352. หุ่นเชิดรอยสัก
เพียงการชะงักครั้งนี้หวังหลินสัมผัสพลังรอบตัวเขาที่ลดลงได้ หวังหลินไม่ลังเลและเคลื่อนพริบตาทันที
ดวงตาผู้เฒ่าเผยแสงอันลึกลับและไล่ล่าตามหลังหวังหลิน
หวังหลินลอบถอนหายใจ แม้เขาจะปรับแต่งม้วนคัมภีร์เป็นเวลานานมากเขายังไม่รู้จะใช้มันเช่นไร ก่อนหน้านี้เขาไม่มีทางอื่นเพื่อต่อกรกับผู้เฒ่าคนนี้ซึ่งได้นำพาให้เขานำม้วนคัมภีร์ออกมากางออกและโยนเข้าไป
ทว่าผู้เฒ่าคนนั้นเพียงหยุดตอนที่เห็นม้วนคัมภีร์ซึ่งทำให้หวังหลินเปลี่ยนแปลง เขาใช้โอกาสนี้หลบหนีออกมา
“อุโมงค์สู่ชั้นแรกถูกขัดขวางดังนั้นมีอีกเส้นเดียวที่เหลืออยู่ แม้ว่ามันจะอันตรายมากแต่ก็ยังดีกว่ารอความตายที่นี่” หวังหลินกวัดแกว่งกระบี่สวรรค์กลางอากาศ
รอยแยกอวกาศหนึ่งปรากฎตำแหน่งที่กระบี่สวรรค์กวาดผ่านไป ข้างในดำมืดราวกับปากหลุมสีดำ
จังหวะที่รอยแยกอวกาศปรากฎมันเริ่มหดเล็กลง หวังหลินรีบเข้าไปข้างในรอยแยกทันที
เขาเข้าไปในรอยแยกในจังหวะที่ผู้เฒ่ามาถึง พลันพ่นลมหายใจและก้าวเข้าไปในรอยแยกเพื่อไล่ล่าหวังหลินต่อไป
จังหวะที่หวังหลินเข้าไปในรอยแยก สายลมรุนแรงปะทะกับร่างกาย มีสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนภายในสายลมและเมื่อพวกมันปะทะเข้ากับร่างเขา หวังหลินรู้สึกเจ็บไปทั้งร่างแม้กระทั่งวิญญาณดั้งเดิมยังกระพริบราวกับไฟในสายลม
แม้เขาจะรู้ว่ารอยแยกอวกาศมีอันตรายมากมาย หวังหลินยังรู้สึกตื่นตกใจ ทว่าอันตรายของจริงคือการหลงอยู่ในมิติว่างที่ไม่อาจค้นหาทางออกได้
มิติว่างที่นี่มีสายลมหนาวจนสามารถพัดวิญญาณดั้งเดิมให้มอดดับได้ สถานที่แห่งนี้มืดมิด หวังหลินไม่อาจเห็นสิ่งใดได้ชัดเจน
สายลมหนาวรุนแรงขึ้นและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หวังหลินรีบสัมผัสกระเป๋าและเข็มทิศดวงดาวปรากฎออกมา เขานั่งลงบนเข็มทิศดวงดาวและรีบเหาะให้ไกลพร้อมกับใช้พลังปราณขับเคลื่อนอากาศอันหนาวเย็นออกจากร่างกาย
นี่คือเหตุผลที่เขาเข้ามาในรอยแยกอวกาศ เพียงในมิติว่างเท่านั้นที่เขาสามารถใช้เข็มทิศดวงดาวได้ วิธีนี้เป็นหนทางเดียวที่เขาจะเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าชายชราและหลบหนีได้ตามประสงค์
ผู้เฒ่าเข้ามาในรอยแยก เขาโบกแขนและรอยสักหนึ่งปรากฎบนรอยแยกเพื่อหยุดมันที่กำลังเข้าใกล้
