1759. สีรุ้งมาถึง
หวังหลินยกดาบขึ้น ควันสีดำเปลี่ยนกลายเป็นพายุสูงเทียมฟ้า มองไกลราวกับมังกรทมิฬสุดแสนน่ากลัว
ดาบในมือหวังหลินไม่ได้ขยับเลยราวกับถูกแช่แข็ง ทำให้ร่างของหวังหลินและพายุมังกรดำเป็นภาพที่คมชัด
การหยุดนิ่งและเคลื่อนไหวแบบนี้ส่งแรงกดดันอันน่าตกตะลึงออกมาจากร่างหวังหลิน เนื่องด้วยร่างอวตารที่มีสัมผัสวิญญาณของขุนพลพยัคฆ์ขาวถูกกลืนกิน และด้วย สัจจะสาบาน แรงกดดันจึงทำให้เขาต้องสั่นเทา
แรงกดดันเสมือนขุนเขาที่ทำให้ขุนพลพยัคฆ์ขาวต้องยอมจำนน เขาตัวสั่นพลางก้มหน้า
ชายวัยกลางคนจากดาวเบญจธาตุยิ่งดูย่ำแย่ แม้จะไม่ได้เอ่ยสัจจะโลหิต แต่ร่างอวตารสัมผัสวิญญาณของเขาถูกหวังหลินกลืนกิน ขณะที่แรงกดดันแผ่กระจายออกมา จึงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายรุนแรงท่วมเข้าใส่ดุจคลื่นสมุทร
หวังหลินไม่มีเวลาให้ความสนใจกับคนทั้งสอง เขาเพ่งสมาธิทั้งหมดที่ดาบ หลับตาลงอย่างช้าๆและไม่มองท้องฟ้าอีกต่อไป ใส่ทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไปในดาบเล่มนี้
วินาทีที่หลับตา เขาไม่ได้ยินเสียงใดๆ อีก สิ่งเดียวที่สัมผัสได้คือดาบในมือ มันแทนที่สายตาและสัมผัสวิญญาณ เมื่อรวบรวมระดับบ่มเพาะเอาไว้ จึงกลายเป็นดาบที่ทรงพลังจนน่าตกตะลึง!
ทางด้านทิศตะวันตกของดาราจักร เสียงดังสนั่นพร้อมกับเกิดวังวนยักษ์ขึ้นมา แต่มันยังไม่ได้ก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ มันสั่นอย่างรุนแรงก่อนจะพังทลาย ด้วยวิธีการที่มันพังทลาย จึงเหมือนมีคนฉีกกระชากจากภายใน
แสงสีรุ้งเปล่งประกายแหลมคม ภายในลำแสงมีเซียนเต๋าสีรุ้งก้าวออกมาเข้าสู่โลกใบนี้
พอเข้ามาแล้วจึงสัมผัสกลิ่นอายของหวังหลินได้ชัดเจน ดวงตาเผยจิตสังหารและยังเริ่มหัวเราะ
‘หวังหลิน ข้าเจอเจ้าแล้ว ข้าอยากเห็นเสียจริงว่าครั้งนี้เจ้าจะหนีได้อย่างไร!’
ยามนี้บนดาวเคราะห์ดวงที่สาม หวังหลินพลันลืมตา ดาบในมือเปล่งแสงมหึมา เขากระโจนขึ้นไปในท้องฟ้าพลางส่งเสียงคำราม ฟาดฟันดาบที่ทรงพลังที่สุดในมือ!
หลังจากฟาดฟันออกไปจึงถอยร่นอย่างรวดเร็ว
ปราณดาบขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นในท้องฟ้า ดูดซับพายุรอบตัวหวังหลิน รวมถึง ชุดเกราะและเหล่าทหารที่สร้างขึ้นจากฎ ปราณดาบได้ทำลายกฎที่ขุนพลพยัคฆ์ขาวตั้งขึ้นเอาไว้ทันที!
ขุนพลพยัคฆ์ขาวกระอักโลหิต สีหน้าท่าทางมืดมน
ปราณดาบพุ่งเข้าไปในท้องฟ้าและหายไป มันปรากฏขึ้นอีกครั้งตรงจุดที่เซียนเต๋าสีรุ้งอยู่ ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก เมื่อเซียนเต๋าสีรุ้งมาถึง หวังหลินก็โจมตีใส่แล้ว
ปราณดาบเข้าสู่อวกาศและขยายออกไปมากกว่าแสนฟุต มันกลายเป็นรูปร่างพุ่งทะยานเข้าหาเซียนเต๋าสีรุ้ง!
ปราณดาบถูกสร้างขึ้นจากกฎของโลกนี้และผสานเข้ากับระดับบ่มเพาะของหวังหลิน กวัดแกว่งดาบเท่ากับการใช้พลังโจมตีสูงสุดเข้าสังหารคนเพียงคนเดียว!
พลังอำนาจของดาบเล่มนี้มิอาจอธิบายได้ ปราณดาบส่องสว่างทะยานเข้าหา!
