1704. น่าเวทนาเหมือนเดิม
ทันหลางเต็มไปด้วยแววตาสิ้นหวังและเสียใจ เขาเจอกับหวังหลินในดินแดนชั้นนอก ท้ายที่สุดกลิ่นเหม็นบนร่างกายก็หายไป เดิมทีเขาโล่งใจไปแล้ว
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ได้เผชิญกับสงครามระหว่างดินแดนชั้นในและดินแดนชั้นนอก สงครามนี้ทำให้เขาตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง บางทีอาจจะได้สมบัติในสงคราม ครั้งนี้มากขึ้นและทำให้ระดับบ่มเพาะเพิ่มพูน
ทันหลางติดตามกองทัพดินแดนชั้นนอกมาที่ทะเลเมฆาและจากนั้นก็หายตัวไปอย่างลึกลับ ใช้สัมผัสของตัวเองตามหาสมบัติจนไปค้นพบรอยแยกอวกาศในทะเลเมฆาและเข้าไป
เขาตื่นเต้นมากเพราะได้กลิ่นอายสมบัติทรงพลังอยู่ที่นี่ กลิ่นอายนี้ทำให้เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอยู่หลายนาที
ทันหลางเชื่อในโชคตัวเองอย่างมาก เขาอาจจะเจอโชควาสนาครั้งใหญ่ที่นี่ ระดับบ่มเพาะอาจเพิ่มขึ้นจนไม่ต้องกลัวหวังหลินอีกต่อไป เขาจะไปขโมยสมบัติทั้งหมดของตัวเองกลับคืนมา
ด้วยความทะเยอทะยานเหล่านี้ ทันหลางตามกลิ่นสมบัติข้างในถ้ำและท้ายที่สุดก็ค้นพบแท่นโบราณแห่งนี้เข้าจริงๆ
พอเห็นแท่นพิธีนี้แล้วจึงตื่นเต้นยิ่งขึ้น เขายังเห็นโลกข้างในรอยแยกที่มุมหนึ่งของแท่นติดอยู่ข้างใน พอเห็นแบบนี้จึงแทบส่งเสียงร้อง
เขาเห็นหญ้าเทพมากมายนับไม่ถ้วน บางส่วนเคยเห็นผ่านตาในตำราและหลายอย่างไม่เคยเจอมาก่อน ส่วนใหญ่เอาไว้เพิ่มระดับบ่มเพาะเมื่อปรุงพวกมันสำเร็จ
ที่นี่มีหญ้าเทพมากมายเกินไป มากพอจนแทบลืมหายใจ
นอกจากหญ้าเทพแล้วยังเห็นอสูรเทพน่ารักที่มีระดับบ่มเพาะสูงลิ่ว พวกมันกำลังวิ่งเล่นกัน
เรื่องเช่นนี้ทำให้ทันหลางตื่นเต้นขึ้นไปอีก จากประสบการณ์ของตัวเองจึงรู้ว่าพวกมันจะไม่ล่วงเกินเขาหากไม่ไปทำร้ายมันก่อน มันก็เหมือนมังกรสายฟ้าอายุน้อยที่หลายคนอยากได้มาเป็นสัตว์เลี้ยง
ทั้งหมดนี้ทำให้ทันหลางตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น แต่เขาก็ไม่ชะล่าใจและทำการตรวจสอบรอยแยกอย่างละเอียด เขาอยากเห็นว่ามีเซียนคนใดปกป้องที่แห่งนี้หรือไม่ หลังจากตรวจสอบอยู่หลายวันจึงเห็นสาวน้อยสองคนปรากฏตัวขึ้น
ในสายตาเขา สองสาวน้อยนี้แสดงท่าทีไม่มีภัยคุกคาม ทันหลางหัวเราะอย่างเป็นสุขและเข้าไปในรอยแยก
ม่านพลังบนรอยแยกไม่ส่งผลกระทบอะไรกับเขา ทันหลางไม่รู้สึกว่า มันประหลาดเลย เขาเองเจอเรื่องราวคล้ายกันเช่นนี้มาหลายครั้ง
หลังจากเข้าไปในรอยแยก จึงเห็นว่าสองสาวมองเขาอย่างตกตะลึงและเขายิ่งตื่นเต้นขึ้นไปอีก พลันสะบัดแขนกักขังสองสาวน้อยและเริ่มหยิบหญ้าเทพขึ้นมา
แต่เขาไม่มีวันลืมเรื่องน่าเวทนาต่อจากนั้นได้เลย เขายังจำได้ว่าสองสาวน้อยพูดอะไรขึ้นมาหลังจากเขาจับตัวไว้
“ฮานฮาน เขาเป็นใคร? ทำไมถึงปรากฏตัวที่นี่…”
“ข้าก็ไม่รู้ น่าแปลก เขาเข้ามาในสวนสัตว์ของสำนักตะวันม่วงได้อย่างไร?”
