Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1757

Cover Renegade Immortal 1

1757. สภาพเกม

“เจ้าตั้งกฎ…ถ้าข้าเข้าไปแล้วจะทำไม?” สัมผัสวิญญาณของหวังหลินแผ่กระจายออกไปแล้วและรวบรวมเบาะแสบางอย่างมาจากดาวเคราะห์

กฎที่นี่เหมือนกับหมากรุก เป็นการแยกสัมผัสวิญญาณใส่ทหารด้านล่างเข้าไปและใช้ร่างของคนธรรมดาเพื่อเผชิญหน้ากับทหารนับล้าน!

ระดับบ่มเพาะถูกกดเอาไว้อย่างสมบูรณ์และไม่สามารถใช้ได้

‘ขุนพลพยัคฆ์ขาวกลายเป็นขุน ส่วนคนจากดาวเบญจธาตุกลายเป็นทหาร นั่นเป็นข้อได้เปรียบที่ขุนพลพยัคฆ์ขาวคิด! โลกที่ล้มเหลวสามร้อยใบไม่สามารถผนึกสายโลหิตได้ แต่หากเน้นไปที่คนเพียงแค่สองหรือสามคน มันสามารถข่มสลายโลหิตได้ ซึ่งหากข่มสลายโลหิตได้คงไม่ต้องพูดถึงระดับบ่มเพาะ ขุนพลพยัคฆ์ขาวไม่ใช่เพียงแค่เทพแต่ยังมีร่างกายที่ทรงพลัง แม้สายโลหิตเทพถูกข่มเอาไว้ ร่างกายก็ยังแข็งแกร่ง ถึงความสามารถถูกกดเอาไว้ก็ยังแข็งแกร่งพอจะกลายเป็นขุน!’

‘ส่วนคนจากดาวเบญจธาตุ เขาไม่ได้บ่มเพาะกายหยาบและเป็นเหมือน พวกบัณฑิต จึงทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างขุนและทหารขึ้นมา!’

หวังหลินหรี่ตาจนเปล่งประกายแห่งปัญญา

‘กฎของที่นี่คือ ไม่สนระดับบ่มเพาะ ขุนพลพยัคฆ์ขาวเป็นเทพ พอเขาเห็นข้าใช้คันศรลี่กวงจึงสรุปได้ว่าข้าไม่มีสายโลหิตเทพ แต่ที่ข้าใช้ได้เป็นเพราะโลหิตจาก ร่างเทพอมตะ!’

‘สำหรับคนที่ไม่มีสายโลหิตเทพ ระดับบ่มเพาะของข้านั้นจะถูกระงับเอาไว้อย่างสิ้นเชิง แม้ข้าจะแบ่งสัมผัสวิญญาณออกไปก็คงเป็นเหมือนทหารธรรมดา แต่พวกคนที่มีสายโลหิตยังแสดงพลังอำนาจได้อยู่บ้าง’

‘นี่เป็นข้อได้เปรียบที่เขาคิดว่าเหนือกว่า! อีกทั้งเพราะคิดว่าข้าไม่มีสายโลหิตเทพ จึงไม่คิดว่าการระงับระดับบ่มเพาะอีกคนจะไม่เป็นการเพิ่มภาระให้กับโลกนี้’

‘บางทีเขาคิดว่าข้ามีมรดกเต๋าโบราณและมีร่างเทพโบราณอยู่แล้ว แต่เขาไม่รู้ว่าข้าได้สายโลหิตเต๋าโบราณมาด้วย แม้สายโลหิตของข้าจะถูกระงับเอาไว้ แต่ข้ามีระดับบ่มเพาะที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าขุนพลพยัคฆ์ขาวมากนัก ข้ายังแข็งแกร่งกว่าเสียอีก!’ หวังหลินตัดสินใจก้าวออกไป

เพียงก้าวเดียว เขาก็เข้าสู่ดินแดนและเกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วโลก ขณะเดียวกันพลังรุนแรงสายหนึ่งพุ่งเข้ามาราวกับต้องการฉีกกระชากโลกนี้เป็นชิ้นๆ กฎที่ ขุนพลพยัคฆ์ขาวได้ตั้งเอาไว้พลันอ่อนแรงลง!

