Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 401

Cover Renegade Immortal 1

401. โจวหวู่ไท่

บรรชนเผ่ามารยักษ์กำขวานสีแดงไว้ในมือ ตอนนี้รัศมีของเขาแตกต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิงราวกับกลายเป็นคนละคนเมื่อถือขวานเล่มนี้

ควันสีแดงออกมาจากขวานเข้าสู่ร่างกายบรรพชนเผ่ามารยักษ์ จากนั้นควันก็ออกมาจากรูขุมขน มองระยะไกลแล้วเขาดูโหดร้ายรุนแรงมาก

ควันสีแดงนี้ไม่ได้พักอยู่รอบๆร่างเขาแต่มันถูกขวานดูดซับกลับเข้าไปเกิดเป็นวัฏจักร

ทุกครั้งที่วัฏจักรนี้เสร็จสิ้นไปหนึ่งรอบ กลิ่นอายของบรรพชนจะยิ่งแข็งแกร่งงขึ้น

เขาลอยกลางอากาศและก้มศีรษะลงมองหวังหลินด้วยใบหน้ายิ้มกว้าง เส้นสีแดงรวบรวมเข้าด้วยกันตำแหน่งที่แขนซ้ายของเขาถูกตัดออกไป เส้นสีแดงค่อยๆเกิดเป็นรูปร่างของแขนสีแดง

เขาโยนขวานออกไปจากแขนขวาพร้อมกับร้องคำราม จากนั้นแขนซ้ายที่ถูกสร้างจากควันสีแดงได้รับขวานเอาไว้ ขวานได้เรืองแสงสีแดงสว่างจ้า

“หวังหลิน จงตายซะ!” เขาก้าวไปเบื้องหน้าและกวัดแกว่งขวานลงมา

ในพริบตาเดียวพลันมาถึงเบื้องหน้าหวังหลินพร้อมกับขวานในมือ

ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้น เขายกกระบี่สวรรค์และปะทะเข้ากับขวานแดง

ตู้มมม!

จังหวะที่ปะทะกันเกิดเสียงดังสั่นสะเทือนฟ้าดินจนเดินทางผ่านไปถึงสวรรค์ชั้นสูงสุด

หวังหลินสัมผัสพลังแข็.แกร่งจากขวานได้ ร่างกายสั่นเทาพร้อมกับโลหิตซึมออกมาจากปากและถอยร่นกลับไปอย่างรวดเร็ว

เขาถอยกลับไปถึงหนึ่งพันฟุต

บรรพชนเผ่ามารยักษ์กระอักโลหิตออกมาจากปากแต่ฝ่าเท้าของตัวเองราวกับมีรากติดอยู่จึงไม่ได้ขยับเขยื้อนเลย ทว่าร่างกายหดเล็กลงจนมีขนาดเพียงหนึ่งในสามเท่าของก่อนหน้านี้

แม้ว่าตอนนี้บรรพชนเผ่ามารยักษ์จะยังไม่ใช่ถุงกระดูกผุแต่เขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งเช่นคราวก่อน

เสียงคำรามออกมาจากปากบรรพชนราวกับอสูรดั้งเดิม ดวงตาเรืองแสงสีแดงและก้าวไปข้างหน้าพุ่งเข้าหาหวังหลินด้วยขวานแดง

“เจ้าเด็กน้อยหวังหลิน ตายซะ!” บรรพชนยกขวานขึ้นและตวัดลงมาอีกครั้ง

หวังหลินถอยกลับ แววตาเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น ฝ่ามือสร้างผนึกและเอ่ยขึ้น “ธงวิญญาณเกียรติยศ!”

