172. บททดสอบปฐพี
หวังหลินพักอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน เสาหินเคลื่อนที่เป็นทิศทางเกลียวไปข้างหน้า หวังหลินเหาะเหินอย่างต่อเนื่องครึ่งเดือน เขาติดตามเสาหินจนในที่สุดก็มาถึงยอด
ที่ปลายทางสุดท้ายของเสาหินพวกนี้ มีพายุขนาดยักษ์อยู่ที่นี่และเสาหินทั้งหมดกำลังหายเข้าไปในพายุ
หวังหลินมองพายุและเริ่มครุ่นคิด พลันสร้างผนึกขึ้นขณะที่กระบี่เหินบินออกจากกระเป๋าและลอยแน่นิ่งด้านหน้า หวังหลินวางสัมผัสวิญญาณขนาดเล็กบนกระบี่ก่อนจะส่งมันเข้าไปในพายุหมุน
เขาหลับตาเบาๆ กระบี่เหินพุ่งเข้าหาพายุหมุนและเข้าไปโดยไร้การต่อต้านใด ขณะที่กระบี่เข้าใกล้พายุมันราวกลับจมเข้าไปในดินโคลน ผ่านไปชั่วขณะมันผ่านไปและออกมาอีกด้านหนึ่งอย่างช้าๆ สิ่งที่ปรากฎเบื้องหน้าหวังหลินคือโลกแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยแสงสว่าง ชั้นน้ำแข็งหนาปกคลุมทั่วพื้น ท้องฟ้ามืดมิดแต่ยังคงมีแสงสว่างส่องลงมาและเกิดปฏิกิริยาสะท้อนกับน้ำแข็ง
สายลมหมุนรอบน้ำแข็งเล็กน้อยก่อนจะเคลื่อนที่ห่างไป สถานที่แห่งนี้กว้างสุดลูกหูลูกตาและเห็นหอคอยสีดำห่างไกลได้ชัดเจน หอคอยดำที่ใกล้ที่สุดมีความสูงสามสิบจ้าง (100 ฟุต) แต่หอคอยดำอีกแห่งหนึ่งสูงกว่า หอคอยที่ไกลที่สุดที่หวังหลินเห็นสูงมากกว่าร้อยห้าสิบจ้าง
หอคอยพวกนี้สร้างเส้นตรงขึ้นมาเส้นหนึ่ง หอคอยพวกนี้สะดุดตาเพราะว่าว่ามันสร้างจากหินสีดำ เมื่อแสงกระทบน้ำแข็งลงบนหอคอยมันกลับดูดซับไปทั้งหมด ไม่มีปฏิกิริยาสะท้อนกลับใดออกมา
กระบี่เหินหยุดลงที่นี่ชั่วครู่ก่อนจะกลับผ่านพายุหมุนและร่อนลงบนฝ่ามือหวังหลิน
ข้างนอกพายุหมุนยักษ์ หวังหลินลืมตาขึ้นขณะถอนสัมผัสวิญญาณจากกระบี่เหินออกมาและนำกลับเข้ากระเป๋า หลังจากครุ่นคิดเล็กน้อยเขานำเส้นเอ็นมังกรออกมา เขย่ามันและเจ้าปิศาจลอยออกมาทันที มันเต็มไปด้วยความตื่นเต้นขณะจ้องหวังหลินและตะโกนขึ้น “ใครที่เราจะสังหารตอนนี้นะ?…เอ๋…ที่นี่ที่ไหน?” เจ้าปิศาจที่กำลังตื่นเต้นกลายเป็นตกตะลึงหลังจากมองรอบด้าน
มันเหาะไปรอบบริเวณอย่างรวดเร็วจากนั้นมองพายุยักษ์ก่อนจะมองกลับไปที่หวังหลิน มันลูบคางตัวเองและพูดอย่างสุขุม “เจ้า…เป็นไปได้ว่าเจ้าต้องการให้ข้าเข้าไปข้างในนี้น่ะรึ? ไม่ เป็นไปไม่ได้! ไม่เอาาาาาาา!”
หวังหลินไม่ได้พูดอะไรขณะที่ชี้พายุและจ้องเจ้าปิศาจด้วยสายตาเยือกเย็น สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยอันตราย จนกว่าจะสำรวจสถานที่แห่งนั้นอย่างละเอียดเขาจะไม่บุ่มบ่ามเข้าไปแน่
เจ้าปิศาจเผยใบหน้าขมขื่นขณะที่กล่าวอย่างหนักแน่น “ใครรู้ว่ามีอะไรอยู่ในนั้น? สถานที่โง่เง่านี่ทำให้ข้ารู้สึกแปลกๆ ข้าจะไม่ไป ข้าจะไม่ไปแน่นอน!”
หวังหลินแตะกระเป๋าและนำธงวิญญาณออกมาหลายผืน ทั้งหมดนี้เคยเป็นของคนอื่น หวังหลินหยิบธงผืนหนึ่งขึ้นมา ดวงตาสว่างขึ้นขณะที่ยื่นมือออกและจับวิญญาณของซางมู่หยา
กลับไปตอนที่หวังหลินเจอซางมู่หยาผู้ซึ่งสังหารศิษย์พี่ของตัวเองเพื่อขโมยรากฐาน หวังหลินถามเขาหลายเรื่องก่อนจะสังหารและผนึกวิญญาณไว้ในธงวิญญาณของเขาเอง
แสงสีขาวกระพริบบนฝ่ามือหวังหลินเผยให้เห็นใบหน้าอันหวาดกลัวของซางมู่หยา หวังหลินสะบัดแขนและแสงสีขาวลอยเข้าไปหาเจ้าปิศาจ
เจ้าปิศาจเลียริมฝีปากขณะจ้องวิญญาณด้วยความโลภและกลืนกินเข้าไปโดยไม่ลังเล หลังจากลูบท้องตัวเอง มันส่ายหัว “ไม่ไป ยังไม่ไป!”
ทันใดนั้นดวงตาหวังหลินกลายเป็นเย็นเยือกขณะที่สัมผัสวิญญาณขอบเขตจวี่ลอยออกมา เจ้าปิศาจร้องโหยหวนและควันสีเขียวออกมาจากร่างมันอีกครั้ง มันเริ่มร้องขอความเมตตาก่อนจะเดินเข้าหาพายุหมุนอย่างไม่เต็มใจ
ด้วยการตามรอยสัมผัสวิญญาณที่ทิ้งไว้ในตัวเจ้าปิศาจ เขาเห็นฉากอีกด้านของพายุอีกครั้งแต่ทันใดนั้นสีหน้าหวังหลินเปลี่ยนไป
หลังจากผ่านพายุหมุนครานี้ มันไม่ใช่โลกน้ำแข็งแต่เป็นทะเลอัคคี เป็นทะเลอัคคีของจริง! เมื่อมองไกลๆจะเห็นทะเลเปลวไฟสีดำอันเกรี้ยวกราดผสมกับท้องฟ้าสีม่วง คลื่นความร้อนในอากาศปะทุขึ้น
นอกเหนือจากนั้นอสูรที่สร้างจากไฟพวกนี้ต่างเคลื่อนไหวไปมา ในโลกอัคคีแห่งนี้มีหอคอยสีดำตั้งตรงเส้นหนึ่งขึ้นมาในระยะไกลเช่นเดียวกับโลกน้ำแข็ง
เจ้าปิศาจกรีดร้องออกมา ดูเหมือนมันจะกลัวคืนความร้อนดังนั้นจึงล่าถอยอย่างรวดเร็ว
หวังหลินไตร่ตรองชั่วครู่ ดวงตาสว่างขึ้นขณะที่ชี้เข้าหาพายุหมุนอีกครั้งและมองตรงไปที่เจ้าปิศาจ มันร้องไห้ทันที “ให้วิญญาณข้าอีกดวง!”
หวังหลินชำเลืองมองเจ้าปิศาจก่อนจะนำวิญญาณออกมาอีกดวงและโยนออกไป เจ้าปิศาจกลืนกินดวงวิญญาณทันทีและเผยใบหน้าวีรบุรุษที่พร้อมตายทุกเมื่อขณะพุ่งกลับไปในพายุหมุน
เวลานี้โลกข้างในเปลี่ยนไปอีกครั้งและมันเป็นโลกแห่งทราย มันเต็มไปด้วยกระบองเพชรขนาดใหญ่นับไม่ถ้วนรวมถึงพายุทอร์นาโดอยู่ไกลๆ
แถวของเสาสีดำงอกขึ้นมานับไม่ถ้วนเช่นเดียวกับอีกสองแห่ง
ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้น เขาทำการทำสอบไปมีอีกสองแห่งคือภูเขากระบี่และป่า รวมทุกอย่างแสดงถึง โลหะ พฤษภา วารี อัคคี และปฐพี รวมเป็นเบญจธาตุ
ทันใดนั้นหวังหลินจึงเข้าใจว่าทำไมตวนมู่จวี่ถึงมองหาหวังฉิงเย่ ด้วยวิชาหลบหนีเบญจธาตุของหวังฉิงเย่ ไม่ว่าจะบททดสอบอะไร ไม่ว่าจะเป็นภูเขากระบี่ ป่า โลกน้ำแข็ง ทะเลอัคคี ทะลทรายไร้ที่สิ้นสุด มันจะเป็นเรื่องง่ายที่สุดที่พวกเขาจะผ่านไป
หากหวังหลินสามารถเลือกได้ เช่นนั้นเขาจะเลือกทะเลทรายอย่างแน่นอน เนื่องจากเขารู้วิชาหลบหนีปฐพีที่มีประโยชน์อย่างมากที่นั่น
หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเหาะเหินไปบนยอดเสาหินใกล้ๆพลางขับเข้าหาพายุหมุน เขามองข้ามไปและชำเลืองเจ้าปิศาจ มันถอนหายใจออกมาและเข้าไปในพายุหมุนอย่างเชื่อฟัง
ไม่นานหลังจากนั้นขณะที่เสาหินกำลังจะเข้าไป หวังหลินกระโดดกลับไปที่เสาหินด้านหลัง เจ้าปิศาจออกมาด้วยความเศร้าใจและกลับออกมาจากพายุหมุน
เป็นเช่นนี้ต่อไปและครั้งที่สี่เมื่อเจ้าปิศาจเข้าไปข้างในดวงตาหวังหลินสว่างขึ้นและพุ่งเข้าไปในพายุหมุนทันที
สิ่งที่ปรากฎขึ้นด้านหน้าเขาคือทะเลทรายไร้จุดจบพร้อมด้วยสายลมพายุรุนแรงกำลังมุ่งหน้ามาทางเขา พายุสีดำหลายแห่งเข้ามาสู่ระยะสายตา พวกมันยื่นจากพื้นดินสู่ท้องฟ้า ไม่ผิดนักที่จะพูดว่ามันมีอยู่ทุกแห่งหน
ในพายุมาพร้อมกับลมทรายหากกระแทกใครสักคนคงเป็นหมัดฮุกอันหนักหน่วง
เขานำเจ้าปิศาจออกห่าง สัมผัสทรายบนพื้นพร้อมกับก้าวข้างหน้าหนึ่งก้าวและร่างหายไป เมื่อปรากฎอีกครั้งหวังหลินอยู่ห่างไปนับสามร้อยจ้างแล้ว
ระยะสามร้อยจ้างคือหอคอยแรกในบททดสอบปฐพี เมื่อหวังหลินเดินเข้าไปในหอคอย เสียงลมข้างนอกพลันหายไปทันที มันเหลือเพียงแต่ความเงียบสงัดด้านในหอคอย
ขณะที่หวังหลินตรวจสอบหอคอยอย่างระมัดระวัง ใบหน้าเขาเริ่มเคร่งขรึม หอคอยนี้มีทั้งหมดสามชั้นขณะที่สองขั้นแรกไม่มีอะไรเลย ชั้นที่สามมีโต๊ะหนึ่งตัวปกคลุมไปด้วยฝุ่นหนาเตอะ หวังหลินมองรอบๆและกำลังจะกลับไปลงข้างล่างแต่สายตาพลันสว่างขึ้นเมื่อจ้องบนโต๊ะ
ตอนที่หวังหลินมองมันจากด้านข้างเขาสังเกตเห็นจุดหนึ่งบนโต๊ะสูงกว่าจุดที่เหลือ หวังหลินพลันก้าวเข้าไปใกล้ๆเพื่อมองดูก่อนจะสะบัดแขนสร้างลมอ่อนๆพัดฝุ่นหนาออกไป
ประโยคแถวหนึ่งเริ่มปรากฎขึ้นบนโต๊ะ หวังหลินสะบัดแขนหลายครั้งสร้างลมขึ้นด้วยตัวเองทำให้ประโยคเริ่มมองเห็นชัดขึ้น
เห็นได้ชัดว่าประโยคนี้ถูกคนที่มาที่นี่ทิ้งเอาไว้และปกคลุมไปด้วยฝุ่นเป็นเวลายาวนาน
“เพราะข้าเข้ามาสถานที่แห่งนี้ ข้าจึงตัดสินใจลงนามข้าไว้!” ประโยคนี้เต็มไปด้วยพลังราวกับมีพลังสายหนึ่งที่ผลักดันเขา หวังหลินวิเคราะห์เล็กน้อยก่อนจะออกจากหอคอยดำ
ขณะที่เขาออกจากหอคอย ลมหวนกลับมาอีกครั้ง ทรายกำลังโหมกระหน่ำในท้องฟ้า ปกคลุมและทำให้มืดมิด
หวังหลินเพียงเคลื่อนไหวผ่านพื้นดินโดยใช้วิชาหลบหนีปฐพี เขาไม่กล้าเหาะเหินเพราะว่ามีข้อจำกัดอันทรงพลังในท้องฟ้าและคงตายเสียก่อนหากทำเช่นนั้น หวังหลินวิเคราะห์ก่อนจะนำกระบี่เหินออกมาและโยนมันไปบนท้องฟ้า กระบี่พุ่งเข้าไปจนห่างจากพื้นสามร้อยจ้าง สายลมสีดำปรากฎออกมาจากที่ไหนสักแห่งและเปลี่ยนกระบี่เหินไปเป็นฝุ่น
ใบหน้าหวังหลินสงบนิ่ง เขาเดาไว้แล้วว่าจะมีบางสิ่งเช่นนี้เกิดขึ้นและกระบี่เหินก็เป็นสิ่งยืนยัน หวังหลินมองรอบๆ ตอนนี้หอคอยถัดไปห่างจากเขาห้าสิบลี้ หลังจากขบคิดเล็กน้อยหวังหลินก้าวไปข้างหน้าและเคลื่อนไหวใต้พื้นดินตรงไปโดยใช้วิชาหลบหนีปฐพี
ขณะนั้นเองหวังหลินรู้สึกชัดเจนถึงพลังสายหนึ่งป้องกันเขาจากการใช้วิชาหลบหนีปฐพี ทว่าพลังนี้ไม่ได้แข็งแกร่งนั้นหวังหลินเพียงใช้พลังปราณเล็กน้อยตอบกลับไป มันยอมให้เขาผ่านอย่างปลอดภัยในระยะห้าสิบลี้แห่งนี้
หลังจากมาถึงหอคอยแห่งที่สอง หวังหลินค้นจนทั่วและไม่พบสิ่งใด เขาไม่มั่นใจว่าจักรพรรดิโบราณและกลุ่มได้ผ่านบททดสอบปฐพีนี้หรือไม่ จากที่ได้ยินพวกเขากล่าวถึงโล่น้ำแข็งซึ่งดูเหมือนว่าจะไปผ่านบททดสอบวารีแทน
ขณะเดียวกันห่างไปหลายหมื่นลี้เบื้องหน้าหวังหลิน เมิ่งหลังค่อมยืนอยู่ในหอคอยสีดำด้วยใบหน้ามืดหม่น เขามองข้างนอกและเห็นสายลมสีดำทั่วบริเวณ เสียงสายลมหวีดหวิวราวกับเสียงร้องไห้ของภูตผีขณะที่ดังออกมาจากหอคอย
ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพที่น่าสงสารมากแม้แต่คางคกบนไหล่ก็ดูอ่อนแอ มันแกว่งหัวขณะที่ท้องป่องและหุบเบาๆ
