287. เกิดใหม่
นอกจากนั้นเมื่อเซียนคนหนึ่งสร้างวิญญาณเซียนของคนเอง พวกเขาจะได้สิทธิ์ต่อสู้กับสวรรค์ สิทธิ์นี้มีคุณค่ามากนักแต่มันไม่พอ การต่อสู้กับสวรรค์นั้นคนผู้หนึ่งต้องเข้าใจสวรรค์และวงจรของการเกิดใหม่
มีเพียงหลังจากเข้าใจกฎแห่งสวรรค์ได้เท่านั้นถึงจะสามารถหาทางท้าทายสวรรค์ได้ เรื่องแบบนี้ลึกลับมาก ไม่ว่าคนผู้หนึ่งเข้าใจหรือไม่เข้าใจ
หากไม่สามารถรู้แจ้งสวรรค์ได้ ไม่ว่าจะดูดซับพลังปราณไปมากเท่าไหร่ก็จะอ่อนแอเสมอ ราวกับยื่นอาวุธให้กับเด็กน้อย หากไม่สามารถกวัดแกว่งได้มันก็ไร้ค่าอยู่ดี
หากใช้มันด้วยกำลัง แม้จะสามารถทำอันตรายต่อศัตรูได้แต่พวกเขาก็ทำตัวเองบาดเจ็บเช่นกัน
รู้แจ้งสวรรค์และการได้รับเขตแดนเป็นสิ่งที่ทำให้เด็กน้อยกวัดแกว่งอาวุธได้ และเป็นหนทางเดียวที่จะได้รับความสามารถในการควบคุมพลังเช่นนั้น
มีเพียงหลังจากรู้แจ้งสวรรค์เท่านั้นจึงจะสามารถใช้พลังนี้ราวกับเป็นของตนเองได้
ซึ่งทำให้ด่านนี้เรียกกันว่าขั้นตัดวิญญาณ
เมื่อคนผู้หนึ่งได้รับความแข็งแกร่งในการใช้พลังนี้ พวกเขาจะเหนือกว่าคนทั่วไปและเซียนคนอื่นๆมากนัก พวกเขามีตัวตนเหนือเหล่ามนุษย์เพราะมีวิญญาณเซียนเช่นนี้
ทว่าวิญญาณนี้ไม่ได้มีรูปแบบทั่วไปตามที่บันทึกไว้ มันเป็นสภาวะของความคิด การเปลี่ยนแปลงจิตใจ ซึ่งเป็นขอบเขตที่ลึกลับอย่างยิ่ง
ขอบเขตนี้คล้ายคลึงกับวิญญาณในบันทึกและนั่นทำให้ขั้นตัดวิญญาณเกิดขึ้นมา
แต่การมีแค่พลังนับว่าไม่เพียงพอ แม้เด็กน้อยจะมีความแข็งแกร่งจนใช้พลังนี้ได้ มันก็ไม่สามารใช้ได้นาน ซึ่งเกิดวิญญาณดั้งเดิมขึ้นมา
เมื่อเด็กน้อยเติบโตขึ้นก็จะเก็บพลังได้มากขึ้นโดยธรรมชาติ สิ่งนี้คือวิญญาณดั้งเดิม
การสร้างวิญญาณดั้งเดิมขึ้นมา คนผู้นั้นต้องมีเขตแดนและสัมผัสวิญญาณ เมื่อรวมเข้าด้วยกันกับวิญญาณแรกกำเนิดและนั่นถึงจะถือกำเนิดวิญญาณใหม่
นั่นคือวิญญาณดั้งเดิม!
