421. ขั้นแปลงวิญญาณ
หวังหลินนั่งในถ้ำด้วยท่านั่งดอกบัวและนำกระเป๋าที่ตุ้นเทียนโยนให้ออกมา หลังตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณใบหน้าจึงเปลี่ยนเป็นประหลาดใจ
เขารู้ว่าตุ้นเทียนได้หินหยกสวรรค์มาจำนวนมากแต่ไม่รู้จำนวนที่แน่นอน เมื่อเหล่าสำนักพวกนั้นส่งหินหยกสวรรค์ให้ ตุ้นเทียนจะเก็บใส่ในกระเป๋าทันที
ตอนนี้เมื่อเห็นพวกมันแล้วจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ
“กระเป๋าใบเล็กๆแค่นี้บรรจุหินหยกที่ข้าได้จากดินแดนสวรรค์มากกว่าร้อยเท่า…ไม่สงสัยเลยว่าสำนักหลอมวิญญาณมีเซียนขั้นแปลงวิญญาณได้มากมายอย่างไร”
ดวงตาหวังหลินสว่างวาบ เขาเขย่ากระเป๋าและหินหยกสวรรค์จำนวนมากออกมาล้อมรอบตัว ในพริบตาเดียวถ้ำก็เต็มไปด้วยพลังปราณสวรรค์พุ่งพล่าน
นี่เป็นแค่ส่วนเดียวที่อยู่ในกระเป๋า หวังหลินเก็บกระเป๋าไว้อย่างระมัดระวังและเริ่มฝึกฝนให้ดูดซับพลังปราณสวรรค์
พลังปราณสวรรค์หลั่งไหลเข้าไปในร่างกายเขาและเริ่มปรับแต่งพลังปราณข้างใน หวังหลินมีประสบการณ์มาก่อนแล้วดังนั้นจึงเริ่มต้นกระบวนการทะลวงผ่านขั้นแปลงวิญญาณได้โดยง่าย
พลังปราณสวรรค์จำนวนมหาศาลเข้าสู่ร่างกาย พลังปราณธรรมดาทั้งหมดในร่างกายควบแน่นกลายเป็นบอลลูกหนึ่ง บอลนี้ราวกับเป็นแกนพลังของเซียนคนหนึ่งแต่ว่าแตกต่างกันราวกับฟ้าดิน
สามวันถัดมา หินหยกสวรรค์ล้อมรอบหวังหลินเปลี่ยนเป็นสีเทาและเกิดรอยร้าว จากนั้นก็กลายเป็นฝุ่นผง หวังหลินไม่ลังเลที่จะนำออกมาจากกระเป๋าเพิ่มขึ้นจำนวนมากอีกครั้ง
การดูดซับพลังปราณสวรรค์ไม่เคยหยุดหลง มันทะลักเข้าไปในร่างกายหวังหลินอย่างรวดเร็วเพื่อปรับแต่งพลังปราณข้างในไปพร้อมกับเลือดเนื้อและกระดูก
ก้าวแรกสู่ขั้นแปลงวิญญาณคือการปรับแต่งร่างกายให้สามารถทนต่อพลังของพลังปราณสวรรค์ได้
ก่อนดินแดนสวรรค์ล่มสลาย ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องเหล่านี้ ที่ต้องทำเพียงแค่เข้าไปในบ่อน้ำชำระวิญญาณ ในเวลาไม่กี่เดือนรากฐานจึงชำระสิ้นและได้รับความสามารถในการทนต่อพลังปราณสวรรค์แล้ว
ทว่าตอนนี้ดินแดนสวรรค์สูญสิ้นและบ่อน้ำชำระวิญญาณก็หายไปด้วย เหล่าเซียนจำเป็นต้องใช้หินหยกสวรรค์เพื่อชำระรากฐานเอง
เมื่อรากฐานของคนผู้หนึ่งถูกลบล้างออกไป ขั้นแรกนับว่าเสร็จสิ้น ขั้นตอนที่สองคือการทำให้วิญญาณดั้งเดิมเปลี่ยนจากนามธรรมเป็นรูปธรรม
แม้ว่ามันไม่อาจทดแทนร่างกายหยาบได้ วิญญาณดั้งเดิมที่เป็นรูปธรรมนั้นทรงพลังมากกว่าหลายเท่าและมีความสามารถในการปกป้องตัวเอง
