502. เขตแดนเข้าร่างกาย
ตอนนี้ที่หวังหลินสามารถทำเช่นนี้ได้ไม่ใช่เพราะระดับบ่มเพาะของเขาแข็งแกร่งเพียงพอเพื่อระงับความหนาวเย็นแต่เพราะความเย็นชาในจิตใจของเขา
ความหนาวเย็นในใจไม่หลอมละลายจึงทำให้เขาไม่ยอมอ่อนข้อต่อสิ่งใด นี่เป็นสภาวะของจิตใจอันบริสุทธิ์
หัวใจของเขาเย็นเฉียบ ดังนั้นจึงไม่มีความเย็นใดในโลกสามารถหยุดเขาได้แม้เพียงเสี้ยววินาที!
สายตาหวังหลินเย็นชาและกลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาก็หนาวเย็น ตอนนี้เขาไม่รู้สึกถึงความเป็นมนุษย์แต่ปลดปล่อยรัศมีน้ำแข็งต้นกำเนิดที่ไม่เคยหลอมละลายออกมา
เทียนหยุนยืนอยู่บนยอดหอคอยที่อยู่ปลายสุดของภูเขา เขามองหวังหลินที่กำลังก้าวมาหายอดภูเขาทีละก้าว ดวงตาส่องประกายเจิดจ้าขณะจ้องหวังหลินและสูญเสียความคิดไปชั่วขณะ
เดิมทีเทียนหยุนคิดแค่เพียงว่าหวังหลินคงสามารถก้าวเข้าไปในดินแดนล่มสลายแห่งทวยเทพได้สักสิบก้าวก่อนที่จะหยุดลง สิบก้าวเป็นขีดจำกัดของเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับกลาง! หากหวังหลินสามารถทำได้เช่นนั้นจะพาหวังหลินมาที่หอคอยเพื่อสอนวิชาต้องห้าม
แต่ตอนนี้หวังหลินเดินมาได้ยี่สิบเอ็ดก้าวแล้วและนั่นเป็นขีดจำกัดของเซียนขั้นแปลงวิญญาณ มีเพียงพลังปราณสวรรค์ของเซียนขั้นเทวะเท่านั้นที่จะสามารถก้าวที่ยี่สิบสองต่อไปและไม่ทำให้วิญญาณดั้งเดิมของตนถูกแช่แข็ง
แม้เทียนหยุนจะมีจิตใจแข็งแกร่งก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นตกใจ
“จิตใจบริสุทธิ์…เด็กคนนี้กำลังชำระจิตใจให้บริสุทธิ์! ฝึกฝนเทพ ฝึกฝนสัจธรรมและฝึกฝนเต๋า ดูเหมือนเด็กคนนี้จะได้รับความเข้าใจบางอย่าง…จิตใจของเขาเยือกเย็นจนไม่ว่าข้างนอกจะหนาวเย็นแค่ไหนจิตใจของเขาก็ไม่ได้รับผลกระทบ ใช้สภาวะแบบนี้จึงสามารถก้าวมาได้ยี่สิบเอ็ดก้าว หวังหลิน อาจารย์ประเมินเจ้าต่ำไป หากเจ้าบ่มเพาะอีกหมื่นปี ข้าสงสัยว่าเจ้าจะสามารถบรรลุสามขอบเขตทลายสวรรค์ได้หรือไม่…”
หวังหลินหยุดลงหลังจากก้าวเท้าไปที่ก้าวยี่สิบเอ็ด
ทั้งร่างตอนนี้แข็งค้างราวกับน้ำแข็ง
“เขตแดนของข้าคือเสี้ยวแห่งการรู้แจ้งชีวิตและความตายภายใต้วัฏสงสาร เต๋าของวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่คือหนึ่งในเต๋าที่โหดเหี้ยมที่สุดที่ดำรงอยู่!” เบื้องหลังหวังหลิน ท้องฟ้าเปลี่ยนสีและหิมะที่กำลังตกด้านหลังเขาพลันเริ่มหมุนวน จากนั้นม้วนคัมภีร์ยักษ์ปรากฎขึ้นเบื้องหลัง
ภูเขาและแม่น้ำปรากฎบนคัมภีร์ ทว่าไม่มีสีสัน มีเพียงสีขาวและสีดำเท่านั้น
หวังหลินสูดหายใจลึก ยกฝ่าเท้าขึ้นและก้าวเท้าที่ยี่สิบสอง
ด้วยการก้าวครั้งนี้ ทั้งภูเขาสั่นสะเทือนและน้ำแข็งใต้เขาแตกร้าว นั่นแสดงว่าการก้าวครั้งนี้แข็งแกร่งขนาดไหน
ดวงตาเทียนหยุนเรืองแสงสีทองขณะยืนอยุ่ภายในหอคอย
“ตอนนั้นซุนหยุนสามารถก้าวได้ 26 ก้าวด้วยขั้นแปลงวิญญาณระดับปลาย หวังหลิน เจ้าจะสามารถก้าวได้กี่ก้าว!?”