เขาเอ่ยพึมพำกับตัวเอง “ม้วนคัมภีร์นั่นช่างคล้ายคลึงกับสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของสำนักข้าในชั้นที่สิบเอ็ด…” สายลมหนาวไม่มีผลต่อเขา เมื่อมันปะทะเข้ากับร่างกายไม่เพียงแต่เขาไม่ระคายเคืองแต่กลับทำให้รู้สึกดีอีกด้วย
ผู้เฒ่าขบคิดและไล่ล่าหวังหลินต่อไป
หวังหลินนั่งอยู่บนเข็มทิศดวงดาวและเพ่งสมาธิไปยังการควบคุมโดยสิ้นเชิง เขาเคลื่อนไหวเร็วมากและไม่มีสิ่งมีชีวิตบนเส้นทางที่เขาผ่านราวกับสถานที่แห่งนี้เป็นมิติว่างอันไร้ขอบเขต
ที่นี่แตกต่างอย่างชัดเจนจากมิติว่างที่เขาเคยอยู่ สัมผัสอันตรายเบื้องหลังยังคงอยู่ ผู้เฒ่าคนนั้นยังคงไล่ล่าเขาอย่างชัดเจน
หวังหลินควบคุมเข็มทิศดวงดาวจนถึงขีดสุดด้วยใบหน้ามืดมน
ผู้เฒ่าเดินผ่านมิติว่างพร้อมกับมือไพล่หลัง เขาข้ามผ่านระยะห่างไกลเพียงแค่ก้าวแต่ยังไม่อาจไล่ตามหวังหลินทัน
เขารู้สึกตกใจมากและคิดว่าเด็กน้อยคนนี้มีสมบัติทรงคุณค่ามากจริงๆซึ่งใช้ประโยชน์ในหลายสถานการณ์ เขาเชื่อแล้วว่าหวังหลินเป็นเด็กน้อยที่สำคัญยิ่งบนโลกภายนอก แรงกระตุ้นที่จะทำให้หวังหลินกลายเป็นหุ่นเชิดรอยสักของเขายิ่งรุนแรงขึ้น
มิติว่างนี้ประหลาดนัก ยิ่งหวังหลินเหาะเหินก็ยิ่งสัมผัสความรุนแรงได้ เหาะเหินผ่านไปหลายวันหวังหลินยังไม่เจอสิ่งใดแม้แต่พลังปราณจำนวนเล็กน้อยก็ไม่มีเหลือที่นี่
เขาไม่สามารถดำเนินต่อไปหากเป็นเช่นนี้ได้ แววตาพลันเยือกเย็นและโยนกับดักอสูรออกมา ราชรถสังหารเทพปรากฎบนเข็มทิศดวงดาว
หวังหลินสูดหายใจลึก เขาสร้างผนึกและส่งมันเข้าไปหาราชรถสังหารเทพ
วิญญาณอสูรพลันปรากฎตัวถัดจากราชรถ เพราะหวังหลินอยู่ใกล้มากเจ้าวิญญาณอสูรจึงพยายามกลืนกินเขาทันที
แต่หวังหลินเตรียมการไว้แล้ว เขากระซิบบางอย่างเบาๆและโซ่ตรวนจากราชรถลากเจ้าวิญญาณอสูรเข้าไป
วิญญาณอสูรร้องคำรามอย่างต่อเนื่องขณะหันไปจ้องหวังหลินอย่างดุร้าย
หวังหลินเงยศีรษะขึ้นมองมันและสร้างผนึกอีก ในไม่ช้าหนามแหลมบนราชรถก็เริ่มเปล่งแสงสีดำ
หวังหลินหันกลับมาและเพ่งสมาธิไปที่การควบคุมเข็มทิศดวงดาว เขารู้ว่าราชรถสังหารเทพนี้จำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อกระตุ้น จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขามันต้องใช้เวลาหนึ่งก้านธูปเพื่ออุ่นเครื่อง
ไม่นานนักเวลาก็ผ่านไปและวิญญาณอสูรได้ดูดซับแสงสีดำจากหนามแหลมเสร็จสิ้น เจ้าอสูรเติบโตขยายขนาดใหญ่ขึ้น ระหว่างเวลานี้มันพยายามกลืนกินหวังหลินหลายครั้งแต่ก็ถูกโซ่ตรวนดึงกลับมาทุกครั้ง
