Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1777

Cover Renegade Immortal 1

1777. สายฟ้าสะเทือนหัวใจ

วิญญาณสีรุ้งของผีเฒ่าจางลอยออกมา ผ้าคลุมรอบตัวมันเข้าปะทะกับแขนสีทองและแขนสีดำที่โผล่ออกมาจากท้องฟ้าและผืนดิน

สายฟ้าส่งเสียงดังสนั่นกึกก้อง ผีเฒ่าจางนั้นทรงพลังมาก แม้จะไม่มีวิญญาณสีรุ้งเขาก็เป็นเซียนที่เกือบจะถึงระดับสูงสุดขั้นวิบากแก่นแท้ ซึ่งเป็นขั้นครึ่งก้าวก่อนถึง ขั้นวิบากดับสูญระดับต้น ยิ่งไปกว่านั้นวิญญาณของเขาได้เลือกที่จะผสานกับ วิญญาณสีรุ้ง ทำให้ระดับบ่มเพาะเพิ่มเข้าไปใกล้เคียงกับราชันย์เทพสีรุ้ง!

วินาทีที่ร่างและวิญญาณของเขาแยกจากกัน วิญญาณสีรุ้งสะบัดแขนทำให้แขน สีทองจากท้องฟ้าพังทลาย! ขณะเดียวกันแขนสีดำจากพื้นดินสั่นเทาและแตกสลาย

แม้แต่ผนึกจากพิณของปรมาจารย์เต๋าความฝันก็ยังหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ปรมาจารย์เต๋าความฝันกระอักโลหิต พิณส่งเสียงหึ่งและเขาบาดเจ็บสาหัส แต่เขากลับเล่นพิณอีกครั้งโดยไม่ลังเล พลังสองสายจึงทะยานเข้าหาผีเฒ่าจาง

แม้แต่ชายชราชื่อหม่ายังเจอกับพลังกระแทกมหาศาลจากวิญญาณสีรุ้งที่ทะลวงวิชาเขาเข้ามา โลหิตไหลจากมุมปากและเขากระเด็นไปหนึ่งพันฟุต ทว่าเขากัด ฟันแน่นและพุ่งตัวออกไปอีกครั้ง

ขณะเดียวกับที่วิญญาณสีรุ้งและผีเฒ่าจางแยกจากกัน ผีเฒ่าจางทะยานเข้าหาชายวัยกลางคนทั้งสองจากดาวเบญจธาตุ ซึ่งกำลังต่อสู้กับขุนพลเต่าดำและ ขุนพลวิหคศักดิ์สิทธิ์

ขุนพลเต่าดำและขุนพลวิหคศักดิ์สิทธิ์ได้ทำข้อตกลงกับผีเฒ่าจางเอาไว้หรืออาจถูกบังคับให้เข้ามาช่วยเหลือ พวกเขาเชื่อว่าการฟังคำสั่งผีเฒ่าจางคือตัวเลือกเดียวที่นี่และเชื่อว่าผีเฒ่าจางจะกลายเป็นราชันย์เทพสีรุ้งคนใหม่!

วินาทีนี้ผีเฒ่าจางเข้ามาประชิดและสะบัดแขนเสื้อ คำว่า “ต่อสู้” สองคำลอยออกไปและระเบิดใส่ชายวัยกลางคนทั้งสองจากดาวเบญจธาตุ ทั้งคู่บาดเจ็บสาหัสและถูกบังคับให้ถอยหนี

ผีเฒ่าจางระเบิดเจตนาต่อสู้ขึ้นมา เขาเป็นผู้สร้างคัมภีร์รบและเป็นเจ้าของ แก่นแท้ต่อสู้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาผสานกับวิญญาณของราชันย์เทพสีรุ้งซึ่งส่งผลกระทบต่อนิสัยไปด้วย เขาคงไม่มีการลังเล

ตอนนี้ร่างกายและวิญญาณแยกจากกัน กลิ่นอายส่วนใหญ่ที่เขามีจึงหายไป กลับคืนสู่วิถีทางอันโหดเหี้ยมก่อนหน้า!

วิถีการต่อสู้อันโหดเหี้ยม!

