448. เผชิญหลิวเหมยครั้งที่สาม
สตรีคนนี้คือหลิวเหมย นางสวมชุดราตรีสีชมพูสว่างปักรูปผีเสื้อสีฟ้าที่ขอบชุด ชุดเดรสพัดเบาๆไปตามแรงลม เส้นผมสีดำอ่อนนุ่มยาวตั้งแต่ไหล่ลงไปถึงเอว รวมถึงร่างกายผอมเพรียวนั้นทำให้นางดูมีเสน่ห์ยิ่งขึ้นไปอีก
หลิวเหมยยิ้มออกมา “หวังหลิน!”
ใบหน้าหวังหลินเยือกเย็น เขามองไปยังฐานด้านข้างหลิวเหมย “ถอยไปซะ!”
หลิวเหมยเผยดวงตาอ่อนแอและถามขึ้นเบาๆ “หวังหลิน เจ้าเกลียดข้าหรือ?”
หวังหลินขมวดคิ้วบางจากนั้นมองหลิวเหมยด้วยท่าทีเย็นชาพร้อมกับเอ่ยเสียงหนักแน่น “ถอยไปซะ!”
ครานี้ลมโชยจากภูเขาพัดเส้นผมของหลิวเหมยขึ้น ฉากงดงามนี้เต็มไปด้วยสัมผัสแห่งความงดงามตระการตา
หลิวเหมยเป็นคนสวยและงดงามมาก นางวางเก็บเส้นผมที่ถูกสายลมพัดขึ้นไว้ด้านหลัง จากนั้นมองหวังหลินด้วยความไม่พอใจและยืนขึ้น
“หวังหลิน เจ้าเป็นคนจิตใจด้านชานัก นอกจากลี่มู่หวานแล้ว เจ้าไม่ยอมรับใครให้เข้าไปในใจของเจ้าเลย…”
สายตาหวังหลินยังเยือกเย็น เขามองหลิวเหมยและสัมผัสกระเป๋า กระบี่สวรรค์ปรากฎในฝ่ามือ พลันกระตุ้นพลังปราณสวรรค์และกวัดแกว่งกระบี่โดยไม่ลังเล
ฟันหนึ่งครั้งสามารถทำให้ฟ้าดินแตกกระจายได้!
พลังปราณสวรรค์เดินทางผ่านหุบเขาราวกับอุกกาบาต
ใบหน้าเหลิวเหมยยังคงสงบนิ่ง นางชี้ไปที่อากาศเบื้องหน้าและร่างนกยูงตัวหนึ่งปรากฎขึ้นซึ่งเป็นตอนที่ปราณกระบี่มาถึงพอดี
ดวงตานกยูงเริ่มเรืองแสงสีเขียวจากนั้นร่างมันก็สั่นและขนนกหลายชิ้นหล่นออกจากร่างก่อเกิดเป็นโล่ห์ขึ้น
ตู้มมมม!
ปราณกระบี่ปะทะกับขนนกเกิดเป็นคลื่นกระแทกทำให้เสื้อผ้าพัดกระพือทั้งหลิวเหมยและหวังหลิน
ดวงตาหลิวเหมยสว่างวาบขณะมองหวังหลิน “เจ้าอยู่ที่ขั้นแปลงวิญญาณระดับต้นแล้วจริงๆ หวังหลิน ระดับบ่มเพาะของเจ้าขึ้นมาเร็วมาก!”
หวังหลินมองกระบี่สวรรค์ในมือและลูบมันเบาๆ จากนั้นเอ่ยเสียงหนักแน่น “หลิวเหมย ข้าจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ถอยไปซะ ไม่เช่นนั้นข้าจะโจมตีด้วยกำลังทั้งหมดของข้า!“
หลิวเหมยกัดริมฝีปาก ส่ายศีรษะและกระซิบ “ข้ามิอาจปล่อยเจ้าไปได้ หวังหลิน เจ้าไม่มีโอกาสรอดชีวิตข้างใน ทำไมไม่เอาเขตแดนของเจ้าให้ข้าและข้าจะไปเอาเสี้ยววิญญาณเจ้ากลับคืนมาเล่า?”