พลังที่สามารถใช้ได้คือพลังของสวรรค์ เหล่าเซียนขั้นตัดวิญญาณสามารถใช้พลังแห่งสวรรค์ได้ซึ่งเป็นสิ่งที่เซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดไม่สามารถใช้ได้
พลังอำนาจของสวรรค์คือเขตแดนซึ่งขึ้นอยู่กับการรู้แจ้งสวรรค์และพวกเขาจะแสดงอำนาจของพลังได้แตกต่างกัน
ขณะนี้ที่หวังหลินเข้าใจทุกสิ่งอย่าง เขามองไปบนพื้นดินเบื้องหน้าอย่างแช่มช้า หลังผ่านไปสักพักวิญญาณดั้งเดิมของเขาจมดิ่งลงอย่างช้าๆ
วิญญาณดั้งเดิมของเขากลับเข้าไปในถ้ำและเข้าไปในหน้าผาก จนในที่สุดมันก็รวมกับร่างกายเขาเข้าด้วยกัน
ขณะนี้พลังปราณในร่างหวังหลินทั้งหมดหายไปและรวมเข้ากับวิญญาณดั้งเดิมของเขา
เวลาผ่านไปอีกพักใหญ่หวังหลินลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ในแววตาคู่นี้ราวกับสายตาของเด็กเกิดใหม่ที่มีเพียงสีขาวและดำ แฝงกลิ่นอายเข้าไปด้วย
หวังหลินสูดหายใจลึกและยกฝ่ามือขวาขึ้น เขาคว้าจับอย่างลวกๆและรอยแยกในอากาศปรากฎขึ้น ลมเย็นพัดออกมาจากรอยแยกที่ดูเหมือนปัดเป่าชีวิตออกไปได้
ก่อนหน้านี้หวังหลินสามารถทำได้แค่เปิดรอยแยกในอากาศแบบนี้ในดินแดนเทพโบราณเท่านั้น ไม่เช่นนั้นแม้เขาต้องใช้พลังปราณทั้งหมดในร่างกายก็แทบไม่ประสบความสำเร็จ
อากาศหนาวเย็นนี้คือสายลมชีวิตที่กำลังมอดดับจากพื้นที่ว่างเปล่า เหล่าเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดทำได้เพียงแค่อดทนต่อต้านมันแต่สำหรับเซียนขั้นพื้นฐานลมปราณต้องอยู่ห่างไกลมากเว้นแต่จะมีสมบัติที่สามารถต่อต้านได้เท่านั้น
ก่อนหน้านี้หวังหลินสามารถต่อต้านมันได้แต่เขายังรู้สึกอึดอัดมากนัก ทว่าหากเข้าไปข้างในหวังหลินจะไม่สามารถทนฝืนมันได้
นี่เป็นเหตุผลที่เมื่อคนที่ต่อสู้เปิดรอยแยกออกมาเพื่อหนีไป เขาจะไม่กล้าไล่ตามเข้าไป
อากาศหนาวเย็นนี้ไม่มีผลต่อหวังหลินอีกต่อไปแล้ว แม้ทั้งร่างกายของเขาจะเข้าไปในรอยแยก มันจะไม่ทำอันตรายเขาอีกเลย
หวังหลินยิ้มเบาบางขณะที่ฝ่ามือขวาเข้าไปในรอยแยกอย่างช้าๆ เมื่อถอนมือออกมาพลันมีจุดแสงอยู่บนนั้น
ขณะที่มองจุดแสงนี้ หวังหลินบดขยี้พวกมันหลังจากที่ครุ่นคิดไปสักพัก
เขายืนขึ้นและเดินไปเบื้องหน้าขณะที่หินผนึกถ้ำเปิดออกมาเสียงดัง
ขณะที่เดินออกมาจากถ้ำ เขาเห็นศิษย์ทั้งหมดของซวนต้าวคุกเข่าบนพื้นดินและมองมาทางเขา แม้แต่เซียนใกล้เคียงที่ไม่ได้มาจากสำนักซวนต้าวยังอยู่ที่นี่ พวกเขาคุกเข่าลงเช่นกัน
สายตาหวังหลินกวาดผ่านทุกคนในชั่วขณะ เขาเห็นผู้คนมากมายที่เขารู้จัก ทันใดนั้นสายตาจดจ้องไปบนชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง
เมื่อหวังหลินเห็นเขาพลันยิ้มเบาบางออกมา หลังจากมองคนผู้นี้อย่างละเอียด รอยยิ้มยิ่งกว้างขึ้น
หวังหลินพึมพำกับตัวเอง “สี่สิบปีในการบรรลุขั้นพื้นฐานลมปราณระดับปลาย ยอดเยี่ยมมาก!”
