Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 290

Cover Renegade Immortal 1

290. ธงกฎเกณฑ์

ชายชราตบตีเต่ามังกรและส่งเสียงร้องไปที่เศษหินแตกกระจายของพื้นที่ดาราล่มสลาย

แม้ว่ามันจะเงียบสงัด ทว่าวงแหวนถูกดันเข้าไปและเศษหินเลื่อนออกเป็นทาง

ชายชรากระโดดไปบนแขนของเต่ามังกร เต่ามังกรสูดหายใจลึกและพลังปราณรอบกายทั้งหมดถูกดูดเข้าไปในปากของมัน

จากนั้นมันส่งเสียงร้องคำรามออกมาอีกครั้ง ครานี้คลื่นเสียงพุ่งเข้าไปกระแทกผ่านวงแหวน อุโมงค์กว้างร้อยเมตรปรากฎขึ้นข้างในและเศษหินทั้งหมดกลายเป็นฝุ่นผง

ดวงราหวังหลินส่องสว่างขึ้น เขาประหลาดใจพลังของอสูรตัวนี้แต่ไม่ได้กลัวมันนักหากต้องต่อสู้กันขึ้นมาจริงๆ นอกเหนือจากนั้นจากสิ่งที่เขาเห็น การโจมตีของมันเป็นแนวตรงและด้วยการต่อสู้ของหวังหลิน เขาจะปล่อยให้มันโจมตีรูปแบบนี้ได้อย่างไรเล่า?

ชายชราพุ่งออกไปตามเสียงคำรามดุจลูกธนูออกจากแล่ง ในพริบตาเขาก็เข้าใกล้วงแหวนในระยะหนึ่งร้อยเมตร เศษหินในวงแหวนก่อตัวเป็นร่างโคลนของชายชราทันที

ชายชราไม่ได้ตื่นตระหนก เขาตบกระเป๋าและหินหยกมากกว่าสิบชิ้นลอยออกมา หินหยกหมุนวนรอบชายชราและพุ่งออกไปหาร่างโคลนขณะที่มันพุ่งเข้าใส่เขา

หินหยกแต่ละชิ้นพุ่งเข้าหาร่างโคลน จากนั้นมันระเบิดกลายเป็นฝุ่นควันลึกลับและกลายเป็นร่างโคนชายชราเล่นกัน

ฉากเหตุการณ์ในวงแหวนดาราล่มสลายกลายเป็นโกลาหลมาก

ชายชราใช้ร่างโคลนที่สร้างจากหินหยกเพื่อป้องกันร่างโคลนที่สร้างจากเศษหิน จากนั้นใช้จังหวะเดียวกันนี้เพื่อพุ่งผ่านพื้นที่ดาราล่มสลายเข้าไป

ขณะที่เขาผ่านพ้นไป ร่างโคลนทั้งหมดที่สร้างจากหินหยกหายไปอย่างเงียบๆ ร่างโคลนทั้งหมดที่สร้างจากเศษหินกู่ร้องคำรามพร้อมกับหายวับไปเช่นกัน

ชายชราหันกลับมาและมองหวังหลินที่อยู่ข้างนอกวงแหวน เขาพ่นลมหายใจและสะบัดแขน เต่ามังกรหดเล็กจนเหลือเพียงแค่จุดสีดำลอยเข้าหาเขา

ทว่าพื้นที่ดาราล่มสลายไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อแสงสีดำนั้นเลย ยอมให้มันบินผ่านเข้าหาชายชราก่อนจะเปลี่ยนกลับเป็นเต่ามังกร

ชายชรากระโดดขึ้นบนหลังอสูรและเข้าไปลึกขึ้น

สายตาหวังหลินสว่างขึ้น เขาไม่ได้ลุกขึ้นในทันทีแต่ว่ารออย่างเงียบๆ

การรอนี้ผ่านเป็นเวลาเจ็ดวัน ส่วนอสูรยุง หวังหลินไม่ได้นำมันกลับใส่ในกระเป๋าแต่ให้ตะลอนไปรอบๆแทน เดิมทีอสูรตัวนี้มาจากทะเลปิศาจ ตอนนี้มันกลับมาที่บ้าน มันจึงผ่อนคลายอย่างมาก

