Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1713

Cover Renegade Immortal 1

1713. ผ่าใบเรือหน้าปีศาจ

“ผ่าวิญญาณดั้งเดิม!” หวังหลินอดทนต่อความเจ็บปวดและส่งเสียงคำราม

เงาคมมีดสองเล่มชูขึ้นมาและฟันลงไป แสงสีโลหิตกะพริบวาบตัดผ่านหวังหลิน ร่างกายสั่นสะเทือนรุนแรง วิญญาณดั้งเดิมถูกแบ่งออกเป็นสามส่วนด้วยพลังลึกลับของเผ่าทำลายผนึก!

ขณะเดียวกัน หนึ่งคมมีดพังทลายเป็นชิ้นๆ

หวังหลินกัดฟันและร้องคำรามโดยไม่ลังเล “ผ่าร่างกาย!”

คมมีดเหลือเพียงหนึ่งเงาได้ผ่าลงใส่หวังหลิน!

คมมีดผ่าร่างหวังหลินและจากนั้นก็พังทลายลง! แต่ขณะนั้นร่างหวังหลินได้ถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน!

ร่างทั้งสามส่วนถูกผสานเข้ากับวิญญาณสามดวงและมีสามวิญญาณดั้งเดิม ตอนนี้ทั้งสามร่างได้ทะยานเข้าหาแท่นพิธีทั้งสามของเผ่าทำลายผนึก!

หลังจากแท่นพิธีทั้งสามดูดซับหวังหลินไปสามคน แสงโลหิตรอบๆ ยิ่งรุนแรงขึ้น พวกมันหมุนรอบกันเอง พริบตาเดียวเวลาผ่านไปถึงเจ็ดวัน

แสงจากแท่นพิธีเบาบางลงไปมากแต่ก็ยังกะพริบวูบวาบ เจ็ดวันผ่านไปอีกรอบ แสงโลหิตหายวับไปอย่างสมบูรณ์

เมื่อแสงหายไป กลิ่นอายทรงพลังระเบิดออกมาจากหนึ่งในแท่นพิธี กลิ่นอายนี้ทรงพลังเกินกว่าแท่นพิธีจะทนได้ มันจึงพังทลายลงไป

พร้อมกันนั้นหวังหลินคนแรกได้ก้าวเดินออกมา!

แท่นแห่งที่สองสั่นไหวอย่างรุนแรง มันแตกสลายเป็นชิ้นๆ หวังหลินคนที่สองก้าวเดินออกมา!

หลังจากนั้นก็เป็นตำหนักโลหิตที่ได้ระเบิดออกไปทีละชั้น กลิ่นอายบัญชาโบราณทรงพลังเกินกว่าตำหนักโลหิตจะรับไหว ดังนั้นมันจึงพังทลาย

หวังหลินคนที่สามก้าวเดินออกมาจากตำหนักโลหิตที่พังทลาย!

หวังหลินคนแรกกล่าวขึ้น “วิชาสามชีวิต…”

หวังหลินคนที่สองกล่าวอย่างเยือกเย็น “ฝืนเปิดโชคชะตา…”

หวังหลินคนที่สามเผยแววตาเป็นประกายแสงประหลาดพร้อมกับพึมพำ “สามร่างกาย กลับคืนเป็นหนึ่ง!”

เมื่อหวังหลินคนที่สามเอ่ยขึ้น สามร่างกายก้าวเท้าพร้อมกัน ทับซ้อนและเริ่มผสาน ผ่านไปสักพักจึงผสานกลายเป็นคนเดียว!

เรือนผมสีขาวโบกสะบัด เขาลืมตามองออกไปนิ่งๆ รู้สึกถึงพลังชีวิตอันแข็งแกร่งกำลังไหลผ่านร่างกาย มีสามส่วน แต่ละส่วนเท่ากับเขาตอนที่มีพลังเต็มที่

‘วิชาสามชีวิต ช่างลึกลับยิ่งนัก ด้วยวิชานี้ข้าจึงได้มีสามชีวิต!’ หวังหลินลืมตา เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

พลันยกแขนขวาขึ้นและมีวิญญาณของหญิงสาวปรากฏ นางคือคนที่ซ่อนตัวเองอยู่ในตำหนักโลหิต เป็นคนที่หวังหลินรู้จัก