ชายวัยกลางคนชุดคลุมสีขาวจ้องหวังหลินพลันเผยใบหน้าสับสน เขารู้สึกราวกับรู้จักคนผู้นี้แต่ไม่ว่าจะนึกยังไงก็นึกไม่ออก
เมื่อเขาเห็นว่าคนผู้นี้มองมาหาเขา พลันสัมผัสบางสิ่งได้ทันที ราวกับมีสิ่งที่อยู่ในตัวเขาตื่นขึ้น ภาพหนึ่งกระพริบผ่านในความคิดมันเหมือนกับเขาเคยอยู่ในสำนักเดียวกับคนผู้นี้
แต่เขาส่ายศีรษะทันทีขณะที่คิดเรื่องราวบ้าๆนี้ขึ้น เขาสูดหายใจลึกและก้มศีรษะลงต่ำทันที
ขณะนั้นเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดผู้แก่ชราเคลื่อนออกมาข้างหน้า เขาคุกเข่าลงหน้าหวังหลินและเอ่ยถามน้ำเสียงสั่นเครือ “ผู้อาวุโสมาจากแคว้นจ้าวใช่ไหม?”
เมื่อประโยคคำถามนี้เอ่ยออกไป เซียนทั้งหมดรายรอบต่างกุมลมหายใจของคนเอง สายตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับจ้องไปที่หวังหลิน แม้กระทั่งชายวัยกลางคนก็ยกศีรษะขึ้นและมองเข้าหาหวังหลินอีกครั้ง
รูปโฉมของหวังหลินในตอนนี้ไม่แตกต่างจากเมื่อก่อนเลย แต่กลิ่นอายรอบตัวเขาแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นจึงไม่มีผู้คนจดจำได้ว่าเป็นเขา แม้จะนึกออกก็ไม่กล้าพูดออกมาเสียงดัง
สำหรับแคว้นอันดับสามที่จะกลายเป็นแคว้นอันดับสี่นั้น พวกเขาจำเป็นต้องมีเซียนขั้นตัดวิญญาณที่เกิดในแคว้นแห่งนั้น แคว้นเซียนอันดับสี่มีวิชาเพื่อเอาไว้ยืนยันเรื่องนี้ วิชานี้มาจากแคว้นซูซาคุดังนั้นไม่ว่าระดับฝึกฝนจะสูงกว่าเซียนของแคว้นซูซาคุ มันก็ยากที่จะหลอกได้
และส่วนสำคัญที่สุดก็คือเซียนขั้นตัดวิญญาณคนนั้นต้องอาศัยในแคว้นแห่งนี้เป็นเวลาหนึ่งร้อยปีก่อนที่จะรายงานให้เป็นแคว้นอันดับสี่เพื่อได้รับอันดับใหม่
เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าหวังหลินไม่ยอมรับเงื่อนไขนี้ หลังได้ยินประโยคของชายชรา หวังหลินครุ่นคิดเป็นเวลานานและพูดขึ้น “ข้ามาจากแคว้นแห่งนี้แต่ไม่สามารถพักอยู่ได้ถึงหนึ่งร้อยปี ขออภัยด้วย”
ร่างชายชราสั่นเทาและเขาเผยใบหน้าผิดหวัง เซียนรอบๆทั้งหมดต่างมีใบหน้าเดียวกัน
เมื่อคาดหวังสูงเกิน ความผิดหวังก็สูงตามไปด้วย
หวังหลินถอนหายใจ ฝ่ามือขวาคว้าไปในอากาศสจากนั้นบอลแสงสิบลูกปรากฎขึ้น เขาโยนพวกมันออกมาและบอลแสงสิบลูกร่อนลงบนเซียนสิบคนที่แตกต่างกัน
ร่างเซียนทั้งสิบคนสั่นสะท้านและเผยใบหน้าเจ็บปวดออกมาแต่ความเจ็บปวดนี้ไม่คงอยู่นานนัก หลังประคองลมหายใจได้พวกเขาเผยใบหน้าแห่งความปิติยินดี
ชายวัยกลางคนชุดคลุมสีขาวก็เป็นหนึ่งในนั้น
