1701. เหตุผล
คลื่นกลิ่นอายที่สามารถทำให้ทุกชีวิตสั่นเทากำลังแผ่กระจายออกมาจากร่างเซียนเต๋าสีรุ้ง เหล่าอสูรหลายตัวพลันล่าถอยด้วยความตื่นตระหนก กลิ่นอายนี้ทำให้พวกมันหวาดกลัวอย่างรุนแรง
กลิ่นอายนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าอำนาจสวรรค์ ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดกล้าเข้ามาใกล้ มันทรงพลังมากพอจนฟ้าดินต้องสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวต่ออำนาจ
เหตุผลที่มีศพอสูรหลายตัวรอบเซียนเต๋าสีรุ้งก็เป็นเช่นนี้ พวกมันถูกสังหารก่อนจะเข้ามาในภาพมายา
หวังหลินเป็นคนกล้าบ้าบิ่น ยามนี้ดวงตาหรี่แคบลง ขบคิดเล็กน้อยพลันกัดปลายลิ้นและพ่นโลหิตออกมาเปลี่ยนกลายเป็นหยด 99 หยด แต่ละหยดมีกลิ่นอายระดับบ่มเพาะของเขาอยู่ด้วย
จากนั้นสะบัดแขนเสื้อด้วยสายตาเคร่งเครียด หนึ่งหยดลอยออกไปตรงหน้าผากตัวเอง
“อมตะ…” ขณะที่หวังหลินพึมพำ พลังบัญชาโบราณพรั่งพรูออกมารวมกันไปที่หยดโลหิตพร้อมกับเศษเสี้ยววิญญาณดั้งเดิม
หยดโลหิตกลายเป็นผลึกใส!
หลังจากถูกผสานเข้ากับพลังบัญชาโบราณ หยดโลหิตจึงเรืองแสงสีแดงสว่าง หวังหลินพ่นลมหายใจและให้หยดโลหิตลอยออกไปข้างหน้า หยดโลหิตที่เหลืออยู่ 98 หยดกำลังล้อมรอบหยดก่อนหน้านี้กลายเป็นวงแหวนโลหิต
ภายใต้การป้องกันของวงแหวน มันจึงทะยานเข้าไปในระยะห่างพันฟุตใกล้เซียนเต๋าสีรุ้ง
นาทีที่มันเข้าไปในระยะ วงแหวนโลหิตจึงแตกสลายอย่างเงียบๆ เหลือไว้เพียงโลหิตที่มีพลังบัญชาโบราณ! อย่างไรก็ตามพวกมันก็ได้ต่อต้านคลื่นทำลายล้างเพื่อป้องกันหยดโลหิตข้างในไปด้วย
หยดโลหิตทะยานไปหลายร้อยฟุตในทันที ช่วงเวลานี้มันถูกทำลายไปหลายหมื่นครั้งแต่ก็ฟื้นคืนขึ้นมาได้ทันทีด้วยพลังบัญชาโบราณ
เพียงเสี้ยวพริบตา หยดโลหิตอยู่ภายในระยะร้อยฟุต เมื่อถึงจุดนี้การฟื้นคืนของพลังบัญชาโบราณไม่อาจรวดเร็วดังใจ หยดโลหิตสูญสลายจนเหลือเพียงเศษเสี้ยว
เศษเสี้ยวโลหิตยังมองได้ด้วยตาเปล่า แต่หากไม่เพ่งอย่างละเอียดก็คงพลาดได้ง่ายๆ เศษเสี้ยวนี้มีเศษวิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินอยู่ด้วย ดังนั้นการโดนทำลายอย่างต่อเนื่องของมันจึงทำให้สีหน้าท่าทางหวังหลินต้องบิดเบี้ยว
ทุกอย่างเกิดขึ้นในพริบตา เศษเสี้ยวโลหิตทะลุผ่านร้อยฟุตสุดท้ายและร่อนลงกลางหน้าผากของเซียนเต๋าสีรุ้ง วินาทีนั้นเศษวิญญาณดั้งเดิมจึงเข้าแตะร่างของเซียนเต๋าสีรุ้ง
หวังหลินหลับตาอยู่ห่างไปพันฟุตและเอ่ยพึมพำเสียงเบา
“เต๋าความฝัน!”