หลังผ่านไปเจ็ดวันร่างเต่ามังกรปรากฎอีกครั้งพร้อมกับชายชราที่นั่งข้างบน นอกจากเขายังมีแสงสีทองบางๆจำนวนเจ็ดจุดเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

แต่ทุกครั้งที่พวกมันพยายามหลบหนีจะมีม่านแสงป้องกันเส้นทางไว้

ชายชรามองหวังหลินด้วยใบหน้าตกใจ แต่เขาไม่ได้พูดสิ่งใดและออกจากพื้นที่ดาราล่มสลายในเส้นทางเดียวกันที่เข้าไป หลังจากออกมาแล้ว เขายิ้มและยกมือขึ้นคว้าไปที่หนึ่งในเส้นสีทองและโยนมันไปที่หวังหลิน “สหายเซียน ข้าจะให้อัคคีแสงอุษาเจ้าเส้นนึง”

แสงสีทองเคลื่อนไหวเข้าหาหวังหลินราวกับสายฟ้า มันห่างจากหวังหลินไกลมากแต่จังหวะถัดไปมันก็อยู่เบื้องหน้าหวังหลินแล้ว

ใบหน้าหวังหลินสงบนิ่งขณะที่มือขวาคว้าจุดในอากาศ เขตแดนชีวิตและความตายกระตุ้นขึ้นในวิญญาณเขาทันที เขตแดนเพ่งสมาธิไปที่การเปลี่ยนแปลงของมัน หลังจากนั้นวัฎจักรชีวิตได้เปลี่ยนแปลงจากหนึ่งไปอีกสิ่งหนึ่ง

เส้นสีทองชะลอตัวลงทันทีและหมุนวนรอบนิ้วหวังหลินอย่างเชื่อฟัง

หวังหลินพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “การปฏิเสธคงไม่สุภาพนัก”

แววตาชายชราส่องแสงขึ้น ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าหวังหลินเป็นเซียนขั้นตัดวิญญาณ อัคคีแสงอุษาควรจะกลืนกินวิญญาณแรกกำเนิดของหวังหลินแต่มีเพียงแค่การสร้างวิญญาณดั้งเดิมเท่านั้นที่สามารถรับมือได้อย่างปลอดภัย

ชายชราเผยรอยยิ้มอย่างซุกซน “เมื่อเจ้าไม่ต้องการตั้งกลุ่มขึ้น ข้าขอตัวก่อน” ชายชราตบอสูรเบื้องล่างและควันสีแดงรวบรวมอีกครั้งพร้อมกับจากไป

หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อย พลันยืนขึ้นและมองเส้นสีทอง แต่ขณะนั้นอสูรยุงปรากฎเบื้องหน้าและเริ่มจ้องไปที่เส้นสีทองนี้ แววตาของมันเผยความหวาดกลัวแต่ก็โลภเช่นกัน

ราวกับมันต้องการกินแต่ไม่กล้าทำเช่นนั้น

หวังหลินประหลาดใจขณะมองเส้นสีทองอย่างเชื่อฟังรอบๆนิ้ว จากนั้นถามเจ้าอสูรยุง “สิ่งนี้มีประโยชน์กับเจ้าหรือ?”

อสูรยุงต่อสู้กับตัวเองก่อนจะพยักหน้าด้วยศีรษะใหญ่ของมันเบาๆ แต่จากนั้นก็เผยร่องรอยความหวาดกลัว

หวังหลินกระตุ้นเขตแดนส่วนความตายและล้อมรอบเส้นสีทอง แสงหนึ่งปรากฎรอบเส้นสีทองจากนั้นกระจายออกและหมองลงจนประคองตัวเองไม่ได้

อสูรยุงเผยใบหน้ายินดีขณะที่หวังหลินโยนเส้นสีทองเข้าหามันและทั้งสองปะทะกัน

ทันใดนั้นเส้นสีทองสั่นสะท้านและเข้าไปในหัวอสูรยุง

อสูรยุงร้องครางอย่างเจ็บปวดเล็กน้อยขณะที่มันหล่นลงบนพื้นและเริ่มแข็งขืนแต่ในแววตาของมันเผยความยินดี

หวังหลินประหลาดใจอย่างมากขณะจ้องอสูรยุง ผ่านไปสามชั่วโมงเจ้าอสูรยุงก็หยุดต่อสู้ เสียงป๊อปดังออกมาจากร่างกายของมันและมันขยายขนาดขึ้น