“เจ้าคิดว่าเขาเป็นบ้าหรือไม่? หญ้าพวกนั้นของเจ้าสัตว์ตัวน้อย ทำไมถึงไปหยิบมาใส่ปาก…”
สองสาวน้อยตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นเด็กสาวชื่อหวาหวาจึงก้าวออกไป นางไม่สนการจับกุมของทันหลางอย่างสิ้นเชิง ปรากฏตัวด้านหลังเขาและเตะเท้าใส่
หลังจากนั้นทันหลางจึงเริ่มส่งเสียงร้องโหยหวน
หลังจากคิดเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทันหลางมีน้ำตาผุดขึ้นมา เขามองสองสาวน้อยที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งจึงรู้สึกสิ้นหวังในใจ
เขาไม่สามารถเอาชนะทั้งสองสาวได้เลย ตอนนั้นเพียงแค่โดนเตะคราเดียวก็แทบสูญเสียระดับบ่มเพาะไปแล้ว ในสายตาของเขานั้น สาวน้อยทั้งสองช่างน่าหวาดกลัวเกินไป
‘ข้าจะเล่า…ข้าจะเล่า! ครั้งล่าสุด เจ้าฆาตกร น่าเกลียด ไร้ยางอาย ปีศาจจอมโอหัง หวังหลิน มันอยู่ในท้องของอสรพิษพิฆาต…’ ท้องของทันหลางเต็มไปด้วยเปลวเพลิงทำเลียนแบบ
“หวังหลินผู้นี้ช่างน่ารังเกียจเกินไป! เขาเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?” สาวน้อยชุดม่วงชื่อฮานฮานถึงกับขมวดคิ้วและบ่นอย่างไม่ชอบ
“ฮานฮาน เจ้าจำที่ข้าบอกเจ้าเมื่อก่อนได้หรือไม่? ตอนที่ข้าออกไปกับอาจารย์เพื่อรวบรวมสมุนไพร ข้าพบสัมผัสวิญญาณประหลาด ข้าสื่อสารกับเขาและเขาบอกว่าตัวเองชื่อหวังหลิน”
ขณะที่ทันหลางเล่าเรื่องในอดีตอย่างเจ็บปวด หวังหลินพลันกระอักโลหิตออกมาเพื่อใช้วิชาหลบหนีพร้อมกับหน้าซีดไปด้วย
ด้านหลังคืออวกาศที่กำลังถูกเผาไหม้ด้วยวิหคเพลิงเก้าตัว คลื่นความร้อนแผ่กระจายออกมาจากวิหคเพลิงทั้งเก้า ส่วนเซียนเต๋าสีรุ้งกำลังติดตามมาอย่างไม่เร่งรีบแต่เต็มไปด้วยจิตสังหาร
“ข้าอยากเห็นว่าเจ้าจะหนีไปไหนได้ ข้าจะเผาไหม้ร่างบัญชาโบราณของเจ้าให้เป็นเถ้าถ่าน ยิ่งเจ้าฟื้นคืนมากเท่าไร เจ้ายิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น ข้าจะแยกวิญญาณดั้งเดิมของเจ้าออกมาและหลอมมันเป็นสมบัติ ทั้งหมดนั้นจึงจะทำให้ความเกลียดชังในใจหายไปได้!”
