465. ปะทะเฉียนเฟิง
เฉียนเฟิงหายใจหนักหน่วง พลังชีวิตของเขาถูกจูเซว่จื่อเอาไปจำนวนมากทำให้เขาอ่อนแอยิ่ง ความเกลียดต่อจูเซว่จื่อมีมากมายมหาศาล
“โชคดีนักที่ข้าไม่ได้ใช้มันระหว่างการต่อสู้เหมือนที่เขาบอก ไม่เช่นนั้นข้าคงถูกสูดพลังจนแห้งเหือดก่อนที่ข้าจะได้สังหารศัตรู” เฉียนเฟิงเดือดดาลแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาโกรธแต่เป็นเวลาเพ่งสมาธิในการจัดการกับจิตสังหารที่มีเป้าหมายมาที่เขา
ความจริงแล้วจูเซว่จื่อไม่ได้พึ่งเริ่มหลอกล่อเฉียนเฟิงในนาทีสุดท้าย หากไม่ใช่ว่าเผ่าละทิ้งอมตะปรากฎตัวเขาอาจจะมีหนทางหลบเลี่ยงสวรรค์ตอนที่อายุขัยหมดลงและดำเนินชีวิตต่อไปด้วยการขโมยร่างเฉียนเฟิง
จูเซว่จื่อวางแผนนี้มาตั้งแต่เฉียนเฟิงเป็นเด็ก เหตุผลที่เขาให้เฉียนเฟิงกลืนกินเขตแดนทั้งหมดไม่ใช่เพื่อตัวเฉียนเฟิงแต่เพื่อตัวเขาเอง
วิธีที่เขาใช้กับเฉียนเฟิงเป็นวิชาลับที่ซูซาคุรุ่นก่อนหน้านี้พัฒนาขึ้น มนต์นี้ยังไม่สมบูรณ์และมีโอกาสสำเร็จเพียงหนึ่งในสิบเท่านั้นและแม้ว่ามันจะสำเร็จก็แค่ชะลอความตายลงไปหลายสิบปีเท่านั้น
ในเวลาเดียวกันก็มีราคาที่ต้องจ่ายให้กับหลายสิบปีนี้อย่างหนักหน่วง
ตุ๊กตาทองแดงนั้นคือกุญแจหลัก มันสร้างขึ้นจากซูซาคุรุ่นที่สี่ด้วยโลหะจากดาวเคราะห์ที่ถูกหล่อหลอมไปหลายครั้งนับไม่ถ้วน จากนั้นต่อมาซูซาคุก็เพิ่มสมบัติสวรรค์เข้าใส่มันหลายชิ้นในที่สุดมันก็เปิดใช้งานมนต์ที่ดูดซับชีวิตได้
ความจริงแล้วเหตุผลที่ตุ๊กตาทองแดงมีพลังเช่นนี้เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในผลึกดาวเซียนและซูซาคุรุ่นก่อนสามารถเรียนรู้พลังนี้ได้จากการศึกษาผลึก
ทว่าของชิ้นนี้ยังไม่สมบูรณ์และมีข้อบกพร่องหลายประการ ตอนนี้แม้จูเซว่จื่อจะใช้มันเพื่อสร้างรูปร่างและดูมีชีวิตชีวา มันเป็นเพียงภาพลักษณ์ชั่วคราวเท่านั้น
หวังหลินโบกสะบัดธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงในฝ่ามือและดวงวิญญาณนับไม่ถ้วนลอยออกมาปกคลุมสรวงสวรรค์ทันที เสียงกรีดร้องไร้ที่สิ้นสุดสั่นสะเทือนฟ้าดินออกมาจากดวงวิญญาณเหล่านั้น
“รวมร่าง!” ดวงตาหวังหลินเต็มไปด้วยจิตสังหารและเพียงเอ่ยคำเดียว เซียนหกตนที่แข็งแกร่งกว่าขั้นแปลงวิญญาณแต่ยังไม่ถึงระดับเทวะพลันปรากฎออกมา เจ้ากิเลนก็เป็นหนึ่งในนั้น
“การประลองกับเจ้าทั้งสองคนข้าไม่จำเป็นต้องทำให้รวมกันเป็นวิญญาณเทวะ!” ดวงตาหวังหลินสว่างวาบ เขาตบกระเป๋าและขวานปรากฎในฝ่ามือ หวังหลินยกขวานขึ้นพลันกระโดดไปกลางอากาศและกวัดแกว่งลงมาทันที
สีหน้าเฉียนเฟิงเปลี่ยนไป เขาตบกระเป๋าและปรากฎเหล็กซูซาคุอย่างรวดเร็ว ลำแสงสายฟ้าแดงพุ่งเข้าหาหวังหลินทันที
หวังหลินแกว่งขวานด้วยใบหน้าเยือกเย็น ปราณขวานทรงพลังพุ่งออกมาพร้อมกับโยนขวานออกไปด้วยเสียงคำราม
สายฟ้าแดงพังทลายทันทีและขวานสับลงมาอย่างรวดเร็ว
เฉียนเฟิงเผยใบหน้าดุร้ายจากนั้นร้องคำรา ฝ่ามือขยับอย่างเร่งรีบและชี้ไปเบื้องหน้า แสงสีแดงไม่เด่นชัดปรากฎและล้อมรอบร่างกาย ค่ายกลซูซาคุอันลึกลับได้เปิดขึ้น!
