Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 2016

Cover Renegade Immortal 1

2016. เก้าบทเพลง สามสัญญาณ 2

เก้าบทเพลง สามสัญญาณ บทเพลงแรกคือวายุสวรรค์!

บทเพลงที่สองคือจังหวะสายฟ้าเต๋าแห่งสวรรค์!

บทเพลงที่สามคือขลุ่ยเมฆาต้นกำเนิด!

ขลุ่ยเมฆาต้นกำเนิดนี้มาจากก้อนเมฆสีขาวที่ปรากฏในท้องฟ้าสีทอง มันดังสะท้อนไปทั่วฟ้าและเมื่อเข้าสู่จิตใจจะทำให้ผ่อนคลายราวกับต้องการหลับใหล

พอหวังหลินก้าวไปบนขั้นที่ 240 เสียงขลุ่ยจึงปรากฏในท้องฟ้า มันอัศจรรย์ยิ่งและคาดว่าสิ่งมีชีวิตคงไม่สามารถสร้างเสียงนี้ขึ้นมาได้ มันเกิดขึ้นจากหลุมนับไม่ถ้วนที่อยู่ในก้อนเมฆและมีสายลมพัดผ่านเข้ามา

มันผสานกับสายลมจนกลายเป็นเสียงอันน่าอัศจรรย์ ยิ่งสายฟ้าส่งเสียงดุจกลอง จึงก่อเกิดการผสานกับเสียงแห่งสายลมอันวิเศษ

เสียงเพลงขับขานทำให้ผู้คนลืมตัว ซวนลั่วจมความคิดไปกับเสียงเพลงและหลับตาลง

เสาทั้งสี่ทิศของหอคอย ชายชุดดำทั้งสี่คนเงี่ยหูฟังเสียงอย่างเงียบงัน ความทรงจำไหลผ่านในความคิด ทางด้านบนยอดหอคอยมีเสียงถอนหายใจดังออกมาจากสายหมอก

หวังหลินที่ยืนอยู่บนขั้นที่ 240 เองก็ได้ยินเสียงเพลงในสายลม ในสายฟ้าและในก้อนเมฆเช่นกัน เสียงทั้งหมดล้อมรอบวิญญาณดั้งเดิมและร่างกายทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่นและค่อยๆ หล่อเลี้ยง อาการบาดเจ็บที่เขาได้รับจากการก้าวเดินขึ้นบันไดแต่ละขั้นมาเริ่มฟื้นฟูกำลังจากเสียงเพลงบทนี้

แม้แต่พลังเทพและพลังโบราณยังผสานกันเพิ่มมากขึ้น

ผ่านไปสักพักหวังหลินมีแววตาเป็นประกาย เขายกเท้าขึ้นและก้าวขึ้นไปอย่างช้าๆ สีหน้าท่าทางไม่ดุดันอีกแล้วแต่เป็นสงบนิ่งแทน

ดวงตาไร้สีแดงโลหิตและก้าวเดินไปอย่างมั่นคง

ท้องฟ้าสีทองคือแสง พื้นดินสีดำคือถนนหนทาง สายฟ้าคือเสียงกลอง สายลมคือเสียงขลุ่ยและจังหวะ ทั้งหมดนี้ได้พาให้หวังหลินก้าวเดินขึ้นสู่ขั้นที่ 250 ได้อย่างแน่วแน่

วินาทีที่เท้าเหยียบลงไป อีกเสียงหนึ่งเกิดขึ้น มันเป็นเสียงคล้ายฝนกำลังกระทบพื้นดิน

เสียงฝนดังกึกก้องไปทั่วอาณาบริเวณและผสานกับเสียงขลุ่ย ทำให้บทเพลงอัศจรรย์ยิ่งกว่าเดิมราวกับมีสัมผัสแห่งชีวิตซ่อนไว้ภายใน

