266. เซียนของเฉว่ยี่
หวังหลินสะบัดแขนและประตูเปิดออกอย่างเงียบเชียบ ร่างสูงสวมเสื้อคลุมกันฝนเดินเข้ามา คนผู้นี้มีชั้นหิมะปกคลุาบางๆ เขาเดินเข้ามาโดยไม่ได้เอ่ยอะไร
หวังหลินมองเขาและเอ่ยขึ้น “เราไม่ได้เจอกันมากกว่าสิบปี สหายเซียนยังดูเหมือนเดิม”
คนผู้นั้นหัวเราะ เขาถอนเสื้อคลุมออกเผยให้เห็นใบหน้าภูมิฐาน ใบหูคือส่วนที่โดดเด่นของเขาที่สุด คนผู้นี้คือโจวหวู่ไท่
เขาส่ายเสื้อคลุมเพื่อสะบัดหิมะออกทั้งหมด สายลมอ่อนโยนรับหิมะทั้งหมดออกไปข้างนอก ไม่มีเกล็ดหิมะตกในร้านหวังหลินเลย
เขาวางเสื้อคลุมฝนไว้ด้านข้างจากนั้นนั่งลงตรงข้ามกันหวังหลิน เพียงแค่เขานั่งลงประตูก็ปิดอย่างเงียบเชียบ
หลังโจวหวู่ไท่นั่งลง เขาคว้าไหเหล้าที่หวังหลินวางไว้บนโต๊ะ เขาไม่ได้ใช้ถ้วยดื่มแต่ดื่มตรงๆจากไห
หวังหลินมองโจวหวู่ไท่เปรียบกับเมื่อสิบปีก่อน มีริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าเล็กน้อย ชัดเจนแล้วว่าสิบปีที่ผ่านมามีบางสิ่งที่ทำให้เขากังวลมาก ส่วนเรื่องระดับของเขามีการเพิ่มขึ้นแต่ยังต่ำกว่าหวังหลินเล็กน้อย
นอกจากนั้นเขตแดนวัฎสงสารที่หวังหลินพบเจอได้ทำให้เขามีระดับการรู้แจ้งลึกมากขึ้น
หลังโจวหวู่ไท่ดื่มเสร็จ แววตาจดจ้องไปบนไม้แกะสลักทั้งสามชิ้นบนชั้นวาง ไม้ทั้งสามนี้คือสมาชิกของสำนักเมฆาขาว เมื่อโจวหวู่ไท่เข้ามาเมื่อสิบปีก่อนมันมีเพียงสองชิ้น แต่ตอนนี้มีเพิ่มมาอีกหนึ่ง
สายตาของเขาจดจ้องไปบนไม้แกะสลักที่เพิ่มเข้ามา ใบหน้าเขาเผยอาการประหลาดใจ เขาสะบัดแขนและไม้แกะสลักชิ้นนั้นลอยเข้าหาเขา เขาตรวจสอบไม้แกะสลักอย่างละเอียดก่อนจะวางมันลงจากนั้นมองหวังหลินด้วยแววตาซับซ้อน
เวลาผ่านไปพักใหญ่เขาจึงถอนหายใจ พลันยิ้มอย่างบูดเบี้ยวและเอ่ยว่า “พี่หวัง ท่านมาได้ไกลมากกว่าข้าจริงๆ ดูเหมือนข้าเดินอยู่ที่เดิมเป็นเวลาสิบปีได้…”
หวังหลินมีใบหน้าสงบนิ่ง เขาสะบัดแขนและไหเหล้าอีกหนึ่งปรากฎ เขาจิบขึ้นมาพลันส่ายศีรษะ “มันเพียงแค่โชคดีเท่านั้น”
