437. ช่วยด้วย…
เสียงนี้ดังเข้ามาในหูหวังหลินและตรงเข้าสู่วิญญาณของเขา มันเป็นเสียงเดียวกันกับที่ร้องไห้ก่อนหน้านี้
หวังหลินเมินเฉยและเคลื่อนไหวผ่านหลุมเล็กอย่างรวดเร็ว ด้วยระดับบ่มเพาะของเขาจึงสามารถเคลื่อนเข้าสู่ห้องลับผ่านหลุมในผนังได้เร็วมาก
ไม่นานนักหวังหลินก็มาถึงถ้ำแห่งหนึ่งที่มีหลุมนับไม่ถ้วนบนผนัง จากนั้นเข้าไปข้างในหนึ่งในหลุมพวกนี้
มีโลงศพขนาดยักษ์ตั้งอยู่กลางถ้ำ โลงศพนี้ดูธรรมดามากและไม่มีการประดับตกแต่งอะไรเลย ทว่ากลิ่นอายหยินที่รั่วไหลออกมาช่างทรงพลัง รัศมีหยินเปลี่ยนเป็นควันสีขาวพร้อมกับถูกหลุมจำนวนมากบนกำแพงดูดออกไป
โลงศพว่างเปล่า อีกด้านของมันเป็นหลุมขนาดใหญ่ข้างใน พลังหยินออกมาจากหลุมนี้
หวังหลินไม่หยุด เขาดำดิ่งเข้าไปในโลงศพ กลิ่นอายหยินที่นี่หนาแน่นมาก มันสร้างเป็นคลื่นพลังงานหยินที่พยายามหยุดเขาไม่ให้ถล้ำลึกกว่านี้
“ช่วยข้าด้วย…” เสียงเรียกขอความช่วยเหลือซึ่งออกมาจากหลุมและดังก้องในหูหวังหลิน
หวังหลินเข้าไปในหลุม ยิ่งเข้าไปลึกก็ยิ่งมีรัศมีหยินอันรุนแรงขึ้น รัศมีหยินล้อมรอบหวังหลินเป็นวงกลมแต่ไม่อาจต้านเขาได้
ขณะที่หวังหลินลงไปลึกขึ้น กลุ่มก้อนควันสีฟ้าปรากฎเบื้องหน้า ควันสีฟ้าดูเหมือนก่อร่างเป็นประตูที่ผนึกพื้นที่เอาไว้
หวังหลินเคยเผชิญหน้ากับควันสีฟ้านี้มาก่อนเช่นกัน ตอนนั้นเขาต้องบิดตัวงอแต่ทว่าตอนนี้พลังหยินแตกสลายเมื่อปะทะกับหวังหลิน
“ช่วยด้วย…” เสียงเรียกขอความช่วยเหลือยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อควันสีฟ้าถูกกวาดออกไป
ร่างหวังหลินเมื่อตอนนั้นไม่สามารถทนต่อพลังงานหยินนี้ได้ หากเขาผิดพลาดเพียงครั้งเดียว พลังงานหยินจะแทรกซึมเข้าร่างกายและแช่แข็งเขาไว้ทั้งเป็น แต่ตอนนี้เขารู้สึกสบายอย่างยิ่งพร้อมกับทำลายประตูทั้งหมดที่สร้างจากพลังงานหยินขึ้นมา
เมื่อเข้าใกล้ก้นหลุม หวังหลินทำลายประตูหยินด่านสุดท้ายและเข้ามาข้างใน
ที่นี่เป็นถ้ำขนาดใหญ่มาก ตามที่หวังหลินวิเคราะห์มันมีขนาดเท่ากับพื้นที่ราบด้านบนเลย
ใจกลางถ้ำเป็นควันเมฆสีขาวขนาดใหญ่โตซึ่งปลดปล่อยพลังงานหยินแข็งแกร่ง หมอกสีขาวนี้กินเนื้อที่ถ้ำไปถึงสามในสี่ส่วน
ร่างหวังหลินปรากฎกลางอากาศ ดวงตาสว่างวาบจ้องไปที่หมอกขาว
ภายในสายหมอกขาวมีแสงชั่วร้ายกระพริบเป็นพักๆพร้อมกับเถาวัลย์สีม่วงเคลื่อนไหวข้างใน ยิ่งเถาวัลย์เคลื่อนไหวก็ยิ่งมีสายหมอกขาวเพิ่มมากขึ้น
สายตาหวังหลินสว่างวาบ เขาสูดหายใจลึกและเป่าลมออกไป สายลมรุนแรงปรากฎขึ้นและพัดหมอกขาวจำนวนมากให้ห่างไป แต่ขณะที่มันลอยออกไปนั้นก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น
หวังหลินพ่นลมหายใจเย้นขณะยังคงสงบนิ่ง เขาตบกระเป๋านำหินหยกสวรรค์ก้อนหนึ่งออกมา ถือมันไว้ฝ่ามือซ้ายขณะที่อีกข้างสร้างผนึก พลันชี้ไปที่หมอกขาวและกระซิบ “สายลม จงเคลื่อนไหว!”
วิชาธาตุวายุพื้นฐานซึ่งใช้ได้ตั้งแต่ขั้นพื้นฐานลมปราณได้ถูกหวังหลินเรียกใช้ ทว่าวิชาเซียนบทนี้บรรจุพลังปราณสวรรค์เข้าไปด้วย ดังนั้นพลังของมันจึงเหนือจินตนาการ สายลมกรรโชกที่รุนแรงมากกว่าเดิมหลายเท่าปรากฎขึ้นและพัดสายหมอกสีขาวออกไป
สายลมราวกับคลื่นยักษ์พัดพาสายหมอกให้ห่างไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเปลี่ยนเป็นพายุทอร์นาโด ดึงสายหมอกเข้าไปใกล้มันจากทุกแห่ง
สายหมอกราวกับใบไม้ที่กำลังร่วงหล่นเมื่อถูกพายุพัดโหมกระหน่ำ หมอกทั้งหมดปลิวไปกับทอร์นาโดดังนั้นมันจึงเผยสิ่งที่ซ่อนอยู่ข้างใน
ร่างเปลือยกายขนาดใหญ่ผิวสีฟ้ากำลังลอยกลางอากาศ ผิวหนังไม่หยาบกระด้างเหมือนเทพโบราณแต่กลับเรียบเนียน
ส่วนยอดของร่างถูกต้นไม้สีม่วงอมเขียวปกคลุม ทุกครั้งที่ต้นไม้ขยับ ร่างนั้นจะหดเล็กลงเล็กน้อยแต่ก็ฟื้นตัวได้รวดเร็ว วงจรนี้ได้เกิดหมอกสีขาวขึ้นมา
สิ่งที่ทำให้หวังหลินตกใจก็คือบนหน้าผากของยักษ์ตัวนี้เป็นขวานเบาบางซึ่งกำลังกระพริบอ่อนๆ
เขามั่นใจว่าคนผู้นี้เป็นบรรพชนผู้ก่อตั้งเผ่ามารยักษ์แน่นอนซึ่งได้นำพาเผ่ามารยักษ์มาตั้งถิ่นฐานที่นี่
คนผู้นี้เป็นคนที่พุ่งเข้าหากองทัพเผ่าละทิ้งอมตะด้วยขวานยักษ์และสังหารชาแมนเก้าใบไม้ไปถึงสามคน
หวังตอนนี้เข้าใจเรื่องลำดับของเผ่าละทิ้งอมตะได้ดียิ่งขึ้น ไม่นับพวกขั้นต่ำกว่าเจ็ดใบไม้ ระดับที่เจ็ดและแปดใบไม้จะคล้ายคลึงกับเซียนขั้นแปลงวิญญษณ ส่วนเก้าใบไม้จะคล้ายกับเซียนขั้นเทวะระดับต้น
การสังหารเซียนขั้นเทวะระดับต้นไปสามคนนับว่าไม่ง่าย และไม่ลืมว่าเขาพุ่งเข้าสู่ใจกลางกองกำลังของศัตรูเพื่อทำเรื่องเหล่านั้น ความรุนแรงและในการรบอันแข็งแกร่งนับว่าหาดูยากยิ่ง
“ช่วยด้วย…” เสียงเรียกให้ช่วยยิ่งเด่นชัดและเข้าสู่หูของหวังหลินต่อไป
หวังหลินเมินเสียงเรียก เขาเข้าไปมองร่างยักษ์ใกล้ๆแทน พลันสัมผัสถึงพลังชีวิตอันแข็งแกร่งออกมาจากร่างได้แต่ดูเหมือนจะมีค่ายกลลึกลับที่หยุดพลังชีวิตไม่ให้เคลื่อนไหวเอาไว้
ส่วนต้นไม้สีม่วงอมเขียว ร่างของมันเหมือนเข็มแหลมที่แทงเข้าสู่ร่างยักษ์ พวกมันกำลังดูดซับพลังชีวิตอันไร้ขอบเขตและเปลี่ยนกลายเป็นพลังงานหยิน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หวังหลินเห็นสิ่งนี้แต่ถึงเช่นนั้นมันก็ทำให้เขาตกใจอยู่ดี
ร่างของบรรพชนเผ่ามารยักษ์ แม้ว่ามันจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับเทพโบราณ ทว่ามันแข็งแกร่งกว่าร่างเทพโบราณสามดาวของหวังหลินในปัจจุบันอยู่หลายเท่าตัว ซึ่งเปรียบได้กับร่างเทพโบราณประมาณห้าหรือหกดาว
“ระดับบ่มเพาะของบรรพชนผู้ก่อตั้งเผ่ามารยักษ์นับว่าน่าตกใจจริงๆ!” ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้น
“ช่วยด้วย…ช่วยด้วย…” เรียกเสียงให้ช่วยถี่ขึ้น ดูเหมือนบรรพชนผู้ก่อตั้งเผ่ามารยักษ์คนนี้จะรับรู้ถึงตัวตนของหวังหลินได้
หวังหลินเมินเสียงร้องไห้ขอความช่วยเหลือและร่อนลงบนร่างยักษ์แทน จังหวะที่ลงมาถึง ต้นไม้ปรสิตสีม่วงอมเขียวก็เริ่มส่งเสียงซี่ๆ หลังจากนั้นไม่นานมันก็เริ่มเคลื่อนไหว รากโลหิตและแหลมคมแต่ละส่วนออกมาจากร่างยักษ์และชี้มาที่หวังหลิน
เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ ร่างยักษ์บิดงอราวกับตกอยู่ในความเจ็บปวด
หวังหลินมองต้นไม้อย่างเฉยเมย จากนั้นโบกแขนและเปลวเพลิงครอบคลุมทั้งพื้นที่ เปลวเพลิงบรรจุพลังปราณสวรรค์ดังนั้นพวกต้นไม้จึงหนีห่างจากพวกมันทันที
หวังหลินไม่ต้องการทำอันตรายต้นไม้เหล่านี้ ด้วยประสบการณ์ของเขาจึงบอกได้ว่าต้นไม้เหล่านี้ใส่กฎเกณฑ์จำนวนมากในร่างยักษ์ หากเขาทำลายต้นไม้มันอาจจะไปก่อกวนผนึกและให้ยักษ์ตนนี้ได้รับอิสระขึ้นมา หวังหลินไม่ต้องการตกที่นั่งลำบากไปพร้อมกับมัน
ขณะที่เหล่าต้นไม้ถอยกลับ หวังหลินตบกระเป๋าและกระบี่สวรรค์ปรากฎขึ้น เขากวัดแกว่งกระบี่ลงไปที่ร่างยักษ์
เสียงเศษเหล็กสองชิ้นเสียดสีกันและประกายไฟพุ่งออกมาจากตำแหน่งที่กระบี่เข้าปะทะ แรงกดดันทรงพลังจนทำให้กระบี่ถูกผลักออกมา
แรงนี้ผลักกระบี่ถอยกลับไปสามนิ้วทำให้หวังหลินอุทานด้วยความตกใจ ตอนที่เขาเห็นพวกต้นไม้แทงใส่ร่างยักษ์อย่างง่ายๆจึงคิดว่ามันคงใช้กระบี่ตัดได้ง่ายๆ
