Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 499

Cover Renegade Immortal 1

499. ศิษย์ลำดับหก

จ้าวซินหมิงมองไปหาหวังหลิน หลังจากครุ่นคิดชั่วครู่นางเผยรอยยิ้มและเอ่ยอย่างนุ่มนวล “ข้าประเมินเจ้าต่ำไป น้องเจ็ดข้าขอยอมแพ้!” เช่นนั้นนางถอยหลังกลับไปตำแหน่งที่ศิษย์กองกำลังสีม่วงอยู่

ทว่าขณะนั้นลำแสงสีม่วงเส้นหนึ่งพุ่งข้ามมาจากเส้นขอบฟ้า

เหล่าศิษย์อีกหกกองกำลังมองไปทางแสงสีม่วงนั้น มากกว่าครึ่งมีใบหน้าประหลาดใจ

เทียนหยุนใบหน้าสงบนิ่งเช่นเดิม เขาไม่ได้มองไปที่แสงสีม่วงแต่กลับเอามือไพล่หลังทำท่าทางสงบ

แสงสีม่วงข้ามผ่านมาหยุดห่างไปหนึ่งพันฟุตเผยร่างเป็นชายวัยกลางคน คนผู้นี้ผอมบางและแก้มทั้งสองข้างซีดจาง เขาดูคล้ายกระบี่ยาวอันแหลมคมที่ปลดปล่อยรัศมีเยือกเย็นออกมา

รัศมีเช่นนี้คล้ายคลึงกับเหล่าศิษย์ของเซียนกระบี่หลิงเทียนโฮว

เขาสวมเสื้อคลุมสีม่วง เสื้อผ้าแทบเหมือนกับหวังหลินและป๋ายเวย ยืนคำนับฝ่ามือให้กับเทียนหยุนและเอ่ยออกมา “ศิษย์เฉินต้าวขอคารวะท่านอาจารย์!”

“เป็นเขา!” ดวงตาป๋ายเวยเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด

ศิษย์พี่สี่ จ้าวซินหมิงต่างก็จ้องเขาด้วยแววตาอันซับซ้อน

“ศิษย์ลำดับหกแห่งกองกำลังสีม่วง!”

“ผู้ถือครองตำแหน่งศิษย์สายตรงก่อนหน้าซุนหยุน!”

“กล่าวได้ว่าเขาติดตามอาจารย์มาช้านาน ตอนที่เขาพ่ายให้แก่ซุนหยุน เขาก็ออกจากสำนักชะตาสวรรค์เพื่อฝึกฝนตัวเองข้างนอก!”

คลื่นเสียงซุบซิบดังออกมาจากเหล่าศิษย์ของอีกหกกองกำลัง

สายตาเทียนหยุนจรดลงบนเฉินต้าว เขาเผยใบหน้าชมเชยและเอ่ยออกมา “เจ้าสามารถกลับมาได้ เยี่ยมมาก!”

เฉินต้าวเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าอดทนอดกลั้น “เดิมทีศิษย์ไม่ได้มาสายเช่นนี้แต่ตอนที่ผ่านดาวเคราะห์หมึกดำ ข้าเห็นสมบัติหายากที่นั่นจึงต้องการเอามันมาเป็นของขวัญให้อาจารย์ ดังนั้นจึงล่าช้าออกไป”

เทียนหยุนหัวเราะและเอ่ยถาม “สมบัติแบบไหนถึงทำให้เจ้าสนใจได้?”

เฉินเต้าสงบนิ่งขณะตบกระเป๋าและของชิ้นหนึ่งปรากฎในฝ่ามือ

ของชิ้นนี้คือดอกไม้หกสี ตัวดอกไม้เองเป็นสีขาวแต่กลีบทั้งหกเป็นสีแดง ส้ม เหลือง เขียว ครามและม่วง

สีที่แตกต่างทั้งหกไม่ได้ทำให้ดอกไม้สีขาวดูจืดจางลงแต่อย่างใด แต่กลับให้ความรู้สึกหลุดโลกแทน

