Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 449

Cover Renegade Immortal 1

449. ร่างสุดท้าย

เสียงดังกระหึ่มออกมาจากม้วนคัมภีร์ตามด้วยควันสีเทาจำนวนมาก มันเปลี่ยนเป็นมังกรทันทีและอ้าปากเพื่อหวังจะกลืนนกยูงของหลิวเหมย

นกยูงร่ำร้อง เสียงร้องดังกังวาลสั่นสะเทือนสวรรค์ จากนั้นเงยศีรษะอันภาคภูมิใจขึ้นและรำแพนหางสวยงามของมัน ขนนกเจ็ดสีเรืองแสงชั่วร้ายพร้อมกับเขตแดนอันโหดเหี้ยมลอยออกมา

ในตอนนี้เองใต้ม้วนคัมภีร์แห่งชีวิตและความตายพลันปรากฎแสงอีกสีขึ้น ความไร้ปราณีครั้งนี้สามารถทำให้น้ำแข็งเยือกแข็งยิ่งกว่าเดิมและบังคับให้ทั้งสี่ฤดูเปลี่ยนแปลงทันที

หวังหลินสัมผัสความหนาวเย็นในหุบเขาได้ มันคือความไร้ปราณีที่แตกต่างจากธรรมชาติ ณ บัดนนี้นกยูงเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา คนที่มองไปที่มังกรจริงๆก็คือหลิวเหมย

ดวงตาของนางไม่แยแส เย็นชาและโหดเหี้ยม แม้ว่านางจะคล้ายกับผีเสื้อสีชาด ทว่าผีเสื้อสีชาดตัดขาดความรู้สึกซึ่งแตกต่างอย่างมากกับการไร้อารมณ์ใดๆ

มีเพียงคนที่เจออารมณ์ความรู้สึกหลากหลายเท่านั้นถึงจะตัดขาดสิ่งเหล่านี้ออกจากกันได้

ฟ้าดินไร้ปราณีโดยธรรมชาติ เมื่อตัดอารมณ์ความรู้สึกออกไปในเริ่มแรก มันคือการก้าวสูงขึ้นไป

มังกรลดตัวลงมาและปากขนาดยักษ์ของมันมาถึงใกล้นกยูงแล้ว พริบตาเดียวเจ้ามังกรก็แบ่งกลายเป็นเศษควันสีเทาบางล้อมรอบนกยูง

หวังหลินถอนหายใจ “ไม่มีสิ่งใดในโลกสามารถหนีรอดชีวิตและความตายพ้นได้ สิ่งที่คงอยู่ก็ดำรงอยู่ต่อไปและปล่อยสิ่งที่กำลังสลายให้เป็นไป…”

เขาคิดถึงลี่มู่หวาน

นกยูงร่ำร้องอีกครั้งขณะที่หางเจ็ดสีของมันรวมเข้าด้วยกันเกิดเป็นสายรุ้งเส้นหนึ่ง สายรุ้งพุ่งออกมาจากนกยูงแทงเข้าสู่ท้องฟ้ารวมกับคัมภีร์ภาพวาด

“สิ่งที่สวยงามที่สุดในโลกมักจะไม่แยแสต่อสิ่งใด สายรุ้งสวยงามและคนหลายร้อยล้านชื่นชมมัน ทว่ามันกลับใจร้ายนักเพราะไม่มีใครสามารถรั้งมันให้อยู่ได้ เหมือนกับหางนกยูงที่เปิดขึ้นสวยงามแต่ก็ตายด้วยเช่นเดียวกัน…”

หลังจากสายรุ้งเข้าสู่คัมภีร์ ภาพวาดไม่ได้มีแค่สีขาวและดำอีก ตอนนี้มันมีสีอื่นเพิ่มเล็กน้อย ควันสีเทาล้อมรอบนกยูงไม่เป็นโทนขาวดำ มันยังมีสีอื่นปะปนเข้าด้วยกัน

“999 มายา ข้าขาดเพียงแค่ส่วนเดียวเพื่อให้ครบหนึ่งพัน หวังหลินไหนเล่าส่วนสุดท้าย? หากเจ้ามีความแข็งแกร่งเพียงแค่นี้เจ้าก็มิอาจต้านทานข้าได้โดยไร้ธงวิญญาณ จากนั้นข้าคงผิดหวังในตัวเจ้าแน่ๆ ข้าสามารถโจมตีเจ้าได้ตอนที่ข้าพบเจ้าครั้งแรกในสำนักหลอมวิญญาณแต่ตอนนั้นเจ้าอ่อนแอเกินไป เขตแดนของเจ้ายังไม่ถึงระดับสมบูรณ์และไม่กลายเป็นรูปธรรมดังนั้นข้าจึงต้องรอ”

“ตอนนี้เขตแดนของเจ้าบรรลุถึงขั้นแปลงวิญญาณอย่างสมบูรณ์และกลายเป็นรูปธรรมแล้ว แต่เจ้ายังอ่อนแอ หากนี่คือทั้งหมดที่เจ้ามีคงไม่อาจทำให้ข้าสำเร็จภาพมายาชิ้นสุดท้าย!”