“ข้อบาดหมางของเราหายกันแล้ว ข้าจะส่งเจ้าไปเกิดใหม่ ประพฤติตัวให้ดี!” หวังหลินสะบัดแขน วิญญาณของนางหายไปอย่างไร้ร่องรอย

หวังหลินมองดูเศษที่เหลือของแท่นพิธีทั้งสามด้วยแววตาเสียดาย

‘วิญญาณและร่างของข้าทรงพลังเกินไป แท่นของเผ่าทำลายผนึกจึงไม่สามารถทนไหว ตอนนี้พวกมันพังทลายไปแล้ว ไม่อาจใช้วิชาสามชีวิตได้อีก…’

หวังหลินส่ายศีรษะ สิ่งที่ถูกแบ่งออกมาไม่ใช่เพียงแค่สายโลหิตเต๋าโบราณ แต่ยังรวมถึงร่างอวตารด้วย พูดให้ถูกก็คือทุกอย่างถูกแบ่งออกเป็นสาม มันจึงเรียกว่า มีสามชีวิต

“ร่างกายข้ามีสายโลหิตเต๋าโบราณ ร่างปีศาจโบราณและมารโบราณของข้าต่างก็บรรลุแปดดาว ถึงเวลาที่จะจากไปแล้ว… แต่ก่อนที่จะจากไป ข้าจำเป็นต้องหลอม ใบเรือหน้าปีศาจเสียก่อน ข้าอาจจะสามารถสร้างแก่นแท้ที่เจ็ดได้!”

“เมื่อแก่นแท้เขตอาคมปรากฏขึ้น ระดับบ่มเพาะของข้าจะเพิ่มจากขั้นวิญญาณดับสูญระดับกลางไปสู่วิญญาณดับสูญระดับปลาย! ด้วยสายโลหิตเต๋าโบราณนี้ ข้าน่าจะสามารถต่อสู้กับเซียนขั้นแก่นแท้ดับสูญระดับปลายได้!”

“ยังมีแก่นแท้ต่อสู้ด้วย ตอนนั้นที่การรู้แจ้งทั้งหมดของข้าเปลี่ยนกลายเป็นแก่นแท้ ข้าต้องการเวลาเพื่อจัดแจงใหม่อีกครั้ง หากมีอีกแก่นแท้ถือกำเนิดขึ้นมาได้ ข้าก็จะบรรลุขั้นวิญญาณดับสูญระดับสูงสุด!” หวังหลินพึมพำกับตัวเองก่อนจะนั่งลง แขนขวายื่นออกไปหยิบใบเรือหน้าผีขึ้นมา

‘แก่นแท้เขตอาคมเป็นเพียงเรื่องรองเท่านั้น สิ่งสำคัญคือตั้งแต่ฟ่านชานเมิ่งสามารถใช้มันเพื่อสร้างวิชาภาพลวงตาได้ ใบเรือนี้ต้องมีวิชาเต๋ามายาของสำนัก มหาวิญญาณเป็นแน่…’

‘เต๋ามายาเป็นกุญแจสำคัญ ข้าอยากศึกษามัน หากเข้าใจได้บางส่วน บางทีข้าจะสามารถใช้สมบัติชิ้นนี้เพื่อค้นหาวิญญาณดวงที่สามได้ เหมือนกับเซียนเต๋าสีรุ้ง!’

‘ตอนนี้ทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่าใครจะหาวิญญาณดวงที่สามเจอก่อนเป็นคนแรก!’

หวังหลินดวงตาเป็นประกาย แผนการซับซ้อนหลายอย่างถูกคิดขึ้นในหัว

‘ไม่รู้ว่าเซียนเต๋าสีรุ้งเห็นอะไร จากการที่เขาโกรธก็ไม่น่าจะเจอว่าวิญญาณดวง ที่สามไปอยู่ไหน’

‘นอกจากเขาก็เป็นผีเฒ่าจาง เขาเองก็กำลังหาวิญญาณดวงที่สามเช่นกัน ข้าไม่รู้ว่าเขามีวิธีอะไร… แต่ไม่ควรไปดูถูก ทั้งสองกระตุ้นให้เกิดสงครามระหว่างดินแดนชั้นในและดินแดนชั้นนอกเพื่อค้นหาวิญญาณดวงที่สาม ตอนนี้สงครามจบลงแล้ว บางทีเขาคงกำลังใช้วิธีนั้นเพื่อค้นหาวิญญาณดวงที่สามอยู่…’