“พวกเจ้าสองคนจงรีบไปที่ทางเข้าและสังหารหวังหลิน!” ผีเฒ่าจางสะบัดแขนเสื้อและส่งขุนพลทั้งสองพุ่งออกไปยังทางเข้า

หลังกล่าวจบจึงหันกลับมา ชายชราชื่อหม่าได้มาถึงพอดี ทั้งสองมองหน้ากัน เกิดเป็นเสียงดังสนั่นกึกก้องอยู่ตรงกลาง จากนั้นจึงเริ่มต่อสู้

หากเทียบชายชราชื่อหม่าแล้ว ปรมาจารย์เต๋าความฝันมีความกังวลมากกว่าแต่สมาธิทั้งหมดของเขาเพ่งไปที่การเล่นพิณเพื่อผนึกวิญญาณสีรุ้ง เขาไม่สามารถแยกสมาธิไปหยุดสองขุนพลที่จะเข้าไปขัดขวางหวังหลินได้

ถังซานยังไม่ได้สลบไป นางกัดฟันแน่นและกระโจนขึ้นไปในอากาศเพื่อหยุดสองขุนพล

ห่างออกไปไม่ไกลนักต้าเสินถูกคำว่า “ต่อสู้” ผนึกเส้นทางเอาไว้อยู่สามวินาที เขาร้องคำรามและทะลวงตัวอักษรที่อ่อนแอออกไป เมื่อผนึกพังทลายจึงพุ่งเข้าหาขุนพลเต่าดำและขุนพลวิหคศักดิ์สิทธิ์

อย่างไรก็ตามเขาและต้าซานก็ยังช้ากว่าสองขุนพล ขณะที่ทั้งสองมาถึงตรง ปากทางเข้าและกำลังจะเข้าไป เกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าตกตะลึงขึ้นก่อน

คนที่เร็วที่สุดคือขุนพลเต่าดำ เขานำหน้าขุนพลวิหคศักดิ์สิทธิ์เพียงแค่สามสิบฟุต พอเข้าไปใกล้เขาได้ยินเสียงหัวใจเต้นดังกึกก้องดุจสายฟ้า ทำให้หัวใจของตัวเอง เต้นรัวอย่างปั่นป่วน

หัวใจที่เต้นแบบนี้ได้ทำให้เกิดความเจ็บปวดแทรกเข้าไปในหัวใจ สีหน้าของขุนพลเต่าดำพลันเปลี่ยนไปและเกิดเสียงกึกก้องขึ้นในหู ความเจ็บปวดรุนแรงถาโถมออกมาจากหน้าอกราวกับมีมือยักษ์ควักเข้าไปในหน้าอกและจับไปที่หัวใจ!

เมื่อความเจ็บปวดรุนแรงย่างกรายเข้ามา ขุนพลเต่าดำส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดและหยุดการเคลื่อนไหว ขณะที่กำลังจะถอย ฝ่ามือสีดำปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าและกดใส่หน้าอกเขาทันที

ปัง!

ขุนพลเต่าดำกระอักโลหิตและกระเด็นถอยไปหาขุนพลวิหคศักดิ์สิทธิ์ด้านหลัง

ขุนพลวิหคศักดิ์ตกตะลึงไปชั่วขณะและได้ยินเสียงหัวใจเต้นเช่นกัน ทำให้หัวใจเขาเกิดความปั่นป่วนและรู้สึกเจ็บเสียดในหน้าอก ใบหน้าซีดเผือดและถอยโดยไม่ลังเล

ทว่าในจังหวะที่ล่าถอย เสียงคำรามแหลมเต็มไปด้วยความดุร้ายพร้อมความกระหายเลือดได้โผล่ออกมาจากทางเข้า เงาร่างหนึ่งทะยานออกมาปรากฏเบื้องหน้าขุนพลวิหคศักดิ์สิทธิ์

ขุนพลวิหคศักดิ์สิทธิ์เห็นเพียงแต่ร่างสีดำก่อนจะกระอักโลหิตออกมา ร่างเงาสีดำกระแทกเข้าใส่เขาและทำให้กระเด็นถอยหลังเป็นเส้นโค้ง

อย่างไรก็ตามเงาสีดำได้ตามมาและเข้ามากอดรัด ร่างเงาเผยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมและกัดเข้าลำคอของขุนพลวิหคศักดิ์สิทธิ์