เสียงเสียดแทงทะลุถึงสวรรค์ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ
ร่างเฉียนเฟิงถูกบังคับให้ถอยไปหลายก้าวและกระอักโลหิต เสื้อผ่าท่อนบนฉีกขาดและกลายเป็นฝุ่นผง ขณะเดียวกันปรากฎสัญลักษณ์ลึกลับบนหน้าอกเขา
ขวานถูกพลังแข็งแกร่งสายหนึ่งเข้าปะทะและส่งกลับไป หวังหลินพุ่งออกมารับขวานไว้ได้ทัน
วิญญาณหลักหกดวงจากธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม สี่ในนั้นกระโจนเข้าหาหลิวเหมยและที่เหลือสองดวงพุ่งเข้าหาเฉียนเฟิง
หลิวเหมยใบหน้าจมลงขณะมองธงวิญญาณ นางกัดฟันแน่นและพ่นลำแสงสีขาวออกมาจากปาก ลำแสงเปลี่ยนเป็นผ้าแพรสีขาวปักด้วยเส้นด้ายสีทองเป็นรูปทรงเครื่องหมายหนึ่ง
ผ้าแพรห่อหุ้มรอบตัวหลิวเหมยและตีฝ่าวงล้อมของวิญญาณหลักสี่ดวง จากนั้นนางและผ้าแพรเปลี่ยนเป็นลำแสงหนึ่งและหลบหนีอย่างรวดเร็ว
หวังหลินตะโกน “ไล่ตาม สังหาร!” วิญญาณหลักสี่ดวง หนึ่งในนั้นคือเจ้ากิเลนพลันตามหลังหลิวเหมยทันที
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของวิญญาณหลักสองดวง เฉียนเฟิงถูกบังคับให้ถอยกลับ นำพัดสีแดงออกมาด้วยใบหน้าน่าเกลียด พ่นโลหิตใส่เข้าไปและโบกสะบัดมันอย่างรวดเร็ว
สายลมกรรโชกรุนแรงขนาดใหญ่ปรากฎขึ้นและพุ่งออกไป สายลมนี้ตอบโต้วิญญาณทำให้วิญญาณหลักสองดวงหยุดชะงักไปหนึ่งจังหวะ
หวังหลินพ่นลมหายใจเย็นเฉียบ ตบกระเป๋าและฝักกระบี่สี่ชิ้นปรากฎเบื้องหน้า
ร่องรอยความเย็นชาแล่นผ่านสายตาหวังหลินขณะชี้ไปข้างหน้าและฝักกระบี่สี่ชิ้นพุ่งออกไปราวกับอุกกาบาต ปราณกระบี่ทั้งสี่สายพุ่งออกมาจากฝัก แต่ละสายยาวสามนิ้วและบรรจุเจตจำนงกระบี่สั่นสะเทือนสวรรค์
“สลายไปซะ!” ดวงตาหวังหลินเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นพร้อมกับฝักกระบี่ทั้งสี่เต็มไปด้วยเจตจำนงกระบี่พุ่งพล่าน
เฉียนเฟิงเปลี่ยนสีหน้า พลันโยนพัดออกไปและถอยตัวกลับ ขณะกำลังจะหนีแต่ทว่าจังหวะที่พัดเข้าประชิดกับฝักกระบี่มันก็ฉีกออกเป็นชิ้นๆและฝักกระบี่ทั้งสี่ไล่ล่าตามหลังเฉียนเฟิงอย่างทันท่วงที
เมื่อไร้พัดขัดขวาง วิญญาณหลักทั้งสองดวงเคลื่อนไหวรวดเร็วและตามทันเฉียนเฟิงและโจมไปตีเข้าไปหนึ่งครั้ง วิญญาณดั้งเดิมเฉียนเฟิงสั่นสะท้านรุนแรงและเกือบถูกดันออกจากร่างกาย โชคดีในจังหวะอันตรายนั้นสัญลักษณ์ประหลาดบนหน้าอกเขาส่องสว่างขึ้น กระตุ้นค่ายกลซูซาคุและช่วยเขาจากการโจมตีของวิญญาณหลักสองดวง
เฉียนเฟิงใบหน้าน่าเกลียด ทันใดนั้นหันกลับมาและตะโกนเสียงดัง “เซิ่งหนิว อย่ามาบังคับข้า!” เขาพ่นลำแสงสีเขียวออกมาซึ่งมันเปลี่ยนไปเป็นเศษไม้สีเขียว
ไม้เขียวปลดปล่อยรัศมีประหลาด มันขยายเติบโตขึ้นและเปลี่ยนไปเป็นไม้ยาวหนึ่งร้อยฟุต
ใบหน้าเฉียนเฟิงซีดขาวและตะโกน “สลัก!”
ไม้เขียวสั่นเทาและเศษไม้ค่อยๆหล่นลงมาราวกับมีมือล่องหนกำลังแกะสลักมันอยู่ ในไม่ช้าก็แกะสลักเป็นร่างหนึ่งซึ่งร่างนั้นคือหวังหลิน!
“ทำลาย!” เฉียนเฟิงตะโกนอีกครั้ง ตอนนี้ใบหน้าถอดสีจนไม่เห็นรอยเลือดและร่างกายกำลังสั่น พลังชีวิตจำนวนมากของเขาพึ่งถูกเอาไปดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าไม่อาจได้เปรียบหวังหลิน
เมื่อเฉียนเฟิงตะโกนว่า “ทำลาย” หวังหลินหยุดเคลื่อนไหวและใบหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย หวังหลินสัมผัสถึงพลังทำลายล้างออกมาจากไม้สีเขียวพร้อมกับคมมีดโผล่ออกมาและตวัดลงใส่ศีรษะเขา
เงาแห่งความตายย่างกรายล้อมรอบหวังหลิน เฉียนเฟิงเป็นเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับกลางและเป็นศิษย์ของซูซาคุคนปัจจุบัน เช่นนั้นเขาจะมีสมบัติเล็กน้อยได้อย่างไร? เขามีสมบัติมากมายกว่าหวังหลินด้วยซ้ำ
หวังหลินไม่เคยได้ยินไม้สีเขียวนี้ พลังประหลาดที่เกิดขึ้นยากจะต่อต้าน เขาต้องการหลบแต่พบว่าพลังลึกลับนั้นขังเขาเอาไว้ให้อยู่กับที่
เมื่อเห็นคมมีดสีเขียวกำลังเข้าใกล้หวังหลิน เฉียนเฟิงเผยรอยยิ้มโหดเหี้ยม
ดวงตาหวังหลินสงบนิ่ง ด้วยความคิด วิญญาณหลักหนึ่งดวงปรากฎเบื้องหน้าหวังหลินและระเบิดขึ้น
แรงระเบิดจากวิญญาณหลักได้สร้างคลื่นกระแทกรุนแรงจนทำลายพลังที่ขังตัวเขาเอาไว้ทำให้หลบเลี่ยงคมมีดสีเขียวได้ทัน
เฉียนเฟิงเผยใบหน้าขุ่นมัวและหันตัวกลับหลบหนีโดยไม่มีความลังเลใดๆ
หวังหลินจะปล่อยมันให้หนีไปได้อย่างไร? เขายื่นมือออกไปและปรากฎธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงในฝ่ามือ ด้วยการสะบัดหนึ่งครั้งพลันเกิดดวงวิญญาณจำนวนมากลอยออกมาอีกครา
“ผนึก!” หวังหลินคำรามและดวงวิญญาณทั้งหมดกระจัดกระจาย ในไม่ช้าจึงเกิดสิ่งกีดขวางในระยะห้าลี้และกักขังเฉียนเฟิง
ขณะเดียวกันหวังหลินแกว่งขวานเข้าใส่ไม้สีเขียว เพียงหนึ่งครั้งไม้สีเขียวก็ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน เฉียนเฟิงรู้สึกขมในลำคอและกระอักโลหิตออกอีกครั้ง
“ตาย!” หวังหลินตะโกนพร้อมกับโยนขวานไปข้างหน้า ขณะเดียวกันฝักกระบี่ทั้งสี่ก็พุ่งออกไปราวกับอุกกาบาต ปราณกระบี่ทำลายล้างทั้งสี่สายออกมาจากฝักและพุ่งเข้าหาเฉียนเฟิงจากทุกสี่ทิศทาง
แต่มันยังไม่จบแค่นั้น หวังหลินสะบัดธงวิญญาณทำให้มันหายวับเป็นสายฝนและรวมเข้ากับวิญญาณรอบด้าน เหล่าดวงวิญญาณจึงถูกปลดปล่อยพลังที่ผนึกไว้ กลิ่นอายกฎเกณฑ์ทรงพลังปรากฎขึ้นภายในบริเวณล้อมรอบดวงวิญญาณ กลิ่นอายแข็งแกร่งจนมีผลกระทบต่อการเคลื่อนที่พริบตา
ดวงตาเฉียนเฟิงเผยอาการหวาดกลัวและตะโกนทันที “เซิ่งหนิว ไม่มีความเกลียดชังระหว่างเราสองคน! ทำไมเจ้าต้องถึงกับสังหารข้า?!”
ดวงตาหวังหลินเป็นประกายแสงสายฟ้าและจ้องเฉียนเฟิงพร้อมกับเอ่ยขึ้นทีละคำ “ข้าสังหารเจ้าเพราะข้าสัญญาไว้กับผีเสื้อสีชาด!”
เฉียนเฟิงเริ่มหัวเราะราวกับคนบ้าและเอ่ยขึ้น “เซิ่งหนิว หากเจ้าไม่มีธงวิญญาณหนึ่งล้านดวง ข้าก็สามารถสังหารเจ้าได้ง่ายๆ! ตอนนี้เจ้าบังคับข้า! หากข้าตาย ข้าจะไปทำลายธงวิญญาณของเจ้าซะ!”
แววตาหวังหลินเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ “ยอมรับความตายซะ!”
ปราณกระบี่ทั้งสี่เส้นเข้ามาจากทุกทิศทางใส่เฉียนเฟิง ทั้งสี่สายมีรัศมีอันทรงพลังราวกับสามารถทำให้มิติแตกกระจายเมื่อผ่านเข้าไป
เฉียนเฟิงสูดหายใจลึกใบหน้าดุดันและกระตุ้นค่ายกลซูซาคุขึ้นจุดสูงสุด แสงสีแดงหนาล้อมรอบร่างเขาอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกันเขาก็ตบกระเป๋านำของชิ้นหนึ่งออกมา
มันคือกระบี่เหล็ก!
กระบี่เหล็กปกคลุมด้วยสนิมที่ดูเหมือนมาจากโลกธรรมดา!
จุดสนิมนั้นกลับปลดปล่อยกลิ่นคาวเลือดรุนแรง จัดเจนว่าสนิมนั้นเกิดจากรอยคราบเลือด
“นี่เป็นของบรรพชนข้า ซูซาคุคนก่อนทิ้งมันไว้เป็นความลับ แม้แต่ซูซาคุคนปัจจุบันก็ไม่รู้เรื่องนี้ เซิ่งหนิว ข้ามีค่ายกลซูซาคุและเมื่อเจ้าไม่สามารถทำลายค่ายกลได้เจ้าก็ไม่อาจฆ่าข้าได้ แต่ว่าข้าสามารถฆ่าเจ้าได้ด้วยกระบี่เล่มนี้!”