัสวิญญาณ
ขณะที่เหล่าเซียนนับพันมาพร้อมกับเจ้ามังกร สัมผัสวิญญาณทั้งหมดของเซียนขั้นที่สามที่รวมกันมายังหวังหลินกลับเลื่อนจุดเพ่งตามสายตาหวังหลิน
เจ้ามังกรแดงยังคงเคี้ยวหินวิญญาณและยังร้องเพลงอย่างภูมิใจ ทว่าในจังหวะนั้น เจ้ามังกรก็สั่นเทา เสียงเคี้ยวและเสียงร้องเพลงพลันหยุดชะงัก
มันกะพริบตาด้วยความงุนงง แต่ในไม่นานกลับเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวและร่างกายสั่นเทา
‘บัด…ซบ ปู่ย่ามังกรเอ๋ย ทำไมถึงมีสัมผัสวิญญาณที่นี่เยอะแยะขนาดนี้? ทำไมสัมผัสวิญญาณพวกคนน่าเบื่อเหล่านั้นถึงรวมกันที่นี่!?’
หลังจากตกตะลึงไปชั่วขณะ เจ้ามังกรโง่จึงร้องคำรามสะอื้น
“ถอยก่อน ถอยก่อน รีบถอยเร็ว!!” เจ้ามังกรโง่ตัวสั่น มันระมัดระวังตัวอยู่แล้วในการพัฒนากองกำลังของตัวเอง มันไม่ได้ไปล่วงเกินคนที่คิดว่าจะรับมือไม่ได้ เพราะกลัวจะถูกจับได้อีกครั้ง แม้จะคิดว่ามันดูกล้าหาญแค่ไหน เส้นทางที่มันก้าวเดินยังต้องเลือกถี่ถ้วนหลายรอบ
มันใช้เส้นทางนี้มามากกว่าสิบครั้งและไม่เคยเผชิญอันตรายอันใด มันมีวิชาประหลาดเอาไว้ซ่อนกลิ่นอาย จึงยากจะตามหามันได้เว้นแต่จะจงใจหามันจริงๆ
ปกติแล้วตอนที่มันพบเจอเซียนที่อ่อนแอกว่า เจ้ามังกรจะแสดงพลังอำนาจและทำให้คนผู้นั้นหวาดกลัวจนเชื่อฟังและกลายเป็นสมาชิกของสำนักมังกรเทพ
ทว่าวันนี้มันไม่คาดคิดว่าจะถูกสัมผัสวิญญาณจำนวนมากพุ่งใส่เพียงแค่เดินทางมาได้ครึ่งทาง สัมผัสวิญญาณพวกนี้ทำให้มันสั่นเทา มีหลายคนแข็งแกร่งมากเสียจนมันต้องกลืนน้ำลาย
จิตใจเจ้ามังกรเต้นเร็วรัว มันบินออกไปจากหินวิญญาณและกำลังจะหนี ทว่ามันมองเหล่าศิษย์ด้วยความร้อนรนและสับสน ก่อนจะระงับความกลัว ร่อนกลับมายังแท่นหินวิญญาณและกระแอมแห้งๆ
“ข้าจำได้ว่ามีเม็ดยากำลังหลอมไว้ เราจะไม่ทำเป็นเล่นอีกแล้ว พาข้ากลับไปหลอมยาพวกนั้น!!”
หลังได้ยินเช่นนี้ แม้เซียนรอบด้านยังคงไม่แน่ใจ พวกเขาก็ยังฟังคำสั่ง จึงพาแท่นหินวิญญาณขนาดยักษ์และถอยไปช้าๆ
ทว่าหินวิญญาณก้อนใหญ่เกินไป ความเร็วจึงช้ามาก มังกรแดงกระวนกระวายมากและสัมผัสความโลภจากจิตวิญญาณเหล่านั้นได้ มันรู้สึกเศร้าที่รู้ว่าขณะที่ถอนกลับมา สัมผัสวิญญาณเหล่านั้นยังตามมาจับจ้องมันอยู่
“บัดซบ พวกเจ้ารีบเร็วเข้า หากช้าเกินไป ข้าจะกลืนกินพวกเจ้าเสียให้หมด!” ดูเหมือนมันยังคงกังวลเล็กน้อยและรีบเสริม
“หม้อยาของข้าล้ำค่ามาก…”
เจ้ามังกรทำน้ำเสียงเคร่งเครียด หัวใจเต้นรัว มันไม่เคลื่อนไหวทันที เพราะหากทำเช่นนั้นคงเป็นจุดสนใจมากเกินไป มันไม่ควรใจร้อน มันต้องสงบลง
‘มังกรเทพ เจ้าคือมังกรเทพ เจ้าต้องสงบนิ่ง… มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ เจ้าแค่ไม่ได้เห็นพวกมัน…’ เจ้ามังกรโง่รวบรวมความกล้าและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าเรื่องแย่ของจริงคือขณะที่มันแกล้งทำตัวแบบนั้น ทุกอย่างกลับเผยออกมาบนใบหน้าทั้งหมด
หลังจากพวกมันถอยออกมาได้มากกว่าแสนฟุต เหล่าสัมผัสวิญญาณทั้งหมดก็จากไป ยิ่งทำให้เจ้ามังกรโง่มีความสุขมาก
ดูเหมือนว่าการปรากฏตัวของเจ้ามังกรเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ พวกเขาไม่ได้สนใจเจ้ามังกร ดังนั้นจึงถอนสัมผัสวิญญาณออกมาทั้งหมด นี่จึงเป็นเรื่องประหลาดใจอย่างยิ่งสำหรับมัน
มันถอนหายใจยาวและคิดขึ้นในใจ หลังจากกลับไปบ้าน มันจะไม่ออกมาอีกเลยสิบปีและจะไม่มาเส้นทางนี้อีก เส้นทางนี้น่ากลัวเกินไป!
