355. คนที่เหลืออยู่
ขณะยืนอยู่บนเข็มทิศดวงดาวหวังหลินสัมผัสต้นไม้ยักษ์ที่ถูกผู้เฒ่าอัญเชิญออกมาได้ แววตาพลันสว่างวาบแต่เขาไม่ได้ก่อกวนผู้เฒ่าอีกต่อไป เพียงแต่รีบหนีแทน
เขาระมัดระวังตลอดเวลา ลงมือเพียงตอนที่มั่นใจว่าปลอดภัยแล้วเท่านั้น
ตอนนี้เขาตัดเสินทางถอยของผู้เฒ่า เขารู้ว่าฝ่ายตรงข้ามอารมณ์รุนแรงแม้ว่าจะเป็นตอนที่อ่อนแอที่สุดหวังหลินยังรู้ว่าระดับฝึกฝนของเขายังห่างไกลเกินไป หากไม่ใช่เพราะความเร็วของเข็มทิศดวงดาว หวังหลินได้กลายเป็นหุ่นเชิดของผู้เฒ่าไปแล้ว
ไม่ว่าชาแมนเจ็ดใบไม้จะอ่อนแอเช่นไรเขายังทรงพลังแข็งแกร่งเทียบเท่าเซียนขั้นแปลงวิญญาณ เขายังมีความสามารถในการสังหารหวังหลินซึ่งหวังหลินไม่เชื่อว่าตัวเองจะแข็งแกร่งพอจะสังหารอีกฝ่ายได้
หลังจากไปไม่นาน ผู้เฒ่าพลันลืมตาตื่นข้างในต้นไม้ แสงสีแดงพุ่งออกจากนัยน์ตามองไปทิศทางที่หวังหลินจากไป เขาสัมผัสได้ว่าหวังหลินกำลังรีบหนีจึงถอนหายใจ “น่าเสียดาย เจ้าสารเลวคนนี้ระมัดระวังมากเกิน….หากมันเข้ามาข้าคงสามารถสังหารได้แน่นอน”
พลันขบคิดเล็กน้อยและจากนั้นวิญญาณบรรพชนค่อยๆสื่อสารกับข้างนอก
สิ่งน่ากลัวที่สุดในมิติว่างก็คือการค้นหาทางออก มันไม่เหมือนมิติว่างทั่วไปที่สามารถจากไปได้เพียงแค่ฉีกกระชากพื้นที่ว่างเปล่า หากไม่มีการชี้นำจากข้างนอกจะอยู่ขังไว้ที่นี่ตลอดไป
หลังผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ร่องรอยตื่นตระหนกเกิดขึ้นในสายตาผู้เฒ่า เขาได้ลืมเลือนเรื่องหวังหลินไปนาน สิ่งที่ต้องการมากที่สุดตอนนี้ก็คือส่งข้อความไปให้สำนักของตัวเองข้างนอกเพื่อที่จะตั้งจุดชี้ทางให้เขา
หวังหลินนั่งอยู่บนเข็มทิศดวงดาวและเหาะเหินเป็นเวลานาน แม้ว่าสัมผัสอันตรายจากเบื้องหลังจะหายไปแล้ว เขายังระมัดระวังอย่างมากดังนั้นจึงเหาะเหินอีกหลายวันก่อนจะหยุดตัวเองลง
ขณะมองรอบมิติว่าง แววตาพลันสงบนิ่งไม่มีร่องรอยความกังวลใด หวังหลินชี้ระหว่างคิ้วและลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าลอยออกมา
จากนั้นหวังหลินกระตุ้นพลังปราณและเส้นสีดำปรากฎบนร่างกายอีกครั้งทว่าตอนนี้มีไม่มากและเพียงยืดมาถึงลำคอเขาเท่านั้น
ระหว่างการเหาะเหินมาแปดเดือน หวังหลินใช้ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าเพื่อดูดซับต้นพืชรอยสักหลายครั้ง เขาได้ดูดซับไปแล้วจำนวนมาก
หวังหลินร้องคำรามและเผยอาการเจ็บปวด เส้นสีดำที่ยืดถึงลำคอค่อยๆถดถอยลง ในไม่ช้าเส้นสีดำทั้งหมดก็รวบรวมไปที่คิ้ว
