Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1718

Cover Renegade Immortal 1

1718. ผสานก่อกำเนิด

ผ่านไปสักพัก ฉิงหลินขมวดคิ้ว ถอนสัมผัสวิญญาณออกมาจากวิญญาณของเทียนหยุนและส่งคืนให้หวังหลิน

“ไม่มีอะไรผิดปกติ…วิญญาณดวงนี้ไม่แตกต่างจากวิญญาณอวตารดวงอื่น และมันอ่อนแอมาก สามารถตายได้ทุกเมื่อ”

“ท่านก็หาไม่เจอเช่นกัน” หวังหลินขบคิดเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อ “เอาแบบนี้ ได้หรือไม่ ข้าจะผสานกับมันและให้ท่านส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปในร่างข้าเพื่อดูว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงกับแก่นแท้ของข้าหรือไม่”

ฉิงหลินพยักหน้า

การยอมให้สัมผัสวิญญาณของคนอื่นเข้าไปในร่างกายขณะที่มีสมาธิอยู่กับการผสานวิญญาณอวตารของเทียนหยุนนับว่าอันตรายมาก หากคนผู้นั้นมีเจตนาไม่ดี คงส่งผลร้ายแรงต่อหวังหลิน

อย่างไรก็ตามหวังหลินเชื่อใจฉิงหลิน แม้จะไม่ได้ใช้เวลาด้วยกันมากนัก แต่เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดระหว่างทั้งสองก็มากพอให้เกิดความเชื่อใจกันได้แล้ว

ฉิงหลินรู้สึกอ่อนไหวกับคำพูดของหวังหลินมาก เขาเข้าใจดีว่าหวังหลินเป็นคนที่ระมัดระวังแค่ไหน การได้ยินหวังหลินพูดแบบนั้นจึงบ่งบอกว่าหวังหลินเชื่อมั่นในตัวเขาแค่ไหน

หวังหลินไม่พูดมากความและนั่งลงเบื้องหน้าฉิงหลิน เบื้องหน้าคือวิญญาณอวตารของเทียนหยุน เขาหลับตาและส่งความคิดเข้าไปในวิญญาณของเทียนหยุนเพื่อนำมาผสาน

ฉิงหลินมีแววตาเปล่งประกาย เขาละทิ้งเรื่องราวกวนใจทั้งหมดไป ส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปในร่างของหวังหลินและมองดูรอบๆ อย่างละเอียด สิ่งที่ฉิงหลินเห็นทำให้ตัวเองต้องสั่นเทาและไม่เชื่อสายตาตัวเอง

‘เจ็ดแก่นแท้!! ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินมาว่าเขามีหกแก่นแท้ หกแก่นแท้ก็น่าเหลือเชื่อแล้ว แต่ตอนนี้มีถึงเจ็ด!! หวังหลินบ่มเพาะจนมีเจ็ดแก่นแท้ได้อย่างไร? นี่…นี่มัน อัศจรรย์เกินไป!’ ฉิงหลินสูดหายใจลึกและมองหวังหลินด้วยแววตาตกตะลึง

แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือตอนที่สัมผัสวิญญาณเข้าไปในร่างหวังหลิน เขาไม่เพียงแค่รู้สึกถึงแก่นแท้ แต่ยังรู้สึกถึงพลังอีกสายที่ทำให้หัวใจของเขาสั่นเทา พลังนี้ทำให้เขารู้สึกราวกับเป็นมดแมลงต่อหน้าสรวงสวรรค์ กลิ่นอายที่ทำให้ตกตะลึงนี้คือ สายโลหิตของหวังหลิน!

กลิ่นอายที่ออกมาจากสายโลหิตช่างเก่าแก่และดูเหมือนคงอยู่มาพร้อมกับการ ถือกำเนิดของโลก! ทุกชีวิตต้องคุกเข่าและหวาดกลัวเบื้องหน้ากลิ่นอายนี้

กลิ่นอายช่างกดขี่ห่มเหงอย่างยิ่ง ราวกับมันสามารถลบทุกคนออกจากวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ได้หากกล้าแสดงกิริยาไม่เคารพ!