เซียนรอบด้านยังคงอยู่ในอาการตกตะลึงและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน แต่เพื่อทำให้มังกรเพลิงโปรดปราน พวกเขาจึงเริ่มร้องคำรามเสียงดัง
“มังกรเทพแสดงเต๋า จงเชื่อฟังจะได้หลีกเลี่ยงหายนะล้างโลก…”
“มังกรเทพแสดงเต๋า เชื่อฟังสาวก จะพาเราไปยังแดนสวรรค์ไร้ขอบเขตและเป็นอมตะ มังกรเทพทรงอำนาจ…”
ขณะที่คำกล่าวสรรเสริญเริ่มขึ้น สัมผัสวิญญาณทรงพลังสายหนึ่งโผล่ออกมาจากด้านหลัง สัมผัสวิญญาณนี้มีแรงกดดันทรงพลังและแทบทำให้เจ้ามังกรเพลิงกลัวจนหัวหด
“อำนาจ…อำนาจอะไร!! พวกเจ้าหุบปาก!!” เจ้ามังกรคำรามจนเกือบหลั่งน้ำตา มันคิดว่ามันหนีรอดหายนะได้แล้วแต่มันไม่คาดคิดว่าเสียงคำรามของคนพวกนี้จะไปกระตุ้นสัมผัสวิญญาณที่ทำให้มันต้องสั่นสะท้าน
มันคิดค้นคำพูดพวกนี้ขึ้นมาเอง และรู้สึกฟังแล้วสบายใจเสมอ ทว่าในยามนี้คำพูดพวกนั้นกลับส่งมันไปฝังในหลุม ทำให้เจ้ามังกรเพลิงส่งเสียงคำรามโหยหวน
หลังจากร้องคำราม มันรีบหันตัวกลับมา คำนับมือสองข้างด้วยท่าทีที่ดูเหมือนกำลังจะร้องไห้
“ฮี่ฮี่ ฮี่ฮี่…ข้ารบกวนท่านแล้ว ข้ารบกวนท่านแล้ว ข้าจะจากไปแล้ว เจ้าพวกเด็กน้อยไม่รู้กาลเทศะ ข้ามังกรน้อยไม่ทรงอำนาจเลยและไม่ใช่เทพแน่นอน ข้าเป็นเพียงอสรพิษเท่านั้น ใช่แล้ว เพียงแค่อสรพิษ…ข้าแค่ดูเหมือนมังกรนิดหน่อย ฮี่ฮี่ ฮี่ฮี่…” เจ้ามังกรเพลิงตัวสั่น แม้แต่คำพูดก็เหมือนโดดข้ามไปมา
“ฮี่ฮี่ ฮี่ฮี่ ข้าจะไม่รบกวนสหายผู้อาวุโสแล้ว พวกท่านทั้งหมดคงยุ่ง ไม่จำเป็นต้องสนใจข้าหรอก ข้าจะจากไปเอง…ไม่ต้องมาส่งข้าก็ได้…” มังกรเพลิงตัวสั่น แม้แต่แท่นหินวิญญาณก็ยังทิ้งไว้และหนีอย่างกระวนกระวาย
แต่ขณะที่มังกรเพลิงล่าถอยอย่างรวดเร็ว มันหยุดลงทันที คราวนี้มันจะร้องไห้จริงๆ แล้วเนื่องจากร่างสีขาวเรือนผมสีขาวปรากฏขึ้นเบื้องหน้า หวังหลินก้าวเท้าและมองมังกรเพลิงด้วยรอยยิ้ม
“เจ้า!!” มังกรเพลิงเห็นหวังหลินและตกตะลึง มีเหตุผลหนึ่งที่วิหคเพลิงรุ่นที่สองเรียกมันว่า “มังกรโง่” ตอนที่เจ้ามังกรเห็นหวังหลิน มันจำได้ว่าหวังหลินอ่อนแอแค่ไหนและหลงลืมสัมผัสวิญญาณที่ทำให้มันสั่นเทาไปเสียสนิท
“บัดซบ เจ้ายังกล้ามาหยุดข้าด้วยหรือ? เจ้าดื่มโลหิตข้าไปเกือบหมด วันนี้ข้าต้องการให้เจ้าชดใช้!” เจ้ามังกรจ้องมองหวังหลินและอ้าปาก เปลวเพลิงพุ่งออกมาและกลืนกินทุกอย่างเบื้องหน้า รวมถึงหวังหลินด้วย
ทว่าลมหายใจถัดไป ก้อนเปลวเพลิงพลันแตกกระจายไปทุกทิศทาง เปลวเพลิงกลายเป็นเกล็ดและส่องสว่างขึ้นในดาราจักร
เมื่อก้อนเปลวเพลิงหยุดลง เจ้ามังกรร้องคำรามอย่างหวาดกลัว ร่างกระเด็นออกไป แววตาหวาดผวา
หวังหลินก้าวออกมาจากกองเพลิง เปลวเพลิงทั้งหมดหยุดลง มันรวมกันเข้ามาหาหวังหลินและก่อตัวเป็นเปลวเพลิงเผาไหม้ในมือซ้าย
“มังกรเพลิง…” หวังหลินยังคงยิ้มแบบไม่ใช่รอยยิ้ม มองดูเจ้ามังกรเพลิงตรงหน้า
“ข้า…ข้าเป็นแค่อสรพิษจริงๆ…” มังกรเพลิงตัวสั่นและไม่โง่อีกแล้ว มันคิดว่ากลิ่นอายที่ทำให้มันหวาดกลัวคือกลิ่นอายที่หวังหลินปลดปล่อยออกมายามนี้