ใบหน้าหวังหลินยังคงเดิม เขายกศีรษะขึ้นมองม้วนคัมภีร์แห่งชีวิตและความตายและครุ่นคิดอย่างเงียบๆ

ด้านในภาพวาดของม้วนคัมภีร์ แสงเจ็ดสีกลายเป็นหนาแน่นยิ่งขึ้นและภาพวาดไม่ได้มีแค่สีขาวและดำ ภูเขาและน้ำทะเลราวกับมีชีวิตชีวา ไม่เพียงแต่ภูเขาและทะเลที่มีสีสันเท่านั้นแม้กระทั่งต้นไม้ใบหญ้าก็ยังแต่งแต้มด้วยสีเขียว

“เจ้ากล่าวว่าสิ่งใดคงอยู่ก็จงคงอยู่ต่อไปและอะไรที่ควรสูญสิ้นก็ควรสิ้นไป แต่ใจเจ้าคิดเช่นนั้นจริงหรือหวังหลิน? ข้าไม่เคยคิดว่าเขตแดนของเจ้ามีจุดอ่อนใหญ่หลวงขนาดนี้ ไม่สงสัยเลยว่าทำไมเจ้าถึงไม่ต้องการโจมตีด้วยเขตแดน…เพราะมันเป็นเช่นนี้!” น้ำเสียงหลิวเหมยเต็มไปด้วยความผิดหวัง

ดวงตาหวังหลินเย็นยะเยือก สะบัดแขนและควันสีชมพูเส้นหนึ่งลอยออกมาเข้าสู่คัมภีร์แห่งชีวิตและความตาย

หวังหลินเอ่ยด้วยน้ำเสียเย็นชา “อะไรที่ควรสูญสิ้นก็จงไปตามธรรมชาติ แต่บางสิ่งที่ควรอยู่กลับสูญสิ้นไป นั่นข้าไม่ยอมรับ! หลิวเหมย ข้าจะให้มายาร่างสุดท้ายกับเจ้า!”

ขณะนั้น จุดสีชมพูปรากฎบนม้วนคัมภีร์และเปลี่ยนเป็นร่างมีเสน่ห์ ร่างนี้ไม่ใช่ลี่มู่หวานแต่เป็นร่างที่เจ้าฉวี่ลี่กั๋วใฝ่หาอยู่ตลอดนั่น นางฟ้าน้อยของมัน

บรรพชนลำดับสามของเผ่าละทิ้งอมตะเกิดใหม่เป็นเซียนและได้รับเขตแดนของตนเองแต่เมื่อนางกลับไปเผ่าละทิ้งอมตะ นางล้มเลิกการบ่มเพาะจึงทำให้วิญญาณดั้งเดิมแตกเป็นเสี่ยงๆ ทว่าเขตแดนของนางดื้อดึงมันจึงไม่แตกสลายไป

หลังจากหวังหลินได้รับนางมาเขาก็เก็บนางไว้ในกระเป๋าตลอดเวลา นี่คือไพ่ตายของจริงสำหรับต่อกรหลิวเหมย

ความจริงหวังหลินคิดแผนนี้ก่อนที่โจวหวู่ไท่จะส่งข้อมูลเกี่ยวกับหลิวเหมยมาให้ แม้ว่าวิธีการนี้จะดูเลวร้ายไปหน่อยแต่หากหลิวเหมยไม่เลิกราหวังหลิน เขาคงต้องใช้มันโดยไม่ลังเล

หลังจากเห็นข้อมูลจากโจวหวู่ไท่ หวังหลินยิ่งมั่นใจได้ว่าเขตแดนนี้มีไว้เพื่อต่อกรกับหลิวเหมยโดยเฉพาะ

การทำลายเขตแดนไร้ปราณีซึ่งมีพื้นฐานบนการไม่มีอารมณ์ความรู้สึกนั้น คนผู้นั้นต้องใช้อารมณ์ทางเพศเพื่อสร้างความรู้สึกขึ้นมา