เมื่อเขาสัมผัสคางคกบนไหล่พลันรู้สึกเกลียดลึกในใจ หลายเดือนก่อน เขา จ้าวปิศาจหกปรารถนาและคนอื่นๆถูกมังกรแดงไล่ล่า ไม่มีที่ปะทะกับมังกรได้และกระทั่งร่วมมือกันก็ยังไม่สามารถต้านทานมันได้ ในตอนท้ายสุดแต่ละคนจึงเพียงหนีคนละทิศคนละทาง
เป้าหมายของทุกคนคือพายุหมุนที่อยู่ปลายเส้นทาง มีเพียงการเข้าไปในพายุหมุนเท่านั้นถึงจะนับได้ว่าเป็นการเข้าบททดสอบแรกและหนีห่างอันตรายนี้ได้ แต่มังกรแดงเข้าใกล้ด้านหลังพวกเขาดังนั้นแผนเดิมจึงถูกทำลายไป
เดิมทีพวกเขาวางแผนเข้าไปในบททดสอบแรกด้วยกันและใช้พลังของทุกคนเพื่อผ่านไป ด้วยวิธีนี้ความยากของบททดสอบแรกจะลดลงอย่างมหาศาล พวกเขาจะสามารถเก็บพลังปราณไว้และใช้มันในบททดสอบที่สอง
น่าเสียดายที่มังกรแดงแข็งแกร่งเกินไป ความสามารถของมันยากที่ทุกคนจะต่อกรด้วยได้ดังนั้นจึงทำได้เพียงหนีเท่านั้น เมื่อทุกคนมาถึงเบื้องหน้าพายุหมุนต่างรีบวิ่งเข้าไปโดยไม่คิดอะไรนอกจากวิ่งหนี ผลก็คือทุกคนเผชิญกับสภาพแวดล้อมแตกต่างกัน
เมิ่งหลังค่อมเข้ามาในบททดสอบปฐพี เมื่อเขาเห็นทะเลทรายพลันหัวใจจมต่ำลง เดิมทีพวกเขาวางแผนจะเข้าไปในบททดสอบวารีซึ่งเป็นโลกน้ำแข็ง ครั้งล่าสุดที่พวกเขาเข้ามาที่นี่สามารถผ่านบททดสอบวารีหลังจากผ่านความเป็นความตายหลายครั้ง แม้ว่าจะอันตรายทว่าทั้งสี่คนก็โชคดีผ่านไปได้ พวกเขาทั้งหมดเตรียมสมบัติมาเพื่อต่อกรกับสถานที่แห่งนั้นดังนั้นจึงมั่นใจที่จะผ่านไปได้
ทว่าเมิ่งหลังค่อมไม่เคยมีประสบการณ์กับบททดสอบปฐพีมาก่อน ผลก็คือเขาเพียงกัดฟันและใช้พลังผ่านเส้นทางนี้ไป ห้าพันลี้แรกมีความปลอดภัยแต่หลังจากนี้สายลมสีดำปกคลุมทั่วท้องฟ้าและกดดันเขาจมลง มีสิ่งมีชีวิตลึกลับข้างในสายลมสีดำใช้เสียงโจมตีซึ่งยากมากที่จะป้องกันได้
แรกเริ่มไม่ได้มีสิ่งมีชีวิตพวกนั้นจำนวนมาก ดังนั้นเขาจึงสังหารมันทีละตัวด้วยพิษ ทว่าเมื่อตระหนักได้ว่ายิ่งเขาสังหารมากขึ้น มันก็ยิ่งปรากฎมากขึ้น ในการรบครั้งใหญ่ล่าสุดมีเสียงร้องอย่างน้อยหมื่นตัว
ถึงเช่นนั้นเมิ่งหลังค่อมเป็นเซียนขั้นตัดวิญญาณ และเป็นคนที่เชี่ยวชาญเรื่องพิษเป็นพิเศษ แม้ว่าการโจมตีด้วยเสียงจากอสูรพวกนั้นจะทำให้เขาต้องป้องกันตัว เขายังสังหารมันได้ทั้งหมดในตอนท้าย แต่ก่อนที่จะเคลื่อนไหวได้ไกลกว่านี้ มีอสูรพวกนั้นมากกว่าหมื่นตัวปรากฎอีกครั้ง