เซียนเต๋าสีรุ้งหรี่ตาแคบลง แม้จะมีระดับบ่มเพาะสูงมากแต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงอันตราย เรื่องแบบนี้หาได้ยากยิ่ง เขารู้สึกแบบนี้ในชีวิตอยู่แค่สามครั้งเท่านั้น!
แต่ในสามครั้งที่ว่ามา มีสองครั้งเกิดขึ้นขณะที่ไล่ตามหวังหลิน ครั้งแรกอยู่ในรอยแยกในทะเลเมฆา ครั้งที่สองอยู่ในโลกที่ล้มเหลวใบนี้!
‘ใช้พลังของกฎในโลกนี้เพื่อสร้างปราณดาบ…หวังหลินสามารถคิดแบบนี้ได้ในช่วงเวลาสั้นๆ สติปัญญาแบบนี้หาได้ยาก! แต่ยิ่งฉลาดเท่าใดยิ่งสมควรตายเท่านั้น!’ เซียนเต๋าสีรุ้งรู้ดีว่าถ้าไม่มีผีเฒ่าจางอยู่แถวนี้ก็ไม่ใครทำให้เขาบาดเจ็บได้ เขาสะบัดแขน แสงสีรุ้งเริ่มกะพริบวาบ มันก่อตัวเป็นดอกบัวสีรุ้งเจ็ดกลีบ แต่ละกลีบมีเจ็ดสี เบ่งบานอยู่เบื้องหน้า
“ดอกบัวเต๋าสีรุ้ง ดอกบัวรวมเหล่าทหาร!” ยามที่เซียนเต๋าสีรุ้งเอ่ยปากออกมา เขาก้าวเข้าไปในดอกบัว กลีบดอกบัวหดลงและห่อหุ้มร่างกาย
มองไกลๆ มันดูไม่เหมือนดอกบัวที่บานอีกแล้วแต่เหมือนกับดอกบัวตูม ดาบที่เข้ามาใกล้จึงร่อนใส่ดอกบัวตูมสีรุ้ง
เสียงดังสนั่นคับฟ้าจนดาราจักรสั่นสะเทือน ดาราจักรดวงดาวขาดเป็นหลายส่วนจากคมดาบและแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ขณะเดียวกันดอกบัวตูมสีรุ้งสั่นเทา แสงสีรุ้งกะพริบวาบและมีสองกลีบแตกสลาย
ทว่าดาบและกลีบทั้งสองที่พังทลายทำให้เกิดพลังทำลายล้างขึ้นมา มันแผ่กระจายออกไปอย่างบ้าคลั่งโดยมีดอกบัวสีรุ้งอยู่ตรงกลาง
เสียงดังสนั่นแผ่กระจายออกไปทั่วดาราจักร จนดาราจักรแห่งนี้เริ่มพังทลายทีละนิ้วราวกับโดนพลังกระชากให้ฉีกขาด
ขณะที่คลื่นทำลายล้างแผ่กระจาย ดาราจักรพังทลายอย่างต่อเนื่อง ทุกอย่างที่อยู่ในเส้นทางของมันแตกเสียหาย แม้แต่ดาวเคราะห์ทั้งเก้าดวงยังสั่นเทา มีเจ็ดดวงแตกระเบิดและเปลี่ยนกลายเป็นหลุมดำกลืนกินทุกสิ่ง
โลกใบนี้มิอาจคงอยู่ได้อีกต่อไป!
ดาวเคราะห์ดวงที่สามสั่นเทา หุบเหวขนาดใหญ่ผุดขึ้นบนพื้นผิว ท้องฟ้าเปลี่ยนสีไปพร้อมกับพื้นดินสั่นสะเทือนและเริ่มพังทลาย
ก้อนหินจำนวนมากลอยขึ้นสู่อากาศ ราวกับวันสิ้นโลก!
โลหิตไหลย้อนออกมาจากมุมปากหวังหลิน เขาเผยสีหน้าช่วยอะไรไม่ได้ เซียนเต๋าสีรุ้งแข็งแกร่งเกินไป! หวังหลินถอยร่นโดยไม่ลังเล ด้านหลังปรากฏวังวนขึ้นมา ขณะที่ก้าวเข้าไปในวังวน มีเสียงดังคำรามกึกก้องไปทั่วดาราจักร
ดอกบัวตูมพลันปรากฏขึ้นเหนือดาวเคราะห์ดวงที่สามและเปิดออกให้เห็น เซียนเต๋าสีรุ้งนั่งอยู่ข้างใน!
“ดอกบัวเต๋าสีรุ้ง ดอกบัวเปิดต้อนรับความตาย!” เซียนเต๋าสีรุ้งยกแขนขึ้นมาชี้ใส่หวังหลิน
แม้เซียนเต๋าสีรุ้งมีท่าทีดูปกติแต่มืดมนยิ่ง ดาบก่อนหน้านี้ทรงพลังยิ่งกว่าที่เขาคิดว่าหวังหลินจะทำได้ มันไม่ให้ความรู้สึกว่าหวังหลินกำลังโจมตีเขา แต่เหมือนโลกทั้งใบกำลังโจมตีใส่
แม้แต่เขายังตกตะลึงกับพลังการโจมตีขนาดนั้น! อีกทั้งแท่นดอกบัวสีรุ้งก็ยังเสียไปสองกลีบจนทำให้เขาปวดใจ จิตสังหารโผล่ขึ้นเต็มทั่วร่าง!
