Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 498

Cover Renegade Immortal 1

498. จ้าวซินหมิง

ป๋ายเวยพยักหน้าและกล่าวอย่างนอบน้อม “ศิษย์ขอยกเลิก!”

ศิษย์ลำดับสี่ จ้าวซินหมิงมองมาทางหวังหลินด้วยใบหน้าเคร่งเครียดและกล่าวเบาๆ “น้องเจ็ด หากข้ายอมแพ้ด้วยมันคงง่ายเกินไปที่เจ้าจะได้รับตำแหน่ง วันนี้จะต้องเกิดการต่อสู้ระหว่างเราสองคน!”

ภาพสายตาหวาดกลัวของหยุนต้าวจื่อยังคงอยู่ในใจหวังหลินและเขาเผยอาการลังเล

“ศิษย์ขอยกเลิก!” หวังหลินสูดหายใจลึกและมองไปทางเทียนหยุน

เทียนหยุนตกตะลึง เป็นครั้งแรกที่หวังหลินเห็นใบหน้าเช่นนี้ของเขา เทียนหยุนขมวดคิ้วมองหวังหลินและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ทำไมเจ้าถึงยกเลิก?”

แววตาสงบนิ่งของจ้าวซินหมิงหายไปและถูกแทนที่ด้วยความประหลาดใจ นางจ้องหวังหลินและครุ่นคิดเงียบๆ

ใบหน้าหวาดกลัวของหยุนต้าวจื่อยังไม่หายไปจากในหวังหลิน หลังจากได้ยินคำพูดของเทียนหยุน เขาขบคิดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบ “ระดับบ่มเพาะของศิษย์ไม่สูงส่งเพียงพอที่จะเปรียบเทียบกับพี่สี่…”

“หวังหลิน!” เทียนหยุนตัดบทหวังหลินจากนั้นมองเขาด้วยสายตาสื่อความหมายพร้อมกับเอ่ยน้ำเสียงเคร่งขรึม “อาจารย์อยากให้เจ้าพยายามต่อสู้มันสักครั้ง! ศิษย์ของข้าไม่ควรขี้ขลาด อีกทั้งเจ้าไม่ควรหลงไปกับเรื่องไร้สาระของคนอื่น เจ้าเพียงแค่ต้องจดจำไว้ว่าเจ้าควรทำตามความปรารถนาของเจ้า ข้าจะให้เวลาเจ้าคิดดีดีครึ่งก้านธูป หากเจ้ายังตัดสินใจยกเลิก ข้าจะไม่ห้าม!” เทียนหยุนขมวดคิ้ว หลังจากนั้นเขามองหยุนต้าวจื่อและใบหน้าก็มืดมน

เมื่อหยุนต้าวจื่อรับรู้สายตาของอาจารย์ จิตใจก็สั่นเทาและรีบก้มหน้าอย่างรวดเร็ว

คำพูดของเทียนหยุนจดจำในใจศิษย์อีกหกกองกำลัง สายตาแต่ละคนเต็มไปด้วยความสับสนและประเมินหวังหลินไปด้วย

เพราะในสายตาพวกเขา มันยากมากที่อาจารย์จะพยายามเปลี่ยนใจคนอื่น ในกองกำลังสีม่วงนอกจากซุนหยุนแล้ว หวังหลินเป็นคนที่สองที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น!

เวลาครึ่งก้านธูปผ่านไปอย่างช้าๆ ดวงตาหวังหลินส่องสว่าง จากนั้นมองไปทางเทียนหยุนและคำนับฝ่ามืออย่างเคารพ “ศิษย์จะขอสู้สักครั้ง!”

เทียนหยุนเผยใบหน้าปิติยินดีและพยักหน้า “ดี!”

จ้าวซินหมินมองหวังหลินและเอ่ยนุ่มนวล “น้องเจ็ด เริ่มกันเลย!”