หวังหลินพูดด้วยความสงบนิ่ง “ข้าไม่สามารถพักได้แต่ข้าได้ทิ้งเมล็ดวิญญาณทั้งสิบไว้ แม้พวกเขาจะไม่สามารถฝึกฝนได้ง่ายขึ้น แต่เมื่อท่านบรรลุขั้นวิญญาณแรกกำเนิดระดับปลายแล้ว ข้าจะรู้โดยทันทีและมาสอนพวกเจ้า!” หลังพูดจบหวังหลินมองชายวัยกลางคนชุดคลุมสีขาวอีกครั้งและยิ้มบางๆออกมา
เมล็ดวิญญาณที่เขาให้ชายวัยกลางคนนั้นแตกต่างจากคนอื่นๆ มันบรรจุพลังที่จะช่วยชีวิตเขาไว้ได้สามครั้ง
เมล็ดวิญญาณเหล่านี้คือสิ่งที่เซียนขั้นตัดวิญญาณสร้างขึ้นโดยใช้พลังแห่งสวรรค์ มูลค่าของมันเหนือจินตนาการนัก
ขณะที่ชายวัยกลางคนจ้องไปที่หวังหลิน สัมผัสความคุ้นเคยในใจเขายิ่งรุนแรงขึ้นแต่ขณะที่กำลังจะนึกออกพลันเจ็บศีรษะทันที ความเจ็บนี้รุนแรงเกินกว่าเขาจะรับได้ราวกับสมองจะระเบิด พลังอ่อนโยนออกมาจากเมล็ดวิญญาณและความเจ็บปวดหายไป
ร่างกายเขาสั่นเทาและปกคลุมไปด้วยเหงื่อ
น้ำเสียงอ่อนโยนพูดขึ้นในสมองเขา “ไม่ต้องคิดอีกต่อไปแล้ว เมื่อเจ้าบรรลุขั้นวิญญาณแรกกำเนิดได้ เจ้าจะจดจำทุกสิ่งในอดีตได้เอง หากเจ้ารู้ตอนนี้มันจะนำพาความเจ็บปวดมาให้”
ร่างกายเขาสั่นเทา เมื่อยกศีรษะขึ้นเขารับรู้ได้ว่าหวังหลินยิ้มเบาบางมาที่เขา
หวังหลินสูดหายใจลึกและมองไปที่พื้นดินเบื้องหน้า เว้นแต่จะเกิดเรื่องพิเศษ เขาจะไม่กลับมาแคว้นจ้าวจนกว่าจะมีคนบรรลุขั้นวิญญาณแรกกำเนิดระดับปลาย
ร่างหวังหลินขึ้นบนอากาศอย่างช้าๆและหายไปในท้องฟ้า บนพื้นดินเซียนทั้งหมดเงยศีรษะตนเองขึ้นและเผยใบหน้าตั้งมั่น โดยเฉพาะชายวัยกลางคน
“ข้าจะบรรลุขั้นวิญญาณแรกกำเนิด! ข้าต้องทำให้ได้!”
ขณะนี้เองสิ่งของหนึ่งหล่นลงจากท้องฟ้า ทุกคนมองมันและนึกออกทันทีว่ามันคือไม้แกะสลัก ไม้แกะสลักหล่นลงบนยอดภูเขาและรวมเข้าด้วยกัน ทันใดนั้นภูเขาแห่งนี้สัมผัสได้ว่ามันมีพลังปราณเต็มเปี่ยม
เสียงหนึ่งดังออกมาไกล “ของสิ่งนี้จะสามารถช่วยแคว้นจ้าวจากการรุกรานของแคว้นอันดับสามได้ทั้งหมดสามครั้ง พึงระวังไว้ด้วย…”
ตอนจบอันน่าเศร้าของพันธมิตรสี่สำนักที่อยู่ในใจหวังหลินทำให้เขาทำสิ่งสุดท้ายต่อแคว้นจ้าว
ในตอนหนึ่งอีกไม่กี่ร้อยปีข้างหน้า ไม้แกะสลักชิ้นนี้จะช่วยแคว้นจ้าวจากการรุกราน เซียนที่รุกรานได้ผลักแคว้นจ้าวให้ถึงขีดจำกัดทำให้เซียนของแคว้นจ้าวทั้งหมดเข้ามาคุกเข่าเบื้องหน้าไม้แกะสลักนี้
ภูผาเปล่งประกายเบื้องหน้าเซียนผู้รุกรานทั้งหมด ทำให้ท่าทีแต่ละคนเปลี่ยนไป…
เมื่อแสงหายไป เซียนที่รุกรานทั้งหมดจบชีวิตลงทันที…