ดวงตาหวังหลินสว่างวาบขณะมองไปยังต้นไม้รอบๆ เขารีบออกไปจากที่นี่พร้อมกับกระบี่สวรรค์ในมือ
ต้นไม้รอบๆส่งเสียงซี่ๆจากนั้นสายฟ้าม่วงพุ่งออกมาจากพวกมันเพื่อโจมตีหวังหลิน
หวังหลินสะบัดกระบี่สวรรค์ทำให้ต้นไม้ทั้งหมดล่าถอย เขายื่นมืออกไปและคว้าต้นไม้หนึ่งต้นขึ้นมาและฉีกมันขาดสองท่อน
ขณะที่ตรวจสอบครึ่งหนึ่งนั้นเขาเห็นของเหลวสีเขียวเน่าๆออกมาจากปลาย
หลังจับต้นไม้มากลุ่มนึง หวังหลินกดพวกมันลงบนร่างยักษ์ จากนั้นได้ยินเสียงคล้ายกับไม้กำลังเผาไหม้ ควันสีดำพวยพุ่งออกมาจากจุดที่รากต้นไม้สัมผัสและจากนั้นพวกมันเข้าไปในร่างยักษ์ได้ง่ายดาย
ขณะนั้นเองพลังสายหนึ่งออกมาจากต้นไม้ พวกมันหลุดจากมือหวังหลินและได้รับอิสระพลันหายเข้าไปในร่างยักษ์
ดวงตาหวังหลินวาวโรจน์ เขามองต้นไม้รอบๆที่ไม่กล้าเข้าใกล้และเหยียดยิ้ม
“กิ่งไม้พวกนี้น่าสนใจจริงๆ!” เขาสัมผัสกระเป๋าและนำขวดหยกออกมา หวังหลินได้ขวดหยกนี้โดยบังเอิญระหว่างการเดินทางไปดินแดนสวรรค์ ขวดนี้ไม่มีสิ่งใดพิเศษเพียงแต่มันสามารถกักเก็บของเหลวจำนวนมากได้เท่านั้น ความสามารถคล้ายกับกระเป๋า
ถือขวดหยกในมือข้างหนึ่ง หวังหลินกดมืออีกข้างใส่รอยแผลบนร่างยักษ์ ด้วยแรงบางอย่างเขาจึงดันโลหิตออกมาเข้าใส่ในขวดหยกได้
“ช่วยด้วย…” หวังหลินยืนอยู่บนตัวเจ้ายักษ์ เสียงดูเหมือนจะอยู่ข้างหูเขา มันดังฟังชัดมาก
หวังหลินเมินเฉยบรรพชนผู้ก่อตั้งเผ่ามารยักษ์ต่อไป เขาคงไม่ช่วยใครที่เขาควบคุมไม่ได้เว้นแต่จะมีเหตุผล เมื่อคนผู้นี้ฟื้นฟูระดับบ่มเพาะมาได้ หวังหลินจะไม่มีประโยชน์อีกต่อไป
และแม้เขาจะสัญญาด้วยสมบัติทรงคุณค่า มันคงยากที่จะทำให้หวังหลินสนใจ นอกจากโลหิตที่อยุ่ตรงหน้าแล้วหวังหลินไม่ต้องการสร้างปัญหาใดที่ไม่มีความจำเป็น
โลหิตออกมาทีละหยดซึ่งมันช้ามาก ดวงตาหวังหลินสว่างและมองไปที่เส้นชีพจรบนคอเจ้ายักษ์ซึ่งมีโลหิตอยู่จำนวนมาก
ทว่ามีต้นไม้สีม่วงอมเขียวจำนวนมากปกคลุมที่ก้านคอ พวกมันมีอยู่ทุกที่ ไม่มีที่ไหนไว้ให้ตั้งหลักเลย
“ช่วยข้า…ข้าจะให้สมบัติหลักของเผ่ามารยักษ์แก่ท่าน…”