Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 365

Cover Renegade Immortal 1

365. พลังของเขตแดน

วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินร้องตะโกน “ฉวี่ลี่กั๋ว!”

กระบี่สวรรค์กรีดร้องโหยหวนพร้อมกับควันสีดำปรากฎบนกระบี่และป้องกันกำปั้นนั้น

ปัง!

กำปั้นยักษ์ปะทะกับกระบี่สวรรค์จึงถูกดันถอยกลับไปด้วยคลื่นกระแทก ทว่าฉวี่ลี่กั๋วร้องไห้อย่างอ่อนแรงก่อนที่กระบี่สวรรค์จะหล่นลงพื้น ไม่สีเสียงออกมาจากมันอีก

ดวงตายักษ์น้ำแข็งสว่างวาบและมันวิ่งเข้ามาอีกครั้ง

ณ ตอนนี้โซ่ตรวนลอยออกมาจากราชรถมากขึ้นและลากวิญญาณอสูรกลับไป เจ้าวิญญาณอสูรเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและหันมาสบกับยักษ์น้ำแข็งพร้อมกับพุ่งเข้าไป

ยักษ์น้ำแข็งเงยศีรษะขึ้นทันที มันหยุดการโจมตีบนกายหยาบหวังหลินและชกเข้าใส่วิญญาณอสูรที่กำลังใกล้เข้ามา

ปัง! ปัง! ปัง!

เจ้ายักษ์น้ำแข็งโจมตีต่ดเนื่องและผลักดันวิญญาณอสูรให้ออกห่างไป เจ้าวิญญาณอสูรโกรธเกรี้ยวมากมันอ้าปากขยายออกจนกว้างและกลืนเจ้ายักษ์น้ำแข็ง

ทว่าขณะที่มันพยายามจะกลืนยักษ์น้ำแข็ง แส้เส้นหนึ่งผุดออกมาปะทะกับวิญญาณอสูร มันรู้สึกเจ็บปวดและหดลงเล็กน้อยทันที

ผัวะ! ผัวะ!

แส้เฆี่ยนอย่างต่อเนื่องทำให้อสูรวิญญาณเกรี้ยวกราดแต่มันเมินเฉยการหวดตีนั้นเพื่อกลืนกินต่อไป จนวิญญาณอสูรผ่านเข้าไปในร่างของยักษ์น้ำแข็ง

ร่างยักษ์น้ำแข็งสั่นสะท้านและรอยร้าวจำนวนมากปรากฎขึ้น ยิ่งน้ำแข็งร่วงหลินก็ยิ่งทำให้ยักษ์น้ำแข็งหดลงมากกว่าเดิม ตอนนี้มันสูงเพียงแค่ยี่สิบฟุตและน้ำแข็งบริเวณไหล่เริ่มละลาย

วิญญาณอสูรกำลังจะหันกลับมาโจมตีอีกครอบแต่ผีเสื้อสีชาดลืมตานางขึ้นมา คำสาปถูกสะกดไว้จนกลายเป็นเส้นสีดำเส้นเดียวบนหน้าผาก

ผีเสื้อสีขาดรีบเปล่งเสียงแฝงความชั่วร้าย “แส้วิญญาณ! จงเผยรูปร่างที่แท้จริง!”

ครานี้แส้สีขาวบริสุทธิ์ปรากฎในฝ่ามือยักษ์น้ำแข็ง แส้นี้ไม่ได้เป็นภาพมายาเหมือนคราวก่อนแต่เป็นของจริง มันหวดวิญญาณอสูรอย่างบ้าคลั่ง

ความเจ็บปวดที่วิญญาณอสูรได้รับแปรเปลี่ยนเป็นความเกรี้ยวกราดมากขึ้น มันกำลังจะพุ่งออกไปอีกครั้งทว่าทันใดนั้นมันร้องไห้อย่างเจ็บปวดและมองกลับไปที่ราชรถสังหารเทพ เนื่องจากมันเป็นเพียงแค่วิญญาณและถึงขีดจำกัดของราชรถ รวมไปถึงหวังหลินไม่ได้ใช้มันเพื่อให้แสดงพลังอำนาจได้เต็มที่ดังนั้นตอนนี้มันจึงสัมผัสการเรียกหาของราชรถได้

วิญญาณอสูรร้องคำรามขึ้นบนฟ้าอย่างไม่เต็มใจขณะเปลี่ยนไปเป็นควันและกลับเข้าสู่ราชรถสังหารเทพ

วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินกลับคืนสู่ร่างกายระหว่างการต่อสู้ของวิญญาณอสูรและยักษ์น้ำแข็ง เขาได้กินเม็ดยาเพื่อฟื้นฟูและส่งพลังปราณเข้าไปในกระบี่สวรรค์เพื่อปลุกฉวี่ลี่กั๋ว เมื่อกระบี่สวรรค์อยู่ในมือเขาจึงตวัดลง

ปราณกระบี่ของหวังหลินมาถึงอย่างรวดเร็ว ยักษ์น้ำแข็งร้องคำรามและชกปราณกระบี่ มันหันตัวกลับกระทืบพื้นทำให้เกิดรอยร้าวและรีบหนีอย่างรวดเร็ว

ไล่ตาม!