เพียงแค่สองคำนี้ ความคิดหวังหลินสั่นสะท้าน ทุกอย่างในความคิดพังทลาย แสงสีรุ้งปรากฏขึ้นมาเขย่าจิตใจ จนความคิดจมดิ่งเข้าสู่ก้นบึ้งไร้ที่สิ้นสุด
ที่นี่คือโลกที่เป็นสีรุ้ง ท้องฟ้าเป็นสีรุ้ง พื้นดินเป็นสีรุ้ง แม้กระทั่งก้อนเมฆก็เช่นเดียวกัน บนพื้นดินมีภูเขามากมาย หวังหลินปรากฏตัวอยู่บนยอดภูเขาลูกหนึ่ง
หลังจากมึนงงไปชั่วขณะ หวังหลินหันไปมองรอบๆทันที
‘นี่คือภาพลวงตาที่เซียนเต๋าสีรุ้งอยู่ข้างใน!’
หวังหลินแผ่กระจายสัมผัสวิญญาณอย่างละเอียด เขาทะยานไปข้างหน้าและผ่านพื้นดินไป เวลาล่วงเลยไม่รู้นานแค่ไหน หวังหลินหยุดชะงักและมองตรงไป
เขาเห็นคนผู้หนึ่งกำลังนั่งอยู่บนยอดเขา คนผู้นี้คือเซียนเต๋าสีรุ้ง
อีกฝ่ายนั่งลืมตาอยู่ตรงนั้น สายตาทอดมองท้องฟ้า สีหน้าท่าทางดูซึมเซา
รอบร่างกายมีก้อนแสงขนาดเท่ากำปั้นจำนวนเก้าลูกราวกับเปลวเพลิง พวกมันคือวิหคเพลิงเก้าตัว ซึ่งเป็นระดับบ่มเพาะและสมบัติของเซียนเต๋าสีรุ้ง
“ชานเมิ่ง…ข้าจำได้ เจ้าชื่อฟ่านชานเมิ่ง…” เซียนเต๋าสีรุ้งพึมพำ
หวังหลินทอดสายตามองเซียนเต๋าที่อยู่ห่างออกไปและเผยท่าทีประหลาดใจ เขาได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายไม่ได้สังเกตเขา
หลังขบคิดชั่วขณะ หวังหลินดวงตาส่องสว่าง
‘หรือจะเป็นภาพมายาทับซ้อน…’ ครู่ต่อมา หวังหลินก้าวเข้าหาเซียนเต๋าสีรุ้งอย่างระมัดระวัง ไม่นานจึงอยู่ใต้ภูเขาและห่างจากเซียนเต๋าสีรุ้งในระยะพันฟุต
หวังหลินจับจ้องด้วยสายตามุ่งมั่น แขนขวายื่นออกไปนำใบเรือหน้าปีศาจออกมาจากมิติเก็บของ แม้จะไม่รู้ว่ามันสามารถทำอะไรได้และไม่ได้หลอมอย่างสมบูรณ์ เขาก็ยังผสานสัมผัสวิญญาณเข้าไป
หวังหลินนั่งลงและสะบัดแขน เมื่อควบคุมผ้าใบได้จึงใช้มันห่อหุ้มรอบร่างกาย
วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินหลุดออกมาจากร่างและเข้าสู่ผ้าใบเรือ ผ้าใบนี้ดูเหมือนจะสามารถทะลวงผ่านมิติและพุ่งหาเซียนเต๋าสีรุ้งได้ ผ้าใบกางออกในท้องฟ้าและใบหน้าปีศาจค่อยๆ เปลี่ยนกลายเป็นใบหน้าหวังหลิน จากนั้นเซียนเต๋าสีรุ้งมองมันด้วยสายตามึนงง
วินาทีนั้นทัศนวิสัยของหวังหลินพลันมืดมิด ดวงตาของเซียนเต๋าสีรุ้งเสมือนหลุมดำและดูดเขาเข้าไปข้างในทันที
“เข้าไป!” หวังหลินออกคำสั่ง เสียงหัวเราะบ้าคลั่งดังเข้าสู่หวังหลิน
ความมืดเบื้องหน้าคล้ายถูกฉีกกระชากด้วยพลังประหลาดบางอย่าง สิ่งที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขาคือสถานที่แห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยเจดีย์พังทลาย เศษซากทั้งหมดคือเจดีย์สูงตระหง่าน ดูราวกับสำนักแห่งหนึ่ง
เสียงหัวเราะเป็นของชายวัยกลางคนผมยาว สวมชุดคลุมสีเทา รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาเอาการ ดวงตาเย็นเยียบ สัมผัสความน่าเกรงขามแผ่กระจายออกมาจนทุกคนรู้สึกได้จากก้นบึ้งจิตใจ
เขายกแขนขวาขึ้นมา มีเจดีย์ขนาดยักษ์อยู่เบื้องหน้า ขณะที่กำลังทำลายเจดีย์ มันพังทลายและมีแสงสีรุ้งกะพริบอยู่ข้างใน ชายท่าทางโกรธเกรี้ยวผู้หนึ่งก้าวเดินออกมา!
เมื่อหวังหลินได้มองชายผู้นี้ เขาสูดหายใจลึก ชายผู้นี้เหมือนกันกับรูปปั้นในมิติเก็บของหวังหลินไม่มีผิด เขาคือราชันย์เทพสีรุ้ง!
แม้รูปร่างหน้าตาของชายวัยกลางคนจะไม่คล้ายคลึง แต่เสียงหัวเราะและน้ำเสียงทำให้หวังหลินตกตะลึง หวังหลินจำได้ทันทีว่าคือเหลียนต้าวเฟย!
ด้านหลังเหลียนต้าวเฟยมีมังกรสีแดงสด มันส่งเสียงคำรามอย่างโอหัง ถัดจากเหลียนต้าวเฟยเป็นผู้เยาว์หัวล้านสวมเสื้อคลุม
ร่างของผู้เยาว์หัวล้านดูผอมบาง นาทีนี้เขาต่อสู้กับใครสักคนด้วยท่าทีดุดัน หวังหลินจดจำผู้เยาว์ที่กำลังต่อสู้ได้ เขาคือขุนพลมังกรฟ้า!
พอมองไปรอบๆ สถานที่แห่งนี้คือสนามต่อสู้และโกลาหลเป็นอย่างยิ่ง ขุนพลอีกสามคนอยู่ที่นี่ รวมถึงแปดนางสนมด้วยเช่นกัน!
พื้นดินพังทลายเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เศษพื้นดินจำนวนมากพังทลายและเกิดรอยแยกอวกาศนับไม่ถ้วนขึ้นในท้องฟ้า สายลมเย็นพัดออกมาส่งผลให้พื้นดินแข็งตัว
หวังหลินมองทั้งหมดด้วยความตกตะลึง หลังจากตกตะลึงไปสักพัก เหลียนต้าวเฟยและราชันย์เทพสีรุ้งก็ปะทะกันเสียงดังสนั่น ราชันย์เทพสีรุ้งกระเด็นกลับไปและกระอักโลหิต ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ส่งเสียงคำรามรุนแรงอย่างบ้าคลั่ง
“ฟ่านชานเมิ่ง ฟ่านชานลิ่ว ทำไมเจ้าสองคนถึงทรยศข้า?! ข้าไม่ดีกับพวกเจ้าหรือ? ทำไมกัน!? หรือเป็นเพราะข้าได้รับเศษเสี้ยวที่เจ้าลืมไปแล้วว่าเราช่วยกันเมื่อหลายหมื่นปีก่อน!?”
“ฟ่านชานเมิ่ง ออกมา!!”
“เจ้าลอบโจมตีข้าระหว่างเดินทางกลับ แต่ข้ายอมให้เจ้าหนีไปและไม่สังหารเจ้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเจ็บปวดหัวใจแค่ไหน? เจ้ารู้หรือไม่?! ตอนนี้เจ้ายังพาคนนอกเข้ามาสังหารข้าอีก สารเลว!!! และเจ้าด้วย เหลียนต้าวเฟย เจ้ามีตำแหน่งเป็นถึงขุนนางและมีสตรีฝึกฝนข้างกายเจ้ามากมาย เจ้ายังไปเอานางสารเลวนั่นอีก คิดว่าข้าไม่รู้หรือ?!” ราชันย์เทพสีรุ้งร้องคำราม ดวงตาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
เหลียนต้าวเฟยดูเย่อหยิ่งจองหองยิ่งนัก หลังได้ยินเช่นนี้เขาส่ายศีรษะและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“นางเป็นคนมาหว่านเสน่ห์ใส่ข้า แต่ราชาผู้นี้ไม่สนใจคนรักของผู้อื่นหรอก ข้าแค่มาหาเศษเสี้ยวเท่านั้น ส่งมันมาและข้าจะจากไป ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องพวกเจ้าสองคน”
“เศษเสี้ยว? วันนี้จะไม่มีใครได้ไปไหนทั้งนั้น!” ดวงตาของราชันย์เทพสีรุ้งกำลังแดงก่ำ เขาสะบัดแขนเสื้อทำให้โลกเปลี่ยนสีสัน วังวนขนาดยักษ์ผุดขึ้นในท้องฟ้า มีดวงตายักษ์ปรากฏในวังวน
ดวงตานี้ไร้ความรู้สึกและไม่แยแสอย่างสิ้นเชิง มันจ้องมองทุกอย่างด้านล่างและค่อยๆ หลับตาลง
วินาทีนั้นเหลียนต้าวเฟยสีหน้าเปลี่ยนไปมหาศาล
“เต๋าแห่งสวรรค์!!”
“พวกเจ้าทั้งหมด จงตายเพื่อข้าซะ!!” ราชันย์เทพสีรุ้งสะบัดแขน โลกสั่นสะเทือน ควันสีดำแผ่กระจายออกมาและปกคลุมทัศนวิสัยของหวังหลิน
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังกึกก้อง กลิ่นอายทรงพลังเข้าห่อหุ้มจิตใจหวังหลินจนเขาถึงกับสั่นสะเทือน
เหลียนต้าวเฟยบาดเจ็บสาหัสอยู่ในควันสีดำและถูกเต๋าแห่งสวรรค์กลืนกิน ร่างของราชันย์เทพสีรุ้งพังทลายและแตกกระจายเป็นสามส่วนพุ่งไปทุกทิศทาง
ส่วนหนึ่งคือเซียนเต๋าสีรุ้ง อีกส่วนหนึ่งคือแก่นแท้ของเขา ส่วนสุดท้ายมีความทรงจำทั้งหมดและทะยานออกไปไกลแสนไกล
นาทีนี้เซียนเต๋าสีรุ้งเป็นวิญญาณดวงแรกที่ทะยานออกมาไล่ตามหลังวิญญาณดวงที่สาม ความคิดหวังหลินพลันชัดเจนขึ้น ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมเซียนเต๋าสีรุ้งถึงยอมตกลงไปในกับดักภาพลวงตาและไม่ยอมออกมา!
หวังหลินขมวดคิ้ว เผยท่าทีไม่เต็มใจ