ให้มองว่าวิญญาณแรกกำเนิดเป็นเสมือนเด็กทารกและวิญญาณดั้งเดิมเป็นเด็กทารกที่เติบโตกลายเป็นหนุ่ม ขั้นถัดไปนั้นการแปลงวิญญาณคือพาให้เปลี่ยนแปลงอย่างลึกลับซับซ้อน เด็กหนุ่มเติบโตขึ้นจนกลายเป็นเด็กหนุ่มแข็งแกร่งที่มีอาวุธครบมือ ในขั้นนี้วิญญาณดั้งเดิมแข็งแกร่งมากกว่าวิญญาณดั้งเดิมจากขั้นตัดวิญญาณมากมายหลายเท่า
การที่ดวงวิญญาณของซือถูหนานมีขนาดใหญ่มากนั่นเป็นสัญลักาณ์ที่บ่งบอกว่าเขาข้ามขั้นแปลงวิญญาณไปแล้ว แม้กระทั่งวิญญาณของเซียนขั้นเทวะยังมีขนาดเท่ากับเซียนขั้นแปลงวิญญาณ มีเพียงการทะลวงผ่านขั้นเทวะไปเท่านั้นถึงจะเป็นการเปลี่ยนแปลงก้าวถัดไป
อย่างไรก็ตามระดับนั้นยังถือว่าห่างไกลสำหรับหวังหลินตอนนี้
วันเวลาค่อยๆผ่านไป หินหยกสวรรค์จำนวนมากในกระเป๋าถูกดูดซับไปและหินหยกสวรรค์ที่ล้อมรอบเขาเปลี่ยนกลายเป็นฝุ่นผง
ในวันนี้บอลพลังปราณในจุดตันเถียนแตกร้าวและพลังดึงดูดทรงพลังออกมาจากรอยร้าวนั้น พลังปราณสวรรค์ทั้งหมดที่หวังหลินดูดซับมาได้ถูกดูดเข้าไป
แม้กระทั่งหินหยกสวรรค์ที่เขาพึ่งนำออกมายังสลายกลายเป็นฝุ่นผงขณะเดียวกันพลังปราณสวรรค์ที่แตกออกมาได้ถูกดูดเข้าไปในรอยร้าวนั้น
ลูกบอลพลังปราณค่อยๆเปลี่ยนสี มันเริ่มเป็นสีเขียวและตอนนี้เรืองแสงสีทอง
ความคิดหวังหลินยังแจ่มชัดดังนั้นจึงเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงในร่างกายอย่างเยือกเย็นราวกับกำลังเฝ้าดูคนอื่นอยู่
หลังจากนั้นไม่นานนัก เมื่อพลังปราณสวรรค์ทั้งหมดถูกบอลพลังปราณดูดเข้าไป ลูกบอลเปลี่ยนสีเป็นสีทองโดยสิ้นเชิง หากดึงออกมาจากร่างกายมันดูเหมือนแกนพลังสีทองไม่มีผิดเพี้ยน
ในตอนนี้ลูกบอลแกนพลังทองสั่นเทาและเริ่มปรากฎรอยร้าวมากขึ้นและมากขึ้น เสียงดังปัง พลังปราณทั้งหมดในร่างกายหวังหลินพุ่งออกภายนอกและผลักวิญญาณดั้งเดิมของเขาออกไปห่างจากร่างกายสามนิ้ว เขาพยายามให้มันคืนกลับมาแต่มีพลังสายหนึ่งอันแข็งแกร่งป้องกันเอาไว้
วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินลอยเหนือร่างกาย ตอนที่เขามองลงมาเขาสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับวิญญาณดั้งเดิมได้ทั้งหมด
เมื่อแกนพลังสีทองแตกสลาย พลังปราณสวรรค์แตกกระจายเข้าสู่เส้นชีพจรในร่างกายทั้งหมด ตอนนี้ร่างเขาเป็นเสมือนเปลือกว่างเปล่าที่เต็มไปด้วยพลังปราณสวรรค์
รูขุมขนทั้งหมดเปิดออกและปลดปล่อยพลังปราณสวรรค์หลากหลายขุม
ไม่นานนักพลังปราณสวรรค์ทั้งหมดที่ออกจากรูขุมขนพลันกลับเข้าสู่ร่างกายผ่านปาก กระบวนการนี้กลายเป็นวัฎจักรหนึ่ง
