Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1800

Cover Renegade Immortal 1

1800. แผ่นดินเซียนดารา ข้ากำลังมา!

แม้จะฟังดูไร้สาระ ตามตำนานเฟิงสุ่ยแล้ว คนที่ฝังเส้นโลหิตมังกรเอาไว้ถือว่ามีกฎแห่งชะตากรรมที่ยิ่งใหญ่ เมื่อกฎแห่งชะตากรรมถูกกำหนด ลูกหลานก็จะได้รับประโยชน์ไปด้วย!

หวังหลินไม่เชื่อในตำนานเฟิงสุ่ย เขาเป็นเซียนทรงพลังที่สามารถเคลื่อนย้ายขุนเขา ขยับท้องทะเล เปลี่ยนแปลงผืนปฐพี กระทั่งสร้างดวงดาวขึ้นมาได้ สำหรับเขาแล้วสิ่งที่เหมือนเฟิงชุ่ยสามารถกำหนดและควบคุมได้

แต่ตอนนี้เขากลับใช้ตำนานเฟิงสุ่ยเพื่อตีความฉากเหตุการณ์ที่ทุกคนบนแผ่นดินเซียนดารากำลังตกตะลึง!

การฝังร่างไว้ในถ้ำนั่นหมายความว่าลูกหลานจะยิ่งร่ำรวยและมีอุปสรรคน้อยลง! เมื่อพวกเขาถูกฝังไว้ในถ้ำของบรรพชน ลูกหลานในอนาคตจะร่ำรวย! เมื่อพวกเขา ฝังเส้นโลหิตมังกร ลูกหลานจะได้รับโชควาสนาที่ยิ่งใหญ่ เช่นเดียวกันนี้เมื่อฝัง เส้นโลหิตมังกรของบรรพชน ลูกหลานจะได้ปกครองแคว้น!

ร่างอวตารของหวังหลินถูกวางไว้ตรงจุดกำเนิดของเหล่าบรรพชนเทพและ บรรพชนโบราณ แม้จะไม่ใช่แท่นเดียวกันแต่แท่นนี้คือ ส่วนหนึ่งของแท่นดั้งเดิม!

ทำให้หวังหลินได้รับกฎแห่งโชคชะตาเดียวกับเหล่าบรรพชนโบราณและบรรพชนเทพ! กฎแห่งโชคชะตานี้ไม่ใช่ระดับบ่มเพาะ แต่มันเป็นสิ่งที่เหนือกว่าระดับบ่มเพาะ จะบรรลุได้!

กฎแห่งโชคชะตานี้ไม่ได้เปิดเผยมากนัก แต่เมื่อเวลาผ่านไปและร่างอวตารเติบโต อนาคตของหวังหลินจะมากเกินกว่าที่จะคาดเดา!

หวังหลินไม่เข้าใจเรื่องนี้ชัดมากนัก เขาเข้าใจเพียงไม่กี่อย่างและคาดเดาไปหลายสิ่ง ทว่าเขาก็ยังไม่เชื่อเรื่องทั้งหมด หวังหลินเชื่อในความพยายามและความหมั่นเพียรมากกว่า ที่เขาคาดการณ์ไว้คือ วันที่ร่างอวตารได้เดินออกมาและโยนกำปั้นที่รุนแรงที่สุดออกไป!

ณ แผ่นดินเซียนดารา จังหวะที่วังวนที่สามปรากฏ ทุกคนต่างรู้สึกตกตะลึงไม่ว่าจะมีระดับบ่มเพาะหรือสถานะอันใดก็ตาม แม้แต่เก้าตะวันก็ยังมีสีหน้าเคร่งเครียดตอนที่สัมผัสถึงวังวนที่สามนี้ได้

วังวนที่สามดูเหมือนเพิ่งเกิดและยังไม่มั่นคง มีการบืดเบือนมากมายแต่อยู่ ด้านนอกวังวนของบรรพชนเทพและบรรพชนโบราณโดยไม่แตกสลายไปไหน มันกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว

ผ่านไปสักพัก สามวังวนค่อยๆ หายไปจากท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ มันเหมือนไม่เคยปรากฏขึ้นและหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนสู่ปกติ แต่ความหวาดกลัวได้ทิ้งเอาไว้ในใจทุกคนจนถึง ขั้นหยั่งรากลึกและเติบโตขึ้นเรื่อยๆ