หลังจากสังหารหนึ่งแสนตัวก็มีหนึ่งล้านตัว หลังจากหนึ่งล้านก็มีสิบล้าน ภายในพายุทอร์นาโดแต่ละลูกมีอสูรพวกนี้นับไม่ถ้วน ความจริงแล้วพายุสีดำสร้างจากการกระพือปีกของอสูรพวกนี้
เขาสังหารมากขึ้นและมากขึ้นจนกระทั่งไม่ได้นับว่าสังหารไปเท่าไหร่ พลังปราณในร่างถูกใช้ออกไปและเริ่มไม่เสถียร ในที่สุดเขาก็สามารถเปิดทางและผ่านอสูรพวกนั้นเข้ามาในหอคอยสีดำทั้งยังไม่กล้าหนีออกไป
กระทั่งเขาที่เป็นเซียนขั้นตัดวิญญาณและใช้พิษยังถูกสั่นคลอน มีศัตรูมากเกินไปและเขากลัวว่าหากสังหารพวกมันทั้งหมดข้างนอก พวกมันจะเพิ่มขึ้นอีกสิบเท่าหลังจากนั้น
มีพายุทอร์นาโดสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนในทะลทรายไร้จุดจบแห่งนี้ ไม่ต้องพูดถึงมากกว่าสิบเท่า ร้อยเท่า พันเท่าหรือกระทั่งหมื่นเท่า เมื่อคิดเรื่องนี้หัวใจของเมิ่งหลังค่อมเย็นเฉียบ
แม้ว่าจะไม่มีอสูรตัวใดมีพลังโดดเด่นขึ้นมา แต่หากมีพันล้านหรือหมื่นล้านตัว เมื่อใช้เสียงโจมตีรวมกันสามารถทำลายกระทั่งวิญญาณของเซียนขั้นตัดวิญญาณเช่นเขาและกระทั่งทำให้กายเนื้อสูญสลายได้
หวังหลินเคลื่อนที่ไปข้างหน้ามากขึ้นก็ยิ่งสงสัย เขาเคลื่อนที่มากกว่าห้าร้อยลี้แล้วแต่นอกจากทอร์นาโดขนาดใหญ่ไม่กี่ลูกกลับไม่มีอันตรายอื่นใดเลย เพียงแค่พลังสายหนึ่งต่อต้านทางใต้ดินที่เริ่มแข็งแกร่งขึ้นและบังคับเขาให้ช้าลง พลังปราณมากกว่าครึ่งในร่างกายถูกใช้ไปเพื่อปัดเป่าพลังลึกลับนี้
หวังหลินปรากฎตัวด้านหน้าหอคอยดำแห่งหนึ่ง หอคอยนี้สูงสามร้อยจ้างและพุ่งทะลุท้องฟ้า ขณะที่หวังหลินเข้าไปในหอคอย ใบหน้าพลันเปลี่ยนไปเมื่อมองไปบนพื้น มีร่องรอยการเคลื่อนไหวไม่กี่แห่งบนฝุ่นหนา ราวกับมีบางอย่างแปรงมันเบาๆ
หวังหลินเดินขึ้นไปอย่างช้าๆและมองลงไปบนพื้น สายตาเปล่งประกายขณะที่ตรวจสอบแต่ละชั้นอย่างรวดเร็ว บนยอดหอคอยมีรอยเท้าจำนวนมาก
หวังหลินสูดหายใจลึก เขาไม่มั่นใจหากจะมีใครสักคนเข้ามาบททดสอบปฐพีก่อนเขา จากร่องรอยแล้วมันเป็นร่องรอยที่นานมาแล้ว
หวังหลินยืนบนยอดหอคอยและมองไปข้างนอก เขาเห็นได้ไกลมากจากที่นี่ แต่นอกจากทอร์นาโดสีดำนับไม่ถ้วนแล้วไม่มีสิ่งอื่นอีก
หลังจากขบคิดหวังหลินชะลอตัวลงมาขณะที่ตั้งใจก้าวไปข้างหน้า ไม่ว่าใครจะอยู่ด้านหน้าเขา เมื่อหวังหลินเจอเขามั่นใจว่าจะถูกควบคุมแน่ๆ หากหวังหลินสามารถรักษาระยะห่างได้เมื่อนั้นสามารถยืมพลังของคนผู้นั้นเพื่อผ่านบททดสอบนี้ได้อย่างปลอดภัย