หวังหลินสายตาเย็นชาพร้อมกับชูกระบี่ขึ้นและไล่ตามหลังนางไป!

สีหน้าผีเสื้อสีชาดหมองมัว การต่อสู้ในวันนี้หนักหนาสาหัสมากกว่าการต่อสู้ในดินแดนสวรรค์ นางไม่เคยคิดเคยฝันว่าเซิ่งหนิวจะได้รับพลังมากมายในเวลาแค่สิบปี

เมื่อคิดถึงตอนที่อยู่ในดินแดนสวรรค์ นางใช้พลังเต็มที่เพื่อสังหารเขา เซิ่งหนิวเพียงแค่วิ่งหนีและไม่มีพลังเพื่อต่อต้านแม้ในภายหลังเพราะเขามีสมบัติที่สามารถทำให้ชิ้นส่วนแดนสวรรค์ล่มสลายได้นางจึงระงับอารมณ์ไว้ นอกเหนือจากนั้นนางไม่เคยเห็นหวังหลินมีสิ่งใดอื่น

ในใจนางเซิ่งหนิวคนนี้ไม่ใช่คนที่มีระดับเทียบเท่ากับนาง เขาอ่อนแอ เป็นแมลงตัวหนึ่ง เป็นหินหยั่งเท้าที่เชื่อฟังคำสั่งผู้แข็งแกร่ง

นางเคยสังหารเซียนขั้นตัดวิญญาณเช่นหวังหลินมานักต่อนักระหว่างการต่อสู้กับพันธมิตรสี่สำนัก แม้กระทั่งในซูซาคุนางยังเก็บงำความคิดนี้ไว้

เพราะมันคือความภูมิใจ!

ทว่าความภูมิใจนี้ถูกทำลายลงตอนที่หวังหลินตัดแขนนางไป นางไม่อาจรับความจริงได้ว่าเซียนที่อ่อนแอและไม่สำคัญเช่นนั้นจะกล้าลอบโจมตีนาง ความเกลียดที่มีต่อหวังหลินได้บรรลุถึงขีดสุด

นางแก้ปัญหาตัวเองด้วยการสังหารหวังหลินเพื่อทำให้จิตใจแห่งเต๋าสมบูรณ์อีกครั้ง นางถึงกระทั่งนำสมบัติประจำแคว้นของเฉว่ยี่ เทพน้ำแข็ง เพื่อมาสังหารเขา

แม้กระทั่งพี่ใหญ่ของนางยังลอบยืมสมบัติสำคัญของสำนักหยกสวรรค์ แส้วิญญาณ เพื่อให้นางได้เปรียบ เดิมทีนางไม่ต้องการใช้แส้วิญญาณ นางคิดว่าเพียงแค่มีเทพน้ำแข็งและสมบัติแห่งชีวิตของตัวเอง การสังหารเซิ่งหนิวจะง่ายเหมือนกับปอกกล้วยเข้าปาก

อย่างไรก็ตามนางได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับแส้วิญญาณมามากดังนั้นนางจึงไม่ปฏิเสธข้อเสนอ นางซ่อนมันไว้ข้างในเทพน้ำแข็งเพื่อใช้มันเป็นอาวุธลับในการเอาชนะ

แต่ตอนนี้หลังเกิดการประทะกันหลายรอบ การต่อสู้ได้มาถึงจุดเดือด เซิ่งหนิวมีสมบัติมากมายจนนางจินตนาการไม่ถึง

โดยเฉพาะวิญญาณอสูรที่ดุร้ายเกินไป หากเซิ่งหนิวมีพลังพอจะควบคุมมันได้และโจมตีได้ต่อเนื่อง นางแน่ใจว่าหากไร้แส้วิญญาณ นางคงต้องสูญเสียอย่างใหญ่หลวง

