Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 367

Cover Renegade Immortal 1

367. หลิวเหมยและเฉียนเฟิง

หวังหลินก้าวเท้าเข้าประตูแสง เมื่อเขาปรากฎตัวบนเวที ทุกคนจากไปหมดแล้วราวกับไม่มีใครที่นี่ตั้งแต่แรก หลังมองไปรอบๆเขาพบว่าตัวเองเป็นเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่

หินหยกชิ้นหนึ่งลอยกลางอากาศและเรืองแสงอ่อนๆ

หวังหลินคว้าหยกชิ้นนั้นไว้ เขาตรวจสอบและพบกับแผนที่ซึ่งนำทางไปสู่ภูเขาซูซาคุ

เขาขบคิดเล็กน้อยและนั่งลงในท่านั่งดอกบัว หวังหลินต้องประทับประคองอาการบาดเจ็บสาหัสที่เกิดจากการต่อสู้กับผีเสื้อสีชาดและทำให้ระดับฝึกฝนของเขาไม่เสถียร แม้เขาจะกินโอสถก็เพียงช่วยได้เล็กน้อยเท่านั้น เขาไม่สามารถฟื้นฟูระดับได้ในช่วงเวลาอันนั้น หากเขาต้องการฟื้นฟูเต็มที่จะต้องปิดด่านฝึกตน

หลังผ่านไปพักใหญ่ท้องฟ้ามืดครึ้มและหวังหลินยืนขึ้น เขาตบกระเป๋าและเจ้าอสูรยุงปรากฎ หวังหลินนั่งบนหลังมันและออกคำสั่ง จากนั้นเขาบ่มเพาะต่อไป

การบินของเจ้ายุงลื่นไหลยิ่งขึ้นกว่าเดิมขณะมันมุ่งหน้าสู่ตำแหน่งที่หวังหลินชี้นำ

กลางดึกเงียบสงัดในซูซาคุ ดวงจันทร์ตั้งตระหง่านในท้องฟ้าและแสงจันทราปกคลุมทั่วผืนดิน

สามวันหลังจากนั้นฉากประหลาดหนึ่งเกิดขึ้นในด้านหลังภูเขาซูซาคุ

ภูเขาซูซาคุคือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งซูซาคุ เบื้องหน้าเป็นพระราชวังและเบื้องหลังเป็นภูเขาซูซาคุซึ่งจำเป็นต้องได้อนุญาตจากซูซาคุคนปัจจุบันเพื่อเข้าไป

หลังภูเขาไม่ใหญ่มาก มันเป็นเพียงถ้ำกว้างๆแห่งหนึ่งเท่านั้น

ถ้ำแห่งนี้ถูกแบ่งออกเป็นสี่ชั้น มีแอ่งน้ำลึกสองแห่งอยู่บนชั้นที่สอง

แอ่งน้ำทั้งสองปลดปล่อยควันสีขาวทั้งคู่ ทว่าเมื่อควันทั้งสองแห่งพุ่งขึ้นเพดานจะเกิดผลลัพธ์แตกต่างกัน

ควันสีขาวจากแอ่งน้ำแห่งหนึ่งพลันเปลี่ยนเป็นน้ำแข็งและกระจายออกทันทีที่ปะทะกับผนัง ควันสีขาวอีกแห่งแปรเปลี่ยนเป็นหยดน้ำสีแดงและหายเข้าไปในผนัง

หนึ่งร้อนหนึ่งเย็น!

แอ่งน้ำเย็นบรรจุน้ำเย็นอายุราวสามหมื่นปีจากดาวเคราะห์เยือกแข็งสวรรค์ ซูซาคุจ่ายราคาให้มันมหาศาลนัก

แอ่งน้ำร้อนบรรจุอัคคีอายุสามหมื่นปีจากดาวเคราะห์ต้นกำเนิดอัคคี ราคาของมันเท่ากับแอ่งน้ำเย็น

รอบแอ่งน้ำทั้งสองมีหินวิญญาณระดับสูง 99 ก้อนที่สร้างเป็นค่ายกลที่แตกต่างกันสองแห่งและปลดปล่อยพลังปราณจำนวนมากเกินจินตนาการ

ขณะนี้ในใจกลางแอ่งน้ำแต่ละแห่งมีหนึ่งบุรุษและหนึ่งสตรี

บุรุษนั่งอยู่เหนือแอ่งเปลวไฟและสตรีนั่งอยู่เหนือแอ่งน้ำเย็น ทั้งสองคนสวมเสื้อผ้าบางเฉียบและกำลังบ่มเพาะ

บุรุษไม่ได้หล่อเหลานักแต่เปล่งกลิ่นอายปิศาจออกมา ทว่ากลิ่นอายปิศาจนี้ไม่ได้รบกวนคนอื่น มันให้ความรู้สึกเป็นกันเองแทน