ฉิงหลินหน้าซีดทันที เขาก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว สายตาที่มองหวังหลินไม่เพียงแต่ตกตะลึงแต่หวาดกลัวไปแล้ว

‘ข้ารู้ว่าเขามีร่างเทพโบราณ แต่กลิ่นอายที่ออกมาจากร่างเขาไม่ใช่ของ เทพโบราณ!! นี่มันกลิ่นอายแบบไหนกัน? ทำไมถึงน่าหวาดกลัวขนาดนี้!!’

หลังจากขบคิดไปชั่วขณะ ฉิงหลินฝืนบังคับให้จิตใจสงบลงและเริ่มสำรวจหวังหลิน นี่เป็นจังหวะสำคัญที่หวังหลินผสานเข้ากับวิญญาณของเทียนหยุนไปด้วย

ขณะที่เฝ้าดู ฉิงหลินมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขารู้สึกว่าแต่ละแก่นแท้ในตัว หวังหลินนั้น โดยเฉพาะแก่นแท้เขตอาคมได้แบ่งออกไปส่วนหนึ่งและเริ่มทำงานด้วยตัวเองนอกเหนือจากการควบคุมของหวังหลิน ราวกับมันถูกพลังประหลาดเข้าจัดการ

หวังหลินไม่สังเกตเรื่องเหล่านี้แต่รู้สึกเพียงแค่ว่ามีบางอย่างผิดพลาด

ขณะที่เขาผสานเข้ากับวิญญาณของเทียนหยุน เศษเสี้ยวแก่นแท้เขตอาคมได้โคจรรวดเร็วยิ่งขึ้นในร่างหวังหลิน!

‘มีบางอย่างผิดปกติ!’ ยิ่งฉิงหลินเห็นมากขึ้นก็ยิ่งรู้สึกแปลกประหลาด เขาชี้จุดไปที่กลางหน้าผากหวังหลินโดยไม่ลังเล

‘หยุด!!’ เพียงเท่านั้นร่างหวังหลินก็สั่นเทาและหยุดชะงัก ทุกอย่างในตัวเขาถูกบังคับให้หยุดทันที

ถัดไปฉิงหลินใช้นิ้วเลื่อนลงไปที่หน้าอกหวังหลิน จากนั้นดึงด้ายเส้นหนึ่งออกมาจากหน้าอกของหวังหลินและห่อนิ้วมือตัวเองเอาไว้

ฉิงหลินจ้องมองด้ายด้วยแววตาส่องสว่าง ด้ายเส้นนี้คือส่วนหนึ่งของแก่นแท้ เขตอาคมที่เคลื่อนไหวด้วยตัวเอง สัมผัสวิญญาณของฉิงหลินรวบรวมไว้บนด้าย เมื่อเข้าไปข้างในแล้วความคิดจึงสั่นสะเทือน โลกรอบตัวพลันเกิดความปั่นป่วน พอเขามองเห็นได้ชัดเจนอีกครั้งจึงปรากฏดาราจักรที่คุ้นเคยเบื้องหน้า

ดาราจักรแห่งนี้คือ อัญเชิญนที!

‘แก่นแท้เขตอาคมของหวังหลินที่เคลื่อนไหวด้วยตัวเองถูกนำมาที่นี่!!’ ฉิงหลินมาที่นี่ด้วยสัมผัสวิญญาณและเห็นเส้นด้ายเบื้องหน้า เส้นด้ายยืดออกไปไกลจนไม่รู้จุดจบ

ฉิงหลินติดตามเส้นด้ายไปด้วยแววตาเย็นเยียบ

‘ข้าอยากรู้เสียจริงว่ามันเป็นร่างดั้งเดิมของเทียนหยุนที่ทำให้เกิดปัญหาหรือว่าเป็นคนอื่น!’ ฉิงหลินมีใบหน้ามืดมน เขาตามเส้นด้ายนั้นออกไปไกล

เวลาราวครึ่งก้านธูปต่อมา ฉิงหลินไล่ตามออกไปไกล ทว่ามีแสงสีรุ้งสายหนึ่งระเบิดตรงจุดที่เส้นด้ายกำลังยืดยาวไปข้างหน้า