หวังหลินเริ่มหัวเราะ “เขตแดนพันจินตภาพไร้อารมณ์ หลิวเหมย เจ้ายังคิดหรือว่าข้ายังมองเจ้าไม่ออก?”
สีหน้าของนางยังสงบนิ่งและยิ้มขึ้น “ข้าเชื่อว่าเซียนหูใหญ่นั่นมาประลองกับข้าเพื่อเจ้าแน่ๆ”
“ใช่แล้ว เขตแดนของข้าคือพันจินตภาพไร้อารมณ์ เขตแดนชีวิตและความตายของเจ้าเป็นหนึ่งในสิ่งที่เหี้ยมโหดที่สุดภายใต้ฟ้าดิน ฟ้าดินต้องเหี้ยมโหดไม่เช่นนั้นมันคงไม่ก่อเกิดเต๋าขึ้นมา หวังหลินโดยระดับพื้นฐานแล้วเราต่างเหมือนกัน!”
“ข้าใช้ร่างอวตารหนึ่งพันร่างเพื่อหาประสบการณ์ชีวิตที่เต็มไปด้วยความรู้สึกอันหลากหลายเพื่อฝึกฝนเต๋าไร้ปราณีของข้า และเจ้ากลับใช้อารมณ์ความรู้สึกเพื่อรับรู้ความตาย เห็นความตายและรู้แจ้งวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ ข้ามั่นใจว่าเขตแดนแห่งชีวิตและความตายของวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ที่เจ้ารู้แจ้งนั้นต่างก็เป็นเต๋าอันไร้ปราณีเช่นกัน!”
“เจ้าและข้าเป็นคนแบบเดียวกัน!”
ขณะที่หวังหลินจ้องหลิวเหมย เขาตบกระเป๋าและธงกฎเกณฑ์ปรากฎออกมา
หวังหลินไม่ต้องการใช้ธงวิญญาณตอนนี้ ธงวิญญาณควรจะเอามาช่วยตอนที่เขาพยายามเอาเสี้ยววิญญาณกลับคืนมาหรือไม่ก็ตอนที่สู้กับราชาดวงวิญญาณ
หวังหลินโบกสะบัดธงกฎเกณฑ์ทำให้กฎเกณฑ์หลายอย่างลอยออกมา ควันกฎเกณฑ์หลายเส้นกระจายออกล้อมรอบหุบเขา
หวังหลินตะโกน “หลิวเหมย จูเซว่จื่อกำลังจะตาย การต่อสู้ของเราไร้ความหมายแล้ว” สำหรับหลิวเหมยที่เป็นเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับกลาง เขาไม่อาจเอาชนะนางได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ใช้ธงวิญญาณ หากเขาล่าช้าอยู่ที่นี่นานเกินไปและเอาเสี้ยววิญญาณกลับคืนมาไม่ได้ มันคงแย่นัก
หลิวเหมยยิ้มและมองขึ้นไปบนฟ้า สายตาอ่อนโยนของนางหายวับไป แทนที่ด้วยสายตาโหดเหี้ยมและเยือกเย็น
“หวังหลิน แม้อาจารย์ของข้าจะไม่สั่ง ข้ายังต้องมาสู้กับเจ้าเพราะข้าต้องการเขตแดนของเจ้าเพื่อให้เขตแดนพันจิตนภาพไร้อารมณ์ของข้าสมบูรณ์ หวังหลิน เจ้าโจมตีได้เลย!”
หวังหลินจ้องด้วยสายตาเย็นชา ฝ่ามือสร้างผนึกขณะยกขึ้นชี้นาง “กฎเกณฑ์!”
กฎเกณฑ์จำนวนมากจากธงกฎเกณฑ์พลันเริ่มจับกลุ่มกัน ทั้งหมดกระพริบสว่างเจิดจ้า
ประกายแสงรวบรวมเบื้องหน้าหวังหลินเกิดเป็นหอกสีดำเล่มหนึ่ง ประกายสายฟ้าม่วงเคลื่อนไหวไปตามหอกทำให้เกิดเสียงปะทุและเสียงรอยแตกร้าว
หวังหลินเคลื่อนไปข้างหน้าและคว้าหอกทันที พลังปราณสวรรค์พรั่งพรูจากร่างกายเข้าสู่หอกจนเรืองแสงสีม่วง กฎเกณฑ์ทั้งหมดที่มีรวมเข้ากับพลังปราณสวรรค์จึงทำให้กลิ่นอายดั้งเดิมปรากฎออกมาจากหอก
“ไปซะ!” หวังหลินตะเบ็งเสียงขณะกระโดดขึ้นกลางอากาศและแทงเข้าหาหลิวเหมย ราวกับมังกรเคลื่อนเข้าสู่ท้องทะเล
หอกกฎเกณฑ์พุ่งเข้าหาราวกับสามารถแทงทะลุสวรรค์ ก่อเกิดเป็นคลื่นโซนิคบูมระหว่างทาง
ดวงตาเยือกเย็นของหลิวเหมยเผยประกายลึกลับและเอ่ยขึ้น “แม้เจ้าจะมีสมบัติมากมาย ทว่าพลังปราณสวรรค์ที่เจ้าสามารถใช้ได้ในระดับต้นนับว่าน้อยนิด”
สิ้นคำ ฝ่ามือบอบบางของนางชี้ไปข้างหน้า ร่างนกยูงสีเขียวปรากฎด้านหน้าอีกครั้ง คราวนี้ดวงตาของมันปลดปล่อยแสงอันชั่วร้ายขณะลอยขึ้นเหนือหลิวเหมยและจ้องหวังหลินซุ่งกำลังพุ่งเข้ามา
ขณะที่หอกของหวังหลินเข้ามาใกล้ หลิวเหมยกระซิบ “เปิด!”
ขนนกยูงทั้งหมดเปิดออกทันทีด้วยคำพูดเพียงคำเดียว
ร่างนกยูงรำแพนหางปรากฎภายในหุบเขา สว่างเจิดจ้าราวกับแสงรอบพื้นที่รวมกันที่นี่มายังนกยูงที่สว่างสุกสกาว
ในเวลาเดียวกันพลังปราณสวรรค์อันแข็งแกร่งออกมาจากนกยูงและกระจายรอบๆ
แม้ว่าจะฟังดูเหมือนเหตุการณ์ขณะที่กางออกนี้ใช้เวลาชั่วขณะ แต่มันเกิดขึ้นเร็วมาก หวังหลินเข้าใกล้พร้อมกับหอกในมือ
ตู้มมมมมม!
เกิดเสียงดังสนั่นในจังหวะที่นกยูงรำแพนหาง แรงปะทะรุนแรงของพลังปราณสวรรค์ได้บังคับให้ร่างหวังหลินหยุดชะงัก
สีหน้าเขามืดมัว แม้ว่าร่างกายจะหยุดไปเสี้ยววินาทีแต่การตอบสนองเร็วมาก เขาพลิกข้อมือและหอกลอยเข้าหานกยูงด้วยความเร็วยิ่งกว่า
ตู้มมมมมมม!
เกิดการระเบิดสั่นสะเทือนพื้นดินขึ้นอีกครั้ง หอกเล่มนี้เสมือนเป็นมังกรอำมหิตกระแทกใส่นกยูง สายฟ้าม่วงบนตัวหอกหายวับไปและหอกพลันสลายกลายเป็นควันกฎเกณฑ์แตกกระจายและจางหาย
แม้ว่านกยูงยังคงสวยงามแต่สีของมันหมองลง สีหน้าหลิวเหมยซีดเผือดเล็กน้อย “สมบัติของเจ้านี้ไม่ใช่สมบัติสวรรค์เทียมหรือสมบัติสวรรค์ มันแปลกนัก!”