ด้วยความคิดเช่นนี้หวังหลินจึงควบคุมวิชาหลบหนีปฐพีให้เคลื่อนที่ช้า ผลก็คือเขามาถึงหอคอยดำห้าพันลี้จากจุดเริ่มต้น ระหว่างทางเขาส่งเจ้าปิศาจออกมาทุกครั้งที่พบเจอหอคอยดำ หลังจากมันตรวจสอบว่าปลอดภัยเขาจึงเข้าไปอย่างระมัดระวัง
เวลาครึ่งเดือนผ่านไป ยอดหอคอยสูงทะลุแปดพันฟุต หวังหลินมองลงมาจากยอดหอคอย
ระหว่างทางเขาได้เข้าไปบนยอดหอคอยแต่ละต้นและมองไปพื้นที่ไกลจากที่นี่ ทันใดนั้นรูม่านตาหรี่เล็กลงขณะที่เห็นพายุทอร์นาโดหลายชนาดเข้าหาทิศทางหนึ่งราวกับมีบางสิ่งกำลังเรียกหา
ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้น เขามองจุดนั้นชั่วขณะก่อนจะลงมาจากหอคอยพลันเข้าไปในพื้นและเคลื่อนที่ต่อไปข้างหน้า
การต่อต้านใต้พื้นดินตอนนี้แข็งแกร่งขึ้น หวังหลินจำเป็นต้องใช้พลังปราณทั้งหมดแปดในสิบส่วนเพื่อปัดเป่าพลังลึกลับออกไปและเคลื่อนที่โดยใช้วิชาหลบหนีปฐพี ทันใดนั้นหวังหลินหยุดลงเมื่อสัมผัสวิญญาณของเขาสังเกตแสงสีดำในทรายเบื้องหน้าได้ ทันใดนั้นกลิ่นเหม็นปรากฎขึ้นและหวังหลินนำเม็ดยาที่เมิ่งหลังค่อมให้มาเข้าปากโดยไม่ลังเล หลังจากนั้นเขาพุ่งขึ้นไปและปรากฎตัวเหนือพื้นดิน
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโผล่ขึ้นมาก่อนจะถึงหอคอย
ขณะที่หวังหลินปรากฎตัวบนผิวทราย เสียงลมดังกระหึ่มเพิ่มขึ้น แรงกดดันจากลมกระทบกับร่างกายเขาจนรู้สึกเจ็บปวด แต่ขณะเดียวกันหวังหลินไม่กังวลเรื่องอื่นอีกพร้อมกับสร้างผนึกบนฝ่ามือและตะโกนขึ้น “ไป!”
สายลมประหลาดปรากฎขึ้นทันที มันเคลื่อนไหวระหว่างพายุทอร์นาโดสีดำและจากนั้นเริ่มเคลื่อนที่ไปรอบทะเลทราย ทะเลทรายดูเหมือนจะค่อยๆถูกค้นหาโดยมือล่องหนมือหนึ่ง มือนี้มีซากศพอสูรสีดำจำนวนมากเหลือคนานับ
อสูรพวกนี้มีขนาดเท่ากำปั้นพร้อมกับปีกคู่บางด้านหลัง ปากของพวกมันมีเขี้ยวแหลมคมและใบหน้าดุร้าย
สัมผัสวิญญาณของหวังหลินกระจายออกมา เขาขมวดคิ้วกับสิ่งที่เห็น มีซากศพไม่น้อยกว่าหมื่นตัวที่นี่และร่างของมันทั้งหมดสีดำขลับซึ่งหมายถึงมันตายจากพิษรุนแรง
หวังหลินเข้าใจได้ทันทีคนที่นำเขาตอนนี้คือเมิ่งหลังค่อม
เมื่อคิดถึงเมิ่งหลังค่อม หวังหลินเย้ยหยันแต่จิตใจยิ่งเฝ้าระวัง เขาจมกลับเข้าไปในพื้นและเคลื่อนที่สู่หอคอยถัดไปข้างหน้า
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา สัมผัสวิญญาณของหวังหลินก็พบกับหอคอยถัดไป มีเพียงพายุทอร์นาโดขนาดเล็กลูกหนึ่งข้างหน้าหอคอยกำลังเคลื่อนไหวไปมา