ร่างหวังหลินดูเหมือนกำลังถูกเผาไหม้และมีความเจ็บปวดรุนแรงห่อหุ้มทั่วทั้งร่าง โลหิตที่ไหลเวียนในร่างกายกำลังเดือดจนทำให้เขาเจ็บปวด โลหิตที่หวังหลินกระอักออกมาถึงกับร้อนระอุ ร่างกายเสมือนเตาหลอมขนาดยักษ์ที่กำลังถูกเผาไหม้อย่างช้าๆ
แม้เขาจะควบคุมแก่นแท้เพลิงได้ แต่ก็ทำได้แค่ชะลอมันไว้เล็กน้อย ดูเหมือนแม้แต่แก่นแท้เพลิงก็ไม่สามารถต้านทานการเผาไหม้จากวิชาของเซียนเต๋าสีรุ้งได้เลย
หวังหลินฟื้นคืนร่างกายไปตลอดทาง ยิ่งฟื้นคืนเท่าไหร่ยิ่งเจ็บปวดจนถึงจุดที่เขาแทบทนมันไม่ไหวอีกต่อไป ทว่าหวังหลินไม่ยอมเสียเวลา เขาใช้วิชาหลบหนีโลหิตหลายครั้งเพื่อวิ่งหนี
เขากำลังเข้าไปใกล้แท่นพิธีแห่งนั้นขึ้นไปอีก!
ชั่วขณะต่อมาหลังจากเคลื่อนย้ายพริบตาไปอีกครั้ง หวังหลินเห็นแท่นอยู่ไกลๆ เช่นนี้แล้วดวงตาจึงส่องสว่าง ทะยานเข้าหาดุจลำแสงเพลิงเผาไหม้
ในจังหวะที่สาวน้อยทั้งสองกำลังถกเถียงกันถึงชื่อ “หวังหลิน” ทันหลานจึงหันเหความสนใจไปที่รอยแยก เขาพุ่งเข้าหารอยแยกจนดูเหมือนบ้าคลั่งไปแล้ว
ชั่วขณะที่พุ่งออกไป ทันหลางเช็ดน้ำตาแห่งความสุข มองอวกาศเบื้องหน้าและรู้สึกเหมือนเพิ่งจะหนีพ้นหายนะมาได้ อย่างไรก็ตามเขามีความสุขเพียงชั่วครู่เดียวจนเห็นลำแสงเพลิงเผาไหม้กำลังทะยานเข้ามาหา
“หวังหลิน? หวังหลิน!!” ทันหลางตกตะลึงไปชั่วขณะและแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง อย่างไรก็ตามหลังจากพิจารณาแล้วจึงส่งเสียงกรีดร้อง
“เจ้า เจ้า เจ้า…เจ้ายังไม่ปล่อยข้าไปอีก! ข้าหนีมาตลอดทาง เจ้ายังติดตามข้ามา เจ้ามัน…” ทันหลางหน้าซีดและถอยหลังโดยไม่รู้ตัว หวังหลินเข้ามาใกล้และพยายามร่อนไปบนแท่น กระอักโลหิตออกมาอีกระลอก
ตอนนี้หวังหลินเองก็เห็นทันหลางผู้ปรากฏตัวเบื้องหน้าเขาเช่นกัน หวังหลินไม่สนทันหลางและมองออกไปไกล
ห่างออกไปไกลนั้น อวกาศเผาไหม้ วิหคเพลิงยักษ์เก้าตัวเปลี่ยนกลายเป็น ดวงตะวัน ด้านหลังมีเซียนเต๋าสีรุ้งเข้ามาใกล้พร้อมจิตสังหารเต็มเปี่ยม
ทุกย่างก้าวทำให้อวกาศสั่นสะท้าน มันช่างน่าหวาดกลัวยิ่ง!