ขณะที่หวังหลินโยนหอกไป เขารีบถอยกลับมาพลันยื่นมือออกและธงยาวสามสิบฟุตปรากฎในฝ่ามือ
ขณะที่ธงปรากฎ สายตาเยือกเย็นของหลิวเหมยยิ่งลึกขึ้น นางมองธงวิญญาณ “ข้าไม่คาดคิดว่าผู้อาวุโสตุ้นเทียนจะให้ธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงเจ้าจริงๆ อย่างไรก็ตามหวังหลิน ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้ามีธงวิญญาณ ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่เลือกจะรอเจ้าอยู่ที่ฐานแห่งนี้”
“ข้าเป็นคนที่สองที่เข้ามาในสุสานซูซาคุและนี่คือสนามรบที่ข้าเลือก หากเจ้าใช้ธงวิญญาณ ข้าจะทำลายฐานทิ้ง มันจะใช้เวลาอีกหลายวันสร้างขึ้นใหม่เพื่อชะลอเจ้าออกไปอีก”
ดวงตาหวังหลินเยือกเย็นขณะมองไปที่หลิวเหมย ซือถูหนานอธิบายฐานแห่งนี้กับเขามาก่อน มันถูกสร้างโดยซูซาคุรุ่นแรกเพื่อมีเป้าหมายในการเคลื่อนย้ายคน เมื่อผลึกดาวเซียนเปิดขึ้นมันจะล้อมรอบด้วยผลึกลึกลับของผลึกและได้รับความสามารถบางอย่างเพิ่มขึ้นมา
แม้มันจะถูกทำลายไปก็คงใช้เวลาไม่กี่วันเพื่อสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่และคงอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล
ลักษณะของมันคล้ายกับร่างชีวิตที่สร้างจากดวงวิญญาณพวกนั้น
หวังหลินถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “เจ้ามีจุดประสงค์อะไร?!”
หลิวเหมยมองไปที่หวังหลินและยิ้มบาง “ข้าไม่ได้มีจุดประสงค์อะไรนัก ข้าเพียงต้องการประลองเขตแดนกับเจ้า”
ขณะที่หวังหลินจ้องหลิวเหมย ฝ่ามือฝ่ากำแน่นและธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงหายไป ฝ่ามือซ้ายสร้างผนึกและชี้ระหว่างคิ้วตนเอง ท้องฟ้ามืดมิดและรอยแยกเปิดขึ้นราวกับมีแขนล่องหนฉีกกระชากมันอออกมาคลื่นควันสีเทาออกมาจากรอยแยก ขณะที่ควันออกมามากขึ้นพลันรวบรวมเป็นม้วนคัมภีร์ยักษ์และปกคลุมท้องฟ้า
จังหวะม้วนคัมภีร์ปรากฎ มันปลดปล่อยพลังอำนาจลึกลับไปทั่วบริเวณ
ดวงตาหลิวเหมยสว่างวาบจากนั้นสูดหายใจลึก นั่งขัดสมาธิบนฐานและหลับตา ขณะนั้นนกยูงเบื้องหน้าของนางร้องเสียงเหลมและลอยขึ้นตรงไปเหนือหลิวเหมย ร่างของมันขยายออกทันทีเกิดเป็นนกยูงสูงหนึ่งร้อยฟุต
หางนกยูงขยายใหญ่ขึ้นและแทบจะปกคลุมทั้งเทือกเขา
“เขตแดนของข้าคือพันจินตภาพไร้อารมณ์ ขนนกทุกชิ้นบนนกยูงคือหนึ่งอวตาร ความจริงเขตแดนของข้ายังไม่มีถึงหนึ่งพันร่าง มันมีเพียง 999 เท่านั้น เมื่อมันได้ชิ้นสุดท้าย เขตแดนของข้าจะบรรลุขั้นแปลงวิญญาณระดับปลาย หวังหลิน เจ้าส่งชิ้นสุดท้ายนั้นให้ข้าตกลงไหม?” เสียงหลิวเหมยออกมาจากนกยูง
หวังหลินยกฝ่ามือขึ้นชี้ไปที่ท้องฟ้าด้วยดวงตาเย็นชา แรงระเบิดสั่นสะเทือนฟ้าดินออกมาจากม้วนคัมภีร์ขณะที่ภูเขาและแม่น้ำหลายเส้นปรากฎในนั้น ควันสีดำออกมาจากภาพวาดขาวดำข้างในด้วยเช่นเดียวกัน
“ข้าจะให้ชิ้นสุดท้ายที่เจ้าต้องการ และจะเป็นคนที่เจ้าไม่ลืมเลือนไปชั่วชีวิต!”
น้ำเสียงหวังหลินเย็นชาขณะชี้ลงมาที่หลิวเหมย