อสูรยุงตอนนี้มีสูงสามสิบเมตรและถือได้ว่าเป็นเนินเขาย่อมๆไปแล้ว

งวงของมันยาวขึ้นจนทำให้มันน่ากลัวขึ้นไปอีก

ความจริงแล้วอัคคีแสงอุษานี้คือวัตถุดิบสำหรับหลอมสมบัติที่เซียนขั้นตัดวิญญาณสามารถรับมือได้เท่านั้นเนื่องจากมันกลืนกินวิญญาณแรกกำเนิดเพื่อเติบโต อสูรธรรมดาจะห่างไกลจากอัคคีแสงอุษามากนัก

แต่อสูรยุงตัวนี้ได้ติดตามหวังหลินมาจนถึงตอนนี้และหลังจากกลืนกินเม็ดยาไปหลายชนิดมันจึงได้เปลี่ยนจากอสูรวิญญาณระดับต่ำไปเป็นอสูรวิญญาณระดับกลางซึ่งเทียบเท่ากับเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดระดับปลาย

เดิมทีแล้วอสูรยุงไม่สามารถหลอมรวมกับเส้นสีทองได้แต่หลังจากมันอ่อนแอลงด้วยเขตแดนของหวังหลิน จึงถูกอสูรตัวนี้ดูดซับไปและเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้น

หวังหลินยืนขึ้นและตบอสูรยุง เจ้าอสูรรับรู้และกลับเข้าไปในกระเป๋าของหวังหลิน

หลังจากเวลาผ่านไปช่วงสั้นๆหวังหลินก็ได้ผ่านวงแหวนของดาราล่มสลาย เขาสามารถผ่านมาง่ายๆโดยที่เขามีระดับขั้นแกนลมปราณ

ต้องขอบคุณเขตแดนชีวิตและความตายของเขาจึงสามารถทำให้ระดับฝึกฝนดูอ่อนแอกว่าความเป็นจริง ดังนั้นร่างโคลนจึงสร้างตัวที่อ่อนแอมากๆเช่นกัน

ขณะที่เดินผ่านวงแหวนไป หวังหลินไม่หยุดและรีบผ่านเข้าไปที่ทางเข้าดินแดนเทพโบราณอย่างรวดเร็ว

หวังหลินใช้เวลาไม่นานก็มาถึงทางเข้า แต่ก่อนที่จะก้าวเข้าไป อสูรยุงลอยออกมา มันหมุนรอบหวังหลินสองสามครั้งก่อนจะคำรามไปที่ทางเข้าและมองหวังหลินด้วยใบหน้าอ้อนวอน

สัมผัสวิญญาณของหวังหลินกระจายออกมาและพบรอยแยกเล็กๆอยู่ห่างไกล เส้นสีทองออกมาจากรอยแยกปลดปล่อยแสงเจิดจ้า

เมื่อเห็นสิ่งนี้หวังหลินจึงเข้าใจและหัวเราะ “อะไรนะ? เส้นเดียวไม่พอ?”

อสูรยุงพยักหน้าอย่างรวดเร็วและพยายามอ้อนวอนหวังหลินด้วยการลูบงวงของมันบนตัวเขา หากใครมาเห็นฉากนี้คงหวาดกลัวและไม่ยอมให้งวงนั้นมาแตะต้องตามต้องการได้

หวังหลินยิ้มขณะมองเส้นสีทองไกลๆและเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องรีบ ให้ข้าผนึกรอบๆด้วยกฎเกณฑ์ เช่นนั้นจะไม่มีใครสามารถก่อกวนเราได้ แล้วหลังมารวบรวมมันให้เจ้าทีหลัง”

ขณะที่หวังหลินพูด ฝ่ามือเคลื่อนไหวต่อเนื่องจนกฎเกณฑ์นับไม่ถ้วนปรากฎออกมา กฎเกณฑ์พวกนี้แตกต่างจากตอนที่เขามีระดับขั้นวิญญาณแรกกำเนิดอย่างมาก

ก่อนหน้านี้กฎเกณฑ์พวกนี้เพียงแค่ทรงพลัง แต่ตอนนี้พวกมันบรรจุเขตแดนของเขาไปด้วยทำให้พลังแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า