ในที่สุดหลังจากราชรถกระตุ้นจนเสร็จสิ้น ดวงตาหวังหลินสว่างวาบและเข็มทิศดวงดาวหยุดลง
ผู้เฒ่ารับรู้ว่าหวังหลินหยุดการเคลื่อนไหวจึงเร่งความเร็วทันที
ในเวลาเดียวกันนั้นพลังรุนแรงสายหนึ่งกระจายออกมา เมื่อหวังหลินรับรู้ว่าผู้เฒ่าเข้ามาในระยะสัมผัสวิญญาณของเขาจึงส่งผนึกออกไปให้ราชรถสังหารเทพ
โซ่ตรวนบนอสูรวิญญาณพลันหายไปแต่โซ่ตรวนระหว่างมันและหวังหลินยังคงอยู่
เจ้าวิญญาณอสูรมองไปหาผู้เฒ่าหลังค่อมด้วยแววตาดุร้าย มันต้องการกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง มีเพียงการทำเช่นนี้เท่านั้นจึงจะระบายความโกรธของมันได้
สีหน้าท่าทางของผู้เฒ่าเปลี่ยนไปทันทีและเขาหยุดลง พลันสัมผัสรอยสักบนร่างกายและทั้งหมดลอยออกมาปกคลุมเหนือผิวหนังไปสามนิ้ว
ในตอนนี้เองที่เจ้าอสูรวิญญาณมาถึง มันกระโดดเข้าใส่ผู้เฒ่าและร้องคำรามแต่มันหยุดลงสามนิ้วห่างจากเขา
สิ่งที่ทำให้มันหยุดลงก็คือรอยสักที่กำลังเรืองแสงมากมาย
แต่ราชรถสังหารเทพแข็งแกร่งทรงพลังอย่างมากดังนั้นผู้เฒ่าจึงถูกดันถอยหลังไปหนึ่งพันฟุต แววตาเขาแดงฉานพลันร้องคำราม รอยสักเคลื่อนไหวออกห่างร่างกายสามนิ้วไปห้านิ้ว
อสูรวิญญาณร้องคำรามพร้อมกับมันถูกผลักไปช้าๆ
แววตาผู้เฒ่ายิ่งแดงเถือกเมื่อผลักเจ้าอสูรวิญญาณออกห่างไป ทว่าหวังหลินเยาะเย้ย เขานำกระบี่สวรรค์ออกมาและเฉืนลงไปบนผู้เฒ่า
หากเขายังคงอยู่ ข้าต้องการชีวิตเขา!
หวังหลินเคยชินกับการทำเช่นนี้ ขณะที่กระบี่ตวัดลงมา ลำแสงสีดำสายหนึ่งพุ่งขึ้น
ปราณกระบี่ปรากฎเบื้องหน้าผู้เฒ่าและร่อนลงบนร่างเขา
ผู้เฒ่าร้องคำรามและรอยสักรอบๆตัวเขาพลันหยุดกึกก่อนจะเคลื่อนไหวเข้าใกล้ร่างเขาอีกครั้ง เขามองหวังหลินและใบไม้เจ็ดใบปรากฎบนหน้าผากเขาทันที
จังหวะที่ใบไม้ปรากฎ รอยสักบนร่างพลันเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง จิตสังหารเต็มตัวชายชราพลันยกแขนขึ้นและชี้ไปที่หวังหลิน
หวังหลินสัมผัสพลังเย็นยะเยือกแทรกเข้าสู่ร่างกายและเข้าไปในวิญญาณต้นกำเนิดอย่างรวดเร็ว พลังงานเยือกเย็นเปลี่ยนไปเป็นเมล็ดและเริ่มกลายเป็นต้นกล้า
หวังหลินกระอักโลหิตออกมาด้วยใบหน้าซีดเผือด เขาร้องคำรามและเฉือนกระบี่สวรรค์ลงมาอีกครั้ง
จากนั้นเขาเปลี่ยนทิศทางทันทีและตวัดลง