ต้นไม้ลึกลับนั้นปรากฎอีกครั้ง ลูกปัดเรืองแสงสีเขียวและเริ่มดูดซับมัน
ผ่านไปครู่ใหญ่หวังหลินลืมตาขึ้นมาและสูดหายใจลึก เขามองกลับหลังพลางเอ่ย “วิชาจากสำนักเซียนที่ถูกทอดทิ้งถือว่าประหลาดเกินไป หากข้าพบเจออีกครั้งจะต้องระมัดระวังมากกว่านี้”
หวังหลินคว้าลูกปัดและมองเข้าไป ใบไม้เก้าใบถูกสร้างจนเต็มและใบที่สิบได้เสร็จสิ้นไปแล้วบางส่วน
แววตาหวังหลินเผยร่องรอยแห่งความสุข จากนั้นสัมผัสลูกปัดกับหน้าผากและหายวับไป
“การเก็บเกี่ยวครั้งนี้เยี่ยมมาก ธาตุไม้ของลูกปัดแทบจะสมบูรณ์ สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือการหาหนทางออกจากที่นี่”
เขามีความคิดหนึ่งตอนที่ตัดสินใจตัดเส้นทางหนีของผู้เฒ่าไว้แล้ว ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงทำลายรอยสักที่เปิดรอยแยกไว้โดยไม่ลังเล
หากไม่มีการช่วยเหลือจากภายนอก มันยากมากที่จะออกจากที่นี่ ทว่าแม้เขาจะถูกขัง ร่างหลักของเขายังอยู่ข้างนอกนั่น
หวังหลินนั่งอยู่บนเข็มทิศและสัมผัสกับร่างหลักอย่างช้าๆ
แคว้นซู ลึกลงไปใต้พื้นดินไปหลายพันลี้มีบอลแสงสีม่วงลูกหนึ่ง
แสงสีม่วงมีชายหนุ่มหล่อเหลานั่งอยู่ข้างใน เส้นผมบนศีรษะแดงฉานไปทั้งหมด ผิวหนังสีทองแดงเปล่งปลั่งและมีรอยร้าวเล็กน้อยทั่วทั้งผิวกาย
ดวงดาวสองดวงหมุนช้าๆบนหน้าผาก
ณ ตอนนี้เองบุรุษหนุ่มพลันลืมตาและเริ่มเปล่งจิตสังหารออกมา เขาคิดเล็กน้อยก่อนจะยืนขึ้นและขึ้นไปเหนือผิวดิน
ชายหนุ่มสัมผัสกระเป๋าและสวมชุดสีดำทันที ตอนนี้เขาดูไม่แตกต่างจากเซียนคนอื่นๆแล้ว
ร่างหลักเดินเข้าสู่พื้นป่าของสุสานอมตะ เขาหยุดลงที่ไหนสักแห่งและชกอากาศทำให้ปรากฎรอยแยกอวกาศหนึ่งขึ้นมา
หลังรอคอยเล็กน้อยคนผู้นี้ส่ายศีรษะและเดินออกไป
ทุกๆสิบเก้าเขาจะหยุดลงปล่อยกำปั้นในอากาศ สร้างเป็นรอยแยกอวกาศแต่ละครั้ง ขณะที่ดำเนินต่อไปเขาเดินเร็วขึ้นและเร็วขึ้นจนเข้าไปส่วนลึกของป่า
เขาทำเช่นนี้ต่อไปจนเปิดรอยแยกอวกาศได้มากกว่าหนึ่งหมื่นแห่ง เมื่อมาถึงหลุมที่นำทางไปสู่สุสานโบราณ เขามองเข้าไปในหลุมและหันไปทิศทางอื่น เหมือนก่อนหน้านี้คือเขาเปิดรอยแยกอวกาศทุกสิบเก้า
เวลาดำเนินไปอย่างเชื่องช้า เขาไม่ร้อนใจเลยและดำเนินต่อไป
พื้นที่ส่วนทิศเหนือปกคลุมด้วยใบไม้แห้ง เมื่อไหร่ก็ตามที่ก้าวเท้าลงไปพลันเกิดเสียงกรอบแกรบ เพียงแค่กำลังจะชกหมัด เขามองออกไปไกล แววตาพลันเยือกเย็นทันทีและหายตัวอย่างไร้ร่องรอย
ในทิศเหนือของป่าแห่งสุสานอมตะ มีหนึ่งบุรุษและหนึ่งสตรีเหาะเหินในท้องฟ้า
