1793. สั่นสะเทือนไปทั้งแผ่นดินเซียนดารา
ปรมาจารย์เมียวหยินด้านในทะเลลึกมีสีหน้าดุดัน แต่รูม่านตาหดลงและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“เจ้าสังหารร่างอวตารข้าไปแล้วและยังเอาวิญญาณของร่างอวตารไปอีก ความบาดหมางของเราควรหมดสิ้น ทำไมเจ้าถึงมาสังหารข้าที่นี่อีก?! เซียนแบบเรากว่าจะบรรลุระดับนี้ได้นั้นหายากมาก หากวันนี้เจ้าทำกับข้าแบบนี้ สักวันจะมีคนทำกับเจ้าในอนาคต!”
ปรมาจารย์เต๋าเมียวหยินเอ่ยเสียงแหลมและดังกึกก้องจากใต้ทะเล เสียงแผ่กระจายผ่านทะเลสีทองและเกิดคลื่นรุนแรง วังวนขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นและพุ่งเข้าหาปรมาจารย์เมียวหยิน
ยามนี้หวังหลินอยู่ในท้องฟ้า ปรมาจารย์เมียวหยินอยู่ใต้ทะเล ทั้งสองอยู่แยกจากกันด้วยวังวนแต่ก็เห็นกันชัดเจน
ปรมาจารย์เมียวหยินไม่สามารถหนีได้เหมือนจอมมารเก้าสวรรค์ เขารู้ว่า ระดับบ่มเพาะของตัวเองตกลงไปมากและไม่มีโอกาสหนีจากหวังหลินได้
“วันนี้ข้าไม่ได้มาเพื่อสังหารเจ้า ข้ามาเพื่อส่งเจ้าไปเกิดใหม่!” หวังหลินมองปรมาจารย์เมียวหยินที่อยู่ในวังวน ยื่นมืออกไปและคว้าเข้าหาปรมาจารย์เมียวหยิน
ฝ่ามือขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นและพุ่งเข้าใส่ใต้ทะเล
ปรมาจารย์เมียวหยินมีสีหน้าเปลี่ยนไปพลางจ้องมองหวังหลิน ในใจเกิดความดิ้นรน เขาเข้าใจหวังหลินมากกว่าจอมมารเก้าสวรรค์ ตอนที่จอมมารเก้าสวรรค์ได้ยิน หวังหลินพูดว่า “เกิดใหม่” เขาคิดว่าหวังหลินจะมาสังหารเขาจึงได้พยายามหลบหนี
แต่ปรมาจารย์เมียวหยินไม่คิดเช่นนั้น
“เกิดใหม่ที่ไหน?!” ขณะที่ฝ่ามือยักษ์พุ่งเข้าหาเขา ปรมาจารย์เมียวหยินส่งเสียงกรีดร้องแหลม
“แผ่นดินเซียนดารา!” หวังหลินเอ่ยเสียงดังสนั่นกึกก้อง ฝ่ามือยักษ์ทะเลุผ่าน วังวนในทะเลและเข้าจับปรมาจารย์เมียวหยิน
จิตใจปรมาจารย์เมียวหยินสั่นเทาและล้มเลิกการต่อต้านทั้งหมด เขาหลับตาและยอมให้หวังหลินจับเอาไว้ หลังจากโดนผนึกจึงถูกส่งเข้าไปในมิติเก็บของและผสานเข้ากับร่างอวตารของตัวเอง
ท้องทะเลสงบนิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หวังหลินหันตัวกลับและเดินไปยังท้องฟ้า
‘ยังมีปรมาจารย์ซูเฉินอีก!’ หวังหลินดวงตาส่องสว่างและมองออกไปไกล เขาค้นพบแล้วว่าร่างดั้งเดิมของซูเฉินอยู่ที่ไหน
หวังหลินได้สังหารร่างอวตารของซูเฉินและทำให้ร่างดั้งเดิมบาดเจ็บสาหัส หลังจากนั้นเขาก็ไม่เข้ามาดินแดนชั้นในอีก ปัญหาของทั้งคู่จึงจบลงตรงนั้น
แต่การทิ้งคนผู้นี้ไว้จะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ในอนาคต เขาไม่ต้องการทิ้งปัญหาทั้งหมดให้ปรมาจารย์เต๋าความฝันและจ้าวเมฆาใต้ เขาจะแก้ไขด้วยตัวเอง!
สายตากวาดผ่านดวงดาว ร่างกายหายวับไป
ทางทิศใต้ของดาราจักรโบราณ มีพื้นที่เต็มไปด้วยเศษดินเศษหิน เดิมทีมี ดาวเคราะห์อยู่ที่นี่แต่มันพังทลายไปแล้ว กลายเป็นพื้นที่แห่งความตายที่ปกคลุมไปด้วยก้อนหิน
ปรมาจารย์ซูเฉินอยู่ที่นี่ เขาล้มเลิกจะไปดินแดนชั้นในและไม่มีความคิดต่อสู้ อย่างไรเสียเขาก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์นี้จะเป็นเพียงชั่วคราวหรือตลอดไป อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ไม่กล้าเข้าไปดินแดนชั้นใน ในใจรู้สึกหวาดกลัวต่อหวังหลินอย่างยิ่ง
เวลานี้เขากำลังนั่งบ่มเพาะอยู่บนก้อนหิน ดูดซับพลังจากดวงดาวเพื่อหล่อเลี้ยงร่างกายและสัมผัสการเปลี่ยนแปลงรอบตัว หากไม่มีใครขัดขวาง เขาสามารถนั่งที่นี่ได้เป็นพันปี
จนกว่าระดับบ่มเพาะจะฟื้นคืนเต็มที่ จนกว่าจะบรรลุจุดสูงสุดอีกครั้ง จนกว่าเขาจะออกมาสั่นคลอนโลกถ้ำ! เขามั่นใจว่าไม่มีใครออกมาขัดขวางแน่นอน
ความจริงแล้วถึงแม้จะมีคนมาขัดขวาง ปรมาจารย์ซูเฉินก็ไม่คิดอะไรนักตราบใดที่ไม่ใช่หวังหลิน
แต่ขณะที่ความคิดนี้กำลังสวยงาม ความจริงกลับโหดร้าย วันนี้ดาราจักรที่ดู ปกติธรรมดา แต่กลับมีแรงกดดันที่มองไม่เห็นตกกระทบมายังพื้นที่บริเวณนี้
แรงกดดันที่มาถึงนี้ทำให้พื้นที่ไม่มั่นคง ก้อนหินจำนวนมากแตกกระจายและ พัดออกไป มองไกลๆเหมือนวงแหวนที่กำลังกระจายตัวออก
ปรมาจารย์ซูเฉินพลันลืมตาและเผยสีหน้าขมขื่น เขาเห็นร่างหนึ่งที่ไม่มีวันลืมกำลังก้าวเข้ามา
เรือนผมสีขาวดุจฝันร้ายที่ทำให้จิตใจต้องสั่นเทา
‘เขา…ยังมา…’ ปรมาจารย์ซูเฉินขบคิดเงียบๆ พลางมองหวังหลินที่กำลังเข้าใกล้ สายตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“หวังหลิน ตอนนั้นข้าต้องการครอบงำเจ้าและต้องการฆ่าเจ้า แต่ข้าล้มเหลว ร่างอวตารของข้าตายและข้าได้ปฏิญาณแล้วว่าจะไม่เข้าไปในดินแดนชั้นในอีก…เจ้าครั้งนี้ปล่อยข้าไปได้หรือไม่?” หายากนักที่ปรมาจารย์ซูเฉินจะพูดแบบนี้ แต่เขา ก็ต้องทำ
เขายืนขึ้นและคำนับฝ่ามือให้กับหวังหลิน
หวังหลินยืนอยู่บนก้อนหินห่างออกไปพันฟุต หลังจากขบคิดเงียบๆ ชั่วครู่จึงเอ่ยปาก
“เจ้าไม่เหมาะสมที่จะอยู่ที่นี่ ข้าจะไปแผ่นดินเซียนดารา มีอีกหลายคนตัดสินใจไปเกิดใหม่บนแผ่นดินเซียนดารา เจ้าต้องไปด้วยเพื่อให้ข้าสบายใจ”
“เจ้า…” ปรมาจารย์ซูเฉินมีสีหน้าเปลี่ยนไป ความคิดหลายอย่างแล่นวาบในหัวแต่ท้ายที่สุดก็ถอนหายใจยาว
“เจ้ากำลังจะจากไปและรู้สึกไม่ปลอดภัยที่ทิ้งข้าไว้ที่นี่ เจ้าไม่คิดหรือว่าเมื่อเจ้าไปแล้วจะมีคนรุ่นใหม่ถือกำเนิดขึ้นในดาราจักรโบราณ? บางทีอาจจะแข็งแกร่งกว่าข้าเสียอีก! เจ้าจะกวาดล้างพวกมันทั้งหมดหรือ?”
“ข้าไม่สามารถสังหารทั้งหมดได้ แต่ข้าสามารถผนึกเผ่าพันธุ์หลายแห่งบนดาราจักรโบราณและนำเซียนขั้นที่สามไปเกิดใหม่ได้! หากพวกมันไม่เชื่อฟัง ข้าจะสังหารซะ!” หวังหลินเอ่ยคำพูดด้วยความสงบนิ่งแต่ความหมายนั้นกลับทำให้ทุกคนตกตะลึงได้
ปรมารจารย์ซูเฉินพูดไม่ออกอยู่สักพัก เขามองหวังหลินด้วยสายตาหวาดกลัว ยิ่งกว่าเดิม
‘บ้า…เขาบ้าไปแล้วจริงๆ…เขาบังคับให้ข้าไปเกิดใหม่ ข้าจะเลือกอะไรได้…’ ปรมาจารย์ซูเฉินเผยรอยยิ้มน่าเวทนาพลางล้มเลิกการต่อต้านและหลับตา
หวังหลินสะบัดแขนเสื้อและเก็บปรมาจารย์ซูเฉินไว้ในมิติเก็บของก่อนจะจากไป
เผ่าคางเมิ่งเป็นหนึ่งในเผ่าของดินแดนชั้นนอกที่ได้เข้าร่วมสงครามด้วยเช่นกัน แม้จะไม่ได้ใหญ่นักแต่ก็มีบรรพชนเป็นเซียนขั้นที่สาม
บรรพชนผู้นี้เลือกที่จะหนีไปเมื่อสังเกตได้ถึงสถานการณ์ที่ไม่ปกติ และเขาก็ไม่ออกมาอีกเลย
ตำแหน่งที่ตั้งของเผ่าอยู่ในบริเวณที่มีดาวเคราะห์เกือบร้อยดวง แต่วันนี้หวังหลินได้เข้าไปใกล้เผ่าคางเมิ่ง
การมาถึงของเขาได้ทำให้แต่ละก้าวย่างสั่นสะเทือน ส่งแรงกระแทกทรงพลังเข้าสู่สำนักคางเมิ่ง ก้าวเข้าไปยังชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์และก้าวเข้าสู่ยอดเขาสูงที่สุดด้วยท่าทีสงบนิ่ง
บนยอดเขามีอารามขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ข้างในมีชายวัยกลางคน เมื่อหวังหลินไปถึงเขาจึงลืมตาขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว
เขากำลังจะลุกขึ้นแต่ร่างกายสั่นเทา แขนขวาปรากฏขึ้นด้านหลัง มันกดลง บนไหล่เพื่อให้นั่งอยู่บนพื้นและไม่สามารถขยับไปไหนได้
“ข้ามาส่งเจ้าไปเกิดใหม่”
นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาได้ยินก่อนที่ทัศนวิสัยจะกลายเป็นสีดำ พลังอันน่ากลัว ผ่านไปบนไหล่และเข้าไปผนึกเขา
ครู่ต่อมาหวังหลินก็ออกไปจากเผ่าคางเมิ่ง ไม่มีใครรู้ว่าเขามาถึงและไม่มีใครรู้ว่าเขาจากไป หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมาโบกสะบัดไปยังพื้นที่บริเวณสำนักคางเมิ่ง
ใบไม้โบราณมากกว่าสิบใบก่อตัวเป็นวังวน พุ่งทะยานเข้าหาสำนักคางเมิ่ง ผนึกดาราจักรและทั้งสำนัก!