พลังปราณหลายเส้นกระแทกเข้าใส่ผู้เฒ่าทำให้รอยสักถูกผลักเข้าร่างกายเขาใกล้ขึ้น สิ่งนี้ทำให้เจ้าวิญญาณอสูรผลักเข้าไปใกล้อย่างรุนแรงดังนั้นมันจึงพยายามจะกลืนกินผู้เฒ่าที่กำลังป้องกันมัน
เมื่อเห็นว่าวิญญาณอสูรกำลังจะกลืนกิน แววตาผู้เฒ่าเปล่งแสงอันลึกลับ สร้อยข้อมือที่สร้างจากกระดูกอสูรพลันออกมาจากข้อมือ
สร้อยข้อมือพลันปลดปล่อยคลื่นแสงปิศาจและรอยสักหนึ่งปรากฎขึ้น
รอยสักนี้แตกเสียหายและไม่สมบูรณ์ แม้กระทั่งบางส่วนยังขาดหาย ทว่ารอยสักนี้ทำให้หวังหลินขนลุกซู่
ในตอนที่รอยสักปรากฎ มิติว่างรอบๆพลันอาบด้วยแสงสีเขียวทันที
ผู้เฒ่าเอ่ยอย่างช้าๆ “นี่คือรอยสักแห่งการรู้แจ้งของข้า มันเป็นการศึกษาเรียนรู้รอยสักจนข้าสามารถบรรลุด่านเจ็ดใบไม้ได้ ตอนนี้เมื่อเจ้าเห็นรอยสักนี้ เจ้าสามารถตายอย่างสงบได้แล้ว!”
รอยสักเรืองแสงอีกคราทำให้วิญญาณอสูรปลดปล่อยควันสีเขียวจากทั่วร่างของมัน วิญญาณอสูรร้องคำรามและมองไปทางรอยสักด้วยแรงฝืน
หากว่ามันดีเลิศก็คงกล้าต่อสู้ต้านทานกับรอยสักนี้ แต่ทว่าในตอนนี้มันต้องล่าถอย เจ้าอสูรสะบัดร่างกายและเป็นอิสระจากแสงสีเขียวก่อนจะหายวับเข้าไปในรอยแยก
หวังหลินสังเกตได้ทันทีจังหวะที่รอยสักปรากฎ เมล็ดต้นกล้าในดวงวิญญาณต้นกำเนิดของเขาเริ่มเติบโตในอัตราที่น่าตกใจ
หวังหลินไม่ลังเลที่จะกลับเข้าไปในเข็มทิศดวงดาวและรีบเหาะเหินห่างไปไกล
เจ้าวิญญาณอสูรปรากฎตัวอีกครั้งถัดต่อราชรถ ครั้งนี้มันไม่ลองกลืนกินหวังหลินแต่อ่อนแรงหายกลับเข้าไปในราชรถ
ผู้เฒ่ามองตำแหน่งที่หวังหลินหายไป เขาไม่ไล่ล่าตามหวังหลินแต่มองลงไปที่หน้าอกตัวเอง บนหน้าอกเขามีรอยแผลสามรอยบาดลึกจนเห็นถึงกระดูก รอยแผลนี้เกิดจากกระบี่สวรรค์ของหวังหลิน
จิตสังหารในแววตาทวีความรุนแรงขึ้น เขาสูดหายใจลึก โค้งให้กับรอยสักและเหล่ารอยสักค่อยๆหดตัวกลับเข้าสู่ร่างกายเขา
สร้อยข้อมือกระดูกพลันปรากฎบนข้อมือเขาอย่างเงียบๆ
ผู้เฒ่ายืนขึ้นและไล่ล่าตามหลังหวังหลินต่อไป
บนเข็มทิศดวงดาว หวังหลินหลับตาลง บนศีรษะมีต้นไม้ต้นหนึ่งขยายรากของมันอย่างช้าๆ เคลื่อนผ่านใบหน้าเขาไปบนลำคอและยังกระจายอย่างต่อเนื่อง
คลื่นเสียงคำรามออกมาจากแววตาหวังหลิน ทันทีที่เขาลืมตาขึ้นกลับเผยความบ้าคลั่งออกมาแต่รีบปิดตาลงทันทีและเกิดอาการต่อสู้ดิ้นรน
เขากำลังเผชิญกับความเจ็บปวดแสนสาหัสแต่แม้กระนั้นเขายังสงบจิตสงบใจได้พอที่จะควบคุมเข็มทิศดวงดาวเพื่อหลบหนีต่อไป