Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 2058

Cover Renegade Immortal 1

2058. ร่างนั้น

ด้านนอกรูปปั้นบรรพชนโบราณ เหลือวงแหวนเพียงแค่เจ็ดวงเท่านั้นที่ยังคงเปล่งแสงอ่อนๆ ทว่าหนึ่งในเจ็ดวงกำลังหมองหม่นและดูเหมือนแตกสลายไปได้ทุกเมื่อ

“หวังหลิน!!” ซวนลั่วถูกขวางไว้นอกอารามบรรพชน เขาเคร่งเครียดและส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปในอาราม ทว่ามันเหมือนเสียงที่พุ่งเข้าไปในทะเล ซวนลั่วเองก็ไม่มั่นใจว่าหวังหลินจะได้ยินหรือไม่

สองฝ่ามือสร้างผนึกปรากฏวงแหวนคล้ายดวงอาทิตย์ขึ้นรอบตัวเอง เขาก้าวเข้าไปในอารามได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกพลังสะท้อนกระเด็นกลับมา

ขณะที่ซวนลั่วพยายามอย่างต่อเนื่อง หวังหลินที่อยู่ในอารามบรรพชนกลับมีร่างกายเหี่ยวแห้งคล้ายโครงกระดูก รอบตัวเขาไม่มีละอองแสงและหมองหม่นจนแทบมองไม่เห็น

การพยายามผสานกันหลายครั้งจนนับไม่ถ้วนและเกิดความล้มเหลว ทำให้เจตจำนงของเขาแทบถูกลบล้างออกไป

มันเงียบสนิทอย่างสิ้นเชิง แต่ชั่วขณะต่อมาน้ำเสียงกระวนกระวายดังขึ้นที่นี่

“หวังหลิน!!”

“หวังหลิน!!”

“หวังหลิน!!”

หวังหลินหลับตาและนั่งนิ่งไม่เคลื่อนไหว ทว่าตอนที่เสียงดังกึกก้องออกมา เกิดแสงสีแดงกะพริบวาบจากร่างคล้ายโครงกระดูก แสงสีแดงนี้คือโลหิตวิญญาณที่อยู่ในร่างกายเขา

แสงกะพริบคล้ายกับแสงสว่างที่เกิดขึ้นในความมืดอันลึกที่สุด

เวลาผ่านไปแต่ไม่ได้นานนัก วงแหวนอีกสี่วงเลือนหายไปและตอนนี้เหลืออยู่เพียงแค่สามวงเท่านั้น แสงจำนวนมากที่ห่อหุ้มทั่วบริเวณมาหลายปีกำลังหายไปและเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่กลางคืนแตกต่างจากปกติ

กระนั้นคืนนี้ไม่มีใครบ่มเพาะอยู่เลย ทุกคนต่างมองมาที่อารามบรรพชนโบราณ แม้แต่ลมหายใจยังเหมือนหยุดชะงัก

จากนั้นหนึ่งในสามวงแหวนรอบรูปปั้นก็สั่นเทาราวกับเทียนที่อยู่ในลมพายุและมันก็มอดดับไป

“หายไปอีกหนึ่งแล้ว!”

“เหลือวงแหวนแค่สองเท่านั้น การแยกวิญญาณที่ดำเนินไปถึงยี่สิบปี หรือเขาจะไม่สำเร็จจริงๆ…”

“เมื่อสองวงแหวนนี้หายไป เขา…รีบดูสิ หายไปอีกหนึ่งวงแล้ว!!!”

แทบทุกคนถึงกับสูดหายใจลึก วงแหวนอีกหนึ่งวงหายไปและตอนนี้เหลือเพียงวงเดียวเท่านั้น!!