หวังหลินขบคิดเล็กน้อยขณะถอยกลับ เขาตัดสินใจอ้อมและตรงไปหอคอยถัดไป ทว่าขณะเดียวกันนั้นพายุทอร์นาโดสีดำเริ่มเคลื่อนที่มาทางเขาช้าๆ พายุทอร์นาโดดลากทรายจากพื้นและนำขึ้นไปข้างบน ทรายบางส่วนปะทะกับหอคอยเกิดเป็นเสียงดังแปะๆ
หวังหลินเยาะเย้ย เขากระจายสัมผัสวิญญาณออกมาและพบว่ามีเพียงทอร์นาโดลูกเดียวระแวกนี้ สัมผัสวิญญาณขอบเขตจวี่ของเขาปรากฎขึ้นและเข้าไปในพายุทอร์นาโดสีดำ เขาพบว่ามีสัมผัสวิญญาณมากกว่าหนึ่งพันข้างในนั้น
สัมผัสวิญญาณแต่ละอันประเมินอย่างลวกๆเท่ากับเซียนขั้นแกนลมปราณ ตราบใดที่ไม่มีขั้นวิญญาณแรกกำเนิดอยู่พวกมันไม่มีอันตรายต่อหวังหลิน เพียงกวาดผ่านหนึ่งครั้ง สัมผัสวิญญาณนับร้อยถูกทำลายทันที ทว่าที่เหลืออีกเก้าร้อยรวมเข้าด้วยกันสร้างเป็นกระบี่เล่มหนึ่งแทงเข้าหาสัมผัสวิญญาณหวังหลิน
ทันใดนั้นพายุทอร์นาโดหยุดชั่วขณะ การหยุดชั่วขณะนี้ทำให้ทอร์นาโดดหายไปพลันเผยให้เห็นอสูรขนาดเล็กข้างในนับไม่ถ้วน
อสูรขนาดเล็กพวกนี้เป็นตัวเดียวกับที่หวังหลินเห็นคราก่อน พวกมันทั้งหมดกระพือปีกแออัดและร้องเสียงประหลาด
เสียงพวกนี้รวมเข้าด้วยกันสร้างเป็นคลื่นเสียงขนาดใหญ่เสียงหนึ่ง ขณะเดียวกันสัมผัสวิญญาณของมันก็รวมกันเป็นกระบี่ ไม่นานหลังจากกระบี่ถูกสร้างขึ้นมันตวัดเข้าหาหวังหลินพร้อมกับคลื่นเสียงด้านหลังตามมา
หวังหลินขมวดคิ้วขณะที่ถอนสัมผัสวิญญาณออกอย่างเร่งรีบ เขาแตะกระเป๋าและเจ้าปิศาจลอยออกมา เมื่อมันเห็นกระบี่ที่สร้างจากสัมผัสวิญญาณ มันตื่นเต้นทันทีและกระโดดเข้าหาโดยไม่ต้องรอคำสั่งหวังหลิน
เมื่อเจ้าปิศาจลอยออกไป กระบี่สัมผัสวิญญาณและคลื่นเสียงมาถึงด้านหน้า เจ้าปิศาจคำรามอย่างตื่นเต้นพร้อมกับร่างกายเปลี่ยนเป็นควันเมฆ ควันเมฆกระจายออกและล้อมรอบกระบี่สัมผัสวิญญาณอย่างรวดเร็ว เมื่อคลื่นเสียงโจมตีเข้ามามันไม่มีผลต่อเจ้าปิศาจเพราะมันไม่ได้มีร่างกายของจริงดังนั้นจึงผ่านลอยไป
ขณะเดียวกันหวังหลินอ้าปากและปล่อยกระบี่ผลึกออกมาพุ่งเข้าหากลุ่มอสูร เมื่อมันเข้าใกล้เหล่าอสูรตัวเล็กพวกมันทั้งหมดกระจัดกระจายทันที
ทั้งหมดเกิดขึ้นรวดเร็วมาก หลังจากหวังหลินเห็นอสูรตัวเล็กแตกกระเจิง เขาสัมผัสกระเป๋าอย่างรวดเร็วและกระบี่เหินนับร้อยเล่มลอยออกมา สัมผัสวิญญาณของหวังหลินควบคุมกระบี่แต่ละเล่มโดยใช้ขอบเขตจวี่ กระบี่เหินพุ่งลงไปบนอสูรพวกนั้นราวกับสายฝนกระหน่ำ