ขณะเดียวกัน เสียงหัวเราะชั่วร้ายออกมาจากภายในคัมภีร์

ร่างอันยั่วยวนของเม่ยจีปรากฎภายในคัมภีร์ เสียงของนางไพเราะราวกับเสียงเพลง “หวังหลิน เจ้าคนไร้หัวใจถึงขังข้าไว้ได้นานขนาดนี้และปลดปล่อยข้ามาตอนที่เจ้าจะใช้ข้าเท่านั้น หัวใจเจ้าสร้างขึ้นจากหินหรือไง? แต่สาวน้อยคนนี้ชอบร่างนี้จริงๆ!”

เช่นนั้นนางจึงปล่อยเสียงหัวเราะมีเสน่ห์ เสียงหัวเราะนี้ถึงกับทำให้หวังหลินตกตะลึง เขาต้องใช้เวลาชั่วครู่ถึงจะฟื้นตัวกลับมาได้

สายหมอกดำออกมาจากกระบี่สวรรค์และฉวี่ลี่กั๋วจ้องหวังหลิน ดวงตาเต็มไปด้วยความปรารถนา

“นี่มัน…” น้ำเสียงลังเลของหลิวเหมยดังออกมาภายในนกยูง

หวังหลินเอ่ยขึ้นพร้อมกับดวงตาไม่มีความปราณี “เขตแดนแห่งชีวิตและความตาย วัฎจักรแห่งการเกิดใหม่!”

ม้วนคัมภีร์กลางท้องฟ้าปิดลงทันทีพร้อมเสียงดังตูมราวกับคลื่นยักษ์จากทิศเหนือและใต้กระแทกเข้าด้วยกัน

เมื่อมันปิดลง สายรุ้นแรกกระจายและสีสันถูกบังคับให้ออกจากคัมภีร์

ทว่าม้วนคัมภีร์สั่นเทาและเปิดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีภูเขาหรือแม่น้ำแต่เป็นร่างหญิงสาวนางหนึ่ง

สตรีคนนี้งดงามอย่างมาก ดวงตากระสันในกามพลันหัวเราะออกมา นางกระโดดออกจากคัมภีร์เปลี่ยนเป็นหมอกสีชมพูและลงไปบนนกยูงยักษ์เหนือหลิวเหมยอย่างรวดเร็ว

ในดวงตานกยูงเผยร่องรอยความลังเล ความลังเลนี้ออกมาจากจิตใจหลิวเหมยซึ่งหาได้ยากยิ่ง

หวังหลินเอ่ยถามด้วยท่าทีสงบนิ่ง “หลิวเหมย เจ้าต้องการมายาภาพสุดท้ายอยู่หรือไม่?”

ความลังเลหายไปจากสายตานกยูงขณะที่น้ำเสียงหลิวเหมยดังออกมา “หวังหลิน เจ้ามันน่ารังเกียจจริงๆ!”

หวังหลินมีท่าทีเช่นเดิม หมอกสีชมพูซึ่งก็คือหลิวเหมยพุ่งลงจากท้องฟ้าราวกับอุกกาบาต มันแบ่งออกเป็นสองเส้นเหนือนกยูงและเข้าไปในดวงตาของมัน

นกยูงเริ่มปล่อยควันสีชมพูออกมาจากนั้นร่างของมันสั่นเทาหนึ่งครั้งและแตกสลายกลายเป็นจุดแสง เผยให้เห็นหลิวเหมยซึ่งนั่งอยู่บนฐาน

ครานี้แก้มนางแดงระเรื่อ ทำให้ใบหน้านางที่สวยอยู่แล้วยิ่งมีเสน่ห์และน่าหลงใหลเพิ่มขึ้นไปอีก

แต่ว่าดวงตาหวังหลินยังคงเยือกเย็น เม่ยจีจะเอาควบคุมหลิวเหมยได้หรือหลิวเหมยจะเสร็จสิ้นร่างมายาสุดท้ายของนางได้สำเร็จ หวังหลินไม่สนใจ

ไม่มีความแค้นเคืองหรือความเกลียดฝังลึกใดๆระหว่างหวังหลินและหลิวเหมย ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนั้นซับซ้อน หากไม่ใช่ว่าหลิวเหมยจับตาดูหวังหลินเพื่อสร้างปัญหาให้เขา หวังหลินคงไม่ต้องใช้เม่ยจี