เรื่องนี้ราวกับลางสังหรที่ส่งผลไปหาทุกคนจนหายใจลำบากและคิดไปต่างๆ นาๆ

ณ แผ่นดินเซียนดารา หลังจากสามวังวนได้หายไป เมืองไหนสักแห่งที่มีเด็กอายุสิบขวบ มือหนึ่งเท้าเอวด้วยท่าทางดุจราชาและกวัดแหว่งไม้เท้าในมือ เด็กหลุ่มหนึ่งกำลังถูกเซียนสองคนนำทางไปสำนักใกล้เคียงเพื่อทดสอบถึงกับขมวดคิ้ว

หากมีใครสักคนที่มีพรสวรรค์ พวกเขาจะถูกนำเข้าไปเป็นศิษย์ในสำนัก

‘วันหนึ่งข้าจะกลายเป็นราชา!’ น้ำเสียงมุ่งมั่นดังกึกก้องขึ้นมาในใจของเด็กหนุ่ม

บนแผ่นดินแห่งนี้อีกเช่นกัน สถานที่ห่างออกไปไกล เด็กน้อยสวมชุดคลุมเต๋าที่ได้มาจากไหนสักแห่ง ภาพลักษณ์จึงดูเหมือนเด็กแห่งสวรรค์ เขาอยู่ในบ้านของตระกูลขนาดใหญ่ ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มเนื่องจากมีหลายคนโค้งคำนับเบื้องหน้าอย่างเคารพ

“ข้าบ่มเพาะมาสามพันปี ตอนนี้หวนคืนกลับไปเป็นเด็ก ข้าจำเป็นต้องผ่าน การเกิดใหม่ถึงเก้าครั้งเพื่อฟื้นคืนระดับบ่มเพาะ พวกท่านได้เชิญข้ามาจากชนบท ดังนั้นข้าจะพำนักที่นี่ไปสักพักเพื่อเชื่อมเต๋า” กลิ่นอายเก่าแก่จากเด็กน้อยเป็นสิ่งที่แม้แต่คนธรรมดายังสัมผัสได้ ดุจคนที่นั่งอยู่เบื้องหน้าไม่ใช่เด็กแต่เป็นชายชราที่มีชีวิตมานาน

โดยเฉพาะจิตวิญญาณในดวงตาคู่นั้นราวกับมองทะลุชีวิตและทำให้รู้สึกเหมือนต้องเชื่อ

มีความรู้สึกเสื่อมสลายที่ทำให้ทั้งห้องมืดมัวและหม่นหมอง

พอมองเหล่าคนธรรมดาที่ถูกความรู้สึกเสื่อมสลายนี้ตบตีใส่ เด็กหนุ่มมีท่าที เด็กปกติแต่จิตใจกำลังเบ่งบานดุจดอกไม้

‘ฮึ่มฮึ่ม ทักษะการหลอกลวงของข้านั้นเชี่ยวชาญได้โดยไม่ต้องมีอาจารย์ คำพูดที่ฟังดูเหมือนจริงขนาดนี้แม้แต่ข้าเองก็เหมือนได้ไปเกิดใหม่จริงๆ! หากข้าได้เกิดใหม่จริงๆ ข้าต้องเป็นจอมโกหกที่สั่นสะเทือนสวรรค์!’

‘ข้าจะใช้เวลาอยู่ที่นี่สักพักจากการที่เสียแรงอยู่ในป่าสุสานไปสองสามเดือน… ยังมีรายจ่ายการเดินทางจากแคว้นใกล้เคียงอีก ข้าจะต้องเอาคืนกลับมาร้อยเท่า…’

ณ ความว่างเปล่า ร่างหวังหลินถูกห่อหุ้มด้วยสายหมอก สายหมอกนี้คือราชายุง มันพาหวังหลินทะยานออกไปข้างหน้า

ขณะที่พุ่งทะยานไป กฎแห่งแผ่นดินเซียนดาราดูเหมือนได้ลดลงอย่างมหาศาลจนเขาสามารถทนไหว แม้จะหลงทิศทาง แต่ดูเหมือนอสูรยุงสัมผัสบางอย่างได้และมันมุ่งหน้าไปทางนั้นพร้อมหวังหลิน

ระหว่างทางเจ้ายุงตื่นเต้นมาก บางครั้งมันก็มองกลับไปที่หวังหลินและร้องอย่างมีความสุข มันชอบอยู่รอบตัวหวังหลินจริงๆ มันรู้สึกปลอดโปร่งราวกับอยู่กับครอบครัว