ตอนที่แสงสีรุ้งปรากฏขึ้น มีเสียงเก่าแก่ดังออกมาด้วย

“ฉิงหลิน…นี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าควรเข้ามาเกี่ยวข้อง ไปซะ!” สิ้นคำพูด แสงสีรุ้งกระพริบรุนแรง เปลี่ยนกลายเป็นคมมีดหมายจะผ่าใส่ฉิงหลิน

คมมีดเล่มนี้ครอบคลุมเกือบทั้งดาราจักร ขณะที่มันเคลื่อนไหว ทั้งดาราจักร ดูเหมือนสั่นเทาไปด้วย ฉิงหลินหรี่ตาแขบ เขาหยุดเคลื่อนไหวและอ้าแขนออกมา สร้างผนึก

“ตะวัน จันทรา ดารา สามแสงป้องกัน เปิดม่านวารี!” แสงดวงดาว แสงจันทราและแสงดวงอาทิตย์รวมกันรอบฉิงหลินจนกลายเป็นม่านพลังเข้าปะทะกับคมมีด

คมมีดแตกสลายจนเกิดเสียงดังสนั่น การแตกสลายของมันทำให้ฉิงหลินสั่นสะเทือนไปด้วย และเขาจึงหายวับไปจากดาราจักรแห่งนี้

ณ แดนสวรรค์บนภูเขาหิมะ เส้นด้ายบางในมือฉิงหลินแตกสลายไป เขาล่าถอยไปหลายก้าว ใบหน้าซีดเซียวยิ่ง

หวังหลินตกตะลึงเช่นกันและวิชายับยั้งก็ได้หยุดลงแล้ว เขาแยกออกมาจาก การผสานและลืมตาขึ้น

ฉิงหลินเอ่ยปาก “ข้าไม่เคยเห็นเทียนหยุนมาก่อน แต่ข้าเจอแสงสีรุ้ง! ตอนที่ เจ้าผสาน มีร่องรอยแก่นแท้เขตอาคมของเจ้ายืดออกไปหาดาราจักรอัญเชิญนทีเนื่องจากมีพลังลึกลับบางอย่าง ข้าไล่ตามแต่ก็ถูกคมมีดสีรุ้งตัดขาดไป”

“อัญเชิญนที…” หวังหลินมีแววตาเย็นเยียบ

“หากข้าเดาไม่ผิด วิญญาณในมือเจ้าคือการเชื่อมต่อกับเขา เขาสามารถขโมยแก่นแท้ของเจ้าผ่านวิญญาณของตัวเองได้! คนผู้นี้ช่างคิดวิธีอัศจรรย์ขนาดนี้ได้ แต่เขาทำได้อย่างไร? เขาขโมยแก่นแท้ของเจ้าด้วยร่างอวตารได้อย่างไร…”

“และมีอีกเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล หากเขาขโมยแก่นแท้ของเจ้าไปจริง ทำไม แก่นแท้ของเจ้าไม่ลดลง…และยังเรื่องประหลาดเกี่ยวกับเขาอีก แม้วิชานั้นดูเรียบง่าย แต่กลับมีพลังอำนาจของโลกทั้งใบ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย” ฉิงหลินเอ่ยขึ้นขณะขบคิดไปด้วย

หวังหลินมีแววตาแฝงจิตสังหารยิ่งกว่าเดิม มีหลายอย่างที่เขาคิดแต่ก็ไม่เข้าใจ

“บางทีเขาเลือกวิธีที่คล้ายกันเพื่อทำการประทับ…” หวังหลินดวงตาส่องสว่าง

ขณะนั้นน้ำเสียงเก่าแก่หนึ่งดังกึกก้องข้ามผ่านภูเขาหิมะและเข้าสู่หวังหลินและฉิงหลิน

“ในช่วงยุคแรกของข้า ข้าได้ยินวิชาหนึ่งที่ชื่อว่า วิชาผสานก่อกำเนิด…” ขณะที่เสียงนั้นผุดขึ้นมา แสงสีฟ้าปรากฏในท้องฟ้าสะท้อนกับภูเขาหิมะ ปรมาจารย์เต๋าความฝันก้าวออกมาหาภูเขาหิมะ

“ฉิงหลินขอคารวะผู้อาวุโสเต๋าความฝัน” ฉิงหลินตกตะลึงและคำนับฝ่ามือ

“วิชาผสานก่อกำเนิด?” หวังหลินขมวดสายตา

ปรมาจารย์เต๋าความฝันร่อนลงบนภูเขา ยิ้มให้พลางมองดูฉิงหลิน จากนั้น เลื่อนสายตาไปหาหวังหลินด้วยความเมตตา

“ข้าได้ยินวิชานี้มาจากราชันย์ กล่าวกันว่ามันเป็นวิชาหนึ่งของราชันย์เทพสีรุ้ง แต่กระนั้นแม้แต่ราชันย์เทพสีรุ้งก็บ่มเพาะมันไม่สำเร็จ…”

“กุญแจหลักของวิชานี้คือ การผ่านการเกิดใหม่นับไม่ถ้วน แต่ละชาติแต่ละภพภูมิเป็นส่วนหนึ่งของตัวเอง ท้ายที่สุดทั้งหมดนั้นจึงกลืนกินตัวเองเพื่อทำให้วิชานี้ สมบูรณ์แบบ มีเรื่องที่ซับซ้อนกว่านั้นแต่ข้าไม่เคยเห็นวิชานี้เลย”

“อย่างไรก็ตาม ข้ารู้ว่าหากร่างอวตารที่สร้างขึ้นมาผ่านวิชานี้ไปอยู่ในมือคนอื่น หลังจากผ่านไปชั่วเวลาหนึ่งร่างอวตารจะผสานกับคนผู้นั้น!”

“เมื่อกลายเป็นหนึ่ง ด้านที่กลืนกินจะได้รับทุกอย่างที่เจ้ามี รวมถึงกลิ่นอายและระดับบ่มเพาะ…แต่ยิ่งเจ้ามีแก่นแท้มากมาย อีกฝ่ายก็จะมีด้วยเช่นกัน…”

“วิชานี้ช่างชั่วร้ายเกินไป แต่เมื่อมันสำเร็จแล้วจะทรงพลังยิ่ง…จากสถานะปัจจุบันของเจ้า ตามที่ฉิงหลินกล่าวเอาไว้และวิญญาณในมือเจ้า ข้ามั่นใจ สี่ในสิบส่วนว่ามีคนที่ใช้วิชาผสานก่อกำเนิดกับเจ้า!”

หวังหลินขบคิดเงียบๆ

“แม้ข้าจะไม่รู้รายละเอียดวิชานี้มากนัก วิชาทั้งหมดที่ได้ไปจะอ่อนแอ วิชาผสานก่อกำเนิดก็เหมือนกัน หากเจ้าสามารถกลืนกินอีกฝ่ายได้ ระดับบ่มเพาะของเจ้าจะเพิ่มขึ้น” ปรมาจารย์เต๋าความฝันเอ่ยขึ้น ดวงตาเปล่งประกาย

“ข้าจะช่วยเจ้าตามหาว่าใครเป็นคนใช้วิชานี้กับเจ้า ข้าอยากเห็นว่าคนผู้นี้มีพรสวรรค์ขนาดไหนกันถึงได้บ่มเพาะวิชาที่แม้แต่ราชันย์เทพสีรุ้งก็มิอาจฝึกฝนได้!”

“แต่เจ้าต้องสังหารเขาด้วยตัวเอง วิญญาณนี้ได้ผสานเป็นหนึ่งไปแล้ว บางทีนี่คือโชคในคราวเคราะห์สำหรับเจ้า” ปรมาจารย์เต๋าความฝันยกแขนขวาขึ้นมา แสงสีฟ้ามหึมาควบแน่นอยู่ในมือ จากนั้นประทับลงกลางหน้าผากของหวังหลิน!

จิตใจหวังหลินสั่นไหว ทุกอย่างเบื้องหน้าถูกปกคลุมด้วยแสงสีฟ้า เขาเห็นดวงดาวแล่นผ่านเบื้องหน้าไป ยามนี้เขาเห็นดาราจักรอัญเชิญนทีและอุกกาบาตที่กำลังลอยอยู่ในดาราจักรอัญเชิญนที!

และเทียนหยุนกำลังนั่งอยู่ในอุกกาบาต เขาพลันลืมตาขึ้นด้วยความตกตะลึง! สายตาของหวังหลินทับซ้อนกับสายตาของเทียนหยุนในเสี้ยววินาทีนี้!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!