ร่างกายหวังหลินค่อยๆโปร่งใสและเสื้อผ้าหายไปอย่างช้าๆ กระเป๋าสองใบของเขาตกลงบนพื้น
พลังปราณสวรรค์สร้างเส้นชีพจรในร่างกายอย่างช้าๆ เส้นชีพจรเหล่านี้ถูกสร้างจากพลังปราณสวรรค์ดังนั้นพวกมันจึงสามารถทนทานต่อพลังปราณสวรรค์ได้โดยธรรมชาติ
เลือดเนื้อเริ่มเปลี่ยนไปเช่นกันพร้อมกับพลังปราณสวรรค์ได้ฝังแน่นเข้าไปในร่างกาย ตอนนี้เขาดูเหมือนกำลังจะกลายเป็นเทวดาตนหนึ่ง
กระบวนการเปลี่ยนแปลงทั้งร่างกายนี้กินเวลาไปเท่าไหร่ไม่ทราบ ตลอดกระบวนการนี้วิญญาณดั้งเดิมหวังหลินลอยเหนือร่างกายเขา เขาพยายามกลับเข้าสู่ร่างกายนับไม่ถ้วนแต่ถูกหยุดไว้ข้างนอก ราวกับว่าร่างกายไม่ได้เป็นของเขาและเขาไม่สามารถรวมเข้ากับมันได้อีกต่อไป
ในวันนี้ร่างกายของเขาเริ่มปลดปล่อยกลิ่นหอม กลิ่นหอมมีเสน่ห์อย่างมากราวกับเป็นสมุนไพรที่พึ่งขุดพบ
กลิ่นหอมลอยออกไปนอกถ้ำทำให้ดวงตาตุ้นเทียนว่างวาบ ดวงตาเผยแววชื่นชมและถอนหายใจเอ่ยขึ้น “ก้าวแรกสู่ขั้นแปลงวิญญาณ การปรับแต่งร่างกายเสร็จสิ้น ตอนนี้เป็นเวลาสำหรับขั้นที่สอง ปรับแต่งวิญญาณดั้งเดิม”
ฝ่ามือสร้างผนึกขึ้น ลำแสงสีดำล้อมรอบถ้ำโดยทันทีและป้องกันกลิ่นหอมไม่ให้กระจายออก
“กลิ่นหอมที่มีผลจากการเสร็จสิ้นก้าวแรกขั้นแปลงวิญญาณจะดึงดูดความสนใจจากเหล่าอสูรและปิศาจทรงพลังที่ต้องการครอบครองร่างกาย ทว่าสำนักหลอมวิญญาณของข้าเชี่ยวชาญในวิญญาณโดยเฉพาะ หากเหล่าปิศาจไม่มาก็คงจะดี แต่หากพวกมันเข้ามาข้าจะให้พวกมันกลายเป็นอาหารของธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงไปเสีย”
“ข้าไม่กลัวเหล่าอสูรนัก ค่ายกลป้องกันสำนักหลอมวิญญาณสามารถกักขังพวกมันทั้งหมดไว้ข้างนอก ยังไม่มีอสูรสักตัวที่ทำให้ข้ากลัวได้”
บททดสอบอันตรายของการบรรลุขั้นแปลงวิญญาณนั้นไม่มีอะไรที่ทำให้ตุ้นเทียนต้องปกป้องหวังหลินเลย แต่สำหรับเหล่าเซียนอิสระหรือสำนักอ่อนแอ มันกลับอันตรายถึงชีวิต
ระหว่างการเปลี่ยนแปลง วิญญาณดั้งเดิมจะถูกบังคับให้ออกจากร่างกายและร่างกายจะไร้การป้องกัน หากมีปิศาจหรือดวงวิญญาณรอบๆที่ทรงพลัง พวกมันสามารถครอบครองหรือกลืนกินร่างกายได้ง่ายๆ
แม้กระทั่งพวกอสูรยังสนใจร่างกายที่พึ่งบรรลุขั้นแปลงวิญญาณ สำหรับพวกมันแล้วร่างกายเป็นเสมือนสมบัติโดยธรรมชาติและการกลืนกินมันจะเพิ่มความแข็งแกร่งได้อีกด้วย
เมื่อวิญญาณดั้งเดิมกลับคืนสู่ร่างกายและเชื่อมต่อกับพลังข้างในร่าง ร่างกายนั้นจะกลายเป็นสิ่งไร้ประโยชน์ต่อเหล่าอสูร
ข้างในถ้ำ หวังหลินใช้วิญญาณดั้งเดิมยื่นมือออกมาและนำหินหยกสวรรค์ออกมาจำนวนมาก ครั้งนี้พลังปราณสวรรค์ไม่ได้ถูกร่างกายดูดซับแต่กลับกลายเป็นวิญญาณดั้งเดิมของเขา