ซวนลั่วลืมตาในจังหวะนั้น มองหวังหลินและสูดหายใจ ด้วยระดับบ่มเพาะและตัวตนของเขาซึ่งปกติจะไม่แสดงอาการตกตะลึงมากนัก ทว่าเสียงเพลงทั้งสี่ที่หวังหลินกระตุ้นขึ้นมาได้สะเทือนถึงอารมณ์ความรู้สึกของซวนลั่วไปด้วย

ซวนลั่วเลื่อนสายตาผ่านหวังหลินและขยับไปบนหอคอยพลางคิดกับตัวเองเงียบๆ ‘มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าว…ท่านไม่ยอมรับตัวตนของเขา แต่ตอนนี้ข้าสงสัยแล้วว่าท่านคิดสิ่งใดอยู่…หรือจะเป็นศิษย์ข้าผู้ครอบครองโลหิตวิญญาณ จะยอมรับตัวตนของท่านหรือไม่!’

บนยอดหอคอยยังคงเงียบงัน หลังจากถอนหายใจ ร่างในนั้นก็หลับตาลงคล้ายกับดื่มด่ำกับเสียงเพลง ใบหน้าเผยความเศร้าสร้อยและหวนรำลึก

หวังหลินหยุดชะงักเล็กน้อยบนขั้นที่ 250 หลังจากได้ยินเสียงฝนจึงหยุดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเดินขึ้นไปอีกครั้ง

บนขั้นที่ 260 หวังหลินได้ยินเสียงแห่งนภา เสียงนี้ลึกลับยิ่งและเงียบงัน แต่ในวินาทีนั้นกลับมีเสียงพึมพำเบาๆ คล้ายเสียงกระซิบออกมาจากท้องฟ้า มันผสานกับสายลม สายฟ้า ก้อนเมฆและเสียงสายฝน

เมื่อเสียงนี้ปรากฏขึ้น การผสานกันของพลังโบราณและพลังเทพอันน้อยนิดก็เริ่มเผยความก้าวหน้าอันเนื่องมาจากแรงกดดันจากภูเขาที่เพิ่มขึ้น

ทว่าความเร็วของมันยังเชื่องช้ามาก ไม่รู้ว่านานแค่ไหนกว่าจะโคจรครบหนึ่งรอบ หวังหลินไม่เคร่งเครียด ต้องขอบคุณห้าบทเพลงนี้ เขาจึงรู้สึกสงบนิ่งทั้งภายในและภายนอกราวกับมีพลังอันไร้ที่สิ้นสุด

โลหิตวิญญาณในร่างหวังหลินกำลังแสดงอาการหลอมละลาย นี่คือโลหิตวิญญาณที่ซวนลั่วขอให้มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวปลุกขึ้นมาแต่ก็ถูกปฏิเสธ

หวังหลินก้าวเดินข้างหน้าไปทีละก้าว เมื่อฝ่าเท้าเยียบย่ำไปบนขั้นที่ 270 แก่นแท้ทั้งหมดในร่างหวังหลินจึงเกิดการหลอมละลาย!

นาทีนี้ในร่างหวังหลินไม่ได้มีเพียงแค่แก่นแท้เดียว แต่ยังมีแสงสีเงินในดวงตา ด้วยแสงนี้จึงทำให้ดวงตาหวังหลินกลายเป็นสีเงิน!

ในดวงตาไร้อารมณ์ความรู้สึก ทุกอย่างเย็นเยียบจนแม้แต่ดวงตาสีดำยังกลายเป็นสีเงิน จากนั้นกลิ่นอายเกินบรรยายได้แผ่กระจายออกมาจากร่างหวังหลิน มันคือกลิ่นอายที่ซวนลั่วสัมผัสได้ตอนที่อยู่ในโลกถ้ำ เป็นความรู้สึกราวกับทุกอย่างกำลังจะถูกทำลาย!