สตรีผู้นั้นไม่ได้งดงามน้อยไปกว่าผีเสื้อสีชาดเลย นางถือได้ว่าเป็นสมบัติแห่งชาติโดยแท้ นอกจากนั้นเมื่อเปรียบกับผีเสื้อสีชาด สตรีนางนี้ให้บรรยากาศชวนน่าหลงใหลมากกว่าทำให้นางมีเสน่ห์ดึงดูดเป็นที่สุด

หากหวังหลินอยู่ที่นี่เขาคงรู้สึกว่าสตรีนางนี้หน้าตาคุ้นเคยเป็นอันมาก

ตอนนี้เองผู้เฒ่าเรืองแสงสีแดงเข้ามาในถ้ำ ผู้เฒ่าคนนี้ช่างคล้ายกับผู้เฒ่าสกปรกที่เป็นคนให้หมวกฟางกับหวังหลินทว่ารัศมีที่เปล่งออกมาจากเขาแตกต่างกันมาก ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่แตกต่างกัน

หลังผ่านไปพักใหญ่ผู้เฒ่าเอ่ยขึ้น “เฉียนเฟิง!”

บุรุษที่นั่งในแอ่งน้ำเปลวไฟพลันลืมตาขึ้น รัศมีปิศาจรอบตัวรุนแรงยิ่งขึ้น หลังเห็นผู้เฒ่าเขาจึงสงบจิตใจและเอ่ยออกมา “เฉียนเฟิงขอทักทายท่านบรรพชน”

“ผีเสื้อสีชาดอยู่ในห้องลับ เข้าไปกลืนกินจิตสำนึกและเขตแดนของนางซะ!”

สายตาเฉียนเฟิงกระพริบวาบและพลางเอ่ยขึ้น “ผีเสื้อสีชาด? แต่นางเป็นธิดาสวรรค์ของเฉว่ยี่…” เมื่อเขาพูดถึงธิดาสวรรค์พลันเลียริมฝีปากและปั้นหน้าดูถูก

ผู้เฒ่าเอ่ยเบาๆ “เขตแดนไร้อารมณ์ของนางเกิดความก้าวหน้าระหว่างการต่อสู้กับเซิ่งหนิว ดังนั้นมันกำลังจะบรรจุขั้นแรกแต่นางยังไม่เสถียร เมื่อเจ้ากลืนกินนางเจ้าจะได้รับเขตแดนไร้อารมณ์! ซึ่งจะทำให้โอกาสการบรรลุขั้นเทวะของเจ้าเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย ข้าได้ค้นคว้านางมานานมาก”

เฉียนเฟิงยืนขึ้นพลันควันสีขาวถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกาย แววตาฉายแววปิศาจพร้อมกับพึมพำ “เซิ่งหนิว…อยากรู้จริงๆว่ามันสามารถทำให้ข้าใช้พลังได้ถึงหนึ่งในสิบส่วนหรือไม่!”

ผู้เฒ่าถอนหายใจ “มีเรื่องน่าเสียใจกับผีเสื้อสีชาดเล็กน้อย สตรีคนนี้…อาห์ ข้าอายุมากแล้วและอดไม่ได้ที่จะทำบางอย่าง…ช่างเถอะ เจ้าไปได้”

เฉียนเฟิงยิ้มบางและเอ่ยขึ้น “ท่านบรรพชน ท่านมักจะกล่าวว่าน่าเสียใจ แต่ฉายาแห่งซูซาคุจะไม่ถูกผ่านให้คนภายนอก มันอาจจะเป็นข้าหรือไม่ก็ศิษย์น้อง!”

สิ้นคำร่างกายเขาค่อยๆจางหายไปในที่สุด

ภายในห้องหนึ่ง ผีเสื้อสีชาดหลับตาฟื้นฟูพร้อมกับบ่มเพาะไปด้วย นางลืมตาและเอ่ยขึ้นว่า “เซิ่งหนิว ครั้งหน้าข้าจะฆ่าเจ้าแน่นอน”

น้ำเสียงอ่อนโยนปรากฎข้างในห้องทันที “ข้าจะมอบความต้องการนั้นให้!”