เฉินต้าวส่งดอกไม้ออกไปให้และกล่าวอย่างนอบน้อม “เป็นเพราะดอกไม้ลึกลับนี้! ความรอบรู้ของศิษย์มีไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงไม่อาจรู้ได้ว่าดอกไม้ชิ้นนี้คืออะไร แต่บนดาวเคราะห์หมึกดำมีอสูรเดียวดายระดับสูงสามตัวต่อสู้กัน ศิษย์อยากรู้อยากเห็นจึงเด็ดมันมา”

ดอกไม้ค่อยๆลอยเข้าหาเทียนหยุนและหยุดลงเบื้องหน้าเขา เทียนหยุนมองไปที่ดอกไม้พลางครุ่นคิดเล็กน้อย “ดอกไม้ดอกนี้เรียกว่าดอกเคลือบเจ็ดสี มันใช้เวลาสิบปีเพื่อเกิดราก ร้อยปีเพื่อแตกใบ พันปีเพื่อผลิดอกและหมื่นปีเพื่อเบ่งบาน ทุกครั้งที่มันเบ่งบานจะปลดปล่อยมาหนึ่งสีจนเบ่งบานหกครั้ง ในการเบ่งบานครั้งที่เจ็ดมันจะปลดปล่อยแสงเจ็ดสี”

“พวกอสูรรักดอกไม้นี้มากและหากมีตัวใดกินกลืนกินตอนที่มันปลดปล่อยแสงเจ็ดสี มันจะได้ผลประโยชน์มหาศาลจนนับได้ว่าเป็นสมบัติสวรรค์ ข้าเชื่อว่ามันอยู่อันดับที่ 93 ของสมาพันธ์เซียน ผู้อาวุโสซุน ข้ากล่าวถูกไหม?” ขณะที่เทียนหยุนพูดเขาก็มองไปทางผู้อาวุโสซุน

ผู้อาวุโสซุนยิ้มบางและพยักหน้า “นับว่าถูกต้อง มันคือดอกเคลือบเจ็ดสี แต่มันยังไม่สมบูรณ์และไม่ได้เกิดใบสุดท้าย ทว่าด้วยวิชาของเทียนหยุนการให้ใบที่เจ็ดเกิดขึ้นคงใช้เวลาไม่นาน”

เทียนหยุนยกฝ่ามือขวาขึ้นและจับดอกไม้ จากนั้นเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ก็ได้ ข้าจะรับมันไว้!”

ดวงตาเฉินต้าวสว่างขึ้น จากนั้นมองไปที่ศิษย์กองกำลังสีม่วงสามคน “ดูเหมือนกองกำลังสีม่วงของข้าจะเล็กลงและเล็กลงเรื่อยๆ ป๋ายเวย จ้าวซินหมิง พวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?!”

ป๋ายเวยเลิกลั่กเล็กน้อย เขาไม่ได้เอ่ยสิ่งใด

ส่วนจ้าวซินหมิง นางเผยใบหน้าซับซ้อนขณะถอนหายใจและเอ่ยออกมา “ข้าแค่รู้ว่าท่านจะกลับมางานเฉลิมฉลองวันเกิดของอาจารย์แน่นอน!”

เฉินต้าวมองไปที่จ้าวซินหมิงก่อนจะชำเลืองไปที่หวังหลินและไม่ให้ความสนใจหวังหลินอีกเลย

“ซุนหยุนอยู่ไหน?”

จ้าวซินหมิงถอนหายใจและส่งเสียงสื่อสารออกไป ใบหน้าเฉินต้าวจมดิ่ง เขาสะบัดศีรษะมองไปที่จ้าวซินหมิงก่อนจะกวาดสายตามาหาหวังหลินและเอ่ยขึ้น “เจ้าคือน้องเจ็ด? จงเอ่ยนามของเจ้ามา!”

“หวังหลิน!” ดวงตาหวังหลินสงบนิ่ง ตั้งแต่ที่เฉินต้าวปรากฎตัว เขาไม่ได้ซ่อนระดับบ่มเพาะของตัวเองเลย หวังหลินสามารถมองได้ลางๆว่าระดับบ่มเพาะของเขาผ่านขั้นแปลงวิญญาณไปแล้วและควรจะเป็นขั้นเทวะ

ซึ่งขั้นเทวะระดับไหนนั้นหวังหลินไม่อาจบอกได้

“เจ้าไม่คู่ควรจะกลายเป็นน้องเจ็ดของข้า! ซุนหยุนคือน้องเจ็ดของข้าเท่านั้น!” ท่าทางเฉินต้าวสงบนิ่งขณะเลื่อนสายตาออกห่างจากหวังหลิน

