199. ดินแดนเทพโบราณ (สุดท้าย)
หวังหลินจดจำว่าเขาดูดซับผลึกน้ำแข็งไปเท่าไหร่ได้ชัดเจน หลังจากผลึกก้อนที่เจ็ดสิบ มันใช้เวลานานมากเพื่อดูดซับ
ยิ่งหวังหลินดูดซับผลึกน้ำแข็งมากขึ้น ก็ยิ่งได้รับความทรงจำมากขึ้นและมากขึ้น สิ่งแรกที่หวังหลินทำหลังจากทะลวงออกจากรังไหมก็คือตรวจสอบร่างกายตนเอง ขณะที่เขาดูดซับมรดกมากขึ้นก็ยิ่งยืนยันสิ่งที่เขาคิด ดวงดาวบนหน้าผากในปัจจุบันก็คือจำนวนครั้งที่ร่างกายทำการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง
ทุกครั้งที่เขาดูดซับผลึกน้ำแข็งไป สีของดวงดาวบนหน้าผากจะชัดเจนขึ้น และขณะเดียวกันที่รู้สึกชัดเจนนี้ร่งกายเขาปรับเปลี่ยนขนานกันไปด้วย หวังหลินรู้สึกว่าร่างกายทนทานราวกับเขากำลังก้าวเข้าสู่หนทางของเทพโบราณ
แม้จากภายนอกร่างกายจะดูธรรมดาแต่ภายในเปลี่ยนไปอย่างมาก หลังดูดซับผลึกน้ำแข็งมาเจ็ดสิบก้อนร่างกายเขาจึงแข็งแกร่งอย่างมาก
ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้น เขาคาดการณ์ว่าในสภาวะปัจจุบัน ร่างกายเขาสามารถทนทานต่อเซียนขั้นตัดวิญญาณได้แล้ว
เวลาผ่านไปอีกครั้ง วันนี้ภายในพื้นที่ที่มีมรดกแห่งปัญญาของเทพโบราณไม่มีผลึกน้ำแข็งฟ้าหลงเหลืออยู่อีกแล้ว สิ่งเดียวที่มีอยู่ก็คือรังไหมสีฟ้าเข้มขนาดยักษ์ รังไหมนี้ไม่ธรรมดา มีรอยแตกนับไม่ถ้วนบนพื้นผิว หากมองดูอย่างละเอียดจะบอกได้ว่ามันดูเหมือนรอยแตกบนผิวหนังตู่ซือ
รังไหมยักษ์อยู่ที่นี่มานานหลายปีโดยไม่มีสัญญาณการแตกสลาย พื้นที่ทั่วทั้งบริเวณให้ความรู้สึกเงียบสงัดจากพลังอันลึกลับ ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงมานานหลายปีแล้ว
ร่างหวังหลินอยู่ภายในรังไหม หัวใจหยุดเต้นมานานมาก ทั้งร่างกายนอนอยู่ในนั้นราวกับตายไปแล้ว
วิญญาณของเขาได้อยู่ในความโกลาหลอย่างสมบูรณ์ เวลาที่ใช้ดูดซับผลึกน้ำแข็งชิ้นล่าสุดมากกว่าทั้ง 93 ชิ้นรวมกันเสียอีก
วิญญาณจมอยู่ในความทรงจำของเทพโบราณ เขาพบตั้งแต่การเกิดของเทพโบราณตู่ซือไปจนถึงตอนที่ตัดสินใจลึกฝนวิชาสวรรค์เปลี่ยนร่างธารหมึกราวกับเป็นตัวเอง หลังพบเจอประสบการณ์เหล่านั้นหวังหลินกระทั่งมีความรู้สึกว่าตัวเองคือเทพโบราณตนหนึ่ง
ความวุ่นวายแบบนี้เป็นสิ่งที่หวังหลินหลีกเลี่ยง แต่ตอนนี้ในผลึกชิ้นสุดท้ายความรู้สึกนี้ก็ระเบิดออกมา
ด้วยเหตุการณ์นี้ทำให้วิญญาณของหวังหลินอยู่ในภาวะนิทรา ผ่านไปไม่รู้เวลาจนมีเสียงแตกหนึ่งดังออกมาจากรังไหมยักษ์
ไม่นานหลังจากนั้นเสียงแตกดังขึ้นต่อเนื่องจากรังไหม เส้นใยนับไม่ถ้วนที่ปกคลุมเริ่มเติบโตขึ้น ไม่นานนักเสียงดังป๊อป ทั้งรังไหมแตกออกมา