‘เดิมทีมีแค่พวกเขาสองคนที่กำลังค้นหา แต่ตอนนี้มีสี่ขุนพลปรากฏขึ้นมา กลายเป็นสามกองกำลังที่กำลังค้นหาอยู่ตอนนี้…’

‘อีกกลุ่มคือกลุ่มเซียนจากดาวเบญจธาตุ พวกเขาซ่อนตัวมาหลายปีและน่าจะเผยตัวเองเร็วๆ นี้…’

‘วิญญาณดวงที่สาม เจ้าเป็นใคร…’ หวังหลินขบคิด ความคิดหลายอย่างในหัวค่อยๆ ชัดเจนยิ่งขึ้น

‘มีเพียงการเจอวิญญาณดวงที่สามเท่านั้นถึงจะสามารถไปที่ประตูและเปิดมันเพื่อพาทุกคนไปยังแผ่นดินเซียนดาราได้…’ หวังหลินหลับตา ผ่านไปสักพักจึงลืมตาขึ้นมา ดวงตาสงบนิ่งและไม่คิดเรื่องอะไรพวกนี้อีก เขากำลังสังเกตใบเรือหน้าปีศาจ

แต่วินาทีนั้น สีหน้าท่าทางหวังหลินพลันเปลี่ยนไปราวกับสายฟ้าผ่าลงกลางใจ สายตามองออกไป ท่าทีค่อยๆ มืดมน

‘ข้าลืมไปหนึ่งคน!’ หวังหลินมีแววตาเย็นเยียบ ทันใดนั้นนึกถึงคนผู้หนึ่งได้ หากมีคนบอกเขาว่าคนผู้นั้นตาย หวังหลินคงไม่เชื่อแน่นอน!

‘เทียนหยุน!! เขาได้โลหิตเต๋าสวรรค์ แม้จักรพรรดิมังกรฟ้าบอกว่าโลหิตนั้น มีปัญหา ไม่มีทางที่เทียนหยุนจะตาย เขาไม่เคยปรากฏตัวออกมาเลยตลอดสงคราม เขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย…’

‘แผนการของเขาล้ำลึกมากและใช้กับข้าหลายครั้ง ตอนนี้เขาซ่อนตัวอยู่ ข้าลืมเขาไปได้อย่างไร?’ หวังหลินมีสีหน้ามืดมน

‘ราชันย์เทพสีรุ้งถูกแบ่งวิญญาณออกเป็นสามดวงและเจ็ดเศษ ด้านเจ็ดเศษนั้น ข้ารู้ว่าฉิงชุ่ยคือหนึ่งในนั้น ส่วนอีกหกคน ข้าเดาว่าเทียนหยุน… เป็นเจ็ดเศษหรือ… วิญญาณดวงที่สามกันแน่!’ หวังหลินดวงตาเป็นประกาย เขานึกย้อนไปถึง วิญญาณดวงที่สามที่ข้ามผ่านดาราจักรอัญเชิญนทีและเข้าสู่ฟ้ากระจ่าง

‘หากวิญญาณดวงที่สามไปตกลงในดาราจักรฟ้ากระจ่าง อาจเป็นไปได้ว่าคือเทียนหยุน… หากเขาคือวิญญาณดวงที่สามจริงๆ การตามหาคงง่ายดายยิ่ง… เขาจะใช่หรือไม่ใช่กันนะ…’ หวังหลินขมวดคิ้ว เขาไม่สามารถมองทะลุเทียนหยุนได้เลย ตั้งแต่ครั้งแรกที่หวังหลินกลายเป็นศิษย์ของเทียนหยุน หวังหลินได้ถูกหมายหัวเอาไว้แล้ว แม้ตอนนี้เขาแข็งแกร่งขึ้น เทียนหยุนยิ่งลึกลับขึ้นไปอีก

‘เทียนหยุนกลืนกินศิษย์ของตัวเองไปเยอะมาก ข้าเห็นในร่างเขามีร่างอวตารถึงสามพันร่าง… ข้าไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้และคิดว่าเพียงแค่พยายามบรรลุ ขั้นที่สาม…’

‘แต่ดูจากตอนนี้ บางทีเขาพยายามจะสร้างเพลิงนรกานต์จากร่างอวตารทั้งสามพัน ก็ได้ เป็นไปได้… หรือว่าเขามีเป้าหมายอื่น?’ หวังหลินคิดหลายอย่าง แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจเทียนหยุน

‘วิญญาณโชคชะตาของเทียนหยุนก็ไม่อยู่ในทัณฑ์สวรรค์ในแดนสวรรค์โบราณเสียด้วย…’ หวังหลินขบคิดอยู่นานก่อนจะค่อยๆ หักห้ามความคิดตัวเอง คิดตอนนี้ไปก็ไร้ประโยชน์ พอเวลาผ่านไปเดี๋ยวก็ได้คำตอบ

หวังหลินมองใบเรือหน้าปีศาจด้วยแววตาเปล่งประกาย สังเกตมันอย่างละเอียดและเห็นว่ามีเขตอาคมอยู่นับไม่ถ้วน ซึ่งรวมถึงสี่สุดยอดเขตอาคมและอื่นๆ

“หากข้าต้องการให้ได้แก่นแท้เขตอาคมมา ข้าต้องผสานเขตอาคมทั้งหมดนี้ เข้าด้วยกัน เมื่อข้าเชี่ยวชาญทั้งหมด จะก่อเกิดแก่นแท้เขตอาคม” หวังหลินพึมพำพลางกระจายสัมผัสวิญญาณ จมดิ่งไปในเขตอาคมที่อยู่บนใบเรือ

เขตอาคมปรากฏขึ้นในใจทีละแบบ สิ่งแรกที่เขาต้องรู้คือมีเขตอาคมอยู่ในใบเรือนี้เท่าไร

ขณะที่ส่งสัมผัสวิญญาณไปอย่างละเอียดนั้น ใบเรือส่ายไปมาในมือหวังหลินโดยไม่มีแรงลม ใบเรือหน้าปีศาจยิ่งดุร้ายมากขึ้น

ช่วงระยะเวลาสิบวัน หวังหลินนั่งนิ่งไม่ไหวติงและใช้พลังงานทั้งหมดไปกับการศึกษาเขตอาคม เขตอาคมจำนวนหลักล้าน สิบล้าน ร้อยล้านและพันล้านแล่นอยู่ในจิตใจ

จนกระทั่งถึงวันที่สิบหวังหลินจึงค่อยๆ เงยหน้า ดวงตาแดงก่ำ

‘พวกมันสามารถพัฒนาด้วยตัวเอง การคำนวณจำนวนที่แน่นอนของมันจึงเป็นไปไม่ได้’ หวังหลินขมวดคิ้วและนวดขมับ เขาเหน็ดเหนื่อยอย่างยิ่งในช่วงสิบวันมานี้

‘การผสานเข้ากับใบเรือนี้ช่างเป็นกลุ่มเขตอาคมที่สมบูรณ์แบบ ต้องทำลายใบเรือเท่านั้นข้าจึงจะสามารถมองออกว่ามันถูกสร้างมาได้อย่างไร…’ หวังหลินจดจ้องใบเรือและเผยสายตาลังเล

ผ่านไปสักพักจึงกัดฟัน ยื่นแขนซ้ายออกไปหยิบกระบี่โลหิตจากมิติเก็บของ แววตาหวังหลินสว่างวาบและฟันลงไป

กระบี่โลหิตแทงทะลุใบเรือจนเกิดเสียงดังปังและกลายเป็นรู หวังหลินส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปทันที

หลังจากนั้นไม่นานใบเรือหน้าปีศาจจึงเผยอาการดุร้าย มันปลดปล่อยคลื่นเสียงคำรามดังกึกก้องทั่วบริเวณ ราวกับมีสายลมรุนแรงพัดออกมาจากใบเรือพร้อมกับ เขตอาคมนับไม่ถ้วน เขตอาคมล้อมรอบหวังหลินทำให้เต็มไปทั่วอวกาศไร้ขอบเขตและแผ่กระจายในทะเลเมฆาทุกตารางนิ้ว!

ด้านในรอยแยกอวกาศที่อยู่ในทะเลเมฆาตอนนี้ถูกพายุเขตอาคมจับจองโดยสมบูรณ์

ร่างหวังหลินถูกจมไปกับเหล่าเขตอาคมมหาศาล!

เมื่อใดที่พายุเขตอาคมซึ่งครอบครองพื้นที่ทั้งทะเลเมฆาได้สลายกลายเป็น เขตอาคมเดียว แก่นแท้เขตอาคมของหวังหลินจะถือกำเนิด! เขาจะมีพลังอำนาจในการต่อสู้กับเซียนขั้นแก่นแท้ดับสูญระดับปลาย!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!