หวังหลินเงยศีรษะขึ้นมองไปที่หอคอยที่อยู่ยอดเขา หลังขบคิดชั่วครู่เขาก็ยกเท้าและก้าวอีกข้าง
ครั้งนี้เขาไม่ได้เพียงแค่ก้าวไปก้าวเดียว เขาก้าวไปสองก้าว สามก้าว สี่ก้าว ห้าก้าว!
บนก้าวแรกหวังหลินยกศีรษะขึ้นและดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา ก้าวที่สองทั้งร่างหนาวเย็นราวกับน้ำแข็ง บนก้าวที่สามม้วนคัมภีร์แห่งชีวิตและความตายด้านหลังพลันหดลงและลอยอยู่เหนือศีรษะเขา
ก้าวที่สี่หวังหลินเต็มไปด้วยพลังงานขณะที่ความหนาวเย็นในจิตใจมีอยู่เต็มร่างกาย ความหนาวเหน็บรวมเข้ากับเขตแดนของเขาเพื่อสร้างพลังงานลึกลับและจากนั้นเขาก็ก้าวเท้าที่ห้า!
หลังก้าวเท้าที่ห้าสายตาหวังหลินราวกับประกายสายฟ้าจ้องมองหอคอยที่อยู่บนยอดเขา
เขาก้าวไปห้าก้าวในครั้งเดียวและทุกๆก้าวจะทำให้เกิดเสียงดังสะเทือนจากภูเขา หลังก้าวไปห้าก้าวรอยร้าวนับไม่ถ้วนปรากฎรอบตัวหวังหลิน ทว่าแทนที่จะยุบลงมันกลับเริ่มฟื้นฟูอย่างลึกลับ
ยี่สิบเจ็ดก้าว!
ม้วนคัมภีร์แห่งขีวิตและความตายกำลังลอยอยู่เหนือหวังหลินห่างไปสามนิ้ว มันเข้าสู่ศีรษะเขาและรวมเข้าวิญญาณดั้งเดิมอย่างสมบูรณ์
ชั่วขณะนั้นรัศมีสั่นสะท้านออกมาจากร่างหวังหลิน เส้นผมพริ้วไหวโดยไร้แรงลมและหิมะรอบตัวเขาเริ่มพัดออกไปราวกับถูกผลักออกห่าง
เขตแดน!
มันคือสิ่งที่ผู้คนรู้แจ้งเข้าใจตอนที่บรรลุขั้นตัดวิญญาณและเมื่อได้รับความเข้าใจเพิ่มขึ้นจนผ่านขั้นตัดวิญญาณทั้งต้น กลางและปลายมาได้จึงจะสามารถสร้างร่างกายภาพได้ จากนั้นมีเพียงต้องบ่มเพาะและมีหินหยกสวรรค์ให้เพียงพอในการหล่อหลอมร่างมนุษย์ให้กลายเป็นร่างเทพ หลังจากนั้นเมื่อวิญญาณดั้งเดิมรวมเข้ากับร่างกายได้อย่างสมบูรณ์จะเรียกว่าการบรรลุขั้นแปลงวิญญาณ
เขตแดนจะกลายเป็นตัวตนที่จับต้องได้อย่างสมบูรณ์เมื่อพวกเขารู้แจ้งและเข้าใจมันในขั้นแปลงวิญญาณ ทว่ากระบวนการนี้ไม่ได้เกิดขึ้นทันทีแต่มันค่อยๆเปลี่ยนไปตามกาลเวลา
เขตแดนแห่งชีวิตและความตายของหวังหลินเป็นเขตแดนที่หาได้ยากมากและมันยากมากที่จะทำให้เป็นร่างรูปธรรม จนถึงตอนนี้หวังหลินยังเข้าใจวิธีการสร้างร่างรูปธรรมอย่างคลุมเครือ เขายังไม่ได้เข้าใจจุดสำคัญ
หากดำเนินเช่นนี้ต่อไป โอกาสในการบรรลุขั้นเทวะก็จะน้อยลงไปอีก
แต่วันนี้ที่ดินแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ เขตแดนของเขาและความคิดบริสุทธิ์ได้หลอมรวมกันทำให้เขาสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดที่เดิมที 22 ก้าวไปได้อีกห้าก้าว!
ห้าก้าวนี้คือก้าวที่เดินลงสู่ถนนแห่งเต๋าที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นโดยไม่หันกลับมามองข้างหลัง หากเขาไม่ก้าวลงไปก็คงดี แต่หากทำลงไปแล้วเขาจะต้องก้าวผ่านพวกคนเหล่านั้น!
ใช้จังหวะนี้หวังหลินจึงสามารถก้าวไปข้างหน้าเพื่อสร้างเขตแดนที่เป็นรูปธรรมอันสำคัญได้! แม้ว่าการก้าวไม่ได้เพิ่มความเข้าใจในเขตแดนของตัวเองมากนักหรือเพิ่มระดับฝึกฝนแต่มันกลับเป็นการปูถนนหนทางอันสำคัญในการบรรลุขั้นเทวะ
“เขตแดนเข้าสู่ร่างกาย!” เทียนหยุนสูดหายใจลึกอยู่ในหอคอยและพลางเอ่ยขึ้น “เด็กคนนี้มีหวังจะบรรลุขั้นเทวะภายในร้อยปี!”
“27 ก้าว!” หวังหลินขบคิด เขารู้สึกได้ว่า 27 ก้าวเป็นขีดจำกัดแล้ว!
ความจริงแล้วในก้าวที่ยี่สิบห้า เต๋าและเขตแดนของเขาได้มาถึงขีดจำกัดปัจจุบันแล้ว แต่เนื่องจากเขตแดนเข้าสู่ร่างกายและได้รับการรู้แจ้ง หวังหลินจึงสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อีกสองก้าวจนจบที่ 27
หวั้งหลินรู้ว่าเขาไม่สามารถก้าวที่ยี่สิบแปดได้ หากเขาก้าวไประดับบ่มเพาะทั้งหมดจะหายไปและแม้กระทั่งวิญญาณดั้งเดิมคงแตกกระจาย
เพียงชั่วขณะนั้นแสงเจ็ดสีจากยอดหอคอยเริ่มส่องสว่างเจิดจ้าและเปลี่ยนไปเป็นวงกลมแสงเจ็ดวงล้อมรอบไปทั้งภูเขา ในพริีบตานั้นความหนาวเย็นล้อมรอบภูเขาทั้งหมดหายไปทันที
น้ำแข็งด้านหน้าหวังหลินเริ่มส่องสว่างด้วยแสงเจ็ดสีและสายรุ้งเจ็ดสีลอยออกมาจากพื้นเบื้องหน้าเขา
“ขึ้นมาหาข้า!” เสียงของเทียนหยุนออกมาจากยอดหอคอยและเต็มไปด้วยบารมี
หวังหลินใบหน้าสงบนิ่งพลางสูดหายใจลึกและปรับระดับบ่มเพาะของตนเล็กน้อยก่อนจะก้าวขึ้นไปบนสายรุ้ง
ก้าวแรกเขาอยู่บนสายรุ้งและพอก้าวที่สองหวังหลินก็ข้ามผ่านก้าวที่เหลืออีกเจ็ดสิบกว่าก้าวไปถึงด้านล่างหอคอย
หอคอยแห่งนี้ดูธรรมดาอย่างมาก ชั่วขณะนั้นลำแสงเจ็ดสีหลายเส้นรวบรวมกันที่ด้านล่างหอคอยและก่อเกิดเป็นเทียนหยุน
“บรรพชนของสำนักชะตาสวรรค์ไม่ใช่เซียนแต่เป็นวิชาชะตาสวรรค์ สิ่งเดียวที่ข้าเห็นคือโชคชะตาแห่งสวรรค์เท่านั้น วิชาโชคชะตาสามารถเกิดจากสวรรค์และมนุษย์ก็ได้ แต่ไม่สำคัญว่าเป็นอะไร โชคชะตาคือกุญแจสำคัญ!”
“ข้าพึ่งผ่านดาวซูซาคุไปตอนที่เจ้ากำลังทำความเข้าใจเขตแดนของตนเอง ข้าเห็นเจ้าติดตามเขตแดนไปถึงต้นกำเนิดของมันและข้าถูกความรักในพรสวรรค์ล่อหลอกให้รับเจ้าเป็นศิษย์ นั่นหมายความว่าเรามีชะตาต้องกัน โชคชะตาของอาจารย์และศิษย์”
“ข้าเทียนหยุนติดตามโชคชะตาแห่งสวรรค์ด้วยทั้งชีวิต และดังนั้นข้าจึงรับเจ้าเป็นศิษย์ของข้า!” ขณะนั้นเทียนหยุนหยุดกึกและมองไปที่หวังหลิน
ใบหน้าหวังหลินเคารพนับถือ เขาพึ่งมายืนอยู่ที่นี่และหลงเหลือแต่เพียงความเงียบ
“เจ้าเดินมาได้ 27 ก้าวนับว่านอกเหนือที่ข้าคาดคิด เจ้าไม่ได้ทำให้ข้าผิดหวัง!” เทียนหยุนถอนสายตา ยกฝ่ามือขึ้นและคว้าไปที่อากาศ
เกิดเสียงฉีกกระชากดังออกมาในบริเวณ ท้องฟ้าถูกแบ่งครึ่งออกจากกันด้วยมือนั้นเกิดเป็นรอยแยกขนาดใหญ่
แสงเจ็ดสีออกมาจากรอยแยกและปกคลุมไปทั้งสำนัก ตอนนี้สำนักหลักและภูเขาทั้งสามปกคลุมไปด้วยแสงเจ็ดสีนี้
ในเวลาเดียวกันกองกำลังแต่ละแห่งปลดปล่อยวงกลมที่มีสีตรงกับกองกำลังของตนเอง ชั่วขณะนี้ดาวเทียนหยุนซีกหนึ่งปกคลุมไปด้วยแสงเจ็ดสี
ขณะที่ต้นตอของแสงเจ็ดสีทั้งหมดนี้คือรอยแยก เทียนหยุนมีรัศมีเจ็ดสีไหลซึมออกมาและยิ้มแย้ม “ตลอดชีวิตของข้า ข้ารักสีทั้งเจ็ดมากที่สุด หากเจ้าเพิ่มสีขาวและดำจากภูเขาทั้งสามที่นี่ สีทั้งเก้ารวมกันจะเป็นฉากที่สวยงามที่สุดในโลก”
เช่นนั้นเทียนหยุนเปลี่ยนใบหน้าเป็นเคร่งเครียด ความอ่อนโยนก่อนหน้านี้ทั้งหมดหายไปและถูกแทนที่ด้วยความสง่าสมอำนาจ เขามองหวังหลินและตะโกน
“หวังหลิน คุกเข่า!”
ไม่ต้องเอ่ยคำใด หวังหลินรีบคุกเข่าลงและเงยศีรษะขึ้นมองเทียนหยุน
แขนขวาของเทียนหยุนชี้ไปที่หวังหลินและตะโกน “วันนี้ ข้่าเทียนหยุนยอมรับหวังหลินเป็นศิษย์ลำดับเจ็ดของกองกำลังสีม่วงภายใต้สีทั้งเก้า! หวังหลิน เจ้าจะกลายเป็นศิษย์ของข้า ทำตามกฎของสำนัก ไม่ทรยศสำนักชะตาสวรรค์ มุ่งเน้นการฝึกฝน เดินบนเส้นทางแห่งเต๋าที่ยิ่งใหญ่และสำเร็จเต๋าของตนเอง!? เจ้าจงตอบข้า!”
ดวงตาหวังหลินแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม หวังหลินเผยใบหน้ามุ่งมั่นและเอ่ยออกมา “ตราบใดที่อาจารย์ไม่หักหลังข้า ข้าจะไม่เนรคุณอาจารย์! ตราบใดที่สำนักชะตาสวรรค์ไม่หักหลังข้า ข้าจะไม่ทรยศสำนักชะตาสวรรค์! นี่คือคำสัญญาของหวังหลิน!”
ดวงตาของเทียนหยุนขมวดและมองหวังหลินอย่างละเอียดก่อนจะพยักหน้าช้าๆ ฝ่ามือซ้ายยื่นออกไปเข้าหารอยแยกและท้องฟ้าทั้งมวลสั่นสะท้าน
แท่นเจ็ดสีขนาดยักษ์ค่อยๆลอยลงมาจากท้องฟ้า
แท่นแห่งนี้มีขนาดใหญ่เกินไป ตอนที่เศษของมันตกลงมาพลันเกิดเสียงแตกร้าวราวกับพื้นดินไม่สามารถทนรับน้ำหนักของมันได้ บนแท่นมีแผ่นจารึกเจ็ดสีนับไม่ถ้วนบนนั้น
ชั่วขณะนั้นด้วยการสะบัดแขนซ้ายของเทียนหยุน แผ่นจารึกไม้แผ่นหนึ่งลอยออกมาและร่อนลงบนฝ่ามือของเขา
เทียนหยุนสลักบางสิ่งลงบนแผ่นจากรึกด้วยการใช้เล็บนิ้วที่ราวกับมีด
“ดาวเคราะห์เทียนหยุน ปีแรกแห่งหยานหวู่ หวังหลินถูกรับเป็นศิษย์ลำดับเจ็ดของกองกำลังสีม่วง!” เช่นนั้นเทียนหยุนโยนแผ่นจากรึกออกไปและมันเผาไหม้กลายเป็นเพลิงสีม่วงลอยกลับเป็นลำแสงม่วงกลับไปในแท่น
“ตอนนี้ข้าจะสอนวิชาต้องห้ามให้กับเจ้า เจ้าต้องการเรียนวิชาแบบใด?”