เทียนหยุนยังสังเกตการณ์ศิษย์ของตัวเอง เขายิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

เฉินต้าวมองไปที่เทียนหยุนด้วยท่าทีเคารพและตัดสินใจได้ว่า “ท่านอาจารย์ ศิษย์กลับมาครั้งนี้เพราะต้องการเอาตำแหน่งศิษย์สายตรงของข้ากลับคืน ข้าหวังว่าท่านอาจารย์จะยอมรับ!”

เทียนหยุนยิ้มบางและเอ่ยขึ้น “ตอนนี้ในกองกำลังสีม่วง มีเพียงเจ้าเล็กน้องเจ็ดของเจ้าที่มีสิทธิ์เพื่อศิษย์สายตรง ระหว่างเจ้าทั้งสองมีเพียงคนเดียวที่จะได้มันเท่านั้น”

เฉินต้าวเผยรอยยิ้มเยือกเย็นและก้าวไปข้างหน้า เพียงก้าวเดียวเขาก็มาถึงด้านหน้าหวังหลิน ฝ่ามือเคลื่อนไหวเร็วกกว่าสายฟ้าโยนผนึกออกไปซึ่งอยู่ห่างหวังหลินเพียงหนึ่งฟุต

เสียงคำรามดังกึกก้องขณะร่างหวังหลินรีบถอยกลับและขวานเผ่ามารยักษ์ปรากฎด้านหน้าเขาเพื่อขัดขวางพลังของผนึก ในเวลาเดียวกันพลังปราณสวรรค์โลหะบนแขนซ้ายถูกใช้ออกมา ซึ่งทำให้เขาร่างกายมั่นคงหลังจากถอยหลังไปหลายสิบก้าว หวังหลินยืนตรงและจ้องไปที่เฉินต้าวด้วยใบหน้ามืดมน

หวังหลินระมัดระวังตัวตลอดเวลา การโจมตีก่อนหน้านี้ไม่ได้โจมตีเขาแต่เพื่อให้หวังหลินตกใจ แม้จะการโจมตีพุ่งผ่านในอากาศ คลื่นกระแทกก็สามารถผลักเขาให้ถอยออกไป เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าหวังหลินไม่สามารถต่อกรกับพลังรูปแบบนี้ได้เลย

หวังหลินไม่รู้ว่าเฉินต้าวเองก็ตกตะลึงยิ่งกว่า วิชาที่เขาพึ่งใช้ไปทรงพลังอย่างมากและและแม้มันจะไม่ได้กระทบตรงๆแต่คลื่นกระแทกก็สามารถส่งเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับกลางให้ถอยไปได้หลายร้อยฟุต ท้ายที่สุดเขาควรจะสามารถข่มหวังหลินและไม่ต้องทำอะไรมากเพื่อให้ได้ตำแหน่งศิษย์สายตรงมาครอบครอง

แต่หวังหลินเพียงถอยหลังไปได้ไม่กี่สิบฟุตเท่านั้น ไม่เพียงแต่เขาไม่ได้ข่มขู่หวังหลินเท่านั้นมันยังดูเหมือนเขาผลักหวังหลินออกไปเพราะต้องการจะต่อสู้ด้วย

เฉินต้าวขมวดคิ้วขณะจ้องมองหวังหลินด้วยสายตาเย็นชาและเอ่ยคำพูดที่หวังหลินไม่อาจปฏิเสธได้ “เจ้า ยอมแพ้ซะ!”

ขณะที่หวังหลินมองเฉินต้าว สายตาหวังหลินค่อยๆเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น คนผู้นี้เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด หวังหลินยกแขนซ้ายขึ้นและส่งพลังปราณสวรรค์โลหะห้าโคจรออกไป

พลังปราณสวรรค์โลหะหมุนปั่นพุ่งออกไป ในพริบตามันก็มาถึงด้านหน้าเฉินต้าว

เฉินต้าวมองมันและเอ่ยเบาๆ “ข้าจะให้เจ้าได้เห็นว่าวิชานี้ใช้กันแบบไหน!” สิ้นคำเขาชี้นิ้วขวาไปข้างหน้าและวังวนของพลังปราณสวรรค์โลหะก็พลันหยุดชะงักและปลดปล่อยเสียงดังกระหึ่ม

เฉินต้าวพลิกวังวนสีทองทำให้มันหมุนอีกครั้งและมีพลังเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม เห็นได้ชัดว่ามันบรรลุถึงหกโคจรแล้ว

เฉินต้าวไม่ได้หยุดชะงักและพลิกกลับอีกสามครั้ง กลิ่นอายที่สามารถทำลายฟ้าดินได้พลันกระจายออกมาจากวังวนสีทอง ชั่วขณะนั้นวังวนก็บรรลุถึงขีดจำกัดเก้าโคจร!

เฉินต้าวเงยหน้าขึ้นมองหวังหลินด้วยสายตาดูถูก เขากดฝ่ามือขวาไปข้างหน้าทำให้วังวนสีทองเปลี่ยนทิศทางและพุ่งเข้าหาหวังหลิน

หวังหลินถอยตัวกลับอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้ามืดมน เขาคว้าขวานพลันกระโดดขึ้นกลางอากาศและกวัดแกว่งขวานลงมา

หลังเกิดเสียงดังสั่น ปราณขวานมากกว่าสิบฟุตออกมาจากขวานและตกลงใส่วังวนสีทอง

ปราณขวานร่อนลงใส่วังวนสีทองทำให้มันช้าลงเล็กน้อยแต่มันยังพุ่งเข้าหาหวังหลิน

หวังหลินรู้สึกถึงอันตรายกำลังย่างกรายเข้ามาแต่เขาไม่ได้ตื่นตระหนกเลย หวังหลินยกมือขึ้นไปในอากาศและตวัดผ่านท้องฟ้าลงมา แสงสีเงินปรากฎขึ้นเหนือวังวนสีทองทันทีและขณะเดียวกันวิชาเคลื่อนที่พริบตาก็ถูกใช้โดยหวังหลิน ทว่าเป้าหมายไม่ใช่ตัวเองแต่เป็นวังวนสีทองที่ถูกแสงสีเงินปกคลุม

หวังหลินสร้างวิชาเคลื่อนที่พริบตาทีละส่วนในพริบตาจนเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมด “เคลื่อนที่พริบตาขนาดใหญ่!”

ขณะที่เอ่ยออกมา วังวนสีทองอยู่ห่างจากตัวเขาสามฟุตเรียบร้อยดังนั้นจึงสัมผัสพลังทำลายล้างจากมันได้ ทว่าใบหน้าหวังหลินไม่มีอาการตื่นตระหนกอยู่เลย

วังวนเก้าโคจรเข้าใกล้อย่างรวดเร็วแต่เมื่อมันห่างจากหวังหลินหนึ่งฟุต แสงสีเงินรอบๆมันเริ่มกระพริบรุนแรง จากนั้นหายไปราวกับไม่เคยมีมาก่อน

ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้สายตาเซียนรอบด้านทั้งหมดเปลี่ยนมาเพ่งพินิจ

แววตาเทียนหยุนปรากฎความชื่นชมและพยักหน้า

สายตาเฉินต้าวสว่างวาบ เขาไม่ประเมินหวังหลินต่ำไปเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว

ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แทบจังหวะที่วังวนหายไปหวังหลินก็เก็บขวานกลับไปแล้ว ฝ่ามือสร้างผนึกโยนเข้าใส่ราชรถสังหารเทพที่อยู่ไม่ไกลและเอ่ยออกมา “อสูรวิญญาณ จงปรากฎ!”

ก่อนหน้านี้เฉินต้าวเพียงชำเลืองมองราชรถสังหารเทพและไม่ได้ให้ความสนใจมันมากนัก ตอนนี้เขาหันศีรษะมาหามันทันทีขณะที่กลิ่นอายไม่อ่อนข้อต่อสิ่งใดอันมหึมากระจายออกมาจากตรงนั้น

ในเวลาเดียวกันนั้นอสูรวิญญาณตัวใหญ่ควบแน่นอย่างรวดเร็วและปลดปล่อยเสียงคำรามดังสนั่นสะท้านฟ้า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!