ทันหลางหน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง ดวงตาเบิกกว้าง ถอยหลังด้วยความหวาดกลัว พลังอำนาจของเซียนเต๋าสีรุ้งถึงกับทำให้เขากลัวจนไม่เป็นอันทำอะไร
‘หวังหลินไปล่วงเกินคนน่ากลัวระดับนี้เข้าจริงๆ! คนผู้นี้เป็นใครกัน!?’ ทันหลางตัวสั่นและกำลังจะกลับเข้าไปในสวนสัตว์ในรอยแยก สำหรับเขาแล้ว ข้างนอกอันตรายเกินไป กลับไปเล่าเรื่องให้บรรพชนน้อยทั้งสองคนนั้นยังปลอดภัยกว่า
ทว่าขณะนั้น เซียนเต๋าสีรุ้งยกแขนขวาขึ้นมาชี้ใส่แท่นที่หวังหลินอยู่
“นี่คือที่ที่เจ้าจะหนีไปใช่หรือไม่? เช่นนั้นข้าจะหลอมเจ้าที่นี่ซะ!” เซียนเต๋าสีรุ้งชี้ออกไป วิหคเพลิงเก้าตัวทะยานเข้าหาหวังหลิน คลื่นความร้อนพุ่งใส่ หลอมละลายทุกอย่างที่มันผ่านมา
หวังหลินนั่งอยู่บนแท่น จดจ้องวิหคเพลิงเก้าตัวที่กำลังบินมาหา เขาไม่รู้ว่าโอกาสรอดชีวิตอยู่ที่ไหนแต่เขาเห็นแขนที่อยู่บนแท่น!
กลิ่นอายบัญชาโบราณที่แขนเปล่งออกมาช่างคุ้นเคยยิ่ง หวังหลินจดจำได้ทันทีว่ามันคือแขนของเย่โม่!
‘หรือว่าแขนข้างนี้คือโอกาสรอดชีวิตของข้า?’ หวังหลินไม่ลังเล เขาไม่มีเวลามองไปรอบๆ ฝ่ามือกดใส่แขน หากเป็นคนอื่นคงไม่สามารถผสานเข้ากันได้ แต่หวังหลินนั้นแตกต่าง เขาได้รับการสืบทอดบัญชาโบราณมาจากเย่โม่ ตอนนี้แขนจึงเรืองแสงแพรวพราวและห่อหุ้มหวังหลินไว้อย่างสิ้นเชิง
ขณะเดียวกัน ทันหลางเริ่มรู้สึกถึงคลื่นความร้อน ครึ่งร่างเขาเข้าไปในรอยแยก แต่ถ้าให้เข้าไปทั้งหมดก็ยังสายเกินไป!
“พันปี สามพันปี หมื่นปี ข้าจะเล่านิทานให้หมื่นปีเลย สองบรรพชนน้อย ช่วยข้าด้วย!!!”
ขณะที่ทันหลางส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด เขารู้สึกว่าสองฝ่ามือน้อยๆ กำลังกดแผ่นหลังเขา ขณะเดียวกันระดับบ่มเพาะทรงพลังมากมายจนหายใจลำบากได้เข้าไปในร่างเขาด้วย
พลังระดับบ่มเพาะนี้ทำให้ร่างของทันหลานส่องแสงเป็นประกายสีทอง แสงสีทองและแขนของทันหลานเคลื่อนไหวด้วยตัวเองจนก่อเกิดเป็นรูปวงกลม
เมื่อรูปวงกลมปรากฏขึ้นมา ดวงตะวันสีทองปรากฏในฝ่ามือตัวเอง! ดวงตะวันนี้มีขนาดเท่าฝ่ามือแต่พลังอำนาจของมันรุนแรงจนสั่นสะเทือนทั้งอวกาศแห่งนี้ มันสั่นคลอนทะเลเมฆา สั่นคลอนอัญเชิญนทีและดาราจักรแห่งอื่น รวมถึงดินแดนชั้นนอกด้วย
กระนั้นเรื่องน่าหวาดกลัวยิ่งกว่านี้กำลังเกิดขึ้น