นางสวยงดงามและสวมผ้าคลุมหน้าสีขาว บุรุษเป็นผู้เฒ่าสวมชุดคลุมสีดำ
ขณะที่ทั้งสองเหาะเหิน ใบหน้าท่าทางผู้เฒ่าเปลี่ยนไปทันใด เขารีบคว้าหญิงสาวและถอยกลับมา ปัง! รอยร้าวเกิดขึ้นในอากาศตำแหน่งที่ทั้งคู่พึ่งอยู่
กลางรอยแยกข้างในเป็นชายหนุ่มยืนอยู่ คนผู้นี้หล่อเหลาและผมสีแดงทั้งศีรษะ เขาคือร่างหลักของหวังหลิน
ร่างหลักของเขาจ้องทั้งคู่อย่างเยือกเย็นและชกหมัดขวาออกไป
ใบหน้าผู้เฒ่าเปลี่ยนไปมากและตบกระเป๋า สมบัติรูปทรงภูเขาปรากฎและเติบโตกลายเป็นโล่ห์กำบังทันที
สายตาร่างหลักสงบนิ่ง กำปั้นปะทะเข้ากับภูเขาโดยไม่ช้าลงเลย
ตู้มมม!
เสียงดังกึกก้อง ภูเขาเรืองแสงสว่างจ้าแต่แสงนั้นไร้ประโยชน์เมื่อมันแตกเป็นชิ้นๆ พลังของกำปั้นพุ่งเข้าหาทั้งสองพร้อมกับเศษภูเขาที่แตกกระจาย
ใบหน้าผู้เฒ่าพลันหดหู่พร้อมกับดึงหญิงสาวผ้าคลุมหนาให้ถอยกลับต่อไป
ร่างหลักก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและพื้นที่ว่างใต้ฝ่าเท้าพลันแตกกระจายก่อนจะส่งออกไปพร้อมกับอีกหนึ่งหมัด
ผู้เฒ่าพ่นลำแสงสีขาวออกมาเปลี่ยนเป็นกระบี่เหิน กระบี่เล่มนี้ปลดปล่อยกลิ่นอายอันตรายและมีร่องรอยสีม่วงบนนั้น ซึ่งหมายความว่ากระบี่เล่มนี้ทนทานมากเพราะมันสร้างขึ้นจากแก่นทองแดงม่วงอันหายาก
กระบี่เหินลอยเข้าหาหมัดของร่างหลัก แววตาร่างหลักหวังหลินยังคงสงบนิ่งพลันพ่นลมหายใจและกำปั้นปะทะเข้ากับกระบี่เหิน
กระบี่เหินแตกหักกลางและแตกกระจายในที่สุด ในเวลาเดียวกันนั้นเขตแดนของเซียนขั้นตัดวิญญาณออกมาจากกระบี่เข้าไปในร่างหลัก
แววตาร่างหลักหวังหลินสว่างขึ้น การเป็นเทพโบราณทำให้เขาไม่มีเขตแดนแต่เขามีจิตสังหารอันทรงพลัง เส้นผมสีแดงโลหิตสะบัดเคลื่อนไหวและแสงสีแดงเรืองรองในร่างกาย เขตแดนของผู้เฒ่าไม่สามารถทนรับการปะทะได้และสูญสลายไป
หมัดของร่างหลักเข้ามาถึงอีก
ผู้เฒ่าพลันเกิดสายตาตื่นตระหนกพร้อมกับคว้าร่างหญิงสาวผ้าคลุมหน้าให้ถดถอยออกไป
ร่างหลักติดตามไปอย่างต่อเนื่อง
“สหายเซียนเราไม่รู้จักกันและกันมาก่อน ทำไมเจ้าต้องลงมือเช่นนี้?!” น้ำเสียงผู้เฒ่าเคร่งเครียด เขาหวาดกลัวกำปั้นของบุรุษเบื้องหน้า
นอกจากนักรบจากสำนักเซียนที่ถูกลืมแล้ว เขาไม่เคยเห็นเซียนคนใดเช่นเขามาก่อน เพียงแค่กำปั้นหมัดเดียวก็สามารถทำลายสมบัติวิเศษได้แล้ว เคลื่อนไหวครั้งเดียวรอยแยกอวกาศก็ปรากฎ เรื่องทั้งหมดนี้ทำให้ผู้เฒ่าหวาดกลัวเป็นอันมาก
ร่างหลักพ่นลมหายใจและยิ่งโหดร้ายขึ้น หมัดหนึ่งราวกับมนต์แห่งกฎเกณฑ์ล้อมรอบผู้เฒ่าและหญิงสาวไว้
“ยอมรับความตายของเจ้าซะ!”