กฎเกณฑ์พวกนี้กระจายออกอย่างรวดเร็วและในไม่ช้าค่ายกลกฎเกณฑ์ขนาดใหญ่ปกคลุมพื้นที่หลายร้อยเมตร

หลังทำเรื่องทั้งหมดนี้จบลง หวังหลินก็มาถึงตำแหน่งที่มีเส้นแสงสีทอง

ขณะนี้เองเส้นแสงสีทองดูเหมือนจะรับรู้และรีบถอยอย่างรวดเร็ว ในพริบตาเกือบทั้งหมดก็หายกลับเข้าไปข้างใน

อสูรยุงตื่นตระหนกและเริ่มร้องคำรามแต่ไม่กล้าขยับเคลื่อนไหว มันเพียงแต่มองหวังหลิน

สายตาหวังหลินสว่างขึ้นจากนั้นยื่นมือออกไป เขากำเส้นแสงสีทองและดึงมันกลับมา เส้นแสงสีทองถูกหวังหลินดึงมาและพยายามหลบหนีอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน

เขตแดนแห่งความตายกระตุ้นอย่างรวดเร็วและเส้นสีทองสลัวลง เขาโยนเข้าไปในอากาศและอสูรยุงหลอมรวมเข้าด้วยกัน

ขณะนี้เองรอยแยกที่เส้นสีทองออกมาได้เริ่มหดลง เมื่อเห็นว่ามันกำลังจะหายไป หวังหลินนั่งลง วิญญาณดั้งเดิมลอยออกมาและรีบเข้าไปในรอยแยก

ขังหวะที่วิญญาณของเขาเข้าไปในรอยแยก สายตาเขาพร่ามัวด้วยแสงสีทอง หวังหลินเห็นร่างยักษ์ที่ปลดปล่อยแสงสีทองพร่ามัวและมีเส้นสีทองนับไม่ถ้วนล้อมรอบภายในมิติแห่งนี้

โดยไม่ต้องเอ่ยคำพูด หวังหลินคว้าเส้นสีทองหนึ่งกำมือและเก็บมันในวิญญาณดั้งเดิมก่อนจะออกผ่านรอยแยกอย่างรวดเร็ว

จังหวะที่วิญญาณดั้งเดิมออกมาจากรอยแยก รอยแยกก็ได้ปลดลง เส้นสีทองสิบกว่าเส้นในมือสลัวลงภายใต้พลังของเขตแดนแห่งความตาย จากนั้นเขาโยนพวกมันเข้าหาอสูรยุง

เจ้าอสูรยุงเผยใบหน้าตื่นเต้นแต่เส้นแสงสีทองจำนวนมากนี่ไม่สามารถกลืนกินได้ในครั้งเดียว หวังหลินใส่เขตแดนแห่งความตายเล็กน้อยลงบนเส้นสีทองดังนั้นมันจึงอยู่ในสภาวะเช่นนี้ “เจ้าค่อยๆกินมันที่นี่ ข้าจะเข้าไปท่องเที่ยวในดินแดนเทพโบราณ”

สิ้นคำร่างกายหวังหลินหายไป ปรากฎตัวอีกครั้งที่ทางเข้าดินแดนเทพโบราณ หลังสูดหายในลึก แววตาสว่างขึ้น เขากัดฟันแน่นและในที่สุดก็เอ่ยประโยคในลิ้นของเทพโบราณขะที่สร้างผนึกในฝ่ามือไปด้วย ทันใดนั้นร่างเขาเป็นภาพเบลอและหายไปทันที

หวังหลินปรากฎตัวเหนือเสาหินที่กำลังหมุนในอุโมงค์มืดไร้ที่สิ้นสุดของบททดสอบแรก

หลังเข้ามาที่นี่หวังหลินรู้สึกเศร้าใจแต่เขาอยู่ในช่วงเร่งรีบ จึงนั่งลงทันทีและส่งกฎเกณฑ์จำนวนมาก่อนจะนำหินหมึกออกมา

หวังหลินสูดหายใจลึกและวางกฎเกณฑ์โจมตีหนึ่งเข้าไปหลังจากนั้นก็นำหินหมึกอีกก้อนด้วยความเร่งรีบ

ขณะที่เวลาผ่านไปมีกฎเกณฑ์ถูกวางบนหินหมึกมากเรื่อยๆ

หลังเสร็จสิ้นขั้นตอนแรก หวังหลินนำธงวิญญาณออกมา เมื่อรวมทั้งสองเข้าด้วยกันหวังหลินจึงเริ่มหลอมรวมอย่างต่อเนื่อง