และวงนี้ก็ค่อยๆ หมองหม่นลงอย่างช้าๆ

“หวังหลิน! ตื่นขึ้นสิ!!” ซวนลั่วโยนกำปั้นเข้าใส่อารามบรรพชนและส่งเสียงคำรามสั่นสะเทือนสวรรค์ เสียงคำรามกู่ก้องไปทั่วเมืองหลวงราวกับสายฟ้าฟาดและในที่สุดก็พุ่งเข้าสู่อารามบรรพชน

เขาฝืนก้าวเข้าไปในอารามบรรพชนอีกครั้งและถูกพลังสะท้อนกลับมา ซวนลั่วเคร่งเครียดยิ่ง เขาเคยเจอกับหายนะแยกสามวิญญาณเต๋าโบราณมาก่อน ตราบใดที่วงแหวนยังอยู่ แม้จะไม่มีพลังชีวิตหรือไม่มีสติอยู่แล้ว ก็ยังไม่ตาย แต่เหมือนกับการหลับใหล

เป็นวิญญาณที่กำลังหลับใหล หากหวังหลินสามารถตื่นขึ้นมาได้ ตราบใดที่วงแหวนเหลืออยู่ก็ยังมีโอกาสรอดชีวิต ซึ่งเป็นเหตุว่าทำไมเขาถึงเข้ามาคุ้มกันหวังหลิน!

แต่เมื่อวงแหวนทั้งหมดหายไป การหลับใหลนี้คงเท่ากับการตายที่แท้จริง!

“หวังหลิน ข้าซวนลั่วเป็นอาจารย์ของเจ้า รีบตื่นขึ้นมาสิ!!” ซวนลั่วร้องคำรามพลางเพ่งสมาธิทั้งหมดเข้าไปที่อารามบรรพชนแม้จะก้าวเข้าไปไม่ได้

เมื่อเสียงของซวนลั่วดังกึกก้องไปทั่วทั้งเมืองหลวง มันถึงกับทำให้ทุกคนตกตะลึง แทบทุกคนต่างก็สงสัยว่าใครกันที่กำลังเผชิญกับหายนะในอารามบรรพชน!

ในที่สุดคำถามนี้ก็ได้รับคำตอบ!

“หวังหลิน? ชื่อนี้ดูคุ้นๆ…”

“เขา!! หวังหลินคือคนที่สังหารจักรพรรดิเต๋าเมื่อร้อยปีก่อน! เป็นเขาจริงๆ!!”

“ลือกันว่าหวังหลินผู้นี้เป็นมหาชั้นฟ้าคนที่สิบแห่งแผ่นดินเซียนดารา ไม่น่าเชื่อ ข้าไม่คิดว่าคนที่เผชิญหายนะในอารามบรรพชนอยู่คือหวังหลินคนนั้น!!”

ขณะที่ซวนลั่วร้องคำรามอย่างกระวนกระวายและดังกึกก้องไปทั่วเมืองหลวง วงแหวนวงสุดท้ายกำลังสลัวลงเรื่อยๆ ราวกับสามารถสูญหายไปได้ทุกเวลา

ลึกเข้าไปในอารามบรรพชน แสงโลหิตบนร่างหวังหลินกำลังกะพริบอย่างรุนแรง

‘ใครกำลังเรียกหาข้า…’ หวังหลินดูเหมือนหลับไหลในมิติอันแปลกประหลาด มิติแห่งนั้นพร่าเลือนและเขาเหมือนคนตาบอดที่รู้สึกว่ามีเสียงหนึ่งกำลังเรียก

‘ข้าอยู่ไหน…’ หวังหลินยังคงสับสน เสียงเรียกเขาปรากฏขึ้นและหายไป พอเขาต้องการได้ยินมันชัด ก็ไม่อยู่อีกแล้ว

‘ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร…’ หวังหลินก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างสับสน ท้องฟ้าที่นี่มืดมิดและพื้นดินสลัว ทั่วทั้งโลกปกคลุมอยู่ในหมอกจนเขามองเห็นอะไรได้ไม่ไกลนัก