ร่างหนึ่งโผล่ออกมา คนผู้นั้นดวงตาสีดำขลับและเส้นผมสีขาว ใบหน้าดูธรรมดาอย่างมากแต่ให้บรรยากาศกดขี่ขมเหง ณ ตอนนี้ดวงตาของเขาปิดลงและหัวใจหยุดเต้น ไม่มีสัญญาณแห่งชีวิต
ผ่านไปเวลานานจึงลืมตาขึ้น สายตาให้ความรู้สึกถึงพลังอันไร้ที่สิ้นสุดหวังหลินหายใจอย่างเชื่องช้า หลังจากนั้นตรวจสอบร่างกายตนเอง หลังจากดูดซับผลึกชิ้นที่ 94 เมื่อนั้นรู้สึกได้ชัดเจนว่าร่างกายของเขากลายเป็นแข็งแกร่งมากขึ้นแค่ไหน แม้เขาจะยังไม่ได้ทดสอบใดๆ แต่มั่นใจว่าร่างกายตัวเองจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายและนำพาประโยชน์มาให้หลายอย่าง
เมื่อนึกถึงการดูดซับผลึกน้ำแข็งชิ้นสุดท้าย หัวใจยังรู้สึกประหลาดใจ หากเขาไม่ระมัดระวังก่อนที่จะเข้าไปเหมือนตอนที่ดูดซับชิ้นที่ 50 และลดอัตราการดูดซับลงเพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคง เมื่อนั้นเขาจะสูญเสียตัวเองและจบลงที่กลายเป็นคนบ้าที่คิดว่าตัวเองคือตู่ซือ
เพราะเขาสร้างรากฐานที่มั่นคง จึงสามารถทนต่อพายุและรักษาตัวตนไว้ได้
ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้น ความทรงจำที่เขารับมานั้นเกือบสมบูรณ์ แต่จิตใจยังรู้สึกสงสัย จากความทรงจำนั้นมีตั้งแต่ที่ตู่ซือเกิดจนถึงตู่ซือเริ่มฝึกฝนวิชาสวรรค์เปลี่ยนร่างธารหมึก แต่ไม่รวมถึงตอนที่เขาฝึกฝนจนนำไปสู่ความตาย
หวังหลินครุ่นคิดชั่วขณะ เขาตรวจสอบทั่วบริเวณอย่างระมัดระวัง หวังหลินเดาอย่างลวกๆว่ามันต้องไม่มีแค่ 94 ชิ้น
หากเป็นเช่นนั้นแล้วทำไมถึงไม่มีชิ้นที่เหลืออยู่ที่นี่กัน? หวังหลินขมวดคิ้วและสงสัย แต่ก็ยกเลิกที่จะคิดเรื่องมัน แขนทั้งสองข้างเคลื่อนไหวสร้างเป็นผนึกชิ้นหนึ่งจากนั้นพูดเป็นภาษาเทพโบราณ “เปิด!”
รอยแยกเส้นโค้งปรากฎเบื้องหน้าทันที ภายในนั้นมีหินเรืองแสงสีดำสามก้อน หวังหลินคว้าทั้งสามก้อนในมือขวา ขณะที่ก้าวเข้าไปพลันมีคลื่นกระจายออกจากฝ่าเท้า
หวังหลินก้าวไปสามก้าวและร่างกายหายไปจากสถานที่แห่งนี้
หินสามก้อนนั้นคือวัตถุดิบสำคัญในการสร้างธงแห่งกฎเกณฑ์
มิติภายในรอยแยกหนึ่งมีสถานที่ที่ได้วางกฎเกณฑ์ไว้จำนวนนับไม่ถ้วนเพื่อสร้างวงแหวนรอบจุดแห่งหนึ่งซึ่งปลดปล่อยกลิ่นอายอันตรายออกมา ร่างผมสีขาวปรากฎขึ้นทันใดจากนอกวงแหวน
หลังปรากฎตัว เขาจ้องไปที่วงแหวน มองมันอยู่ชั่วครู่และยืนยันได้ว่าไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนไป จึงเดินไปข้างหน้า กฎเกณฑ์พวกนั้นดูราวกับสูญเสียพลังของตัวเองเพราะไม่มีตัวไหนเปิดใช้งานเลย การก้าวแต่ละครั้งจะทำให้กฎเกณฑ์ใกล้เคียงหายไป ขณะที่เดินเข้าไปใจกลางวงแหวน กฎเกณฑ์ทั้งหมดระหว่างทางได้หายไป
เขาคือหวังหลิน และกฎเกณฑ์พวกนี้เป็นเขาเองที่วางเอาไว้ปกป้องร่างกายและกระเป๋า