ตอนนี้นางทำได้เพียงแค่วิ่งหนี เทพน้ำแข็งอ่อนแอมาก จากความเสียหายที่มันได้รับทั้งหมดตอนนี้มันสูงเพียงแค่ยี่สิบฟุตเท่านั้น หากมันหดลงไปอีกมันจะแตกสลายอย่างสิ้นเชิง

นางมีประสบการณ์หลบหนีเช่นนี้สองครั้งตลอดทั้งชีวิต ครั้งแรกตอนที่นางถูกหวังหลินต้อนจนมุมและครั้งที่สองคือตอนนี้

การถูกบังคับให้หลบหนีสองครั้งด้วยคนคนเดียวกันเหมือนกับตบเข้าใบหน้านาง สิ่งนี้ทำให้นางรู้สึกอัปยศมากและนางเกลียดลึกเข้ากระดูก

หวังหลินไล่ตามนางอย่างกระชั้นชิดด้วยใบหน้ามืดมน เขามองร่างที่เคลื่อนที่พริบตาอย่างต่อเนื่องเบื้องหน้าและเอ่ยขึ้น “ผีเสื้อสีชาด ความภูติใจของเจ้าอยู่ที่ไหน? ธิดาสวรรค์แห่งซูซาคุไฉนถึงวิ่งหนีข้าเล่า? เป็นเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับกลางจริงหรือไม่?”

“เซิ่งหนิว!! หากข้าไม่ฆ่าเจ้า อย่าเรียกข้าว่าผีเสื้อสีขาด! ร่างอวตาร!” แม้นางจะผ่านการยั่วยุจากหวังหลิน ความภูมิใจของนางทำให้นางต้องต่อสู้กับเขา

ทันใดนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น

นางกรีดร้องและดอกกุหลาบปรากฎเบื้องหน้ายักษ์น้ำแข็ง ดอกไม้ไม่มีกลีบ มีเพียงแค่เกสรดอกไม้สองจุด ผีเสื้อสีชาดใช้วิญญาณดั้งเดิมลอยออกมาโดยไม่ลังเลและแบ่งเป็นครึ่งส่วน ครึ่งนึงเข้าไปในเกสรดอกไม้

เกสรทั้งสองรวมเข้าด้วยกันเกิดเป็นร่างอันงดงามและเผยภาพลักษณ์ออกมา

ร่างอวตารที่ดูเหมือนกับผีเสื้อสีชาดไม่มีผิดเพี้ยนปรากฎขึ้น เพียงแค่ร่างอวตารนี้มีแขนขาครบทั้งหมด

ร่างอวตารของนางลืมตาขึ้นและดูสงบนิ่ง ร่างเดิมของนางดูเย็นชาและโหดเหี้ยมแต่ร่างอวตารไร้อารมณ์และสงบนิ่งที่สุด

“เซิ่งหนิว ข้าไม่คิดจะล้มเลิกโอกาสในการบรรลุขั้นแปลงวิญญาณ ข้าเพียงแค่ฆ่าเจ้า!”

ร่างอวตารเป็นสิ่งที่นางได้บ่มเพาะมาเพื่อให้บรรลุขั้นแปลงวิญญาณไ้ดอย่างง่ายดายขึ้น

นางจะไม่นำร่างอวตารออกมาไว้แต่มันจำเป็นต้องใช้จริงๆ

แต่ตอนนี้เพื่อการสังหารหวังหลิน นางไม่สนเรื่องนั้น!

ร่างอวตารไม่มีพลังปราณข้างในแม้จะบรรจุวิญญาณดั้งเดิมของนางบางส่วนไว้ทว่ามันเต็มไปด้วยเขตแดนของนาง นางได้ใส่เขตแดนเอาไว้ในร่างอวตารก่อนแล้ว

ผีเสื้อสีชาดและร่างอวตารพูดขึ้นพร้อมกัน “เขตแดนไร้อารมณ์!”

ร่างอวตารเหาะเหินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและเปล่งประกายแสงสีรุ้ง

ร่างอวตารของผีเสื้อสีชาดเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงชวนหลงไหล“เพื่อล่อลวงอารมณ์ทั้งหมดของโลกมนุษย์และจากนั้นใช้คมมีดแห่งปัญญาเพื่อตัดมันทั้งหมดออกไป นี่คือเขตแดนไร้อารมณ์!”

“ความรู้สึก ออกมา…”

ท้องฟ้าพลันเปลี่ยนสีและพลังลึกลับปกคลุมฟ้าดิน ก้อนทรงกลมสีรุ้งเจ็ดสีปรากฎถัดจากผีเสื้อสีชาดและลอยเข้าหาหวังหลิน

“ความรักครอบครัว!”