แม้ว่ามันเป็นไปตามคำขอของหลิวเหมย แต่เหมือนกับนางจะบอกว่า ใช้เขตแดนราคะเพื่อทำลายเขตแดนไร้อารมณ์ของนางนั่นน่ารังเกียจเกินไป

ซึ่งหวังหลินไม่ได้ใส่ใจอะไรพวกนี้อยู่แล้ว เขาเริ่มเดินเไปข้างหน้า

เขาเพียงต้องเข้าสู่ฐานเพื่อเข้าสู่เขตชั้นในของสุสาน เป้าหมายแรกของเขาคือหาสุสานซูซาคุรุ่นแรก คงดียิ่งหากเขาสามารถเอาเสี้ยววิญญาณของตัวเองคืนมาจากที่นั่น แต่หากไม่เป็นเช่นนั้นเขาคงต้องหาราชาของพวกดวงวิญญาณมีชีวิตและเอาวิญญาณของตัวเองคืนด้วยวิธีนั้น

เมื่อได้เสี้ยววิญญาณของตัวเองคืนมา เขาจะไม่ใส่ใจเรื่องราวบนดาวซูซาคุ เขาจะออกไปจากที่นี่และทิ้งเรื่องน่าปวดหัวทั้งหมดนี้ไว้เบื้องหลัง!

หลายปีที่ผ่านมา หวังหลินสัมผัสได้ถึงต้าวเสินแห่งดินแดนเทพโบราณซึ่งสามารถหนีออกมาได้ในไม่ช้านี้ เขาเชื่อว่าเมื่อถึงตอนนั้นหวังหลินจะไม่มีโอกาสต่อต้านต้าวเสินได้เลย

ณ ตอนนี้ที่ฝั่งตะวันออกของทวีปซูซาคุ พื้นที่แห่งหนึ่งปกคลุมด้วยก้อนเมฆดำ บรรพชนลำดับแรก หยุนเซว่จื่อ บรรพชนลำดับสาม และวิญญาณบรรพชนสิบใบไม้หนึ่งตนกำลังนั่งกันอยู่ที่นี่

ต้นไม้แห่งชีวิตของพวกเขากำลังกระพริบเหนือหน้าผากแต่ละคน และท่ามกลางพวกเขามีกะโหลกหนึ่งวางอยู่

มีรอยสักหนึ่งรอยสลักไว้บนหัวกะโหลกนี้ซึ่งมันซับซ้อนมากกว่ากะโหลกที่หวังหลินได้รับจนเทียบกันไม่ได้

กลิ่นอายแข็งแกร่งกำลังรวบรวมเหนือกะโหลกใบนั้น

หยุนเซว่จื่อมองกะโหลกด้วยท่าทีเคารพและเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ท่านบรรพชนได้รับการรู้แจ้งจากวิญญาณดั้งเดิมของสำนักเราและทะลวงผ่านขั้นสิบเอ็ดใบไม้กลายเป็นชาแมนสิบสามใบไม้ในประวัติศาสตร์ของเผ่า กะโหลกรอยสักชิ้นนี้ครอบครองพลังอำนาจบางอย่าง ดังนั้นหากพวกเราทั้งหมดร่วมมือกันก็จะสามารถใช้มันส่งเราสักคนเข้าไปข้างในได้”

บรรพชนลำดับแรกเอ่ยขึ้น “เช่นนั้นใครจะเข้าไป?”

บรรพชนลำดับสามซึ่งเป็นสตรีงดงามและมีเสน่ห์ นางไม่มีอารมณ์ใดๆจะหัวเราะจึงถอนหายใจออกมา “ท่านบรรพชนรุ่นแรกเข้าไปเป็นเรื่องเหมาะสมยิ่ง แต่ร่างของท่านฝังอยู่ในส่วนลึกของสุสานอมตะ หากท่านเข้าไปด้วยวิญญาณรอยสัก เราไม่รู้ว่าสุสานซูซาคุจะมีผลกระทบต่อท่านหรือไม่ ถึงเช่นนั้น…” ขณะนั้นนางลุกยืนขึ้นทันทีและมองไปยังทิศทางของสุสานซูซาคุ นางเผยใบหน้าประหลาดอย่างช้าๆ

“เสี้ยวเขตแดนของข้าเมื่อตอนนั้นกำลังพยายามครอบครองร่างกาย…ฮึ่ม ข้าจะปล่อยให้นางทำอย่างที่ต้องการได้อย่างไร?!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!