ยามที่เซียนเต๋าสีรุ้งชี้ออกไป กลีบดอกบัวที่เหลือห้ากลีบจึงหลุดจากดอก พวกมันจะเข้าไปผนึกและสังหารหวังหลิน!
เซียนเต๋าสีรุ้งกระโจนขึ้นไปในอากาศและไล่ล่าหวังหลิน ตามหลังกลีบดอกบัวทั้งห้า
วินาทีนี้ร่างหวังหลินเข้าผสานกับวังวนและกำลังจะจากไป แต่เซียนเต๋าสีรุ้งกำลังโจมตีและได้ผสานการโจมตีเข้ากับการพังทลายของดาวเคราะห์ กลีบดอกบัวทั้งห้าเข้าประชิด หวังหลินเกิดรู้สึกถึงความเป็นความตายขึ้นเต็มจิตใจ
อย่างไรก็ตามตั้งแต่ที่หวังหลินกล้าอยู่ที่นี่เพื่อโจมตีด้วยดาบเล่มนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาเตรียมการมาแล้ว แม้จะลงมือตามความรู้สึกไปบ้างแต่ทุกครั้งเขามีเป้าหมาย ขณะที่กลีบดอกบัวเข้าใกล้นั้น แขนขวาหวังหลินยื่นออกไป ทะเลเพลิงรอบตัวเขาเปลี่ยนกลายเป็นร่มเพลิงขนาดยักษ์
ร่มบรรพกาลเผาดินแดน!
ร่มนี้ไม่ได้ปกคลุมท้องฟ้าแต่อยู่ในมือหวังหลินขนาดเท่าร่มปกติ ร่มบรรพกาลเผาดินแดนจำเป็นต้องใช้เขตอาคมจำนวนมากและใช้เวลาเตรียมตัว ดังนั้นจึงไม่เหมาะที่จะใช้ในสถานการณ์อันตราย
แต่หวังหลินคิดถึงทางหนีทีไล่ไว้แล้ว แขนซ้ายลอบสร้างร่มขึ้นมาขณะที่รออยู่ แม้จะเผาผลาญพลังชีวิตอีกเล็กน้อยมันก็คุ้มค่า!
ตอนนี้ร่มอยู่ในมือซ้ายหวังหลินและมันเปิดออกมาปกคลุมร่างกาย!
เปลวเพลิงพวยพุ่งออกมา ขณะที่กลีบดอกบัวเข้ามาใกล้จึงถูกเปลวเพลิงขัดขวาง ทุกกลีบร่อนลงใส่ร่มจนสั่นเทาและทำให้จิตใจหวังหลินสั่นสะเทือน อย่างไรก็ตามเขาใช้การโจมตีนี้เพื่อถอยไปได้สามก้าว
หลังจากถอยไปสามก้าวร่างกายจึงผสานเข้ากับวังวนโดยสมบูรณ์ เปลวเพลิงขัดขวางทัศนวิสัยของเขา หวังหลินได้ออกไปจากโลกนี้ทันที
วินาทีที่หวังหลินหายไป เขาได้ยินเสียงคำรามโกรธเกรี้ยว เซียนเต๋าสีรุ้งตามติดกลีบดอกมัวมาและพุ่งเข้าไปในวังวน ยกแขนขวาขึ้นและใช้มือข่วนไปที่หวังหลิน!
ทว่าการโจมตีพลาดเป้าเพราะหวังหลินจากไปแล้ว!
“แม้เจ้าจะหนีไปสุดขอบโลก เจ้าก็หนีข้าไปไม่พ้น!!” เซียนเต๋าสีรุ้งกระทั่งไม่หันไปมองขุนพลพยัคฆ์ขาวและคนจากดาวเบญจธาตุ เขาพุ่งเข้าไปในวังวนตามหลังหวังหลิน
หลังจากหวังหลินและเซียนเต๋าสีรุ้งจากไป ดาวเคราะห์ดวงที่สามจึงพังทลายไปพร้อมกับโลกนี้ ขุนพลพยัคฆ์ขาวมองดูด้วยสายตาเกินอธิบาย คำสาบานของเขาส่ง ผลแล้วและหวังหลินพอมีเวลาออกคำสั่ง
เขาจำต้องเชื่อฟัง จึงพยายามลุกขึ้นพุ่งเข้าใส่ชายวัยกลางคนจากดาวเบญจธาตุ
“จับเขา ข้าต้องใช้ประโยชน์จากเขาอีก!” เป็นคำสั่งแรกที่หวังหลินมอบให้ ขุนพลพยัคฆ์ขาวก่อนจะจากไป