ซวนลั่วเผยท่าทีอันซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูก

‘ท่ามกลางเก้าบทเพลงสามสัญญาณ เนตรสีเงินเป็นถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา เก้าบทเพลงของบรรพชนโบราณสามารถทำให้ดวงตาของคนกลายเป็นสีเงินได้ และสัญญาณที่สองก็คือดวงตาเหล่านี้…’

ชายชุดเทาทั้งสี่คนบนเสาสี่ด้านต่างก็ถอนสายตาออกมาจากท้องฟ้า และเมื่อมองหวังหลินอีกครั้งพวกเขาได้มองไปที่ดวงตาของหวังหลินด้วยความสับสน ราวกับมีหลุมดำอยู่ตรงนั้นและกำลังกลืนกินความคิดของคนที่มองเข้าไป!

ราวกับพวกเขาเกิดความดึงดูดอย่างประหลาดต่อดวงตาสีเงิน!

ส่วนร่างที่อยู่ในสายหมอก หลังจากขบคิดอยู่นานจึงเอ่ยคำพูดดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า

“เก้าบทเพลงสามสัญญาณ…ในร่างเจ้ามีห้าบทเพลงสองสัญญาณแล้ว…ขึ้นมาสิ หากเจ้าสามารถขึ้นมาที่ขั้น 300 ได้ ข้าจะปลุกโลหิตวิญญาณเจ้าและเชิญเจ้าให้มาเจอข้า…”

น้ำเสียงยังคงเย็นเยียบ

หวังหลินยืนอยู่บนขั้นที่ 270 และไม่ได้ตอบเสียงเย็นเยียบนั้นเลย เขายกเท้าและเดินขึ้นอีกครั้ง พอไปถึงขั้นที่ 280 พลังโบราณของหวังหลินจึงเกิดการหลอมละลาย

เมื่อมันหลอมละลาย บทเพลงอีกหนึ่งได้เพิ่มเข้ามาสู่ห้าบทเพลง มันคือเสียงแห่งปฐพี พื้นดินสีดำกำลังส่งเสียงประกอบพิธีศพอันอ้างว้าง

ไม่รู้ว่าเสียงพิธีศพนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรแต่มันชัดเจนยิ่ง มันเป็นเพลงโศกเศร้าคร่ำครวญถึงคนตาย

เมื่อผสานกับเสียงแห่งนภา จึงคล้ายกับส่วนผสมของชีวิตและความตาย ยิ่งมีเสียงแห่งสายลม ก้อนเมฆ สายฟ้าและสายฝน จึงกลายเป็นบทเพลงอันยิ่งใหญ่!

‘เก้าบทเพลงสามสัญญาณ…ข้าก็เคยได้ยินชื่อ…ตอนนี้ปรากฏขึ้นมาหกบทเพลงและสองสัญญาณแล้ว…’ หวังหลินขบคิด เขารู้สึกว่าแก่นแท้และพลังโบราณได้หลอมละลายไป พวกมันไม่ได้หายไปแต่ผสานเข้ากับร่างกายในระดับที่ลึกล้ำยิ่งขึ้น

เขาสัมผัสเศษเสี้ยวของพลังใหม่ที่เกิดขึ้นจากการผสาน ทว่ามันเคลื่อนไหวเชื่องช้ายิ่ง บางทีคงใช้เวลาหลายปีหรืออาจหลายสิบปีกว่าจะโคจรให้ครบหนึ่งรอบ

หวังหลินยกเท้าขึ้นและต่อต้านพลังของภูเขากุ้ยต้าวไปจนเหยียบขั้นที่ 281 หวังหลินก้าวไปทีละก้าวจนมาถึงขั้นที่ 290 เขารู้สึกว่าพลังในร่างกายกำลังไหลเวียนเร็วขึ้น

ขณะเดียวกันหวังหลินรู้สึกว่าตัวตนของแก่นแท้และพลังโบราณได้หายไป พวกมันอยู่ในวิญญาณดั้งเดิมและอวัยวะภายในทุกส่วน

แก่นแท้ของเขาอยู่ในวิญญาณดั้งเดิม ส่วนพลังโบราณอยู่ในอวัยวะภายใน พวกมันคล้ายกับผสานกันและเหมือนไม่ได้ผสานกัน ทว่าก็แตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างมาก

เมื่อหวังหลินก้าวไปบนขั้นที่ 290 เสียงเพลงอีกบทปรากฏขึ้นอีกครั้ง ทว่าคนภายนอกมิอาจได้ยินเสียงนี้ มีเพียงหวังหลินเท่านั้นที่ได้ยินจากร่างกาย

เสียงเพลงนี้คือเสียงเพลงแห่งร่างกาย ตอนที่เขามองขึ้นไป ขยับแขน ยกเท้า หายใจ รูขุมขนทั้งเปิดและปิด เขาสร้างเสียงนี้ขึ้นมามันคือเสียงแห่งร่างกาย!