สถานที่แห่งนี้เป็นซากปรักหักพัง

ไม่มีสิ่งมีชีวิต ราวกับถูกทิ้งร้างมานานหลายปี ภูเขาไม่เขียวชอุ่ม มันเป็นสีเทามีแต่กลิ่นอายแห่งความตาย

‘ข้า…ข้าเป็นใคร…’ แววตาสับสนรุนแรงยิ่งขึ้น เขาดูเหมือนมีความทรงจำมากมายแต่จำไม่ได้ว่าเป็นใคร ทำไมถึงอยู่ที่นี่และที่นี่คือที่ไหน

“ตื่นขึ้นสิ…ตื่นขึ้นสิ…” เสียงเบาๆ ดังกึกก้องขึ้นอีกครั้งและหวังหลินหยุดลง

‘ข้าเหมือนได้ยินอะไรบางอย่าง’ ภายในความสับสนนั้นหวังหลินต้องการมองกลับไป แต่ชั่วจังหวะนั้นเขาเหมือนเห็นภูเขาในสายหมอกตรงหน้า

บนภูเขามีหิมะสีรุ้งกำลังตกลงมา มันสวยงามมาก

บนยอดเขามีร่างเลือนลางอยู่ร่างหนึ่ง เขามองเห็นได้แค่ว่าเป็นชายที่กำลังกอดร่างอีกคน เรือนผมยาวกำลังพัดพริ้วไปกับสายลม ภาพเหตุการณ์นี้เต็มไปด้วยความหดหู่และเศร้าโศก

หวังหลินจ้องมองร่างที่ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคย เป็นความคุ้นเคยที่ทำให้เขาสั่นเทา

เสียงคำรามแห่งความโศกเศร้าดังออกมาจากร่างที่อยู่บนภูเขา เขาเงยศีรษะขึ้นมาและร้องคำรามใส่ท้องฟ้า ดังกึกก้องไปทั่วทิศทาง เสียงคำรามแฝงพลังทะลุทะลวงจนจิตใจหวังหลินสั่นสะท้านอย่างรุนแรง

เพียงเสียงคำรามดังกึกก้อง ท้องฟ้าหมองหม่นก็เริ่มสั่นเทาและเกิดระลอกคลื่นดังกึกก้องนับไม่ถ้วน คล้ายกับท้องฟ้ากำลังแตกสลาย แม้แต่สวรรค์ก็ไม่สามารถต้านทานเสียงคำรามของคนผู้นี้ได้และกำลังพังทลายไปด้วย

“ฟ้าดิน…” ร่างนั้นร้องคำรามเพียงแค่สองคำ จากนั้นมีเสียงอันคุ้นเคยปรากฏขึ้นมา

“หวังหลิน ตื่นขึ้นสิ!!” เสียงนี้ปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า จากนั้นภูเขาที่หวังหลินมองดูก็เลือนหายไป ร่างที่กำลังสวมกอดส่งเสียงคำรามใส่ท้องฟ้าพลันหายไปด้วย

ร่างหวังหลินสั่นเทาและหันกลับมามองด้านหลังโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้นเสียงดังสนั่นขึ้นในจิตใจ

เขาจำได้แล้ว เขาคือหวังหลินและกำลังเผชิญกับหายนะในอารามบรรพชน เขากำลังพยายามผสานวิญญาณกลับไปในการแยกวิญญาณครั้งที่สอง หลังจากจำได้แล้วจึงไม่มีแววตาสับสนอีกและเกิดความกระจ่างชัดเจน

ขณะเดียวกันลึกเข้าไปในอารามบรรพชน มีชายชราคนหนึ่งเรือนผมสีขาวกำลังตัวสั่นห่างจากหวังหลินไปร้อยฟุต ชายชราที่สวมเสื้อผ้าแบบเดียวกันนี้คือซวนลั่ว!