บอลแสงสองก้อนกระจายกลายเป็นหนึ่งบุรุษและหนึ่งสตรี บุรุษตกแต่งด้วยผมสีขาวและสตรีมีสายตาแห่งความรักอันอบอุ่น

“ความรัก!”

ร่างลี่มู่หวานปรากฎในทรงกลม นางจ้องหวังหลินด้วยแววตาเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง

“ความเกลียด!” เถิงฮว่าหยวนเปิดลำแสงทรงกลมและเดินออกมา มีวิญญาณนับไม่ถ้วนในฝ่ามือเขา มันคือเหล่าดวงวิญญาณตระกูลหวังหลินที่ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด

“บุญคุณ!” เซิ่งต้าหนิวทั้งสามรุ่นเดินออกมาและจ้องหวังหลินด้วยความงุนงง เขาอ้าปากขึ้นแต่ไม่สามารถเอ่ยคำพูดใดได้

ร่างหวังหลินหยุดเคลื่อนไหวและเขานั่งขัดสมาธิ วิญญาณดั้งเดิมลอยออกมาและเอ่ยขึ้น “ภายใต้วัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ เขตแดนแห่งชีวิตและความตาย!”

ท้องฟ้าถูกฉีกเปิดออกด้วยฝ่ามือยักษ์คู่หนึ่งและรอยแยกเผยออกมา ภาพวาดสีขาวและดำขนาดใหญ่โผล่ออกมาจากรอยแยก

มีภูเขาหลายแห่งและแม้น้ำหลายสายกำลังไหลข้างในม้วนคัมภีร์ แม้จะดูสงบนิ่งแต่ความจริงมันกำลังเคลื่อนไหว ภายใต้ม้วนคัมภีร์แห่งชีวิตและความตาย วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินเปล่งแสงเรืองรอง เขาเผยใบหน้าอันซับซ้อนมองไปที่ผู้คนเบื้องหน้า

ร่างอวตารของผีเสื้อสีชาดเอ่ยขึ้น “กระบี่แห่งปัญญา!”

กระบี่สีรุ้งปรากฎเบื้องหน้าร่างอวตารของนาง

“ตัด!”

ครอบครัวของหวังหลินถูกกระบี่สังหาร ตามมาด้วยลี่มู่หวาน ครอบครัวของต้าหนิว คนที่ถูกเถิงฮว่าหยวนสังหารและจากนั้นเถิงฮว่าหยวนก็หายไปหลังตวัดกระบี่ครั้งเดียว

“ไร้อารมณ์!” ผีเสื้อสีชาดและร่างอวตารดูเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก จากนั้นนางชี้ไปที่หวังหลิน

วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินสั่นเทาและดวงตาเขาสลัวลง ฝ่ามือขวายกสูงขึ้นและชี้ม้วนคัมภีร์แห่งชีวิตและความตายในท้องฟ้า

หวังหลินเอ่ยเบาๆ “แม้กระทั่งคนที่โหดเหี้ยมก็มิอาจหลีกหนีวัฏจักรแห่งการเวียนว่ายตายเกิดพ้น…เป็นไปได้อย่างไรที่อารมณ์ในโลกจะตัดขาดหรือละทิ้งได้ง่ายดายนัก? แม้กระบี่แห่งปัญญาจะทรงพลังแค่ไหนมันก็มิอาจตัดผ่านวัฏจักรเวียนว่ายตายเกิดได้!”

ควันสีขาวและดำปรากฎขึ้นและรวมเข้าด้วยกันกลายเป็นควันสีเทาแห่งวัฎจักรเวียนว่ายตายเกิด ควันสีเทาพลันออกมาจากม้วนคัมภีร์เป็นรูปทรงนิ้วโป้งยักษ์และกดลงไปเบื้องหน้าร่างอวตารของผีเสื้อสีชาด

ร่างอวตารของผีเสื้อสีชาดสั่นเทา นางส่ายศีรษะ ยิ้มอย่างขมขื่นและเอ่ยขึ้น “หากข้าสามารถบรรลุขั้นแปลงวิญญาณได้ แม้กระทั่งวัฏจักรเวียนว่ายตายเกิดยังต้องถูกข่มด้วยความไร้ปราณี หากวัฏจักรเวียนว่ายตายเกิดแห่งสวรรค์ไม่โหดร้ายเมื่อนั้นมันจะไม่เป็นวัฏจักรเวียนว่ายตายเกิดแห่งสวรรค์อีกต่อไป…น่าเสียดาย…” ร่างอวตารถอนหายใจพร้อมกับหายไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!