เสียงเหล่านี้เป็นเสียงที่เบาบางมาก พวกมันได้ผสานกับเสียงภายนอก เชื่อมรอบตัวหวังหลินให้กลายเป็นเสียงเพลง

‘นี่คือเสียงเพลงที่เจ็ด…’ หวังหลินฟังอยู่ชั่วขณะและมองขึ้นไป เผยสายตามุ่งมั่นและจ้องมองบนยอดหอคอย

“ท่านบอกว่าข้าไม่สามารถข้ามผ่านขั้นที่สามร้อยไปได้…” หวังหลินยกเท้าและก้าวอีกสิบขั้นไปถึงขั้นที่สามร้อย

เมื่อเขาเหยียบบนขั้นที่สามร้อย ชายชุดดำสองคนที่มีแววตาสับสนถึงกับหายตัวไปและเกิดความเย็นเยียบขึ้นมาแทนที่ ทั้งสองเคลื่อนไหวและก้าวเท้า พุ่งเข้าหาหวังหลินดุจลำแสง

แต่ละคนเข้ามาใกล้และโยนกำปั้นเข้าใส่

กำปั้นเหล่านี้มีหมอกสีเทาและมีศีรษะขนาดยักษ์อยู่ข้างในแต่ละข้าง ศีรษะนั้นราวกับบ้าคลั่งและส่งเสียงคำรามเงียบงันพุ่งเข้าใส่หวังหลิน!

ภายในร่างหวังหลินเกิดเป็นเสียงปะทุดังกึกก้อง ราวกับเป็นเสียงเต้นของหัวใจแต่มันคือเสียงเพลงที่แปดซึ่งเกิดขึ้นจากอวัยวะภายในของหวังหลิน!

บทเพลงอวัยวะภายใน!

มันคือเสียงการขยับปอด เสียงหัวใจเต้น เสียงการสั่นสะเทือนของม้าม การบิดตัวของตับ การทำงานของไต เสียงจากภวัยวะภายในทั้งห้ารวมกันกลายเป็นเสียงเพลงนี้ขึ้นมา!

ส่งออกมาพร้อมกับเสียงจากร่างกาย ผสานกับสายลม ก้อนเมฆ สายฟ้าและสายฝน จนในที่สุดก็พัวพันกับชีวิตและความตายทำให้ทั้งแปดเพลงระเบิดออกมา!

นาทีที่แปดเพลงส่งเสียงกึกก้องเวลาเดียวกัน พลังโบราณของหวังหลินที่อยู่ในภวัยวะภายในจึงแผ่กระจายไปทั่วเลือดเนื้อ ขณะเดียวกันแก่นแท้ในวิญญาณดั้งเดิมจึงแผ่กระจายผ่านจุดตันเถียนออกมาด้วย

เมื่อพลังทั้งสองสายแผ่กระจายออกมาและรวมกันเป็นครั้งแรกในร่างหวังหลิน พวกมันจึงผสานกันอย่างยิ่งใหญ่ พลังจากการผสานกันจำนวนมากได้โคจรผ่านร่างหวังหลินด้วยความเร็วเกินจินตนาการถึง การโคจรที่น่าจะต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปีกลับสำเร็จภายในชั่วพริบตา

พลังที่ไม่ได้เป็นของเผ่าเทพหรือเผ่าโบราณจึงโคจรสำเร็จและหวังหลินร้องคำรามออกมา!

“ไปซะ!!”

………………………………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!