โจวหวู่ไท่ถอนหายใจ เขาก้มศีรษะลงและมองไปที่ไม้แกะสลัก “อาจารย์ลุง ฉิงซ่ง เขตแดนผ่านกาลเวลาได้ถูกเจ้าแกะสลักแล้ว ไม้แกะสลักนี้ถือได้ว่าเป็นสมบัติระดับสูงในหมู่เซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิด สิบปีก่อนพี่หวังไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้ แต่ภายในสิบปีท่านเพิ่มพูนขึ้นมามาก ข้าประทับใจจริงๆ”
หวังหลินยิ้ม “หากเจ้าชอบมัน ข้ายกให้”
โจวหวู่ไท่ตกตะลึง แววตาซับซ้อนยิ่งลึกล้ำขึ้น เขามองหวังหลินจากนั้นมองไม้แกะสลักจนในที่สุดนำหินหยกชิ้นหนึ่งออกมา เขาวางมันไว้ด้านข้างอย่างเบามือ “ขอบคุณ”
เจตนาไม่ดีต่อหวังหลินลดลงเล็กน้อย การจะให้สมบัติแบบนี้ไปจำเป็นต้องมีจิตใจดี เขาเชื่อว่าตราบใดที่มีไม้แกะสลักนี้ แม้จะไม่สามารถได้รับเขตแดนข้ามผ่านกาลเวลา เขายังเข้าใจมันได้เล็กน้อย
ทว่าสิ่งที่เขาจะต้องฟันฝ่ามากที่สุดก็คือจะเลือกอย่างไร นอกจากนั้นเขตแดนในปัจจุบันของเขามีความเข้าใจไกลเกินกว่าเขตแดนนี้ ซึ่งทำให้เกิดความขัดแย้งบางอย่าง
เมื่อเวลาผ่านไปพักใหญ่ ร่างกายของเขาสั่นสะท้านพร้อมกับมองขึ้นไปหาหวังหลิน เขายิ้มบูดบึ้งอีกและเอ่ยขึ้น “พี่หวัง ข้ายอมรับความพ่ายแพ้! ดังนั้นได้โปรดให้ข้ารับมือกับความคิดครอบงำอีกครั้ง ข้าไม่ต้องการไม้แกะสลักนี้อีกแล้วและท่านเอาหินหยกนี้ไปได้เลย มันมีวิชาของขั้นตัดวิญญาณ”
แววตาหวังหลินเผยแสงประหลาดเมื่อมองโจวหวู่ไท่อย่างละเอียด ตอนที่เขายกไม้แกะสลักเป็นของขวัญให้ หวังหลินมีเจตนาแอบแฝงแต่โจวหวู่ไท่ตระหนักได้ทันทีและยอมแพ้เขตแดนข้ามผ่านกาลเวลาเพื่อรักษาเขตแดนปัจจุบันของเขาเอาไว้ หวังหลินหายากที่จะพบเจอคนเช่นนี้
เขายิ้มและพยักหน้า “หากเป็นเช่นนั้นข้าก็จะไม่กวนท่านอีก” สิ้นคำเขาหยิบหินหยกและตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณ จากนั้นวางไว้ด้านข้างอย่างสงบนิ่ง
โจวหวู่ไท่ฝืนสายฟ้าให้เคลื่อนห่างจากไม้แกะสลักโดยไม่เต็ใจ ใบหน้ามืดหม่นพลันพูดขึ้น “พี่หวังห ท่านรู้อะไรเกี่ยวกับหิมะครั้งนี้ไหม?”
หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อย เขามองไปที่ไหเหล้าในมือและเอ่ยว่า “หิมะนี้ไม่ได้มาจากธรรมชาติ…”
ดวงตาโจวหวู่ไท่เรืองแสงขึ้น เขาเอ่ยว่า “ถูกต้อง มีเจตนาฆ่าฟันข้างในหิมะ ตอนนี้ทั้งพันธมิตรสี่สำนักปกคลุมอยู่ในหิมะ เช่นนั้นเจตนาฆ่าฟันจึงหนาแน่นมาก”
ใบหน้าหวังหลินยังคงเหมือนเดิมราวกับเรื่องนี้ไม่มีสิ่งเกี่ยวข้องกับเขา เขาเพียงฟังอย่างเงียบๆเท่านั้น
โจวหวู่ไท่มองหวังหลินและพูดต่อ “ผู้อาวุโสหลายคนของพันธมิตรสี่สำนักออกไปตรวจสอบแล้ว ที่เหนือท้องฟ้าสูงไปหนึ่งหมื่นลี้ พวกเขาพบรอยแยกเคลื่อนย้ายทางเดียวจากเซียนของเฉว่ยี่ซ่อนไว้โดยใช้กฎเกณฑ์”
“เหล่าเซียนของเฉว่ยี่?” เป็นครั้งแรกที่หวังหลินได้ยินเรื่องนี้
โจวหวู่ไท่สูดหายใจลึก “เฉว่ยี่เป็นแคว้นอันดับสี่อีกแห่งหนึ่ง พวกเขาอยู่ขอบทิศเหนือของทวีป พื้นที่นั้นปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและหิมะ การฝึกฝนพวกเขาก็เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้นเมื่อเฉว่ยี่โจมตีแคว้นอื่น พวกเขาจะใช้รอยแยกเคลื่อนย้ายทางเดียวนี้เพื่อปกคลุมทั้งแคว้นด้วยหิมะก่อนและจึงค่อยโจมตี”
หลังโจวหวู่ไท่พูดจบ เขาสะบัดแขนและประตูร้านเปิดออก เขายื่นมือออกไปและคว้าบอลหิมะจากนั้นน้างผนึกขึ้นมา บอลไฟปรากฎพร้อมกับปลดปล่อยคลื่นความร้อน
“พี่หวังโปรดดู!”
เขากดบอลหิมะและบอลไฟเข้าด้วยกัน เปลวไฟส่งเสียงฟู่เล็กน้อยจากนั้นก็มอดดับโดยที่หิมะยังไม่ได้ละลายเลย
หวังหลินตกตะลึงทันทีราวกับไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดคิด
“หิมะนี้ไม่สามารถละลายได้…เมื่อทั้งอาณาเขตของพันธมิตรสี่สำนักปกคลุมอยู่ในหิมะนี้จนกลายเป็นพื้นที่ราบ นั่นจะเป็นตอนที่เฉว่ยี่จะเข้าโจมตี!” น้ำเสียงโจวหวู่ไท่เริ่มมืดหม่นมากกว่าเดิม
หวังหลินขบคิด
โจวหวู่ไท่ถามอย่างตรงไปตรงมา “พี่หวัง ข้ามาที่นี่วันนี้เพื่อเป็นตัวแทนพันธมิตรสี่สำนักเพื่อเชิญชวนท่านให้เข้าร่วมกับเรา ด้วยระดับฝึกฝนของท่าน เมื่อท่านเข้าร่วม ความแข็งแกร่งของพันธมิตรสี่สำนักจะเพิ่มขึ้นมหาศาล!”
หวังหลินมองเขาและเอ่ยช้าๆ “ข้าเป็นเพียงเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดต่ำต้อยเท่านั้น มีเซียนจำนวนมากที่มีระดับสูงส่งมากกว่าข้าในพันธมิตรสี่สำนัก เช่นนั้นข้าไม่ได้ทำให้เกิดผลกระทบมากหรอก”
โจวหวู่ไท่ยิ้มบูดเบี้ยว เขาส่ายศีรษะและเอ่ยว่า “พี่หวังอย่าประเมินตนเองต่ำไป ด้วยระดับฝึกฝนปัจจุบันของท่าน เพียงอีกไม่กี่ปี เมื่อท่านบรรลุขั้นตัดวิญญาณ พันธมิตรสี่สำนักจะได้เซียนขั้นตัดวิญญาณเพิ่มอีกคน นั่นเป็นเหตุผลหลักที่ข้ามาที่นี่วันนี้”
หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อยจากนั้นถามขึ้นทันที “ทำไมเซียนของเฉว่ยี่จึงเริ่มทำสงครามกับพันธมิตรสี่สำนัก?”