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ เขาหลอมรวมให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้

กฎเกณฑ์ร่อนไปบนธงทีละชิ้นและหลังจากเวลาผ่านไปโดยไม่รู้เวลาในที่สุดกฎเกณฑ์ 999 ชุดก็ได้วางลงไป เหลือเพียงอีกหนึ่งชุดเพื่อให้มันเสร็จสิ้นขั้นแรก

ขณะนี้เองหวังหลินเริ่มลังเล หากเขาเดาผิดและสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์โจมตีใส่ คงยากยิ่งเพื่อป้องกันธงนี้

เมื่อมันได้รับความเสียหาย เว้นแต่เขาจะมีหินหมึกอีก เขาคงต้องไปนำมาจากผืนที่ทิ้งไว้กับลี่มู่หวาน

หากเขาหยุดลงตอนนี้แม้ว่าธงกฎเกณฑ์จะอ่อนแอ มันก็ไม่แตกเสียหาย หากเขาใช้มันด้วยความระมัดระวังเช่นนั้นมันจะยังทำงานได้

หลังครุ่นคิดเล็กน้อย ดวงตาสว่างขึ้น หากธงกฎเกณฑ์นี้ไม่ได้บรรลุขั้นแรก เช่นนั้นมันจะอ่อนแอเกินกว่าที่จะใช้ทำอะไรได้ในดินแดนสวรรค์พิรุณ

หวังหลินกัดฟันแน่นขณะที่แขนขวาสร้างกฎเกณฑ์สุดท้ายและวางลงบนธงกฎเกณฑ์

ทันใดนั้นผืนธงสั่นไหวขณะที่ควันสีดำลอยออกมาตามมาด้วยกลิ่นอายดั้งเดิม หวังหลินตรวจสอบมันด้วยสัมผัสวิญญาณและตกใจ เขารู้ได้ว่าธงกฎเกณฑ์โจมตีอย่างเดียวนั้นทรงพลังมาก แต่หลังจากตรวจสอบจึงพบได้ว่ามันแข็งแกร่งกว่าเดิมมากกว่าสิบเท่าเมื่อเทียบกับผืนที่ไม่สมบูรณ์

เป็นผลให้ธงกฎเกณฑ์ผืนนี้คุกคามได้กระทั่งเซียนขั้นตัดวิญญาณ

กฎเกณฑ์ทั้งหมดหลอมรวมเป็นหนึ่งและหวังหลินสามารถเสียสละกฎเกณฑ์เก้าแบบเพื่อใช้ความสามารถทางวิญญาณของธงกฎเกณฑ์ได้

ความสามารถนี้ใช้ยับยั้งพลังปราณทั้งหมดในสวรรค์หรือกระทั่งพลังปราณภายในเหล่าเซียนได้ สร้างพื้นที่ไร้พลังปราณ ซึ่งทำให้ใครก็ตามที่อยู่ในระยะของมันจะสูญเสียความสามารถในการควบคุมพลังปราณเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เว้นแต่ว่าเซียนผู้นั้นจะมีปราณสวรรค์

ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้นขณะกำธงกฎเกณฑ์แน่น ความมั่นใจในการเข้าไปดินแดนสวรรค์ได้เพิ่มขึ้นมหาศาล

ส่วนสายฟ้าทันฑ์สวรรค์นั้นมันไม่เคยเข้ามา หวังหลินตื่นเต้นมากขณะที่รู้ว่าตัวเองเอาชนะการพนันนี้ได้

ร่างเทพโบราณมีดินแดนของตัวเองดังนั้นทัณฑ์สวรรค์จึงไม่สามารถรู้สึกถึงการคงอยู่ของธงกฎเกณฑ์ได้

เขาสูดหายใจลึกและดำเนินการวางกฎเกณฑ์ใส่เข้าไปอย่างต่อเนื่อง ทว่าหวังหลินไม่สามารถบรรลุขั้นที่สองได้เนื่องจากไม่มีกฎเกณฑ์โจมตีมากพอ ซึ่งนี่เป็นหนึ่งปัจจัยหลักของการสร้างธงกฎเกณฑ์รูปแบบเดียว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version