Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1728

Cover Renegade Immortal 1

1728. ซวนลั่วเข้าสู่ถ้ำ

เพียงหวังหลินเอ่ยขึ้นมา สีหน้าสี่ขุนพลก็เปลี่ยนไป แม้แต่ผีเฒ่าจางก็ยังจ้อง หวังหลินด้วยความเคร่งเครียด

เป็นครั้งแรกที่หวังหลินพูดเรื่องวิญญาณดวงที่สามกับทุกคน!

สี่ขุนพลไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้กับหวังหลินมาก่อน สำหรับพวกเขาแล้วมันคือความลับสูงสุดในโลกถ้ำ เป็นสิ่งที่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้!

อย่างไรก่อนที่จะได้ฟื้นคืนจากความตกตะลึงจากคำพูดหวังหลิน ขวานแยกสวรรค์ ในมือหวังหลินกลับขยายออกอย่างรวดเร็ว กลิ่นอายเต๋าโบราณในตัวหวังหลินระเบิดออกทันที

ขวานแยกสวรรค์ของเหล่าเทพโบราณได้ถูกเติมพลังเต๋าโบราณของหวังหลินเข้าไป ในโลกนี้ไม่มีใครเหมาะสมที่จะกวัดแกว่งขวานด้ามนี้แล้ว หวังหลินคว้ามันและฟันลงมาอย่างไม่ลังเล!

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วพริบตา เมื่อขวานตกลงมา ดาราจักรสั่นสะเทือนและปรากฏเงาร่างบัญชาโบราณ ร่างเงาถือขวานและสับลงไปพร้อมกับหวังหลิน!

ขุนพลมังกรฟ้าอยู่ใกล้ที่สุด เสี้ยวพริบตาเดียว สายโลหิตเทพของเขาปรากฏขึ้นและมีเงาร่างมังกรฟ้าขึ้นรอบตัวเอง เขาพุ่งเข้าใส่ขวานในทันที!

ขณะเดียวกันเต่าดำ วิหคเพลิงและพยัคฆ์ขาวต่างก็ร้องคำราม ร่างเงาทั้งสามคนปรากฏขึ้นรอบตัวหวังหลิน พยัคฆ์ขาวตัวยักษ์ วิหคเพลิงลุกโชน และเต่าดำคล้ายแผ่นดินขนาดใหญ่พุ่งใส่หวังหลิน

หวังหลินมีท่าทีสงบนิ่ง เขาจะทำให้เหล่าเทพหัวโบราณพวกนี้รู้สึกถึงความเจ็บปวดและสั่งสอนบทเรียนให้สาสม หวังหลินไม่หลบเลี่ยงแต่พลังเต๋าโบราณเต็มไปทั่วร่างกายเพื่อก่อเกิดเป็นร่างโบราณอมตะ!

ขณะที่ร่างกายฟื้นฟูต่อไป ขวานในมือซ้ายหวังหลินร่อนลงจนเกิดเป็นรอยแยกขนาดใหญ่ มังกรฟ้าดิ้นรนครู่เดียวก่อนเกิดการระเบิดทันที ขุนพลมังกรฟ้าปรากฏขึ้นมาและพุ่งใส่หวังหลิน

ทั้งสี่คนร่วมมือกันใช้วิชาของตัวเองใส่หวังหลินอย่างพร้อมเพรียงกัน

หวังหลินยกแขนซ้ายขึ้นอีกครั้ง กวาดไปรอบๆ จนเกิดเสียงดังสนั่น พลังขวาน อันแข็งแกร่งเข้าปะทะกับวิชาแต่ละคนจนกลายเป็นคลื่นกระแทกรุนแรงผลักดัน เซียนรอบด้านมากกว่าร้อยคนให้ถอยกลับหลัง

ขณะเดียวกัน วิชาของสี่ขุนพลได้แทงทะลุผ่านพลังขวานเข้าไปร่อนใส่หวังหลิน!

เกิดเป็นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ราวกับดาราจักรกำลังล่มสลาย สี่ขุนพลล่าถอย สีหน้าท่าทางเผยจิตสังหารเต็มที่!

หวังหลินยังคงยืนอยู่บนร่างเจ้าอสูรโลกันตร์ ใช้ร่างโบราณอมตะเพื่อเข้าต่อต้านการรวมพลังโจมตีของอีกฝ่ายได้!