ขุนพลวิหคศักดิ์สิทธิ์กรีดร้องอย่างน่ากลัว ร่างกายเหี่ยวแห้งอย่างรวดเร็วเนื่องจากโลหิตถูกสูบออกไป ทั้งหมด สิ่งนี้เกิดขึ้นในพริบตา รวดเร็วเกินกว่าจะจินตนาการถึง ขณะที่ยังอยู่ในอากาศ ร่างเงาได้ยกเท้าขึ้นมาเตะใส่วิหคศักดิ์สิทธิ์ทำให้กระเด็นลงไปยังพื้นดินขณะที่ตัวเองยืมแรงนี้ลอยขึ้นไปในอากาศ

มันคือ หุ่นเชิดเย่ซื่อ!

การเปลี่ยนแปลงฉับพลันนี้ได้ทำให้ถังซานและต้าเสินหยุดชะงัก ซึ่งทำให้ชายชราชื่อหม่า ปรมาจารย์เต๋าความฝัน ผีเฒ่าจางและวิญญาณสีรุ้งให้ความสนใจไปด้วย!

ขณะที่สายตาทุกคนมองที่จุดเดียวกัน ร่างหวังหลินค่อยๆ ปรากฏออกมาจากทางเข้าสู่ชั้นสุดท้าย ทุกคนที่เห็นหวังหลินถึงกับอ้าปากค้างเพราะภาพลักษณ์ของเขาเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล!

เขายังสวมชุดสีขาวทั้งหมดแต่คราบเลือดสดๆ บนเสื้อผ้าทำให้ดูน่าตกตะลึง เรือนผมยังคงสีขาวแต่รกรุงรัง ส่วนหนึ่งพาดไว้บนไหล่!

เส้นผมและเสื้อผ้าไม่ได้เปลี่ยนไป แต่ผิวหนังใต้เสื้อผ้ากลับเต็มไปด้วยอักขระรูนอันน่าตกตะลึง อักขระรูนพวกนี้กะพริบวาบบนผิวหนังและเปล่งกลิ่นอายเก่าแก่

ใบหน้าเต็มไปด้วยอักขระรูน ดวงตาเรืองแสงสีเงิน กลิ่นอายที่รั่วซึมออกมาทำให้ดูเหมือนเขารู้สึกดูถูกต่อโลกทั้งใบ

ดวงตาสีเงินเผยความเย็นเยียบและโหดเหี้ยม ทั้งยังมีจิตสังหารข้างในดวงตาจนทำให้จิตใจเย็นเยียบ

ที่ต้าเสินตกตะลึงมากที่สุดก็คือ มีดาวเก้าดวงหมุนติ้วอยู่กลางหน้าผากหวังหลิน! ในตาขวายังมีดาวมารโบราณเก้าดาวอีกด้วย แต่ตาข้างซ้ายมีดาวปิศาจโบราณแค่แปดดวงเท่านั้น!

โลหิตสดไหลออกมาจากตาซ้ายและไหลจากแก้มจนหยดไปบนเสื้อสีขาว

“เจ้า…เจ้าได้มรดกทั้งหมดของเย่โม่มาแล้ว!” ผีเฒ่าจางมีสีหน้าเปลี่ยนไป เขาสัมผัสถึงความอันตรายมาจากหวังหลินและความรู้สึกนี้ทำให้จิตใจของเขาสั่นไหว

ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้น แต่ทุกคนที่เห็นดวงตาสีเงินของหวังหลินกลับรู้สึกสั่นสะท้าน ปรมาจารย์เต๋าความฝันมีอาการดีกว่าคนอื่น อีกทั้งเขาก็เป็นผู้อาวุโสของหวังหลิน ทว่าชายชราชื่อหม่ารู้สึกว่าหัวใจเขากำลังสั่นไหวยามที่ได้เห็นดวงตาสีเงินคู่นั้น

‘ดวงตาสีเงิน!! ลือกันว่าตอนที่บรรพชนเทพจุติลงมา จะเกิดเก้าบทเพลงและ สามสัญญาณ ท้องฟ้าสีทองคือสัญญาณหนึ่ง! และยังลือด้วยว่าเก้าบทเพลง สามสัญญาณนั้นจะเกิดขึ้นก็ตอนที่บรรพชนโบราณจุติลงมาเช่นกัน เก้าบทเพลงคือเหล่าบัญชาโบราณและสามสัญญาณคือเหล่าเทพ!’