แม้จะเชื่อว่าสถานที่แห่งนี้ปลอดภัยเพราะมันไม่ได้อยู่ภายในใจกลาง แต่เป็นมิติพิเศษที่สร้างจากความทรงจำของมรดก หวังหลินมีนิสัยระมัดระวังอย่างมากดังนั้นเขาจึงวางมาตรการความปลอดภัยไว้
หลังเข้ามาในกฎเกณ์ ดวงตาจดจ้องไปบนร่างเดิมและกระเป๋า ดวงตาของเขามองดูเสียใจ ร่างกายเบื้องหน้าได้เน่าเสียไปแล้ว มีร่องรอยพลังปราณที่ปลดปล่อยออกมาจากแกนพลังในร่าง
ถัดจากร่างกายคือกระเป๋าส่วนหนึ่ง
หวังหลินถอนหายใจ หากเขาไม่ได้ปรับโครงสร้างร่างกายใหม่หลังจากได้รับสืบทอดความทรงจำมาเมื่อนั้นเขาต้องหาร่างอื่น
เขาวางแขนขวาบนหน้าอกของร่างเก่า ทันใดนั้นร่างกายที่ไร้ชีวิตเริ่มปลดปล่อยพลังปราณหนาแน่น ในไม่ช้ารอยร้าวปรากฎบนฝ่ามือและเท้าและกระจายออกต่อเนื่อง เมื่อรอยร้าวกว้างขึ้นความผันผวนของพลังปราณจึงใหญ่ขึ้น
จนกระทั่งร่างกายแตกสลายอย่างสมบูรณ์ แกนพลังขนาดเท่ากำปั้นลอยออกมา มีจุดแสงสีสันกระจายในร่างกายที่แตกลายนั้น
เมื่อได้เห็นแกนพลัง เขาสัมผัสได้ถึงความคุ้นเคย สิ่งนี้เป็นแกนพลังที่เขาสร้างมาด้วยตัวเองและความสัมพันธ์นี้ไม่ใช่สิ่งที่เวลาสามารถตัดออกได้
ไม่นานจากนั้นมือขวายื่นออกมาและแกนพลังลอยเข้าหา จังหวะที่แกนพลังสัมผัสกับมือ มันหายเข้าไปในร่างกายและมุ่งตรงไปที่ตันเถียนของเขาและเริ่มหมุนอย่างช้าๆ
คลื่นพลังปราณชำระล้างผ่านร่างหวังหลิน เขาหลับตาและรู้สึกถึงร่างกายตัวเอง จากนั้นพลันลืมตาอีกครั้งจดจ้องไปที่ร่างเดิมที่เหลือ ฝ่ามือสร้างผนึกชิ้นหนึ่งขณะที่ตะโกนออกมา “เปลวไฟนรก!”
จุดสีฟ้าผสมกับร่างที่เหลือเข้าด้วยกันสร้างเป็นเปลวไฟสีฟ้าขึ้น
หวังหลินอ้าปากและดูดเปลวไฟเข้าสู่ร่างกาย มันหายไปเข้าสู่ตันเถียนของเขา หวังหลินสะบัดมือขวาและทำให้กระเป๋าลอยเข้าหาฝ่ามือทีละถุง หลังจากนั้นไม่นานแสงสีขาวเปล่งออกมาจากฝ่ามือและผ้าคลุมสีดำปรากฎขึ้น หวังหลินสวมผ้าคลุมและคว้าไปที่พื้นที่ว่างเพื่อสร้างรอยแยก เขาเดินเข้าไปโดยไม่ลังเล
ปรากฎตัวอีกครั้งในสถานที่ที่มีมรดกแห่งภูมิปัญญา หวังหลินสูดหายใจลึกและตรวจสอบรอบๆ เมื่อแน่ใจว่าทุกสิ่งเหมือนเดิม เขาจึงร่ายบทสวดที่ซับซ้อนด้วยภาษาเทพโบราณพร้อมกับสร้างผนึกขึ้นในมือ
ม่านแสงบางๆปรากฎเบื้องหน้า คำพูดที่เอ่ยออกมาราวกับเป็นมือล่องหนเพื่อขยายม่านแสง ในไม่นานม่านแสงจึงมีขนาดใหญ่เพียงพอและภาพเทพโบราณปรากฎบนนั้น
หวังหลินคุ้นเคยอย่างมากกับแรงกดดันที่ภาพมายาเทพโบราณตู่ซือ ดังนั้นหัวใจเขาจึงสงบเยือกเย็น
หลังภาพนั้นปรากฎ ดวงดาวแปดดวงบนหน้าผากตู่ซือเปล่งลำแสงแปดเส้นสร้างเป็นน้ำวนรูปร่างแปดเหลี่ยม
หวังหลินจดจ้องไปที่ภาพตู่ซือและคิดขึ้น ‘ดินแดนเทพโบราณ ลาก่อน!’