ทว่าถึงจะมีราชายุงนำทาง ยิ่งเข้าไปในส่วนลึกขึ้นยิ่งมีแรงกดดันจากกฎแห่งแผ่นดินเซียนดาราทรงพลังมากขึ้น

แม้หวังหลินจะมีร่างอวตารในกระดองหินเข้าหล่อเลี้ยงร่างดั้งเดิม ผ่านไปสักพักก็ยังเกิดเป็นแรงกดดันยากจะทนไหว ปัญหาหลักคือเขาต้องมั่นใจว่าลี่มู่หวานจะไม่ได้บาดเจ็บ

หากไม่มีลี่มู่หวาน ตอนนี้หวังหลินคงไม่มีปัญหากับกฎแห่งแผ่นดินเซียนดารา เนื่องจากราชายุงและร่างอวตารของเขาได้ปรับเปลี่ยนไปเรียบร้อยแล้ว

ถึงจะมีข้อได้เปรียบขนาดนั้นก็ยังต้องทนทรมานอยู่ดี แสดงให้เห็นว่าความว่างเปล่าแห่งนี้น่ากลัวแค่ไหน

‘มิน่าเล่าถึงไม่มีคนได้ออกไปจากที่นี่หากไม่มีสายโลหิตที่เหมาะสม…การพา หวานเอ๋อร์ออกไปเท่ากับการล้มเลิกสายโลหิต…’ หวังหลินขบคิดเงียบๆ

เขาลืมเรื่องเวลาไปแล้ว ไม่รู้ว่าอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแต่เข้าใจว่ามันผ่านช่วงสิบปีไปแล้ว

‘ข้ากลัวว่าอาจารย์คงไม่รออีกแล้ว หากเขาได้กลับไปยังเผ่าบัญชาโบราณ เมื่อข้าไปถึงแผ่นดินเซียนดารา ข้าต้องพึ่งตัวเอง…’ หวังหลินมีสายตาเปล่งประกายและ เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

‘เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหา ตอนนั้นข้าได้ออกมาจากดาวซูซาคุเองเพื่อสำรวจดาราจักรฟ้ากระจ่าง จากนั้นข้าก็ผ่านจากดาราจักรฟ้ากระจ่างไปยังดาราจักรทุกชั้นฟ้า ต่อด้วยทะเลเมฆา จากนั้นก็ไปดาราจักรโบราณด้วยตัวเอง ตอนนี้ข้าก็แค่ไปแผ่นดิน เซียนดาราตัวคนเดียว นั่นไม่ใช่ปัญหา!’

‘อีกด้านหนึ่ง ข้าต้องรีบเพิ่มระดับบ่มเพาะบนแผ่นดินเซียนดาราให้รวดเร็ว… ยังมีสำนักตงหลินที่ข้าต้องไปสักครั้ง ข้าจะเข้าบ่อน้ำตงหลินได้หรือไม่…’ เมื่อหวังหลินครุ่นคิดเช่นนี้ หัวใจเต้นกระดอน ต้องบอกว่าหวังหลินอยากเข้าไปในบ่อน้ำตงหลินจริงๆ!

เขาอยากทำให้ภาพมายาจากดอกไม้ดอกที่ห้าให้เป็นจริง หวังหลินอยากมี ร่างแก่นแท้เพื่อที่จะสามารถต่อกรกับเซียนขั้นวิบากแก่นแท้ได้!

‘ยังมีสหายที่อยู่บนแผ่นดินเซียนดารา…ไม่รู้ว่าใครเป็นคนจัดการการไปเกิดใหม่…ฮ่าฮ่า สงสัยจังว่าซือถูหนานจะได้เป็นราชาหรือไม่ หลิวจินเปียวจะเดินบนเส้นทางแห่งการหลอกลวงต่อไปหรือไม่ ยังมีเจ้าฉวี่ลี่กั๋ว เขาจะไปเผชิญโชคชะตาแบบไหนบนแผ่นดินเซียนดารากันนะ’

‘ยังมีฉิงชุ่ย ผีเสื้อสีชาด…และลี่เฉียนเหมย…’ หวังหลินคิดถึงความทรงจำและ มีราชายุงไปด้วย จึงไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว

หนึ่งปี สองปี สามปีผ่านไป…

ขณะที่หวังหลินนึกย้อนถึงอดีต เวลาสามปีผ่านไปอย่างเชื่องช้าราชายุงช้าลงไปมากแต่มันก็พาหวังหลินมาถึงสุดขอบความว่างเปล่า พวกเขาอยู่ใกล้กับทางออกมากแล้ว

ทางออกแห่งนี้บางทีอาจไม่ใช่ที่ที่ซวนลั่วรอคอย แต่เป็นสถานที่ราชายุงติดตามมาโดยอ้างอิงจากความทรงจำเลือนลางของมัน สถานที่แห่งนี้นำทางไปสู่แคว้นกระทิงสวรรค์หรืออาจจะเป็นสถานที่อื่นได้หมด

ในสามปีนี้ หวังหลินเพ่งระดับบ่มเพาะทั้งหมดให้กับลี่มู่หวาน ด้วยการปกป้องของเขา นางจึงปลอดภัยมาก

วันนี้เขาได้เห็นแสงเบื้องหน้า แสงนี้ไม่ได้ส่องสว่างและโผล่ออกมาจากรอยแยกเล็กๆ ในความว่างเปล่า หวังหลินมองเห็นภูเขาอยู่เหนือรอยแยกได้

กลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ของแผ่นดินเซียนดาราได้พวยพุ่งออกมาจากรอยแยก ร่างอันเหน็ดเหนื่อยของหวังหลินจึงสั่นเทาทันที!

ราชายุงเหน็ดเหนื่อยมากเช่นกัน มันพยายามพาหวังหลินไปให้ถึงรอยแยก แต่ท้ายที่สุดร่างกายก็แตกสลายเป็นหมอกและไม่สามารถก่อตัวขึ้นมาได้

หวังหลินเจ็บปวดหัวใจ ยกแขนขวาเข้าหาเจ้าราชายุง ราชายุงเปลี่ยนกลายเป็นรอยสักน้ำหมึกเข้าประทับบนแขนของหวังหลิน

เขาไม่กล้าเปิดมิติเก็บของตัวเอง ตอนที่เปิดมันครั้งล่าสุดจึงสัมผัสได้ว่ามันไม่มั่นคงและกำลังจะปิด หวังหลินไม่รู้ว่ามันจะระเบิดหรือไม่หากเปิดมันในตอนนี้ หรือมันยังใช้ได้อยู่หรือไม่บนแผ่นดินเซียนดารา

เขาต้องหาเวลาเพื่อค้นคว้าเรื่องเหล่านี้

นอกจากเม็ดยาและสมบัติบางส่วนแล้ว ยังมีเหลียนต้าวเฟยและสตรีชุดเงินอยู่ข้างใน ทั้งสองมีสายโลหิตจากแผ่นดินเซียนดารา ดังนั้นถึงแม้จะอยู่ในความว่างเปล่าก็คง ไม่เกิดปัญหาใด เว้นแต่จะเหมือนหวังหลินที่พยายามปกป้องคนพร้อมกับเข้าไปในแผ่นดินเซียนดารา

หลังจากเก็บเจ้าอสูรยุง หวังหลินพาลี่มู่หวานและจัดแจงตัวเอง เขาลืมตาจ้องมองรอยแยก วินาทีนั้นมันเหมือนกลับไปยังสนามรบต่างแดนตอนที่เขาพยายามหนีออกมาหลังจากเปลี่ยนเป็นวิญญาณกลืนกิน หวังหลินระเบิดระดับบ่มเพาะและพุ่งเข้าหารอยแยก!

หวังหลินรวดเร็วมากและเข้าประชิดในทันที ใช้พลังงานทั้งหมดเพื่อเร่งความเร็ว ส่วนที่เหลือใช้เพื่อทำให้ลี่มู่หวานปลอดภัย เขาประคองร่างกายมุ่งไปข้างหน้า!

เข้าไปใกล้ขึ้นและใกล้ขึ้น!

พันฟุต ห้าร้อยฟุต สามร้อยฟุต หนึ่งร้อยฟุต…จนกระทั่งเหลือสิบฟุต!!

ร่างกายหวังหลินคล้ายกับโดนเผาไหม้และรู้สึกถึงความเจ็บปวดรุนแรง แต่ดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้า!

‘แผ่นดินเซียนดารา ข้า…หวังหลินมาแล้ว!!!’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!