ท้องฟ้ามืดลงราวกับแสงทั้งหมดมารวมกันเบื้องหน้าหวังหลิน ธงวิญญาณสูงสามสิบฟุตปรากฎในฝ่ามือเขากำลังส่องสว่างราวกับเปลวไฟในความมืด

เสาธงสูงสามสิบฟุตแต่ผืนธงมีขนาดใหญ่กว่า มันเคลื่อนไหวกลางอากาศโดยไร้ซึ่งแรงลมใดๆและมีจุดสีม่วงทองทั้งหมดสิบสองจุดบนนั้น

จังหวะที่ผืนธงปรากฎ เสียงคร่ำครวญนับไม่ถ้วนออกมาจากพื้นดินราวกับเหล่าภูติผีแต่ละตนร้องไห้อย่างขุ่นเคือง ควันสีดำหลากหลายเส้นออกมาจากพื้นและเริ่มโบยบินไปทุกทิศทุกทาง

ท้องฟ้ามืดมิดราวกับมีทรายสีดำปกคลุมทั้งท้องฟ้า ดวงอาทิตย์และดวงจันหลุดหายไป

การพุ่งลงมาของบรรพชนได้ช้าลงทันทีและขวานในฝ่ามือส่งเสียงหึ่งดังๆเล็ดลอดออกมา

ดวงตาสีแดงเผยความตกใจและเผยสัญญาณแห่งความหวาดกลัวซ่อนเอาไว้

“นี่….นี่มันสำนักหลอมวิญญาณ…” บรรพชนเผ่ามารยักษ์สูดหายใจลึก ดูเหมือนเขาจะนึกออกว่าธงผืนนี้มาจากนี้แต่ไม่อาจเชื่อได้ ไม่มีทางที่ธงจากความทรงจำของเขาจะปรากฎในมือหวังหลินได้

แต่ในตอนนี้ ผืนธงดูเหมือนกับเป็นผืนเดียวกันในความทรงจำนั่นทำให้เขายิ่งต้องเชื่อสายตา

ธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงถูกใช้โดยหวังหลินเป็นครั้งแรก

ในตอนนี้ที่ชายแดนของเผ่ามารยักษ์ สตรีชุดม่วงซึ่งยังเฝ้ามองอยู่พลันขมวดคิ้ว “ตุ้นเทียนเตะข้าออกจากสำนักหลอมวิญญาณดังนั้นจึงส่งต่อธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงให้หวังหลิน แม้ว่านี่จะเป็นแค่ภาพมายาเท่านั้นแต่มันไม่ใช่สิ่งที่บรรพชนเผ่ามารยักษ์จะต่อต้านได้”

นางถอนหายใจ นางได้สังเกตการณ์หวังหลินมายาวนานและยังไม่อาจค้นหาจิตใจแห่งเต๋าของเขาได้ นางอาจจะทำสำเร็จก็ได้หากนางใช้วิชาลับขณะที่เขาสลบไป

เมื่อคิดเช่นนี้นางก้าวไปเบื้องหน้าและมุ่งตรงออกไป ทว่านางหยุดทันทีและหันตัวกลับพร้อมกับมองออกไป

ชายร่างกำยำสวมชุดคลุมยาวสีม่วงพร้อมกับใส่หมวกฟางเดินออกมาจากทิศทางนั้น

“แม่นางหลิวเหมย คู่แข่งของเจ้าก็คือข้า!”

หลิวเหมยมองไปที่ชายร่างกำยำและกระซิบ “การมีหมวกฟางของหยุนเซว่นั้นหมายความว่าเจ้าเป็นหนึ่งในสี่คนที่เขาเลือก ทว่าระดับบ่มเพาะของเจ้าเป็นเพียงขั้นตัดวิญญาณระดับกลางแท้ๆ เจ้าไม่อาจหยุดข้าได้”

ชายร่างกำยำหัวเราะ “ระดับบ่มเพาะของแม่นางหลิวเหมยมากกว่าข้านัก แต่ข้ามิอาจปฏิเสธคำสั่งของผู้อาวุโสหยุนเซว่ได้ ท่านมาดื่มกับข้าสักเล็กน้อยไหม? จากนั้นข้าค่อยจากไปและบอกว่าข้าไม่เชื่อฟังคำสั่ง”

หลิวเหมยขยับร่าง นางยิ้มอย่างงดงาม “เจ้าเป็นคนที่น่าสนใจแต่เจ้าจะต้องรอข้าช่วยบรรพชนเผ่ามารยักษ์เสียก่อนจากนั้นข้าจะมาดื่มกับเจ้าได้”

ชายร่างกำยำส่ายศีรษะและยิ้มขึ้น “นั่นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หวังหลินก็คือสหายข้า ข้าจะปล่อยให้ท่านจากไปได้อย่างไร?”