‘ตั้งแต่นี้ต่อไป พลังอำนาจของทั้งเผ่าพันธุ์จะเข้าสู่ดวงดาวที่ได้ผนึกเอาไว้ ระดับบ่มเพาะจะไม่มีวันทะลวงผ่านขั้นทลายสวรรค์! พวกเขาจะไม่มีวันได้ก้าวไป บนดวงดาว!’ หวังหลินสะบัดแขนเสื้อและก้าวออกไป
ขณะที่เขาก้าวเดินไปเรื่อยๆ เผ่าพันธ์ทั้งหมดในดาราจักรโบราณที่มีเซียนขั้นที่สามนั้นได้ประสบชะตากรรมเดียวกัน เหล่าเซียนขั้นที่สามถูกบังคับให้ไปเกิดใหม่และทั้งเผ่าได้โดนผนึกไว้
เพื่อทำให้ดินแดนชั้นในปลอดภัยไปอีกหลายปี หวังหลินทำลงไปด้วย ความโหดเหี้ยมและเผด็จการ! เขาพาเซียนขั้นที่สามที่เหลืออยู่ไปด้วย!
เขาผนึกเผ่าทั้งหมดระหว่างทาง แม้แต่คนที่ไม่ได้เป็นเซียนขั้นที่สามด้วยก็ตามที เป็นผลให้การจะมีเซียนขั้นที่สามปรากฏตัวในดาราจักรโบราณถือว่าเป็นเรื่องยากมาก อีกหลายปีถัดจากนี้จะแทบจะไม่มีเซียนในดวงดาวเนื่องจากไม่สามารถก้าวออกไปจากดาวเคราะห์ตัวเองได้!
เพราะหวังหลินทิ้งผนึกลึกลับเอาไว้รอบเผ่าและดวงดาวของแต่ละแห่งเอาไว้!
‘ไม่มีอะไรต้องกังวลเรื่องดาราจักรโบราณ…ส่วนที่อื่น ยังไม่ถึงเวลาไปสำรวจ…’ หวังหลินยืนอยู่นอกค่ายกลที่แยกขาดดินแดนชั้นในและดินแดนชั้นนอก เขามองกลับไปยังดาราจักรโบราณอยู่นานก่อนจะเข้าไปยังค่ายกลและมุ่งหน้าสู่ดาราจักร ทุกชั้นฟ้า
ถึงตอนนี้หวังหลินได้ทำสิ่งสุดท้ายที่เขาต้องทำในโลกถ้ำไปแล้ว ได้เวลาออกไปจากที่นี่!
ณ ดาราจักรทุกชั้นฟ้า ประตูสีทองเปล่งแสงเจิดจ้า ซวนลั่วกำลังนั่งอยู่ตรงนั้นพลางมองออกไปไกลและเห็นหวังหลิน
หวังหลินปรากฏร่างข้นมาและคำนับซวนลั่ว
“ผู้น้อยเตรียมการเสร็จสิ้นแล้วและได้พาคนไปอีก ข้าหวังว่าผู้อาวุโสจะร่ายวิชาเกิดใหม่ให้พวกเขาด้วย!” หวังหลินสะบัดแขนเสื้อ ปรากฏอีกแปดคน แต่ละคนมี สีหน้ามืดมน จิตใจเต็มไปด้วยความฝ่าฝืนแต่ก็ไม่กล้าต่อต้าน
“หลังจากพวกเจ้าไปเกิดใหม่ จะไม่มีความแค้นอะไรระหว่างเราอีก ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะรู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร!” หวังหลินเอ่ยคำพูดด้วยท่าทีสงบนิ่ง โบกสะบัดแขนขวา ส่งสายลมอันทรงพลังผลักทั้งแปดเข้าหาประตู
“ผู้อาวุโส ผู้น้อยกำลังจะไปแล้ว ขอให้เราได้เจอกันในแผ่นดินเซียนดารา!” หวังหลินมองกลับไปยังดวงดาวและหันกลับไป เขาเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงและ พุ่งหายเข้าไปในประตู
ซวนลั่วยืนขึ้นและมองประตูด้วยท่าทีเคร่งขรึม
หลังจากหวังหลินเข้าไปแล้ว ประตูส่งเสียงดังสนั่นและปิดลงอย่างช้าๆ ครึ่งชั่วโมงต่อมาเมื่อมันกำลังจะปิดอย่างสมบูรณ์ ลำแสงน่ากลัวสายหนึ่งโผล่ออกมาจากส่วนลึกและหายวับเข้าไปในประตู