“ระดับบ่มเพาะของพวกเจ้าไม่ได้ฟื้นฟูเต็มที่ เพียงแค่ขั้นแก่นแท้ดับสูญระดับปลาย…ด้วยระดับบ่มเพาะต่ำขนาดนี้ เจ้าไม่สามารถทำให้ร่างกายข้าบาดเจ็บได้” หวังหลินก้าวเท้าและเคลื่อนร่างอย่างรวดเร็ว เขามาถึงด้านหลังเทพคนหนึ่ง แขนขวายื่นออกไปข่วนใส่

ปรากฏเป็นพลังวิชาผ่าสวรรค์ แขนขวาของหวังหลินคือ แขนของเย่โม่ เทพตนนั้นจึงไม่สามารถต้านทานพลังฉีกกระชากได้เลย ร่างกายแตกละเอียดเป็น กองเนื้อในทันที

แม้กระทั่งเทพอีกสองคนด้านหลังก็ไม่สามารถหลบหนีพลังฉีกกระชากไปได้ ร่างกายพังทลายและวิญญาณดั้งเดิมฉีกขาด!

ร่างหวังหลินกะพริบวาบ เข้าไปในรอยแยกโดยที่มีสี่ขุนพลติดตาม เขาปรากฏตัวในกลุ่มเทพที่ห่างออกไปไม่ไกล

“ผ่าสวรรค์!” หวังหลินปรากฏตัว ใช้ผ่าสวรรค์อย่างรุนแรง เสียงกรีดร้องดังระงม เทพจำนวนเจ็ดถึงแปดคนแตกสลายในทันที

สี่ขุนพลต่างส่งเสียงคำราม สรรพวิชาเต็มไปทั่วดวงดาว พวกเขาพุ่งหาหวังหลินแต่ก็ถูกต้านด้วยร่างโบราณอมตะ และหวังหลินปรากฏร่างอีกครั้งเบื้องหน้ากลุ่มเทพอีกหนึ่งกลุ่ม

เหล่าเทพเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ในร่างกายเกิดความเจ็บปวดมหาศาล พวกเขาไม่สามารถหลบเลี่ยงหรือต้านทานการฉีกกระชากเบื้องหน้าได้เลย

“หวังหลิน ข้าจะไปกวาดล้างแดนสวรรค์ของเจ้าซะ!!” ขุนพลมังกรฟ้าร้องคำราม ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว อย่างไรก็ตามเขากลับไม่เชื่อเรื่องวิธีการของ หวังหลินและร่างอันแข็งแกร่งตรงหน้า

“ดูเหมือนบทเรียนหลั่งเลือดนี้จะไม่มากพอ!” หวังหลินก้าวถอยหลังและยืนอยู่บนร่างอสูรโลกันตร์ ขณะที่ผีเฒ่าจางกำลังเข้าใกล้ หวังหลินสะบัดโลหิตออกจากแขนขวาและตบเจ้าอสูรโลกันตร์เบาๆ

“กลืนกินคนพวกนี้”

เพียงหวังหลินเอ่ยปาก ผีเฒ่าจางหยุดชะงักทันที ขณะเดียวกันเจ้าอสูรโลกันตร์ได้ลืมตาขึ้น

สายตาอันโหดเหี้ยมและไม่สนใจไยดีนั้นได้ทำให้ทุกคนที่นี่ตกตะลึง

เวลานี้จิตใจของขุนพลมังกรฟ้าจึงเกิดการสั่นเทา สายตาแบบนี้หาได้ยากยิ่งและเขาพบเจอเพียงครั้งเดียวในชีวิตเท่านั้น นานมาแล้วเขาเห็นสายหมอกที่กลืนกินเหลียนต้าวเฟยไปก็เป็นสายตาแบบเดียวกัน!

“นี่…นี่มัน…” ขณะที่เหล่าสี่ขุนพลเริ่มรู้สึกหวาดกลัว อสูรโลกันตร์ได้ทำตามคำสั่งหวังหลินและอ้าปากจะกลืนกิน!