หลิวเหมยถอนหายใจ นางมองชายร่างกำยำและเอ่ยขึ้น “ไปเถอะ ข้าไม่ต้องการทำร้ายเจ้า” สิ้นคำพูด นางเตรียมตัวเพื่อจะจากไป

ชายร่างกำยำนั่งลงในท่านั่งดอกบัว ฝ่ามือสร้างผนึกและเขตแดนปรากฎทันที เบื้องหลังเขาเป็นภาพของชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฎขึ้นและมองร่างชายกำยำด้วยแววตายกย่อง

หลิวเหมยหยุดกึกอีกครั้งและหันกลับไปหาชายคนนั้น เบื้องหลังความสวยงามของนางได้ซ่อนความไร้ปราณีไว้อย่างดีเยี่ยม นางกระซิบ “เขตแดนตัดอารมณ์…ไม่สงสัยเลยว่าเจ้าเป็นคนที่ท่านลุงเลือก ความตั้งใจอะไรถึงมีจิตใจแข็งแกร่งเช่นนั้น…”

“เพื่อรู้แจ้งอารมณ์ระหว่างอาจารย์และศิษย์ เจ้าตั้งเจตนาของตัวเอง จากนั้นรับศิษย์ผู้หนึ่ง รักเขาให้เหมือนกับลูกชายของตัวเอง แสดงความเมตตาเพื่อให้เขามีความกตัญญูและใช้โศกอนาฎกรรมครั้งนั้นเพื่อเข้าสู่ขั้นตัดวิญญาณ ทุกสิ่งที่เจ้าทำลงไปก็เพื่อสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างศิษย์อาจารย์ของตนเอง”

“ในที่สุดวันที่เจ้ารู้แจ้งเขตแดนของตัวเองและกำลังจะทะลวงไปสู่ขั้นตัดวิญญาณนั้นก็คือวันที่เจ้าต้องสังหารศิษย์ของตนเอง ไม่เพียงแต่เป็นศิษย์ที่รักที่สุดราวกับลูกชาย เข้าไม่อาจปล่อยให้เขาตายอย่างรวดเร็วได้ เจ้าต้องทำให้เขาประสบมันอย่างช้าๆเพื่อให้ความเจ็บปวดของตัวเจ้าเพิ่มขึ้นจนเพียงพอจะใช้ความเศร้านั้นบรรลุขั้นตัดวิญญาณ”

“ดูเหมือนที่เต็มไปด้วยอารมณ์จะยังไม่โหดร้ายพอ แต่ยังมีอารมณ์แฝงไว้อยู่ที่ไหนสักแห่ง การบรรลุขั้นตัดวิญญาณเช่นนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาสามารถทำได้แน่นอน”

ตอนนั้นที่หวังหลินเห็นเขาคนนี้จึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ มันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถทำเองได้

หวังหลินถือธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงขึ้นไปและธงเข้าไปในวิญญาณดั้งเดิมของเขา ผืนธงเริ่มขยับและเสียงเห่าหอนออกมาจากข้างในจนสามารถแทงขึ้นเสียดฟ้าได้

วิญญาณนับไม่ถ้วนออกมาจากธงวิญญาณซึ่งนำหน้าด้วยวิญญาณขั้นแปลงวิญญาณสีม่วงทองถึงสิบสองดวง

ใบหน้าบรรพชนเผ่ามารยักษ์เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาไม่เคยคิดว่าหวังหลินจะมีสมบัติแบบนี้อยู่ด้วย เขารู้สึกเจ็บปวดในใจ หากรู้ว่าหวังหลินมีสมบัตินี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาคงไม่ต้องเริ่มการต่อสู้ การใช้พลังเต็มที่เพื่อหนีรอดคือตัวเลือกที่ดีที่สุด

ทว่าตอนนี้หลายสิ่งหลายอย่างดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่มีทางเลือกจึงต้องต่อสู้ หากล่าถอยตอนนี้คงเหลือเพียงอย่างเดียวคือความตายเท่านั้น ดังนั้นการทุ่มทั้งหมดไปสุดตัวอาจจะดีกว่า ดวงตาแฝงความบ้าคลั่งเกิดขึ้นในบรรพชนเผ่ามารยักษ์ เขาพุ่งออกไปอีกพร้อมกับตะโกนเสียงดัง ความเร็วนั้นกลับเร็วยิ่งกว่าก่อนนี้หน้า เขายกขวานขึ้นและร้องตะโกน “แขนขวาของบรรพชนผู้ก่อตั้ง ช่วยข้าสังหารคนผู้นี้!”