‘ครั้งหนึ่งข้าได้ยินว่าสองในเก้าบทเพลงนั้นคือดวงตาสีเงินและร่างสีทอง! นี่… หวังหลินสืบทอดแต่มรดกของเย่โม่เท่านั้น เขาจะมีดวงตาสีเงินได้อย่างไร!? แม้แต่ เย่โม่ก็ไม่มี!’

ขณะที่ทุกคนตกตะลึง มหาชั้นฟ้าซวนลั่วมองหวังหลินจากทางเข้าด้วยสายตาตื่นเต้น ตอนที่เขาเห็นดวงตาสีเงินเป็นครั้งแรก ในใจเกิดคลื่นยักษ์เข้าถาโถม

ตอนนี้พอได้เห็นมันอีกครั้ง เขายังรู้สึกแบบเดียวกัน

‘โลหิตวิญญาณของบรรพชนโบราณ…ทำให้เขาได้ครอบครองหนึ่งในเก้าบทเพลง เนตรสีเงิน!’

ขณะที่ทุกคนรู้สึกตกตะลึง หวังหลินกวาดสายตาผ่านไปและหยุดชะงักตรงจุดที่ซวนลั่วอยู่ ด้วยเนตรสีเงินนี้เขาจึงมองเห็นบางอย่างได้เลือนลาง นอกจากตัวเขาเองแล้วไม่มีใครรู้ว่าเขาเห็นอะไร

หลังจากกวาดสายตาผ่านไปจึงร่อนลงที่วิญญาณสีรุ้งซึ่งแยกออกมาจากผีเฒ่าจาง หวังหลินมองร่างที่ปกคลุมมิดชิด แล้วจึงชี้ไปที่วิญญาณ!

เพียงชี้ออกไป เสียงหัวใจเต้นดังกึกก้องดุจสายฟ้า เสียงนี้ดังออกมาจากหัวใจของหวังหลินและห่อหุ้มทั้งโลกอย่างรวดเร็ว

ผีเฒ่าจางมีสีหน้าเปลี่ยนไปและทะยานเข้าหาวิญญาณสีรุ้งทันที พวกเขาผสานกันเป็นหนึ่งเบื้องหน้าสายตาของหวังหลิน

หวังหลินไม่ได้เข้าไปหยุดและไม่จำเป็นต้องหยุด!

หลังจากผสานกัน วิญญาณสีรุ้งเข้าห่อหุ้มผีเฒ่าจางและปกคลุมท้องฟ้าด้านหลัง เขาพุ่งหาหวังหลินด้วยท่าทีเยาะเย้ย ปรมาจารย์เต๋าความฝันและชายชราชื่อหม่ากำลังจะเข้าไปช่วยเหลือแต่หวังหลินเอ่ยคำพูดขึ้นมาเสียก่อน

“ผู้อาวุโสทั้งสอง ท่านช่วยมามากแล้ว ข้าจะจบการต่อสู้นี้เอง” หวังหลินเห็นทันทีว่าทั้งคู่บาดเจ็บและตัวเองก็ต้องการรู้ว่าแข็งแกร่งขึ้นมาแค่ไหนหลังจากได้รับมรดกที่สมบูรณ์มา พอเอ่ยจบ เสียงหัวใจเต้นจึงดังสนั่น!

เสียงดังสนั่นส่งผลกระทบต่อหัวใจของทุกคน ขณะที่ผีเฒ่าจางเข้ามาประชิด เสียงดังสนั่นนี้ได้เข้าไปในร่างเขาและส่งผลกระทบต่อหัวใจโดยตรง!

ผีเฒ่าจางหยุดชะงักทันที ความเจ็บปวดแล่นปลาบออกมาจากหัวใจ การเต้นหัวใจเกิดความปั่นป่วนราวกับกำลังพังทลาย

“นี่มันวิชาแบบไหนกัน?” ผีเฒ่าจางมีสีหน้าเปลี่ยนไป เขายกแขนขวาขึ้นมาประทับใส่หน้าอกเพื่อพยายามระงับความเจ็บปวด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!