หากดวงดาราคือโลก เช่นนั้นโลกก็คงเปลี่ยนสีสัน หากฝุ่นผงคือสายลม เช่นนั้นสายลมคงกระจัดกระจาย! สายหมอกไร้ขอบเขตผุดขึ้นในดาราจักรทันที กลิ่นอายเก่าแก่เปล่งออกมาให้ทุกคนได้สัมผัส

ทั้งยังมีพลังดึงดูดอันทรงพลังปรากฏขึ้น เหล่าเทพที่เหลืออยู่เจ็ดสิบถึงแปดสิบคนต่างก็หน้าซีดพร้อมกับถูกพลังดึงดูดเข้าไป เสียงกรีดร้องดังระงมจากทุกคนที่ถูก เจ้าอสูรโลกันตร์กลืนกิน

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในพริบตา! รวดเร็วเกินกว่าจะมีคนตอบสนองทัน พวกเขารู้สึกแต่เพียงมีสายหมอกรอบบริเวณ จากนั้นก็เกิดเสียงกรีดร้องทุรนทราย!

เมื่อทุกอย่างจบสิ้นแล้ว ดาราจักรดวงดาวยังเป็นดาราจักรเดิมที่ไม่มีสายหมอกเหลืออยู่ ราวกับมันไม่เคยอยู่ที่นี่ตั้งแต่ทีแรก อย่างไรก็ตามนอกจากหวังหลินแล้วเหลือคนเพียงห้าคนเท่านั้น!!

“เจ้าอยากจดจำความเจ็บปวดครั้งนี้หรือไม่?” หวังหลินยังคงนั่งอยู่บนหลัง อสูรโลกันตร์และไม่เคลื่อนที่ไปไหน น้ำเสียงไม่ได้ดังมากแต่เมื่อเข้าถึงหูของห้าคน ที่เหลือ จิตใจแต่ละคนสั่นเทา!

“เต๋าแห่งสวรรค์!! นี่มันเต๋าแห่งสวรรค์!!” ขุนพลมังกรฟ้าตัวสั่น สายตาหวาดกลัวราวกับคลื่นทะเลเข้าท่วม เขาไม่เคยหวาดกลัวขนาดนี้มาก่อน แม้แต่ตอนที่เห็น หวังหลินรั้งสายคันศรลี่กวงยังไม่เท่านี้!

“เต๋าแห่งสวรรค์…มันอยู่กับเจ้าจริงๆ…นี่…นี่…” คนที่เจ้าเล่ห์อย่างขุนพลเต่าดำยังสั่นไหว แววตาหวาดกลัวไม่น้อยไปกว่าของขุนพลมังกรฟ้า เขารู้สึกว่าพลังดึงดูดจากเบื้องหน้านั้นมากพอให้ท่วมเขาจนมิด

ในใจเขา สิ่งที่ปรากฏขึ้นไม่เพียงแค่ความหวาดกลัวและหวาดหวั่นเท่านั้น แต่มีความสิ้นหวังด้วย ในสายตาเขา หวังหลินกลายเป็นคนที่น่าหวาดกลัวสุดขีด!

ขุนพลพยัคฆ์ขาวและขุนพลวิหคเพลิงก็ตกตะลึง ราวกับคนที่โดนวิชาหยุดเอาไว้

‘ข้าได้เห็นเต๋าแห่งสวรรค์ด้วยสองตาจริงๆ…’

‘มิน่าเล่าข้าถึงไม่สามารถตรวจจับกลิ่นอายของมันได้ มิน่าเล่า…’

ผีเฒ่าจางหรี่ตาแคบลงจนเผยอาการตกตะลึงอย่างเหลือเชื่อ วิญญาณสีรุ้งในตัวเขากำลังโกรธเกรี้ยวและเข้าควบคุมร่าง ใบหน้าเกิดการบิดเบือนและพุ่งเข้าใส่ หวังหลิน เขาจ้องหวังหลินด้วยสายตาน่ากลัว!

หากไม่ได้อยู่ในโลกถ้ำ คงไม่ต้องหวาดกลัวเต๋าแห่งสวรรค์ แต่ในถ้ำแห่งนี้นับว่าแตกต่าง เต๋าแห่งสวรรค์คือทุกอย่างของที่นี่!

การควบคุมเต๋าแห่งสวรรค์หมายถึงการควบคุมทุกอย่างที่นี่

อย่างไรก็ตามการกลืนกินของเต๋าแห่งสวรรค์ก็ยังมีขีดจำกัด ไม่เช่นนั้นมันคงไม่แบ่งตัวออกออกมาเพราะเหลียนต้าวเฟยใช้การทำลายตัวเอง ผีเฒ่าจางมีวิธีในการต่อกร แต่เขากำลังคิดถึงอีกปัญหาอื่น

“เจ้าค้นพบวิญญาณดวงที่สาม…” ผีเฒ่าจางเอ่ยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความขมขื่นและหดหู่ อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่เขาที่พูดออกไป แต่เป็นของวิญญาณสีรุ้ง

“ข้ายังหาไม่เจอ” หวังหลินส่ายศีรษะ อสูรโลกันตร์เบื้องล่างเขามองทั้งห้าคนอย่างเย็นเยียบก่อนจะหลับตาลงและทะยานออกไป

หลังจากเคลื่อนผ่านสี่ขุนพล พวกเขาตัวสั่นและทะยานออกทันที ไม่กล้าขัดขวางหวังหลินอีกต่อไปแล้ว พวกเขาได้แต่มองหวังหลินและอสูรโลกันตร์หายตัวออกไปไกล แม้จะผ่านไปสักพักก็ยังสงบจิตใจลงไม่ได้

พวกเขาอาจมีหลายวิธีไม่ให้หวาดกลัวผีเฒ่าจาง เพราะร่างอีกฝ่ายมีวิญญาณของราชันย์เทพสีรุ้ง แต่พอเผชิญหน้ากับหวังหลินที่มีเต๋าแห่งสวรรค์ จึงทำได้แต่เงียบเสียง

หวังหลินทะยานเข้าหาดาราจักรฟ้ากระจ่างโดยยังคงนั่งอยู่บนหลังของ เจ้าอสูรโลกันตร์ แม้จะดูสงบแต่ก็ถอนหายใจอยู่ในใจ

‘เป็นไปได้ว่าเต๋าแห่งสวรรค์ไม่สมบูรณ์…สี่ขุนพลนับว่าง่าย แต่อสูรโลกันตร์กลับสื่อว่าการกลืนกินผีเฒ่าจางเป็นไปได้ยากมาก…’

ณ ดาราจักรฟ้ากระจ่างมีลำแสงสีรุ้งสายหนึ่งเช่นกัน เซียนเต๋าสีรุ้งมีก้อนโลหิตขนาดเท่ากำปั้นจำนวนเก้าตัวและบินอยู่ข้างหน้า

‘ในที่สุดเก้าโลหิตลึกลับของข้าก็สมบูรณ์ ด้วยพลังโลหิตอันลึกลับนี้ ข้าสามารถเข้าสู่วัฏจักรการเกิดใหม่และตามหาได้ว่าวิญญาณดวงที่สามไปเกิดอยู่ที่ไหน… เขาน่าจะอยู่ในดาราจักรฟ้ากระจ่าง’

บนแผ่นดินเซียนดารา ในพื้นที่ของเหล่าเทพมีภูเขาที่ตัดผ่านกันหลายแห่ง และพื้นที่แห่งนี้ปกคลุมไปด้วยป่าหนาแน่น

ตอนนี้เป็นเวลากลางดึก ดวงดาวส่องแสงไปบนพื้นดินแต่มันไม่ได้เงียบสงัด เสียงอสูรดังคำรามกึกก้องออกมาจากในป่า

ในอดีตเมื่อนานมาแล้วมีสำนักเทพแห่งหนึ่งตั้งอยู่ที่นี่ มันถูกเรียกว่าสำนักเจ็ดเต๋า

บนท้องฟ้าซึ่งมีดวงจันทร์ลอยเคว้งคว้างมีระลอกคลื่นส่งเสียงดังกึกก้อง ระลอกคลื่นคล้ายบิดเบือนดวงจันทร์จนเกิดเป็นร่างหนึ่งโผล่ขึ้นมา เขาเป็นชายหนุ่มผมดำ

ชายหนุ่มมองพื้นดินด้านล่างราวกับเหน็ดเหนื่อย ใบหน้านั้นเผยรอยยิ้มและเต็มไปด้วยความคาดหวัง แม้จะต้องเสียอะไรไปมากเพื่อให้มาที่นี่ได้ ทั้งหมดล้วนคุ้มค่า

‘ลูกหลานของเผ่าเต๋าโบราณของข้า ข้ามาเพื่อรับเจ้ากลับบ้าน…ขากลับจะยิ่งยาก แต่ข้ารู้ว่าเจ้าไม่หวาดกลัว’ ชายหนุ่มยิ้มและก้าวเดินออกไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!