ดวงดาวสีม่วงปรากฎรอบตัวนางทีละดวงและเริ่มโคจรไปด้วย

หวังหลินจ้องดวงดาวเหล่านั้น บนดาวเคราะห์เทียนหยุนดูเหมือนว่าสมบัติวิเศษไม่ได้ถูกใช้มากนักในการต่อสู้ ผู้คนมักจะใช้วิชาเซียนแทน แม้ว่าเขาจะไม่ได้ต่อสู้บ่อยตั้งแต่มาอยู่ที่นี่แต่ทว่าทุกคนที่เขาพบจะใช้วิชาเซียนเป็นการโจมตีหลัก

ดวงดาวที่โคจรรอบจ้าวซินหมิงเริ่มรวบรวมเข้าหานิ้วของนางขณะที่นางเคลื่อนไหวร่างไปในอากาศ พริบตาเดียวแขนขวาของนางก็ปกคลุมไปด้วยแสงสีม่วงหนาแน่น

แม้กระทั่งร่างกายที่เหลือก็เคลือบด้วยชั้นแสงสีม่วงทำให้นางปลดปล่อยความรู้สึกลึกลับออกมา

“น้องเจ็ด ข้าทราบว่าเจ้าไม่รู้จักเต๋าของข้า ดังนั้นวันนี้ข้าจะบอกเจ้าให้เอง! เต๋าของข้าคือเงาแห่งปิศาจ ตราบใดที่ข้าเห็นวิชานั้นครั้งนึงแล้วและความต้องการไม่เกินกว่าระดับบ่มเพาะของข้า ข้าสามารถลอกเลียนแบบมันได้ แม้จะไม่มีพลังเต็มที่แต่วิชาที่ข้าสร้างขึ้นนี้เกิดจากการเลียนแบบดัชนีมารของเจ้า ข้าเรียกมันว่าหัตถ์มารม่วง!”

ขณะที่นางกล่าว แขนขวาสะบัดไปด้านหน้า แสงสีม่วงพลันหลุดจากแขนนางและลอยเข้าหาหวังหลิน

ร่างหวังหลินกระพริบพร้อมกับถอยหลังกลับอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันเขาก็ยกนิ้วชี้ขวาขึ้นมา พลังปราณสวรรค์ในร่างเคลื่อนไหวและเพลิงม่วงปรากฎบนปลายนิ้วชี้อย่างรวดเร็ว

ขณะที่เพลิงปรากฎ รัศมีปิศาจมหาศาลปรากฎขึ้นและล้อมรอบพื้นที่แห่งนี้

‘เด็กคนนี้เหมาะกับเต๋าของข้าจริงๆ…ตอนนั้นข้าบอกเขาเพียงประโยคเดียว เต๋าของข้าคือเต๋าแห่งชะตาสวรรค์ มีเพียงการค้นหาคนที่เหมาะสมกับเต๋าของข้าเท่านั้นข้าจึงจะมีโอกาสในการก้าวเข้าสู่ขั้นที่สาม…’ ใบหน้าเทียนหยุนสงบนิ่งเป็นปกติขณะที่ให้ความสนใจในนิ้วชี้ขวาของหวังหลินเพิ่มขึ้น

‘หากเด็กคนนี้เหมาะสมกับเต๋าของข้าจริงๆ เช่นนั้นข้าเทียนหยุนจะขอเสี่ยงมันสักครั้งไม่ว่าจะจ่ายด้วยอะไรก็ตาม! ตั้งแต่ที่ข้าเผชิญกับเข้าเมื่อสามหมื่นปีก่อน ข้าสูญเสียศิษย์ส่วนใหญ่ไปนับตั้งแต่ตอนนั้น ที่ข้าทำเช่นนี้ข้าได้ลองผิด…ลองถูก…’ เทียนหยุนจ้องหวังหลินด้วยสายตาเศร้าเสียใจ

หวังหลินเอ่ยขึ้นด้วยสายตาเคร่งขรึม “ดัชนีมาร!”

เพลิงสีม่วงบนนิ้วเขาลอยออกมาทันทีและปะทะเข้ากับหัตถ์มารม่วงของจ้าวซินหมิง

เมื่อดวงดาวสีม่วงหลอมเข้ากับแสงสีม่วงอย่างสมบูรณ์พลันเกิดเสียงแตกร้าวดังขึ้น เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกลับนี้อยู่ข้างใน

พลังชั่วร้ายออกมาจากลำแสงซึ่งหนาแน่นมากกว่าดัชนีมารของหวังหลินหลายเท่า เป็นที่แน่ชัดแล้วว่ามันเกิดจากการปะทะของทั้งสองวิชา

จ้าวซินหมิงถอยกลับอย่างรวดเร็วและตบกระเป๋า ไข่มุกเม็ดหนึ่งปรากฎในฝ่ามือของนาง นางเผยใบหน้าอ่อนโยนและเอ่ยขึ้น “รวบรวม!”