ตามที่หวังหลินคาดการณ์เอาไว้ การที่ทั้งโลกวางกฎเอาไว้ใส่คนสองคนมันมีประสิทธิภาพถึงเก้าในสิบส่วน แต่หากคนที่มีสายโลหิตเข้ามา ประสิทธิภาพที่ได้จะกระจายออกและลดลง

เมื่อหวังหลินเข้าไปในโลก ชายวัยกลางคนจากดาวเบญจะาตุพลันรู้สึกว่า แรงกดดันสายโลหิตได้ลดน้อยลง ขณะเดียวกันทหารที่เกิดขึ้นจากสัมผัสวิญญาณของเขาจึงเริ่มเปล่งประกายเจิดจ้า!

แสงสีทองมืดมนยิ่งแต่กลับทำให้ทหารมีจิตใจแน่วแน่ แม้แต่หอกในมือยัง แหลมคมมากขึ้น ศัตรูที่มาถึงพลันถูกเขาสังหารทันที

ขุนพลพยัคฆ์ขาวมีสีหน้าเปลี่ยนไปและไม่เชื่อสายตาตัวเอง เป็นไปตามที่หวังหลินคิด เขาไม่คิดว่าหวังหลินจะมีพลังอำนาจสายโลหิตอันใด แต่การเปลี่ยนแปลงกฎของที่นี่ทำให้จิตใจเขาสั่นไหว

‘เขามีพลังสายโลหิต!! เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่รู้สึกถึงสายโลหิตเทพอันใดจากตัวเขาแน่นอน แม้เขาจะมีอยู่บ้าง มันก็ถูกผสานเข้าไปในคันศรลี่กวง!’

ร่างหวังหลินเริ่มบิดเบือนและหายไป พอเขาปรากฏตัวอีกครั้งจึงอยู่ในท้องฟ้าเหนือดาวเคราะห์ดวงที่สาม ทำมุมเป็นสามเหลี่ยมกับขุนพลพยัคฆ์ขาวและ ชายวัยกลางคนจากดาวเบญจธาตุ!

วินาทีที่หวังหลินมาถึง สัมผัสวิญญาณส่วนหนึ่งได้แบ่งตัวออกมาและลอยลงใส่ดาวเคราะห์ ผสานเข้ากับทหารนายหนึ่งที่อยู่ด้านตรงข้ามกับขุนพลพยัคฆ์ขาว

ทหารผู้นี้กำลังถือดาบผ่าร่างศัตรู แต่ไม่ได้ตระหนักว่าขุนพลพยัคฆ์ขาวกำลังขี่ม้าพุ่งใส่ ขุนพลพยัคฆ์ขาวร้องคำรามและโยนหอกใส่ทหารที่หวังหลินเพิ่งผสานสัมผัสวิญญาณเข้าไป

เมื่อสัมผัสวิญญาณของหวังหลินผสานเข้าไป ทหารนายนั้นจึงหยุดชะงักไปชั่วครู่ ดวงตาเปล่งประกาย สีผมเปลี่ยนเป็นสีขาว ใบหน้าเลือนลางและเปลี่ยนเป็นใบหน้าหวังหลิน

ทันใดนั้นจึงหันกลับมาฟาดดาบลงพร้อมกับส่งเสียงคำราม ดาบจึงเข้าปะทะใส่หอกทันที

หอกที่ควรจะผ่าร่างหวังหลินไปครึ่งส่วนเบี่ยงผ่านเขาไปแทงทะลุใส่ ทหารด้านหลัง

หลังจากเบี่ยงหอกไปแล้ว ทหารที่หวังหลินเข้าผสานด้วยจึงมองขึ้นไป จ้องมองขุนพลบนม้าขาว!