“ใครกัน?” แววตานางพลันแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม

บุรุษหนุ่มราวกับปิศาจออกมาจากพื้นที่ว่างและพูดกับผีเสื้อสีชาด “ข้าเฉียนเฟิง” จากนั้นชี้นิ้วไปที่นางอย่างลวกๆ

ผีเสื้อสีชาดใบหน้าเปลี่ยนไป นางสร้างผนึกและลำแสงสีแดงเริ่มเปล่งออกมาจากร่างกาย

บุรุษหนุ่มส่ายศีรษะและเผยรอยยิ้มเยาะเย้ย นิ้วมือบังคับให้แสงสีแดงแตกเป็นเสี่ยงๆและร่อนลงระหว่างคิ้วของผีเสื้อสีชาด

ร่างกายนางสั่นเทา นางต้องการดิ้นรนแต่นิ้วมือนี้ราวกับภูเขาจนนางไม่อาจต้านทานได้

“ท่านกำลังทำอะไร?!” ผีเสื้อสีชาดบังคับตัวเองให้สงบจิตใจลง

เฉียนเฟิงมองมาอย่างชั่วร้ายพร้อมกระซิบเข้าใส่รูหูผีเสื้อสีชาด “ข้าต้องการเขตแดนและวิญญาณธาตุทั้งสี่ของเจ้า!”

อาจารย์ของผีเสื้อสีชาดคำนวณว่านางจะต้องพบเจอหายนะ ทว่าอาจารย์ของนางบอกผิดคน มันไม่ใช่หวังหลินแต่เป็นเฉียนเฟิงคนนี้!

ภายในถ้ำ ผู้เฒ่าถอนหายใจอีกครา

“น่าเสียดาย…มีคนเป็นซูซาคุได้แค่คนเดียวเท่านั้น” สายตาผู้เฒ่าจรดลงบนสตรีที่นั่งอยู่แอ่งน้ำเย็น “หลิวเหมย!”

สตรีนั่งในแอ่งน้ำเย็นพลันลืมตาขึ้น นางมองผู้เฒ่าด้วยแววตาสงบนิ่ง

สตรีนางนี้คือหลิวเหมยแห่งสำนักซวนต้าว

ผู้เฒ่าเอ่ยขึ้น “เจ้าสร้างร่างอวตารหนึ่งพันตนเพื่อฝึกฝนในสำนักหลากหลายแห่งในแคว้นต่างกันเพื่อรู้แจ้งกฎสวรรค์ หนึ่งในร่างอวตารของเจ้าเข้าไปในสำนักซวนต้าวแห่งแคว้นจ้าว จำหวังหลินได้ไหม? เขาเป็นศิษย์สำนักเหิงยั่ว!”

หลิวเหมยครุ่นคิดเล็กน้อยและพลางเอ่ย “ศิษย์พอจำได้บ้างแต่ไม่ชัดเจนนัก”

“เซิ่งหนิวผู้นั้นคือหวังหลิน!”

ไม่มีความตื่นตกใจในแววตาหลิวเหมย นางเพียงแค่พยักหน้าและไม่ได้พูดคำใด

“คนเดิมที่ข้าเตรียมไว้ให้เจ้าคือโจวยี่จากสำนักเบญจธาตุ เขามีเขตแดนแห่งความบ้าคลั่ง หากเจ้าทิ้งร่องรอยไว้บนจิตใจแห่งเต๋าของเขา เจ้าจะสามารถกลืนกินเขตแดนแห่งความบ้าคลั่งได้…น่าเสียดายที่เขาหายตัวไปภายในดินแดนสวรรค์”

หลิวเมยขบคิด

ผู้เฒ่ามองหลิวเหมยและเอ่ยออกมา “เจ้ากำลังจะออกจากการปิดด่านฝึกตน เซิ่งหนิวผู้นั้นควรจะมาถึงในไม่ช้า เช่นนั้นเจ้าควรจะไปทักทายเขา ใช้วิธีใดก็ได้เพื่อให้เจ้าสามารถทิ้งรอยไว้บนจิตใจแห่งเต๋าของเขา ใช้คนผู้นี้เป็นเตาหลอมเพื่อช่วยให้บรรลุความสำเร็จที่ดีกว่าขึ้นอีก เมื่อเจ้าทำสำเร็จจะสามารถควบคุมเขตแดนแห่งชีวิตและความตายของเขาได้ ซึ่งทำให้เจ้าจะมีโอกาสสูงกว่าเฟิ่งเอ๋อในการได้รับนามแห่งซูซาคุ!”

ลิ่วเหมยถอนหายใจ นางกัดริมฝีปากและเริ่มขบคิด

“โอ้? เจ้าไม่ต้องการ?” ดวงตาผู้เฒ่าเรืองแสงสีแดงดูสงวนท่าทีไว้

หลิวเหมยกระซิบ “ศิษย์น้อมรับ!”

ผู้เฒ่าเงยศีรษะและมองออกไป ดวงตาราวกับสามารถมองผ่านถ้ำเข้าไปยังในตำแหน่งที่ผู้เฒ่าคนหนึ่งกำลังกินน่องไก่ในแคว้นเซียนระดับหนึ่ง

“ศิษย์น้อง คนทั้งสี่ที่เจ้าเลือกมา เซิ่งหนิวอ่อนแอที่สุด ดังนั้นข้าเดาว่าเจ้าคงไม่คิดอะไรมาก!”