สายฟ้ากระพริบผ่านท้องฟ้า สายฟ้านี้เป็นสีแดงและเมื่อมันข้ามผ่านท้องฟ้ามาพื้นดูเหมือนจะย้อมด้วยสีแดงโลหิตไปชั่วขณะ

บรรพชนเผ่ามารยักษ์คือคนที่ถือสายฟ้าเอาไว้ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วเขาดูเล็กมากและไม่มีความหมายไปเลย

สายฟ้าแดงเป็นเพียงสิ่งเดียวที่อยู่กลางท้องฟ้า ขณะที่มันลดลงมา เงาขวานสีแดงดูเหมือนจะดูข้างในสายฟ้าแดงนี้

หวังหลินมองไปที่สายฟ้าแดงเบื้องหน้า แววตาสงบนิ่งขณะชี้ไปและเอ่ยขึ้น “ธงวิญญาณ กลืนกิน!”

วิญญาณหนึ่งล้านดวงพุ่งออกไป ขณะที่สายฟ้าแดงตกลงมา เหล่าวิญญาณสีม่วงทองสิบสองดวงก็พุ่งออกไป พวกเขาคือเหล่าเซียนขั้นแปลงวิญญาณที่แข็งแกร่งทั้งสิบสองตน ฝ่ามือแต่ละคนสร้างผนึกและกระตุ้นมนต์คาถาที่ใช้งานร่วมกัน

ลำแสงสีทองเชื่อมต่อกับดวงวิญญาณขั้นแปลงวิญญาณทั้งสิบสองคนเพื่อสร้างตากข่ายขังสายฟ้าแดงไว้ข้างใน

ในเวลาเดียวกันเหล่าดวงวิญญาณหนึ่งล้านดวงรอบตาข่ายดูเหมือนจะได้รับคำสั่งจากวิญญาณหลักทั้งสิบสองดวง พวกมันทั้งหมดพุ่งเข้าหาตาข่ายจากทุกทิศทุกทาง ปลดปล่อยกลิ่นอายราวกับสามารถสั่นสะเทือนไปทั้งโลกได้

หากมองจากเบื้องบน เหล่าดวงวิญญาณหลักทั้งสิบสองดวงสร้างวงกลมขึ้นมาหนึ่งวงและวิญญาณนับไม่ถ้วนล้อมรอบวงกลมนี้และในจังหวะนั้นวิญญาณทั้งหมดก็พุ่งเข้าไปในวงกลม

ตู้มมม! ตู้มมม! ตู้มมม!

ขณะที่เหล่าดวงวิญญาณพุ่งเข้าไป ฟ้าดินสั่นสะเทือน มิอาจะเห็นได้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน เพียงแต่ได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดออกมาจากบรรชนเผ่ามารยักษ์เป็นครั้งคราว

แต่ขณะนี้เอง ลำแสงสีแดงหนึ่งตัดมาเปิดผ่านเหล่าดวงวิญญาณ บรรพชนเผ่ามารยักษ์ที่ตอนนี้ดูราวกับถุงกระดูกไร้สัญญาณชีวิตพุ่งออกมาพร้อมกับถือขวานแดงไปด้วย

ขณะที่ปรากฎตัว เขากระอักโลหิตคำโตทันที เขาจ้องมองหวังหลินด้วยสายตาอสรพิษและกำลังจะหลบหนี ทว่ายังสายเกินไป

วิญญาณนับไม่ถ้วนพุ่งออกไปอีกครั้ง วิญญาณหลักสีม่วงทองทั้งสิบสองดวงต่างหัวเราะน่าขนลุกและกระโจนเข้าใส่บรรพชนเผ่ามารยักษ์อีกครั้ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!