หลังกล่าวเช่นนั้นพลังชั่วร้ายที่กระจายออกจึงหยุดชะงักและเริ่มเคลื่อนไหวเข้าหาไข่มุกในมือนาง ไม่นานนักพลังชั่วร้ายทั้งหมดก็ถูกไข่มุกดูดซับไว้อย่างสมบูรณ์

เดิมทีไข่มุกเป็นสีขาวไร้ที่ติแต่ตอนนี้เป็นสีดำโดยสิ้นเชิงราวกับมีวิญญาณอาฆาตอยู่ข้างในและปลดปล่อยคลื่นเย็นเฉียบออกมา

จ้าวซินหมิงถือไข่มุกและยิ้มแก้มปริ “น้องเจ็ด ข้าจะไม่ต่อสู้กับเจ้าเพื่อตำแหน่งศิษย์สายตรง แต่พลังมารนี้ต้องเป็นของข้า!”

หวังหลินมองไข่มุกและเอ่ยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ท่านสร้างหัตถ์มารม่วงเพื่อให้ข้าใช้ดัชนีมารและจากนั้นก็ดูดซับพลังมารจากมัน ศิษย์พี่หญิง หากท่านขอข้าตรงๆข้าคงไม่คิดอะไรมาก แต่ตอนนี้เป็นไปไม่ได้ที่ท่านจะได้พลังมารนั้นไป!”

ขณะที่หวังหลินกล่าวจบ พลังมารข้างในไข่มุกที่อยู่ในมือจ้าวซินหมิงเลือนหายไปอย่างรวดเร็วราวกับไม่เคยอยู่ตรงนั้นมาก่อน ไม่นานนักไข่มุกสีดำก็เปลี่ยนกลับเป็นสีขาวบริสุทธิ์อีกครั้ง

พลังมารนี้ไม่ใช่พลังมารจริงๆที่ได้จากการฝึกฝนแต่เป็นภาพมายาที่สร้างจากพลังปราณสวรรค์ของหวังหลิน ทำให้หวังหลินควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์และเพียงแค่คิดก็ทำให้มันหายไปได้

พลังปราณสวรรค์ที่ปรับแต่งไปรูปแบบนี้ไม่สามารถมอบให้คนอื่นได้ ไม่เช่นนั้นหากมีคนศึกษามันคงหาวิธีฝึกฝนดัชนีมารได้แน่นอน หวังหลินสัญญากับซือถูหนานว่าเขาจะไม่สอนให้คนอื่นอีก

ใบหน้าจ้าวซินหมิงจมดิ่งลงขณะที่คิ้วนางขมวดเป็นปม นางมองไข่มุกในมือและบดขยี้ด้วยมือเดียว จากนั้นเงยศีรษะขึ้นมองหวังหลินและเอ่ยอย่างนุ่มนวล “น้องเจ็ด ข้าเพียงต้องการพลังมารของเจ้าสักเล็กน้อย หากเจ้ายกให้ข้า ข้าจะยอมแพ้ ไม่เช่นนั้น…”

หวังหลินมองไปที่จ้าวซินหมิง แม้ว่าทั้งคู่จะมีการตกลงกันในอีดแต่กลับเดินบนเส้นทางคนละเส้น หวังหลินเอ่ยท่าทีสงบน “พี่สี่ ข้าไม่สามารถช่วยท่านด้วยเรื่องนี้ได้”

จ้าวซินหมิงมองหวังหลิน หลังจากนั้นไม่นานนางก็ยกแขนขึ้น “วิชาหลอมสวรรค์เก้าโคจร!”