ตอนนี้ร่างดั้งเดิมของหวังหลินได้นั่งอยู่ในท้องฟ้าแล้ว ใบหน้าเผยความเยาะเย้ย

กฎที่นี่เหมือนเกมหมากรุก เกมกระดานเป็นการต่อสู้กันระหว่างสองฝ่าย ส่วนตัวหมากคือเหล่าทหารหรือขุนพลที่ส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปก่อร่าง!

ขุนพลพยัคฆ์ขาวจ้องมองหวังหลินด้วยท่าทีมืดมน เขาหลับตาและเพ่งสมาธิไปยังขุนพลที่ตัวเองผสานเข้าไปด้วย

สายตาของขุนพลสวมเกราะสีขาวเต็มไปด้วยความเย็นเยียบ เขาชี้หวังหลินที่อยู่ห่างออกไปและมีควันสีดำโผล่ขึ้นมา มันเปลี่ยนกลายเป็นทหารสวมเกราะสีดำสิบตนและพุ่งใส่หวังหลินทันที

หวังหลินหัวเราะ ในสนามรบนี้เสียงการสังหารเต็มไปทั่ว เสียงกรีดร้อง เสียงคำรามและเสียงหลายอย่างผสมผสานกันจนกลายเป็นเสียงเพลงที่ดังที่สุด!

การคงอยู่ของเสียงเพลงได้ทำให้โลหิตเดือดพล่าน หวังหลินย้อมโลหิตใส่ลงไปในดาบและพุ่งไปข้างหน้า เขาสวมชุดเกราะธรรมดา แต่ขณะที่เคลื่อนร่างพลันสังหารทหารศัตรูด้วยกระบวนท่าเดียว!

ทุกครั้งที่สังหารคนได้ มันจะเปลี่ยนกลายเป็นควันหนึ่งสายเข้าสู่ร่างหวังหลิน เขาจึงถูกล้อมรอบด้วยควันสีดำอย่างช้าๆ ทำให้ดูราวกับเทพปิศาจ

หวังหลินรู้ว่าทหารทั้งหมดที่นี่เป็นของปลอม มันถูกสร้างขึ้นจากฎที่ขุนพลพยัคฆ์ขาวตั้งเอาไว้ ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของเกมกระดานระหว่างทั้งสามคน!

ฆ่า ฆ่า ฆ่า! หวังหลินพุ่งทะยานคว้าดาบเหล็กออกไปและกวาดใส่ทหารที่เข้ามาหา หวังหลินส่งเสียงคำรามและกระโจนข้ามผ่านศีรษะทหารคนหนึ่ง เขาใช้แรงเหวี่ยงกระแทกดาบใส่ทหารเกราะดำคนแรก!

ทหารเกราะดำมองขึ้นไปอย่างหวาดหวั่น ในสายตาเขามีพระจันทร์สีโลหิตกำลังห้อยอยู่ด้านหลังหวังหลิน และหวังหลินได้แทนที่พระจันทร์โลหิตดวงนั้น!

ทหารเกราะดำรีบยกโล่ในมือขึ้นมาขัดขวางดาบจากหวังหลิน!

ดาบมีแสงวาบ เสียงกรีดร้องดังลั่นจนทุกคนรอบข้างตกตะลึงและหันมามอง ดาบของหวังหลินฟาดลงใส่และผ่าโล่จนพังทลาย จากนั้นดาบยังผ่าทหารเกราะดำขาดครึ่งส่วน!

ควันสีดำจำนวนมากมายโผล่ออกมาจากทหารเกราะทำและไปรวมรอบตัวหวังหลิน หลังจากสังหารไปร้อยคนและทหารเกราะดำที่สร้างขึ้นจากขุนพลพยัคฆ์ขาว ควันสีดำรอบหวังหลินจึงมีมหาศาล

เสียงปริแตกดังลั่นออกมา ควันรอบตัวหวังหลินควบแน่นกลายเป็นชุดเกราะสีดำ ตัดกับเรือนผมสีขาวจนเป็นภาพอันน่าตื่นตะลึง!

ดาบในมือได้กลายเป็นสีดำและยาวขึ้นเล็กน้อยคล้ายเสี้ยวพระจันทร์!

หวังหลินยกดาบและหัวเราะ หลังจากสวมชุดเกราะจึงมุ่งหน้าต่อไป สะบัดดาบในมือสังหารมากยิ่งขึ้น เพียงครึ่งก้านธูปไหม้ เหล่าทหารเกราะดำสิบตนถูกหวังหลินสังหารจนหมด!

เกราะรอบตัวหวังหลินแทบปกคลุมทั่วร่างกาย เขาขาดเพียงหมวกเกราะเท่านั้น ตอนนี้ดูทรงพลังยิ่งในกลุ่มทหาร!

ชายวัยกลางคนจากดาวเบญจธาตุนั้นสามารถสังหารผู้คนไปมากมายจน หุ้มตัวเองด้วยแสงสีทอง แสงสีทองปกคลุมร่างกายก่อเกิดเป็นชุดเกราะสีทอง มันไม่สามารถเทียบกับเกราะของหวังหลินได้เลย

เรื่องนี้ทำให้ขุนพลพยัคฆ์ขาวที่อยู่ในท้องฟ้าถึงกับลืมตาและดูมืดมนยิ่ง เส้นเลือดบนใบหน้าส่งเสียงปะทุ! เขาสูดหายใจลึกและหลับตาลง

เพ่งสมาธิกลับไปยังขุนพลที่เขาสวมสัมผัสวิญญาณใส่ หอกในมือโผล่ขึ้นมาอีกครั้ง ล่าถอยจนสร้างระยะห่างจากหวังหลิน

แต่หวังหลินจะปล่อยให้ทำได้ตามที่ต้องการได้อย่างไร? หวังหลินเข้าใจดีว่าเวลาของตัวเองมีน้อยมาก เขาต้องจบการต่อสู้นี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ พอเห็นขุนพลเกราะขาวล่าถอย หวังหลินร้องคำราม ดาบในมือแทงลงพื้น ยืมแรงเพื่อกระโจนขึ้นไปในอากาศ ก้าวข้ามศีรษะเหล่าทหารพร้อมกับไล่ตามขุนพลเกราะสีขาว!

ทุกก้าวย่างทำให้คนที่เขาเหยียบย่ำใส่เปลี่ยนกลายเป็นควันสีดำรอบตัว หลังจากก้าวไปถึงร้อยครั้ง ควันสีดำรอบๆ จึงควบแน่นและเกิดเสียงควบม้า ม้าสีดำตัวหนึ่งก่อตัวขึ้นมาให้หวังหลินควบทะยานดุจพายุ เขาพุ่งไปข้างหน้าโดยไม่ทิ้งใครให้รอดชีวิต!

พุ่งทะยานเข้าหาขุนพลเกราะขาว!

สีหน้าขุนพลเกราะขาวที่กำลังล่าถอยเปลี่ยนไปมหาศาล เขาจ้องหวังหลินที่กำลังเข้ามาใกล้และกระชับหอกในมือแน่นขึ้น!

ตอนนี้ในโลกที่ล้มเหลวอีกใบ เซียนเต๋าสีรุ้งกำลังมืดมน เขาค้นหาไปเกือบร้อยใบแล้วและยังไม่เจอหวังหลิน พลางเปิดช่องในอวกาศอย่างร้อนรนและเดินเข้าไป

ทันใดนั้นร่างสั่นเทา ดวงตาเต็มไปด้วยความสุข เขาสัมผัสถึงกลิ่นอายของหวังหลิน! แม้กลิ่นอายจะไม่ได้อยู่ในโลกนี้แต่มันก็ไม่ไกล เขาเปิดช่องว่างอีกแห่งและเข้าไป

‘ใกล้แล้ว! ข้ารู้สึกว่ามันอยู่ห่างออกไปไม่ไกล!’ เซียนเต๋าสีรุ้งเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version