489. เฉลิมฉลองวันเกิด
หวังหลินเคลื่อนที่ผ่านป่าราวกับศรสายฟ้า หลังทดสอบอยู่หลายครั้งเขาก็พบชายขอบของป่าแห่งนี้
ชายขอบล้อมรอบด้วยแสงสีเงินและไม่มีทางที่เขาจะทะลวงออกไปได้
ท้ายที่สุดหวังหลินตัดสินใจนั่งลงและสัมผัสกระเป๋า หินหยกสวรรค์นับไม่ถ้วนลอยออกมาล้อมรอบร่าง มองไกลๆแล้วหวังหลินเป็นจุดสนใจอย่างมากเนื่องจากอยู่ตรงกลางของหินหยกสวรรค์ทั้งหมด
ดวงตาหวังหลินส่องประกายเจิดจ้าราวกับคบไฟ เขาชี้ไปที่หินหยกสวรรค์และทันใดนั้นมันลอยเข้าปลายนิ้วทีละก้อน
ชั่วขณะที่นิ้วมือหวังผลินสัมผัสหินหยกสวรรค์ คลื่นเสียงแตกร้าวดังออกมาและปรากฎรอยร้าวขึ้นบนหิน สีขาวน้ำนมเปลี่ยนเป็นสีเทาและแตกสลายกลายเป็นฝุ่นผงตกลงบนพื้น ก่อนที่ฝุ่นจะกระทบลงมันถูกลมที่เกิดจากการโคจรหินหยกสวรรค์พัดออกไป
หลังหินหยกก้อนหนึ่งแตกสลาย อีกก้อนก็ลอยเข้ามา นิ้วมือหวังหลินตอนนี้ราวกับเปลวเพลิงในยามค่ำคืนและหินหยกสวรรค์ราวกับแมงเม่าบินเข้ากองไฟ
หนึ่งชิ้น สองชิ้น สามชิ้น สี่ชิ้น…หินหยกสวรรค์จำนวนมากเปลี่ยนกลายเป็นฝุ่นผงจากการแยกพลังปราณสวรรค์ออกมา กระบวนการนี้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องพักใหญ่
ท่าทางของหวังหลินไม่ได้เปลี่ยนไปเลยขณะที่ดูดพลังปราณสวรรค์ เขาควบแน่นมันและรวมเข้ากับร่างกาย
เวลาค่อยๆผ่านไปอย่างเชื่องช้าจนหวังหลินหลงลืมกาลเวลาเพราะเพ่งสมาธิทั้งหมดไปที่การบ่มเพาะและดูดซับพลังปราณสวรรค์
วงแหวนรัศมีสีทองค่อยๆก่อตัวขึ้นด้านหลังหวังหลิน รัศมีเต็มไปด้วยพลังปราณสวรรค์และความดุดัน
รัศมีพลังปราณสวรรค์ก่อตัวขึ้นเมื่อร่างกายเต็มไปด้วยพลังปราณสวรรค์ เมื่อมันรวมเข้ากับร่างกายจะเพิ่มความจุพลังปราณสวรรค์ที่คนผู้นั้นสามารถถือครองได้ซึ่งเป็นการปลดล๊อคให้เขาได้ใช้พลังปราณสวรรค์ได้อย่างอิสระมาก
หวังหลินไม่หยุดการบ่มเพาะแม้เพียงชั่วขณะ ตอนนี้ยังเหลือหินหยกสวรรค์อีกไม่กี่วงรอบตัวเขา หวังหลินส่งสัมผัสวิญญาณออกไปและหินหยกสวรรค์ลอยออกมาจากกระเป๋ามากขึ้น
ณ ตอนนี้ดวงตาหวังหลินซ่อนไว้อย่างมิดชิดราวกับมีพายุก้อนเมฆปิดบังเจตนาของเขาไว้ สายตาจดจ้องไปที่หินหยกสวรรค์รอบด้านและหลังจากครุ่นคิดชั่วขณะเขาก็เริ่มดูดซับ!
หินหยกสวรรค์รอบตัวหวังหลินทั้งหมดเริ่มแตกสลายจากภายในออกมา การแตกสลายขยายวงกว้างอย่างรวดเร็วจนหลังจากนั้นไม่กี่วินาทีรอยร้าวก็ทะลุขึ้นสู่ผิวของหินหยก
พลังปราณสวรรค์มหาศาลจนไร้ที่สิ้นสุดออกมาจากหินหยกสวรรค์ที่กำลังแตกสลาย พลังปราณสวรรค์ทั้งหมดพุ่งพล่านเข้าหาหวังหลินโดยไม่มีข้อยกเว้น
หลังจากพลังปราณสวรรค์เข้าสู่ร่างกาย ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้นและเพ่งสมาธิทั้งหมดไปที่การบ่มเพาะ
สามเดือนผ่านไปราวกระพริบตาจนถึงวันเฉลิมลองอันยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นทุกหมื่นปีบนดาวเทียนหยุน วันนี้เป็นวันครบรอบหนึ่งหมื่นปีอันปลื้มปิติของเทียนหยุน
เทียนหยุนจัดงานเฉลิมฉลองวันเกิดทุกหมื่นปี มีน้อยคนนักที่รู้ว่าเขาจัดงานวันเกิดเช่นนี้ไปกี่ครั้งแล้ว
ทุกครั้งที่เขาเฉลิมฉลอง ทั้งดวงดาวจะเข้าร่วมพิธีนี้โดยไม่มีข้อยกเว้น แม้กระทั่งสมาพันธ์เซียนก็ยังส่งคนเข้ามาร่วมด้วย
ถึงแม้จะเป็นดาวเซียนระดับเจ็ดก็ยังหายากนักที่จะมีคนจากสมาพันธ์เซียนมาเข้าร่วม
หนึ่งเดือนก่อน ค่ายกลป้องกันหมอกม่วงได้เปลี่ยนเป็นสายพานสีม่วงรอบๆดวงดาว ศิษย์สำนักชะตาสวรรค์นับไม่ถ้วนถูกส่งตัวออกไปเพื่อทักทายกับแขกผู้มีเกียรติ
ผู้คนจำนวนมากมายจากดาวเล็กๆใกล้เคียงห้าดวงที่ล้อมรอบดาวเทียนหยุนต่างก็มายินดีในวันเกิดของเทียนหยุนเช่นเดียวกัน
แม้กระทั่งเหล่าผู้คนที่ควบคุมดาวเคราะห์นอกวงโคจรของดาวเทียนหยุนต่างก็มาดาวแห่งนี้
กล่าวได้ว่าไม่มีใครบนดาวเทียนหยุนที่ไม่รู้จักเหตุการณ์นี้ ในหนึ่งเดือนที่จะถึงการเฉลิมฉลอง บ้านจำนวนมากถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับแขกต่างๆ
ศิษย์ทั้งหมดในเจ็ดกองกำลังของสำนักชะตาสวรรค์ยุ่งวุ่นวายอย่างมาก ผู้คนจำนวนมากจากสำนักอื่นและจากนอกดวงดาวต่างก็มารวมกันในที่เดียว การแลกเปลี่ยนและการสนทนาต่างก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่มีใครที่มาที่นี่จะอ่อนแอ ดังนั้นการประมือกันและกันนับว่ามีประโยชน์ต่อพวกเขาอย่างมากมาย
ในวันนี้คนที่รับผิดชอบการต้อนรับผู้คนที่มาถึงดาวเทียนหยุนคือศิษย์พี่ใหญ่ของกองกำลังสีม่วง จ้าวซิงชา เขาสวมชุดคลุมสีม่วงปักษ์ด้วยแพรลายสีทอง ป้ายสิทธิ์ของเขาแขวนไว้บนบ่าและรวมไปถึงกระบี่โบราณติดไว้ด้านหลัง เขาดูสง่ามาก แต่งแต้มด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ใครก็ตามที่เห็นเขาจะเกิดความรู้สึกเป็นมิตรน่าคบหาด้วย
ตอนนี้เขายืนอยู่บนยอดสายหมอกม่วงขณะจ้องลงไปที่ดาวเคราะห์ พลันยิ้มออกมาและพึมพำกับตัวเอง “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้มางานเฉลิมฉลองวันเกิดของอาจารย์และข้าพบสหายมากมายจริงๆ โดยเฉพาะจ้าวสำนักน้อยของสำนักหยุนลั่ว ระดับบ่มเพาะของเขาดีเยี่ยมและข้าชอบนิสัยเขา”
“น่าเสียดายที่น้องเจ็ดไม่สามารถทำให้เป็นสหายได้ น้องเจ็ดไม่มีเรื่องบาดหมางระหว่างเราสองคน แต่เจ้าไม่ควรพยายามต่อสู้กับข้าเพื่อตำแหน่งศิษย์สายตรง!”
“งานเฉลิมฉลองของอาจารย์จะเป็นตอนที่ศิษย์สายตรงของกองกำลังสีม่วงได้รับเลือก! น้องสองยอมแพ้ไปแล้ว ข้าไม่คิดว่าน้องสามคู่ควรเป็นศัตรูของข้า ส่วนน้องสี่หากนางชิงชัยกับข้า ข้ายังมีวิธีต่อกรกับนาง น้องห้าถูกส่งไปบ่มเพาะที่คุกสวรรค์จากการลงโทษของอาจารย์ น้องหกออกไปฝึกฝนข้างนอกด้วยตัวเอง ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีเช่นไร ดังนั้นเขาอาจจะไม่ได้กลับมา ตำแหน่งศิษย์สายตรงของกองกำลังสีม่วงจะเป็นของข้า!”
ดวงตาของจ้าวซิงชาเผยประกายแสงอันลึกลับและมุมปากเผยรอยยิ้มเบาบาง
ทันใดนั้นหมอกสีม่วงเริ่มเคลื่อนไหว จ้าวซิงชาหุบรอยยิ้มและมองออกไปไกล
เขาเห็นราชรถสงครามสีทองขนาดยักษ์ค่อยๆลอยเข้าหาดาวเคราะห์ ราชรถสงครามนี้ใหญ่เกินไป อย่างน้อยก็กว้างหลายฟันฟุต มีอสูรมารยักษ์สี่ตัวคอยขับเคลื่อนซึ่งเป็นเหตุผลที่มันเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว
ก่อนที่มันจะได้เข้าใกล้ พลันเกิดเสียงคำรามกึกก้องดังออกมาจากทิศทางนั้น
เสียงคำรามนี้ดังออกมาจากอสูรสี่ตัวที่กำลังลากรถ ร่างกายพวกมันใหญ่โตมโหฬารและพวกมันเป็นอสูรรูปแบบที่สามารถเหาะเหินในอวกาศได้ในระยะสั้นๆ แม้พวกมันจะไม่สามารถใช้วิชาอันใดได้แต่ไม่ควรประเมินต่ำไป
มีผู้คนจำนวนสิบคนยืนอยู่สิบตำแหน่งแตกต่างกันบนราชรถ พวกเขาสวมเสื้อคลุมสีเงินและมีใบหน้าเฉยเมย
ใจกลางราชรถสงครามมีเก้าอี้อยู่หนึ่งตัวและมีคนผู้หนึ่งพักอยู่บนเก้าอี้ตัวนั้น เขาดูอ้วนมากราวกับลูกบอลแต่ผิวกายเรียบลื่นและขาวใสราวกับผลึก ใครก็ตามที่มองเข้าไปจะเห็นว่ามันระยิบระยับ
เมื่อจ้าวซิงชาเห็นราชรถสงครามสีทอง เขาตกตะลึงพลันเข้าไปทันทีและเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อม “ผู้น้อยคือศิษย์ของกองกำลังสีม่วงสำนักชะตาสวรรค์ จ้าวซิงชา ขอคำนับผู้อาวุโสปิศาจทอง”
เมื่อราชรถสงครามสีทองหยุดห่างจากจ้าวซิงชาหนึ่งร้อยฟุต รัศมีทรงพลังจดจ้องบนตัวเขาอย่างรวดเร็ว เป็นสายตาดุร้ายจากอสูรทั้งสี่ตัวนั้น บางตัวถึงกับน้ำลายไหลออกมาจากมุมปาก
บนยอดราชรถแห่งสงคราม คนสิบคนยืนจ้องจ้าวซิงชาด้วยสายตาเยือกเย็นอย่างเงียบเชียบ
เหงื่อเย็นเฉียบไหลลงมาจากหน้าผากจ้าวซิงชา เขาสูญเสียความใจเย็นเล็กน้อยเพราะรู้จักตัวตนของปิศาจทอง
ปิศาจทองคนนี้เป็นผู้ปกครองหนึ่งในดาวเคราะห์เล็กๆในระบบดวงดาว เขาปกครองดาวนั้นด้วยตัวเองและมีอำนาจเหนือผู้อื่น หากใครกล้าก่อเรื่องกับเขา เขาจะล้างแค้นโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่ตามมา คนผู้นี้ได้รับการสนับสนุนจำนวนมากและเป็นคนพิสดาร เขามักจะสังหารผู้คนโดยไม่คิดอยู่บ่อยๆและผู้คนนับไม่ถ้วนตายตกในเงื้อมมือของเขา
ระดับบ่มเพาะของคนผู้นี้แข็งแกร่งเกินไป ไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้นอกจากคนที่ถูกเลือกเพียงไม่กี่คน ล่าวลือว่าระดับบ่มเพาะของปิศาจทองได้ผ่านขั้นมายาหยินและตัวตนหยางไปแล้วและก้าวสู่ขอบเขตในตำนาน
ก้อนเนื้ออ้วนบนเก้าอี้ขมวดคิ้วและตะโกน “เจ้าเด็กน้อยคนนี้จะยืนบื้อหาอะไร? นำทางไปสิ!”
จ้าวซิงชาสูดหายใจลึก รอยยิ้มบางกลับคืนสู่ใบหน้าและเอ่ยอย่างเคารพ “ทางนี้ครับผู้อาวุโส!” เขาสะบัดแขนก่อเกิดเป็นสายหมอกสีม่วงเคลื่อนไหวเป็นทางยาว
ภายใต้การชี้ทางของจ้าวซิงชา ราชรถสีทองก็เคลื่อนไหวเข้าหาดาวเทียนหยุนอย่างช้าๆ
ฉากเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นหลายครั้งในหนึ่งวันบนดาวเทียนหยุน ขณะที่เซียนผู้แข็งแกร่งจำนวนมากมายได้มาถึงรอบดาวเทียนหยุน จึงเกิดการสนทนากันไป
มีการประมือกันบ่อยๆในหลายจุด แต่ทุกคนต่างก็รู้สถานที่ดังนั้นจึงไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น
พื้นที่ของเจ็ดกองกำลังสำนักชะตาสวรรค์มีอาณาบริเวณหลายหมื่นลี้ได้เติมเต็มไปด้วยบ้านหรูหรา บ้านเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลาไม่กี่เดือนโดยการใช้วิชาเซียน มีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวคือบริการสถานที่พักผ่อนให้แก่แขกที่มาในงาน
หากมีใครสักคนมองมาที่สำนักชะตรสวรรค์จากเบื้องบนในเวลานี้ พวกเขาจะเห็นภูเขาลูกนึงอยู่ใจกลาง ภูเขาแห่งนี้คือสำนักหลักซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักชะตาสวรรค์และล้อมรอบด้วยดวงดาวแตกต่างกันเจ็ดสี ดวงดาวเจ็ดสีเหล่านี้คือกองกำลังทั้งเจ็ด
ด้านนอกที่แห่งนี้เป็นทะเลที่พักสุดลูกหูลูกตาซึ่งดูเหมือนจะต่อเติมออกไปโดยไม่รู้จบ ทุกครั้งที่เทียนหยุนจัดงานเฉลิมฉลองวันเกิด ผู้คนจำนวนมากมายที่เข้าร่วมนั้นเหนือจินตนาการ
ท้ายที่สุดแล้วจำนวนผู้คนที่สามารถเข้าไปในสำนักหลักของสำนักชะตาสวรรค์นั้นมีไม่เกินร้อยคน บางครั้งมีเพียงแค่ไม่กี่สิบคน
ผู้คนดำเนินเข้ามาเรื่อยๆจนกระทั่งวันเกิดของเทียนหยุนได้มาถึง!
วันนี้ไม่มีก้อนเมฆบดบังท้องฟ้า ท้องฟ้าเป็นสีครามสดใสและสายลมอ่อนๆพัดพากลิ่นหอมของดอกไม้เข้ามา งานเฉลิมฉลองวันเกิดมีทั้งหมดแปดตำแหน่ง
หนึ่งตำแหน่งที่จัดคือแต่ละจุดของเจ็ดกองกำลัง
นอกจากงานเฉลิมฉลองที่กองกำลังทั้งเจ็ดแล้วยังมีที่สุดท้ายคือสำนักหลัก และเป็นจุดที่ตั้งของงานเฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่ ใครก็ตามที่สามารถมาอยู่ที่นี่นับว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ
ปิศาจทองไม่มีคุณสมบัติพอที่จะอยู่ที่นี่ ซึ่งด้วยสถานะของเขาสามารถอยู่ได้แค่หนึ่งในงานเฉลิมฉลองย่อยที่อยู่ในกองกำลังแต่ละสีเท่านั้น