เช่นนั้นแสงสีทองทรงพลังปราณขึ้นจากภายในร่างจ้าวซินหมิง ขณะเดียวกันใบหน้านางก็ปกคลุมไปด้วยแสงสีทองปลดปล่อยสัมผัสอันลึกลับ

แขนขวาของนางราวกับเสาหินสีทองที่ปลดปล่อยคลื่นแสงสีทองออกมา

พลังปราณสวรรค์โลหะเริ่มปรากฎรอบแขนขวาของนางอย่างช้าๆก่อเกิดเป็นวังวนสีทองซึ่งค่อยๆหมุนในแขนของนาง

หนึ่งรอบ สองรอบ สามรอบ สี่รอบ ห้ารอบ…

วังวนสีทองหมุนอยู่ทั้งสิ้นห้ารอบก่อนจะหยุดลงและเริ่มหมุนย้อนกลับ

ดวงตาหวังหลินสว่างวาบและยกแขนซ้ายขึ้นมา พลังปราณสวรรค์โลหะที่โคจรไว้สามรอบซึ่งจำกัดมันเอาไว้พลางปลดปล่อยและรวมกันในฝ่ามือหวังหลิน

วังวนขนาดคล้ายๆกันปรากฎในมือซ้ายและเริ่มหมุนช้าๆ หนึ่งรอบ สองรอบ สามรอบ!

ดวงตาจ้าวซินหมิงเผยอาการตกใจ นางยกวิชาหลอมสวรรค์เก้าโคจรให้หวังหลินไม่กี่วันก่อนแต่เขากลับสามารถบรรลุสามรอบได้ในช่วงเวลาสั้นๆ นี่มันเกินกว่าที่นางคาดคิด

จ้าวซินหมิงซ่อนแววตาตกใจและเอ่ยขึ้น “น้องเจ็ด สามรอบนั้นไม่มีประโยชน์ที่จะต่อกรกับข้า!”

หวังหลินใบหน้าสงบนิ่งขณะเดียวกันพลังปราณสวรรค์ในร่างกายเคลื่อนไหว พลังปราณสวรรค์เส้นหนึ่งเคลื่อนไหวจากร่างกายเข้าสู่พลังปราณสวรรค์โลหะสามรอบในมือ ปราณสวรรค์โลหะสั่นสะท้านรุนแรงและหมุนขึ้นอีกรอบ

“ตอนนี้มันสี่รอบแล้ว!” เช่นนั้นพลังปราณสวรรค์อีกเส้นเคลื่อนผ่านร่างหวังหลินและเข้าสู่แขนซ้ายของเขา

พลังปราณสวรรค์โลหะสี่รอบหมุนอีกครั้ง!

“ตอนนี้มันห้ารอบ!” แม้ว่าใบหน้าหวังหลินจะดูสงบนิ่งเขากำลังพบเจอความเจ็บปวดในร่างกายอย่างมหาศาล พลังปราณสวรรค์โลหะในแขนซ้ายกำลังหลุดจากการควบคุมแต่ความแข็งแกร่งทางจิตใจของหวังหลินไม่ใช่สิ่งที่จ้าวซินหมิงสามารถจินตนาการถึง นอกจากนั้นทุกสิ่งที่เขาประสบพบเจอบนดาวซูซาคุเป็นสิ่งที่จ้าวซินหมิง ศิษย์ของสำนักอันโด่งดังและยิ่งใหญ่ไม่เคยได้พบเจอ

ชั่วขณะนั้นในสายตาจ้าวซินหมิง ใบหน้าหวังหลินสงบนิ่งและการกระทำของเขาปกติดีไม่เผยร่องรอยอาการผิดแปลกอันใด

หวังหลินยิ้มบางขณะมองจ้าวซินหมิง “หรือว่าท่านอยากจะเห็นพลังปราณสวรรค์โลหะหกโคจรของข้า?”

ใบหน้าจ้าวซินหมิงจมดิ่ง นางมองหวังหลินและเอ่ยขึ้นช้าๆ “แม้เจ้าจะมีพลังของหกโคจร เจ้ายังไม่สามารถเปรียบกับข้าได้!”

หวังหลินหัวเราะจากนั้นตบกระเป๋าและขวานของเผ่ามารยักษ์ลอยออกมากลางอากาศ

ขณะเดียวกันกับดุกอสูรจากข้อมือหวังหลินลอยออกมาเปลี่ยนเป็นราชรถสังหารเทพ

“เพิ่มมาอีกสองอย่างนี้ข้าเปรียบได้หรือยัง?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!