“ข้าจะไปปิดด่านฝึกตน หวังว่าเมื่อข้าออกมาเจ้าจะทำสำเร็จแล้ว” หลังผ่านไปพักใหญ่ผู้เฒ่าถอนสายตาออกและหายตัวไปในแสงกระพริบสีแดง

หลิวเหมยยืนขึ้น เสื้อผ้าบางแนบชิดกับร่างกายเผยให้เห็นส่วนเว้าโค้งสมบูรณ์แบบและรูปร่างอันเย้ายวนใจ

นางสวมชุดชั้นในสีชมพูอ่อนและชุดข้างนอกสีขาวเผยร่องบนเนินอก กระโปรงจีบพริ้วไสวเบาๆราวกับแสงจันทราอันงามสง่าบนพื้นดิน

เส้นใยสามเส้นผูกขึ้นเป็นริบบิ้นพร้อมกับหนึ่งเส้นสยายมาหน้าอก ผิวกายนางขาวราวกับหิมะและแก้มแดงอ่อนระเรื่อบนใบหน้าเกิดเป็นรัศมีอันละเอียดอ่อนและมีเสน่ห์อย่างมาก นางราวกับผีเสื้องดงามที่กำลังบินอยู่ในสายลมแต่ขณะเดียวกันก็เย็นชาราวกับน้ำแข็ง…

นางคือหลิวเหมย เปรียบกับตอนที่หวังหลินพบเจอนาง ตอนนี้นางยิ่งงดงามและมีเสน่ห์ยิ่งกว่า!

“หวังหลิน…หรือจะเป็นเด็กหนุ่มกระบี่ยักษ์ในสำนักเหิงยั่ว…ใช่แล้ว เขาเป็นคนแรกที่คืนสติได้ ข้าไม่คิดว่าเขาจะเข้ามาอยู่ในสายตาของท่านบรรพชนในเวลาแค่ห้าร้อยปี…คนผู้นี้ไม่ได้รับมือง่าย” หลิวเหมยถอนหายใจและเดินออกไปจากถ้ำ

“การทิ้งรอยไว้บนจิตใจแห่งเต๋าของเขาไม่ใช่เรื่องยาก…หากนี่เป็นเส้นทางที่ถูกต้อง…” หลิวเหมยมีใบหน้าสับสน

ณ ตอนนี้เองเฉียนเฟิงลอยอยู่ในถ้ำพร้อมด้วยคนผู้หนึ่งเบื้องหลังเขา คนผู้นี้คือผีเสื้อสีชาด

แต่ดวงตาของนางราวกับหลุมดำและไม่มีสัญญาณชีวิตบนร่าง นางราวเป็นเสมือนกับหุ่นเชิดไปแล้ว

หลิวเหมยมองผีเสื้อสีชาดอย่างสงบนิ่งและไม่ได้เอ่ยคำใด

เฉียนเฟิงหยุดตัวลงห่างจากหลิวเหมยออกไปสามฟุต เขาเผยรอยยิ้มฟันขาวและเอ่ยขึ้นว่า “ศิษย์น้องจะออกไปแล้วหรือ?”

หลิวเหมยพยักหน้า “ศิษย์พี่เฉียนเฟิง คนเบื้องหลังท่านหรือจะเป็นผีเสื้อสีชาด?”

เฉียนเฟิงหัวเราะ “ผีเสื้อสีชาดตายไปแล้ว ตอนนี้นางเป็นเตาหลอมนางบำเรอของข้า ข้าเรียกนางว่าไร้หัวใจ”

หลิวเหมยมองผีเสื้อสีชาดอย่างละเอียดจนไม่สามารถทนดูนางได้อีกต่อไป นางเข้าใจแล้วว่าผีเสื้อสีชาดสูญเสียเขตแดนไปแล้วและพลังชีวิตของนางกลายเป็นหุ่นเชิดของเฉียนเฟิง

ความจริงแล้วสตรีชั้นยอดของรุ่นนี้ต่างตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันจนทำให้หลิวเหมยรู้สึกเศร้าโศก นี่เป็นคนที่สามที่เฉียนเฟิงกลืนกิน ทุกครั้งที่เขากลืนกินใครสักคน ระดับฝึกเซียนของเขาจะเพิ่มขึ้น

ท่านบรรพชนกำลังหมดหวังในการยกระดับเป็นซูซาคุคนถัดไป

เฉียนเฟิงมองแผ่นหลังของหลิวเหมยด้วยสายตาชั่วร้ายและพึมพำ “ศิษย์น้อง วันนึงเจ้าจะกลายเป็นนางบำเรอของข้า ไร้หัวใจเจ้าคิดเช่นไร?”

ผีเสื้อสีชาดยืนนิ่งเฉยเบื้องหลัง แววตานางไม่มีประกายราวกับเป็นเพียงแค่ร่างศพ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!