ผู้เฒ่าลอบสาปแช่ง เขาเห็นความสิ้นหวังในสายตาหญิงสาวและเอ่ยขึ้น “นายหญิง ข้าขอยืมกระบี่สมบัติ!”
นางรีบตบกระเป๋าและลำแสงสีขาวปรากฎออกมา ผู้เฒ่าคว้าเอาไว้เผยเป็นกระบี่ผุๆเล่มหนึ่ง
หลังคว้ากระบี่เอาไว้ หญิงสาวผ้าคลุมหน้ากัดลิ้นและพ่นโลหิตลงบนกระบี่ผุพัง
ตอนนี้เองหมัดของร่างหลักเข้ามาถึง เป้าหมายคือศีรษะของผู้เฒ่า ผู้เฒ่าร้องคำรามอย่างตื่นตระหนักและนำกระบี่ลอยออกไปขัดขวาง
ปัง!
รอยร้าวปรากฎบนกระบี่ผุผังและเศษชิ้นส่วนหนึ่งแตกออกมา
ผู้เฒ่ากัดฟันแน่น ท่าทางมืดมนและเต็มไปด้วยความกลัวพลันรีบดึงหญิงสาวให้ออกห่างซึ่งสามารถดึงนางให้ออกจากกฎเกณฑ์รอบๆได้
นางหวาดกลัวและเอ่ยขึ้นทันที “ผู้อาวุโสโปรดหยุด แม้ท่านต้องการจะสังหารเราทั้งสองคน อย่างน้อยก็โปรดบอกเหตุผลก่อน”
ร่างหลักถอนกำปั้นและจ้องทั้งสองอย่างเย็นชา
รอบๆด้านพลันสงบลง นอกจากเสียงเสื้อผ้าพริ้วไหวตามแรงลมก็ไม่มีเสียงอื่นใด
หน้าผากผู้เฒ่าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อพลันจ้องบุรุษผมแดงเบื้องหน้า ไม่ว่าเขาจะนึกอย่างไรก็นึกไม่ออกว่าไปทำสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับเขา
ร่างหลักเอ่ยถามด้วยความเย็นชา “เจ้าทั้งสองมาจากไหน?”
หญิงสาวผ้าคลุมหน้ากลับตกตะลึง นางไม่มีเวลาคิดและเอ่ยขึ้น “ผู้น้อยมาจากแคว้นโจวและต้องการไปแคว้นซู”
“ไร้สาระ รนหาที่ตาย!” แววตาร่างหลักเย็นยะเยือก เขาจ้องมองทั้งคู่และส่งแรงเตะออกไป
เกิดแรงระเบิดขึ้นหลายชุด ผู้เฒ่าต้องการหลบหลีกแต่เขาช้าเกินไปดังนั้นจึงควบคุมกระบี่ให้ป้องกันไว้
ตู้ม!
กระบี่แตกกระจัดกระจาย!
ร่างผู้เฒ่าร่วงหล่นจากท้องฟ้าราวกับอุกกาบาต
“ผู้อาวุโส!! ไม่มีเรื่องแค้นเคืองระหว่างเรา! ทำไมท่านต้องสังหารเขา!?!” น้ำเสียงปวดร้าวและหยดน้ำตาผุดออกมาจากนัยน์ตา
ร่างหลักมองหญิงสาวผ้าคลุมหน้าอย่างเย็นชา