แต่เมื่อเทียบกับชวนซวนลั่วในร่างเยาว์วัยแล้ว กลับแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด!

“หวังหลิน ตื่นขึ้นสิ!!” ชายชราร้องคำราม น้ำเสียงแหบพร่า

หวังหลินลืมตาขึ้นช้าๆ พอเขาเห็นชายชรา ซวนลั่วเผยใบหน้าแห่งความสุข กระนั้นเขาก็ไม่สามารถต้านทานพลังสะท้อนได้และถูกพัดกระเด็นออกไปจากอารามบรรพชน

“อาจารย์…” หวังหลินพึมพำมองไปทางที่ซวนลั่วหายไป เขามองดูเส้นผมสีขาวของซวนลั่วและรู้ว่าจะไม่มีวันลืมเรื่องนี้ไปชั่วชีวิต

ทันใดนั้นหวังหลินเงยศีรษะขึ้นมาและสร้างผนึก แสงจำนวนมากปรากฏขึ้นเหนือศีรษะและรวมกันก่อเกิดเป็นร่างเงา

ตอนที่ซวนลั่วถูกพัดออกมาจากอารามบรรพชน เขาเห็นวงแหวนสุดท้ายค่อยๆ หายไป วงแหวนที่กำลังหายไปนั้นได้ฟื้นคืนกลับมาและส่องประกายเจิดจ้า จากนั้นวงแหวนที่สอง สาม สี่…สิบสองวงแหวนปรากฏขึ้นและเปล่งประกาย!

จากนั้นไม่นานวงแหวนที่สิบสาม สิบสี่…สิบแปดล้วนกลับมาอีกครั้ง! ทั่วทั้งเมืองหลวงถึงกับเงียบสนิท

หลังจากเงียบไปชั่วขณะ เกิดความโกลาหลขึ้นทั่วทั้งเมือง

วงแหวนที่สิบเก้าปรากฏขึ้นรอบรูปปั้นบรรพชนโบราณ จากนั้นวงแหวนที่ยี่สิบ ยี่สิบเอ็ด…จนกระทั่งยี่สิบเจ็ด พวกมันส่องประกายเจิดจ้าและเกิดระลอกคลื่นดังสนั่น ตอนนี้ไม่เพียงแค่เมืองหลวงแล้ว แม้แต่ภูเขาต้นกำเนิดก็ยังถูกแสงนี้ห่อหุ้มไปด้วย

ซวนลั่วเผยรอยยิ้ม เขาไม่ได้พักอยู่ด้านนอกอารามบรรพชน พอวงแหวนที่ 27 ปรากฏขึ้นมา เขาจึงลอยขึ้นไปในท้องฟ้าและนั่งลงเนื่องจากหายนะยังไม่จบ หวังหลินยังต้องผ่านการแยกวิญญาณครั้งสุดท้าย!

ภายในอารามบรรพชน ร่างเงาขนาดใหญ่เหนือศีรษะหวังหลินแทบครอบครองพื้นที่ทั่วทั้งอาราม ร่างเงานี้ขนาดใหญ่กว่าการแยกวิญญาณครั้งแรกหลายสิบเท่า!

หวังหลินเงยศีรษะ ร่างเงามองขึ้นไปด้วยเช่นกัน สายตาคล้ายกับมองทะลุอารามบรรพชนออกไปได้และเห็นรอยยิ้มบางๆ ของซวนลั่ว

“อาจารย์…”

สองสายตาประสานกัน ผ่านไปสักพักหวังหลินจึงก้มศีรษะ สูดหายใจลึก แม้การแยกวิญญาณครั้งที่สองนับว่าอันตรายยิ่งแต่ก็เทียบไม่ได้กับสิ่งที่เขาเห็นตอนที่สับสนอยู่

เขาอดคิดไม่ได้ถึงร่างที่กำลังสวมกอดและร้องคำรามใส่ท้องฟ้า

……………………………………………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!