ความรู้สึกสุขสบายเติมเต็มวิญญาณหวังหลิน เขารู้สึกว่าตอนที่พลังปราณสวรรค์เข้าสู่วิญญาณดั้งเดิมทำให้มันขยายขนาดใหญ่ขึ้นและเป็นรูปธรรมมากขึ้น
ตอนนี้หวังหลินเข้าใจแล้วว่าเมื่อวิญญาณดั้งเดิมของเขามีตัวตนขึ้นมา เขาจะสามารถกลับคืนร่างกายได้และถือว่าการบรรลุขั้นแปลงวิญญาณเสร็จสิ้น
มันใช้เวลานานมากเพื่อให้วิญญาณดั้งเดิมของเขากลายเป็นรูปธรรม
ข้างนอกถ้ำ ดวงตาตุ้นเทียนส่องสว่างขึ้นและโบกสะบัดแขนซ้าย วิญญาณหลักสีม่วงทองดวงหนึ่งลอยออกมาคว้าวิญญาณชั่วร้ายดวงหนึ่งและลากมันเข้าไปในธงวิญญาณ
ตุ้นเทียนพึมพำ “นี่ก็เป็นดวงที่สิบเก้าแล้ว น่าเสียดายทั้งหมดเป็นเสี้ยววิญญาณระดับตัดวิญญาณทั้งหมด หากมีสักตัวเป็นวิญญาณระดับแปลงวิญญาณ เมื่อนั้นธงวิญญาณคงมีวิญญาณหลักเพิ่มอีกดวง”
ขณะนั้นเองแสงสีม่วงทองลอยเข้ามาไกลๆ ค่ายกลป้องกันไม่สามารถหยุดมันได้ดังนั้นมันจึงพุ่งตรงไปที่ถ้ำ
ดวงตาตุ้นเทียนสว่างวาบและหัวเราะออกมา เขาคิดไว้แล้วว่าค่ายกลไม่สามารถหยุดเหล่าวิญญาณได้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงปล่อยให้เข้ามา
“ดี มาเลย!” ตุ้นเทียนเคลื่อนไหวและดวงตาสว่างขึ้น เขากระโจนขึ้นไปกลางอากาศและยื่นมือเข้าหาวิญญาณม่วงทอง
แสงสีม่วงทองหายไปและหลบฝ่ามือของตุ้นเทียนจากนั้นพุ่งเข้าหาถ้ำ
เมื่อเห็นว่าดวงวิญญาณกำลังจะเข้าไปในถ้ำ ตุ้นเทียนรีบเคลื่อนไหวและปรากฎตัวเบื้องหน้าวิญญาณดวงนั้นทันที เขาหัวเราะ “น่าเสียดาย เจ้าไม่ได้บรรลุขั้นแปลงวิญญาณ เจ้าแค่ชายขอบเท่านั้นจึงไม่อาจหนีพ้นไปได้!” ฝ่ามือสร้างผนึกและวังวนยักษ์ปรากฎ
ตุ้นเทียนตะโกน “วังวนวิญญาณ!” ดวงวิญญาณกรีดร้องและรีบล่าถอย แต่ตุ้นเทียนนำไปก้าวนึง “จับกุม!”
พลังดึงดูดรุนแรงออกมาจากวังวนและวิญญาณม่วงทองถูกลากเข้าไปหา
ตุ้นเทียนยิ้มออกมา แต่ขณะนั้นเสียงดังปังออกมาจากค่ายกลป้องกันสำนักหลอมวิญญาณ ค่ายกลสั่นสะท้านและจากนั้นพังทลายอย่างสมบูรณ์
เสียงนี้ดังกึกก้องสะท้อนไปทั้งสำนักทันที กระทั่งภูเขาหลักทั้งสามลูกยังสั่นเทาจนหินจำนวนมากหล่นลงมาและเกิดรอยแตกร้าว เหล่าศิษย์ข้างใจต่างหวาดกลัว
ในท้องฟ้าปรากฎร่างสีแดงสวมเสื้อคลุมสีแดง ร่างนี้ปลดปล่อยกลิ่นอายทรงพลังเหนือจินตนาการ
ในตอนนี้ ท้องฟ้าสูญสิ้นแสงของมันและเหลือเพียงแค่ร่างคนผู้นี้
“จูเซว่จื่อ!” ตุ้นเทียนมีใบหน้ารังเกียจมาก เขาไม่มีเวลาเล่นกับเศษเสี้ยววิญญาณนี้ดังนั้นจึงโบกสะบัดธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงและจับมันไป