497. วิชาเทพชี้ทางสวรรค์
เสียงคำรามดุร้ายผ่านธงวิญญาณและดังก้องในวิญญาณดั้งเดิมหวังหลิน แม้ว่าเสียงนี้จะไม่ได้ออกจากร่างกายเขา เจ้ากิเลนที่กำลังกระโดดใส่เทียนหยุนพลันสั่นเทาและหยุดชะงักทันที ศีรษะโตๆของมันหันกลับมาสายตาส่องสว่างและเริ่มตรวจสอบฝูงชน
ทว่าจังหวะที่เจ้ากิเลนข้างในธงวิญญาณส่งเสียงคำราม หวังหลินกระตุ้นธงวิญญาณเพื่อซ่อนร่องรอยเจ้ากิเลนไปเรียบร้อย ดังนั้นกิเลนของหลิงเทียนโฮวไม่สามารถหาสิ่งใดเจอได้
เซียนกระบี่หลิงเทียนโฮวขมวดคิ้ว
ขณะนี้กระบี่คดเคี้ยวถูกเทียนหยุดขัดขวางและเจ้ากิเลนก็หยุดชะงัก วิชาเทพระดับกลาง ชี้ทางสวรรค์จึงปดลปล่อยพลังเต็มที่ของมัน
แสงเจ็ดสีระเบิดออกมาจากหลุมกลางท้องฟ้า ขณะเดียวกันเสียงธรรมชาติดังสนั่นผ่านเหล่าหมู่เมฆ
ภาพร่างมายาปรากฎขึ้นทีละภาพและเคลื่อนไหวไปรอบๆท้องฟ้า หนึ่งในภาพร่างมายาค้างอยู่ตรงกลาง ภาพร่างมายามีผ้าคลุมสีทองสวมไว้และปลดปล่อยพลังปราณสวรรค์จำนวนมหาศาล แม้ว่ามันจะเป็นภาพมายาแต่กลับมีแรงกดดันรุนแรงปดลปล่อยออกมาจากร่างมัน
ขณะที่มันลอยอยู่กลางท้องฟ้ามันมองลงมา สายตาจรดลงบนศิษย์ของสำนักกระบี่ต้าหลัวมากกว่าหมื่นคน มันไม่ได้เปิดปากแต่น้ำเสียงทรงพลังดังกึกก้องในท้องฟ้า
“ข้าเป็นร่างมายาแห่งผู้ส่งสาส์นอมตะของดินแดนสวรรค์ ข้ามาที่นี่เพื่อชี้ทางเหล่าเซียนขอบเขตระดับต่ำ!” ประโยคนี้ดูคล้ายจะพูดมาหลายครั้ง ผู้ส่งสาส์นยกฝ่ามือขึ้นและสะบัด ชั่วขณะนั้นพื้นที่ตำแหน่งของศิษย์สำนักกระบี่ต้าหลัวก็ลอยสั่นขึ้นและถูกแสงสีทองผนึกไว้!
ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้เซียนรอบๆทั้งหมดที่มางานเฉลิมฉลองต่างตื่นตะลึง เซียนทรงพลังทั้งหมดต่างเผยใบหน้าตกใจด้วย
“ดินแดนสวรรค์ถูกทำลายไปแล้ว ทำไมวิชาชี้ทางสวรรค์ยังอัญเชิญเทพธรรมดามาชี้ทางด้วย? หากคนเหล่านี้พาไปจริงๆ พวกเขาจะไปที่ไหน? จะพาไปที่ดินแดนสวรรค์ล่มสลายงั้นหรือ? หรือเป็นที่ที่ไม่มีเซียนเคยไปมาก่อน?”
คำนับจำนวนมากปรากฎขึ้นในใจเหล่าเซียนรอบๆ
ขณะเดียวกันเทียนหยุนก็มีความลึกลับอย่างมากในใจพวกเขา
“วิชาเทพระดับกลางเช่นนี้ถูกเทียนหยุนพบบนดาวเคราะห์ร้างได้อย่างไร? เรื่องนี้มีปัญหาแน่นอน!”
ขณะที่เหล่าเซียนต่างๆกำลังสงสัย ใบหน้าเซียนกระบี่หลิงเทียนโฮวมืดมนและร้องตะโกน “ตาเฒ่าเทียนหยุน ข้าพาศิษย์ของข้ามาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับเจ้า เจ้ายังไม่หยุดการกระทำต่ำช้าเช่นนี้อีกหรือ นี่มันหมายความว่าอะไร?!”
เขาสะบัดแขนขวาและกระบี่คดเคี้ยวลอยกลับมาหาเขา หลิงเทียนโฮวพยายามหยุดวิชาเซียนและต้องการเห็นว่าเทียนหยุนต้องการทำอะไรกันแน่
เทียนหยุนยังยิ้มบางเช่นเดิม “การปล่อยให้ศิษย์ของเจ้าพบเจอประสบการณ์ดินแดนสวรรค์ก่อนที่มันจะถูกทำลายไม่ใช่เรื่องดีหรือ?”
ขณะที่ทั้งสองคนพูดกัน ศิษย์สำนักต้าหลัวมากกว่าหมื่นคนลอยเข้าหาหลุมกลางท้องฟ้าโดยไร้การควบคุมและหายไปทีละคน
ใบหน้าเซียนกระบี่หลิงเทียนโฮวยังมืดมนขณะยืนจ้องเทียนหยุนอย่างเย็นชา
จนเมื่อศิษย์สำนักกระบี่ต้าหลัวคนสุดท้ายหายเข้าไปในหลุมด้วยเหตุการณ์ประหลาด ท้องฟ้าค่อยๆเลือนหายไปและกลับคืนสู่ปกติ
เทียนหยุนเงยศีรษะขึ้นมองท้องฟ้าและยิ้มบางๆ “แม้ว่าวิชาเทพระดับกลางนี้จะไม่มีพลังโจมตี มันยังสามารถส่งคนเข้าไปสู่พื้นที่หลังดินแดนสวรรค์ล่มสลายได้ ส่วนจะถูกส่งไปที่ไหนนั้นข้าก็ไม่ทราบ!”
“เจ้า!!!” เซียนกระบี่หลิงเทียนโฮวจ้องมองเทียนหยุนและใบหน้าบูดบึ้งยิ่งกว่าเดิม
เทียนหยุนมองกลับและยิ้มขึ้น “เซียนกระบี่ไม่ต้องกังวล ในอีกสามวันศิษย์ของเจ้าทั้งหมดจะกลับมาปรากฎตัวที่นี่ ถึงตอนนั้นเจ้าจะต้องให้ข้าขอซักถามศิษย์ของเจ้าสักหน่อย ข้าอยากเห็นว่าแท้จริงแล้วพวกเขาไปที่ไหนและเห็นอะไร”
เซียนกระบี่หลิงเทียนโฮวครุ่นคิดเล็กน้อยและพ่นลมหายใจเย็นเฉียบและไม่กล่าวอะไรอีก
เขารู้จักเทียนหยุนดีว่าจะไม่ทำอะไรกับศิษย์ของเขาเป็นการเฉพาะเมื่ออยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่เช่นนั้นเทียนหยุนคงสูญสิ้นสิ่งที่ผู้คนเคารพ หากเทียนหยุนพูดว่าจะกลับมาในสามวันเช่นนั้นพวกเขาก็จะกลับมาในสามวัน
เทียนหยุนทำเรื่องทั้งหมดนี้เพื่อให้เซียนกระบี่หลิงเทียนโฮวดูแย่
ขณะนั้นบางคนที่มีพรสวรรค์จดจ้องไปที่ท้องฟ้า คิดถึงบางสิ่งและมีน้อยคนที่เลียนแบบวิชาเทพอย่างลับๆ
หวังหลินเงยศีรษะขึ้นมองท้องฟ้าและเริ่มขบคิด วิชาเทพระดับกลางนี้เป็นสิ่งลึกลับสำหรับเขามากและเป็นไปไม่ได้ที่จะเรียนรู้มันด้วยการแสดงแค่ครั้งเดียว ทว่ามันทำให้เขาได้รับความเข้าใจเรื่องวิชาเทพได้ดีขึ้น
ฉากเหตุการณ์ที่สร้างด้วยวิชาชี้ทางสวรรค์เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เกิดจากเทียนหยุน ความจริงแล้ววิชานี้คงอยู่มาชั่วกาลนานแล้ว เพียงแค่ต้องใช้วิธีการเปิดเส้นทางและมีคุณสมบัติพอที่จะใช้มัน ใครก็ตามที่ตรงตามความต้องการสองอย่างนี้สามารถใช้มันไปไหนก็ได้ที่ต้องการเพื่อชี้ทางไปดินแดนสวรรค์
หลังเทียนหยุนแสดงวิชานี้ เขาไม่ได้ประกาศว่าการสั่งสอนเต๋าได้สิ้นสุดไปแล้ว ดวงตาเผยประกายแสงลึกลับแทนและเอ่ยขึ้นช้าๆ “วันนี้นอกจากการเฉลิมฉลองวันเกิดของข้า ข้ายังต้องการให้สหายเซียนของข้าเป็นพยาน ข้ามีศิษย์สายตรงทั้งหมดเจ็ดคนและมีเพียงกองกำลังสีเหลืองและสีม่วงที่ไม่มีใครถือครองตำแหน่งศิษย์สายตรง วันนี้จะเป็นวันที่ศิษย์สายตรงทั้งสองกองกำลังจะถูกรับเลือก!”
หลังกล่าวเช่นนี้ สายตาเซียนรอบๆต่างหันมาหากองกำลังสีเหลืองและสีม่วง ทว่าส่วนใหญ่มองมาที่สีเหลือง มีไม่มากนักที่มองมากองกำลังสีม่วง
นอกจากนั้นทุกคนต่างก็รู้ว่ากองกำลังสีม่วงอ่อนแอมาก
มีอยู่หกคนในกองกำลังสีเหลือง ศิษย์ลำดับสามของกองกำลังเหลืองถือครองตำแหน่งศิษย์สายตรง ทว่าเมื่อสามสิบปีก่อนเขาหายตัวไประหว่างการเดินทางนอกสำนักและไม่รู้ข่าวคราวเขาอีกครั้งเลย
ชั่วขณะนั้นศิษย์ทั้งหกคนของกองกำลังสีเหลืองต่างใบหน้าสงบนิ่งราวกับน้ำนิ่ง สตรีวัยกลางคนยืนอยู่ท้ายสายพลันเดินมาข้างหน้าและกล่าวต่อเทียนหยุนอย่างเคารพ “ศิษย์ขอยกเลิก!”
หลังจากนางกล่าวเช่นนั้น ศิษย์คนอื่นๆของกองกำลังสีม่วงเดินออกมาและยกเลิกกันจนกระทั่งเหลือสองคนที่หลงเหลืออยู่
สองคนที่เหลืออยู่หวังหลินมีความประทับใจเล็กๆหนึ่งในนั้น มันคือคนที่ได้รับกระกระบี่จากเทียนหยุนก่อนหน้านี้ คุนเพิงจื่อ!
นอกจากคุนเพิงจื่อแล้วยังมีชายชราอีกคนยืนอยู่ข้างๆกัน ใบหน้าเขาปกคลุมไปด้วยรอยเหี่ยวย่นและเขาดูท่าทางผิดปกติ แม้จะสวมชุดคลุมสีเหลืองแต่กลับดูผอมแห้งคล้ายลิง
เขาคือหยุนต้าวจื่อ ศิษย์ที่แก่ที่สุดของกองกำลังสีเหลืองและเขาถือครองตำแหน่งศิษย์สายตรงมาแปดร้อยปีก่อนที่ศิษย์ลำดับสามจะเอาจากเขาไป ทว่าคนผู้นี้ไม่มีวิญญาณการแข่งขันดังนั้นเขาจึงมีชีวิตที่ไร้กังวล
ชั่วขณะเขามองไปที่เทียนหยุน พลันก้าวไปข้างหน้าและกล่าวอย่างเคารพ “ศิษย์ขอยกเลิกเช่นกัน คนที่เหมาะสมมากที่สุดที่จะได้รับตำแหน่งศิษย์สายตรงของกองกำลังสีเหลืองคือน้องสองที่ได้รับสมบัติสวรรค์จากอาจารย์”
เทียนหยุนมองหยุนต้าวจื่ออย่างสื่อความหมาย สายตานี้ทำให้หยุนต้าวจื่อรีบก้มศีรษะและเงียบเสียง
จากนั้นเทียนหยุนตะโกน “คุนเพิงจื่อ!”
“ศิษย์อยู่ที่นี่!” ร่างคุนเพิงจื่อสั่นเทาขณะที่ก้าออกมาข้างหน้าอย่างรวดเร็วและยืนตั้งตรง
“เจ้าเป็นศิษย์สายตรงของกองกำลังสีเหลือง หากเจ้าสามารถคงอยู่ตำแหน่งนี้ได้เป็นเวลาพันปี ข้าจะสอนวิชาเทพระดับต่ำให้เจ้า เจ็ดศิษย์ชะตาสวรรค์ไม่ใช่คนธรรมดา เป็นสัญลักษณ์ของสำนักชะตาสวรรค์ของข้าและเป็นศิษย์ที่แท้จริงของสำนัก เจ้าจะยอมรับตำแหน่งนี้ไหม?” น้ำเสียงเทียนหยุนเต็มไปด้วยความสง่า
เหล่าเซียนรอบด้านไม่ได้ตอบสนองมากนักแต่ปากของเซียนกระบี่หลิงเทียนโฮวขยับเขยื้อน เขาเผยใบหน้าดูถูกราวกับกำลังพูดว่า “เจ็ดศิษย์ชะตาสวรรค์…ฮึ่ม…”
คุนเพิงจื่อคุกเข่าลงกลางอากาศและหมอบคลานต่อเทียนหยุน “ศิษย์จะจดจำคพูดของอาจารย์ไว้!”
เทียนหยุนพยักหน้า จากนั้นชี้ไปที่ตำแหน่งระหว่างคิ้วของเขา แสงสีเหลืองเส้นหนึ่งปรากฎขึ้นทำให้ดวงตาเทียนหยุนเจิดจ้า ในไม่ช้าผลึกสีเหลืองปรากฎในฝ่ามือเขา
“ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่คุ้นชินกับของเช่นนี้ มันคือสัญลักษณ์ของเจ็ดศิษย์ชะตาสวรรค์ จงปิดด่านบ่มเพาะเพื่อเรียนรู้มัน เมื่อเจ้าออกมาข้าจะให้สมบัติช่วยชีวิตเจ้าอีกชิ้น!”
คุนเพิงจื่อสูดหายใจลึกและระงับความตื่นเต้นในใจอย่างหนัก แม้เขาจะรู้ว่าอาจะได้ตำแหน่งนี้แต่ยังรู้สึกเหมือนกำลังฝันไป
ตามจริงเขารู้ในใจอยู่แล้วว่าศิษย์คนอื่นๆของกองกำลังสีเหลืองไม่ได้อ่อนแอ และแต่ละคนซ่อนระดับบ่มเพาะไว้ได้อย่างดีเยี่ยม คงมิอาจมองทะลุระดับคนอื่นๆได้เว้นแต่จะเป็นการต่อสู้กันจริงๆ
หากต่อสู้ เขาไม่มีความมั่นในใจการเอาชนะ และที่สำคัญที่สุด กองกำลังสีเหลืองมีศิษย์พี่หยุนต้าวจื่อ
คุนเพิงจื่อติดตามอาจารย์มามากกว่าสองพันปี แต่เมื่อตอนที่เขาเข้าร่วม ศิษย์พี่ใหญ่ก็อยู่ที่นี่แล้ว เขาไม่รู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่ติดตามอาจารย์มานานแค่แล้ว
อย่างไรก็ตามแม้ว่าพี่ใหญ่จะโอหังนิดหน่อยและไม่ได้พูดคุยอะไรกับใคร เขายังไม่มีความสนใจในตำแหน่งศิษย์สายตรง เขากระทั่งไม่ได้อยากต่อสู้เพื่อตำแหน่งนี้
หวังหลินเฝ้ามองเรื่องเหล่านี้จากด้านข้าง สายตาตกลงบนหยุนต้าวจื่อมากกว่าคนอื่นๆ
แต่สิ่งที่หวังหลินพบว่าประหลาดที่สุดก็คือหลังจากเทียนหยุนนำผลึกสีเหลืองออกมา สายตาหยุนต้าวจื่อหรี่เล็กลงจนแทบสังเกตไม่ได้ ความสงบนิ่งในแววตาเขาพังทลายและแทนที่ด้วยความหวาดกลัว ทว่าความหวาดกลัวนี้กลับมาสงบนิ่งอย่างรวดเร็วราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมาก่อน
หากหวังหลินไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องนี้ตลอดเวลาเขาคงไม่สามารถสังเกตรายละเอียดเล็กๆน้อยๆนี้ได้
หลังจากมองเห็นเวลานาน หยุนต้าวจื่อหันมาหาเขาและเผยรอยยิ้มบาง
รอยยิ้มบางนี้ประหลาดเล็กน้อยราวกับเขามองทะลุทุกสิ่งทุกอย่าง
“ถัดไปคือตำแหน่งศิษย์สายตรงของกองกำลังสีม่วง หวังหลิน จ้าวซินหมิง ป๋ายเวย พวกเจ้าทั้งสามพร้อมใช่ไหม?” เทียนหยุนมองมาที่หวังหลินและพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม