503. อีกหนึ่ง
เมื่อคำถามของเทียนหยุนเข้าสู่หูของเขา หวังหลินขบคิด
วิชาต้องห้ามทั้งหมดมีแหล่งกำเนิดจากวิชาเทพ ดังนั้นวิชาต้องห้ามแต่ละวิชามีพลังอำนาจแตกต่างกันอย่างมหาศาล
วิชาต้องห้ามบางอย่างมีแหล่งกำเนิดมาจากวิชาเทพระดับกลาง วิชาเหล่านั้นมีพลังอำนาจมากกว่าวิชาต้องห้ามที่มีต้นกำเนิดจากวิชาเทพระดับต่ำ ความจริงแล้วพลังอำนาจแต่ละวิชาอาจจะไม่ได้มากมายแต่มันยังอ่อนแอกว่าวิชาเทพระดับต่ำของจริงด้วยซ้ำ!
รวมถึงหากมีวิชาที่สืบมาจากวิชาเทพระดับสูง มันไม่ได้อ่นแอไปกว่าวิชาเทพระดับต่ำ กระทั่งอาจจะแข็งแกร่งกว่าเสียอีก!
ท้ายที่สุดแล้วพลังอำนาจของวิชาต้องห้ามหนึ่งวิชาขึ้นอยู่กับคุณภาพของวิชาเทพที่มันสืบทอดมา
หวังหลินไม่ได้มีวิชาโจมตีอยู่น้อย ไม่ว่ามันจะเป็นวิชาสามสังหารจากซือถูหนานหรือราชรถสังหารเทพที่ปลดผนึกแรก พวกมันต่างเป็นการโจมตีทั้งหมด
นอกเหนือจากนี้เขายังมีกระบี่สวรรค์และดาบครึ่งจันทรา ดาบครึ่งจันทราอาจจะเป็นหนึ่งในสมบัติที่สำคัญที่สุดของหวังหลิน
ส่วนวิชาหลบหนี ด้วยกฎเกณฑ์เคลื่อนที่พริบตาเขาจึงไม่กังวล แม้ว่ามันจะใช้เวลาเล็กน้อยเพื่อเรียกใช้ แต่เมื่อใช้ไปแล้วพลังของมันน่าอัศจรรรย์อย่างยิ่ง
ส่วนเมื่อเขาอยู่ในอวกาศ เขามีเข็มทิศมังกรเงิน ดังนั้นความเร็วจึงไม่ได้ช้าไปกว่าคนอื่นๆ
ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเหล่าเซียนขั้นเทวะ พลังความแข็งแกร่งของคนที่ผ่านขั้นเทวะและบรรลุด่านหยินและหยางทั้งสองหรือว่าผ่านขั้นทะลายสวรรค์ทั้งสามขั้นไปแล้วไม่ใช่สิ่งที่หวังหลินจินตนาการได้ตอนนี้
เทียนหยุนไม่ได้ห้ามกระแสความคิดของหวังหลิน เขาจ้องมองออกไปอย่างเงียบๆโดยไม่มีความร้อนรน
นี่คือตัวเลือกแรกของหวังหลิน เทียนหยุนอยากเห็นว่าเด็กคนนี้จะเลือกวิชารูปแบบไหน
หลังจากนั้นไม่นานหวังหลินเงยศีรษะขึ้นมองไปที่เทียนหยุนและเอ่ยเบาๆ “ศิษย์อยากจะเรียนรู้วิชาเอาตัวรอด!”
“เอาตัวรอด?” เทียนหยุนมองหวังหลินด้วยรอยยิ้ม “เจ้าอยากเอาตัวรอดอย่างไร?”
น้ำเสียงของหวังหลินสงบนิ่งขณะเอ่ยขึ้นช้าๆ “ตราบใดที่มีความหวังแห่งขีวิต ข้าจะสามารถเอาตัวรอดและแสวงหาเต๋าที่ยิ่งใหญ่ของข้าต่อไปได้!”
เทียนหยุนยิ้มบางขณะส่ายศีรษะ “อาจารย์ไม่มีวิชาเช่นนั้น”
หวังหลินขบคิดและไม่ได้เอ่ยต่อ
เทียนหยุนคิดสักพักก่อนจะเอ่ยออกมา “ช่างเถอะ การถามให้เจ้าเลือกเป็นการปล่อยให้โชคของเจ้าดำเนินการ แต่การที่ข้าถามเจ้าเป็นความผิดผลาดของอาจารย์ โชคชะตาของเจ้าไม่อาจพบเจอด้วยคำถามหนึ่งข้อ มันขึ้นอยู่กับโชคชะตาของเจ้าเอง ตอนนี้อาจารย์จะเปิดประตูวิชาต้องห้ามสามพันหกร้อยวิชา เจ้าสามารถเลือกได้หนึ่งวิชาด้วยตัวเอง”
เช่นนั้นเทียนหยุนยกมือขวาขึ้นและที่ไปที่หวังหลินด้วยความเร็วเหนือจินตนาการ
หวังหลินเพียงแค่เห็นประตูเจ็ดสีเปิดขึ้นขณะที่นิ้วของเทียนหยุนชี้มาที่เขา จากนั้นร่างกายก็ลอยเข้าหาประตูโดยไร้การควบคุม
เขาค่อยๆเคลื่อนผ่านประตูไป
สิ่งที่ปรากฎเบื้องหน้าวหังหลินคือโลกเจ็ดสี สถานทีแห่งนี้ไร้ขอบเขตแต่มีตัวตนของเทียนหยุน 3600 ตนอยู่ที่นี่ พวกเขาต่างกำลังนั่งอยู่ในท่านั่งดอกบัว บ่มเพาะ หรือกำลังต่อสู้กัน
เทียนหยุน 3600 คนต่างกระจัดกระจายในโลกแห่งนี้และฝึกฝนวิชาแต่ละอันด้วยตัวเอง
ทุกวิชาล้วนแตกต่าง
หวังหลินยืนอยู่อย่างเงียบๆ เฝ้ามองเทียนหยุนที่แตกต่างกันทั้งหมด
เพียงชำเลืองมองครั้งแรกหวังหลินเห็นเทียนหยุนคนหนึ่งยืนห่างออกไปไกล ฝ่ามือเทียนหยุนคนนี้สร้างผนึกและเคลื่อนไหวด้วยท่าทางที่คาดเดาไม่ได้ พลังปราณโลหะหลายสายปรากฎออกมาจากแขนเขา
พลังปราณโลหะสร้างวังวนยักษ์ หนึ่งรอบ สองรอบ ในไม่ช้ามันก็บรรลุเก้ารอบอย่างง่ายดาย
ชั่วขณะพลังอำนาจที่ทำให้จิตใจหวังหลินตกตะลึงก็ค่อยๆออกมาจากวังวน พลังนี้แข็งแกร่งอย่างมาก!
“วิชาหลอมสวรรค์เก้าโคจร…” หวังหลินมองมันเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองคนต่อไป
เขาเห็นเทียนหยุนอีกคนกำลังนั่งอยู่ในท่านั่งดอกบัวห่างออกไปสามร้อยฟุต ดวงตาไม่ได้ปิดสนิท กำลังปลดปล่อยแสงสว่างเจิดจ้า ควันสีดำหลายเส้นกำลังลอยออกมาจากร่างกายและรวบรวมไว้เหนือศีรษะ
ควันสีดำรวบรวมเหนือศีรษะมากขึ้นและมากขึ้นจนกระทั่งก่อกำเนิดก้อนเมฆสีดำ ก้อนเมฆสีดำนี้พลันเริ่มหมุนปั่นราวกับบ้าคลั่งและจากนั้นตกลงมาจากเบื้องบนและล้อมรอบเทียนหยุนคนนั้นทันที พลันเกิดเสียงดังสนั่นออกมาจากก้อนเมฆดำก่อนที่มันจะเคลื่อนไหวและหายตัวออกไปไกลในพริบตา
“วิชาต้องห้าม ร่างมารอมตะ!” ดวงตาหวังหลินสว่างวาบ
เวลาค่อยๆผ่านไป หวังหลินไม่ได้เร่งรีบขณะตรวจสอบวิชาต้องห้ามทั้งหมดทีละวิชา
มองไกลๆมีเทียนหยุนชุดสีขาวซึ่งดวงตากำลังปลดปล่อยแสงอันลึกลับ เขายกมือขวาขึ้นและเรืองแสงเจ็ดสี ดวงตากระพริบสีม่วงและจากนั้นแสงสีม่วงลอยออกจากแขนและหายไปในความว่างเปล่า
คลื่นกระแทกดังกึกก้องในใจหวังหลินขณะเฝ้ามองฉากเหตุการณ์เบื้องหน้าอย่างเงียบๆ
เขาไม่รู้ว่าอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนและวิชาทั้งหมดสามพันหกร้อยวิชา หวังหลินเห็นวิชาส่วนใหญ่ทว่าทั้งหมดนั้นมีเพียงวิชานี้ที่ทำให้เขาตื่นตกใจเช่นนี้ได้
วิชานี้ทรงพลังอย่างมาก!
แต่นั่นไม่ใช่จุดสำคัญ จุดสำคัญก็คือวิชานี้มีพื้นฐานจากแสงเจ็ดสี กล่าวกันว่าเทียนหยุนชอบแสงเจ็ดสีเป็นที่สุดดังนั้นวิชาที่มีพื้นฐานมาจากมันไม่อาจนับได้ว่าอ่อนแอ!
หวังหลินมองอยู่นานก่อนจะหันตัวกลับและไม่มองมันอีกครั้งเลย!
ในพื้นที่ของโลกเจ็ดสีส่วนที่ไม่สะดุดตา มีพื้นที่กว้างว่างเปล่าซึ่งมีเพียงเทียนหยุนชุดสีเทานั่งอยู่ที่นี่
ไม่มีความผันผวนพลังปราณสวรรค์ใดๆ เขาเพียงนั่งบ่มเพาะอยู่ที่นี่ด้วยดวงตาปิดสนิท
หวังหลินเพียงมองหนึ่งครั้งขณะผ่านเขาไปและกระโดดเข้าหาพื้นที่แห่งนี้ ทว่าขณะที่เขากระโดดเข้าไปหวังหลินพลันหยุดชะงัก หันกลับมาและตรวจสอบเทียนหยุนที่กำลังบ่มเพาะคนนี้อย่างละเอียด
“สีเทา…เทียนหยุนชอบเจ็ดสีและเก้าสีคือจุดสูงสุด เช่นนั้นสีเทามาจากไหนกัน?” ดวงตาหวังหลินเผยแสงลึกลับ
ยิ่งมองมากเท่าไหร่ ดวงตาเขาก็ยิ่งเจิดจ้าเท่านั้น แม้ว่าเทียนหยุนคนนี้จะเหมือนกับเทียนหยุนคนอื่นๆทั้งหมด หวังหลินก็สามารถบอกได้เพียงแค่ชำเลืองมองว่าเขาอ่อนเยาว์เล็กน้อย…
“เทียนหยุนวัยหนุ่ม…” ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้น เขานั่งลงด้วยท่านั่งดอกบัวและจากนั้นจ้องเทียนหยุดชุดสีเทา
เขานั่งอยู่ที่นี่หลายวัน ช่วงหลายวันนี้เทียนหยุนชุดเทาไม่ได้ขยับราวกับเวลาถูกหยุดเอาไว้
เวลาค่อยๆผ่านไป หวังหลินยังคงนั่งอยู่เงียบๆที่นี่แต่เขายังไม่เห็นเทียนหยุนเคลื่อนที่เลยสักนิ้ว
“ประหลาด!” หวังหลินเผยใบหน้าขบคิดขณะยกมือขวาขึ้นและเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วสร้างภาพติดตา กฎเกณฑ์มายาแห่งหนึ่งปรากฎในฝ่ามือและเปลี่ยนเป็นผนึกสีดำ เขากระแทกผนึกและมันลอยเข้าหาเทียนหยุนชุดเทาซึ่งกำลังนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโจมตีตั้งแต่มาที่นี่
กฎเกณฑ์ลอยผ่านอากาศและพุ่งผ่านเทียนหยุนชุดสีเทา เทียนหยุนไม่ได้เคลื่อนไหวเลยและเลือนหายไปพร้อมกับกฎเกณฑ์…
หวังหลินตกตะลึง เขากระจายสัมผัสวิญญาณออกมาเพื่อตรวจสอบพื้นที่รอบด้านอย่างละเอียดแต่กลับไม่พบร่องรอยของเทียนหยุนชุดสีเทา
“ประหลาด!” หวังหลินขมวดคิ้ว เขาขบคิดเล็กน้อยก่อนกระจายสัมผัสวิญญาณออกมาและค้นหาในโลกเจ็ดสีแห่งนี้ด้วยความเร็วปานสายฟ้า
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ วันหนึ่งขณะที่หวังหลินกำลังเหาะเหิน ใบหน้าเขาเปลี่ยนไปและหันไปทางซ้ายโดยไม่ลังเล หลังจากนั้นไม่นานหวังหลินหยุดลงและเห็นเทียนหยุนคนหนึ่งนั่งในท่านั่งดอกบัวห่างจากเขาไปหนึ่งพันฟุต
เขาคือเทียนหยุนชุดเทา!
นี่คือเทียนหยุนชุดสีเทาที่หวังหลินกำลังมองหาอยู่หลายวัน!
หวังหลินเหาะเหินเข้าหาและหยุดลงห่างจากเขาไปร้อยฟุต พลันครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะตบกระเป๋า กระบี่สวรรค์ปรากฎในฝ่ามือ
ดวงตาหวังหลินสว่างวาบขึ้นกวัดแกว่งกระบี่โดยไม่เอ่ยคำใด ปราณกระบี่พุ่งออกไปพร้อมกับดาบครึ่งจันทราติดตามไป
ความเร็วของดาบครึ่งจันทรานับว่าเหนือจินตนาการ ในพริบตาดาบครึ่งจันทราก็แทงทะลุผ่านอกของเทียนหยุนชุดเทา ทว่ามันไม่ได้ทำอันตรายต่อเขาอันใด ราวกับตัวตนของเขาเป็นเพียงภาพมายา
ปราณกระบี่ติดตามไปหลังจากนั้นอย่างกระชั้นชิดขณะพุ่งผ่านเทียนหยุนชุดเทาไปตรงๆและลอยออกไปไกล
ชั่วขณะนั้นจิตสังหารออกมาจากเทียนหยุนชุดเทา จิตสังหารนี้ทรงพลังอย่างมากมันมหึมาเพียงพอเอื้อมถึงสรวงสวรรค์
เกือบกระพริบตา จิตสังหารก็เต็มทั่วบริเวณและกระจายอย่างรวดเร็ว
ห่างออกไปไกล เทียนหยุนคนอื่นๆทั้งหมดที่กำลังฝึกฝนวิชาของตัวเองพลันหยุดชะงักและมองมาทางนี้ด้วยแสงลึกลับในแววตาแต่ละคน ตอนนี้โลกเจ็ดสีแห่งนี้ เทียนหยุนคนอื่นๆทั้งหมดรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นที่นี่
เทียนหยุนคนอื่นลอยเข้ามาที่นี่ทันทีและในพริบตาเดียวทั้งหมดก็มาถึงภายในระยะห้าพันลี้ของเทียนหยุนชุดเทา
“ผนึก!” เสียงตะโกนหนึ่งดังออกมาจากเทียนหยุนทั้งหมดภายในระยะห้าพันลี้
พลังลึกลับและเหนือจินตนาการปรากฎขึ้นทันที มันลงมาจากสรวงสวรรค์ราวกับตาข่ายยักษ์และพุ่งเข้าหาเทียนหยุนชุดเทาเพื่อผนึกเขาอย่างรวดเร็ว
เทียนหยุนชุดเทาเผยใบหน้าเยาะเย้ยขณะเงยศีรษะขึ้นและเอ่ยเพียงคำเดียว “ไปซะ!”
เพียงหนึ่งคำ ท้องฟ้าเปลี่ยนสีและตาข่ายยักษ์แตกกระจาย จิตสังหารเหนือจินตนาการกวาดผ่านระยะห้าพันลี้อย่างรวดเร็ว
เทียนหยุนทั้งหมดในระยะห้าพันลี้รีบล่าถอยโดยทันที ในไม่นานพวกเขาก็ถอยออกไปหมื่นลี้
ตอนนี้มีเพียงเทียนหยุนไม่กี่คนที่หลงเหลืออยู่ในระยะห้าพันลี้ของเทียนหยุนชุดเทา เทียนหยุนเหล่านี้คือคนที่ครอบครองพลังต้องห้ามที่ทรงพลัง
ภายใต้การโจมตีของจิตสังหารนี้ หวังหลินชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นเฉียบทันที จิตสังหารนี้แข็งแกร่งมากกว่าร่างหลักของเขาหลายเท่า เทียบได้กับดวงจันทร์ที่กำลังส่องแสงกับหิ่งห้อยตัวเล็กๆ ซึ่งไม่อาจเทียบกันอย่างเห็นได้ชัด
ก่อนหน้านี้หวังหลินเชื่อว่าร่างหลักของเขามีจิตสังหารที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ตอนนี้เทียนหยุนชุดเทาคือคนที่มีจิตสังหารแข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยพบ!
ทว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้หวังหลินตื่นตกใจที่สุด สิ่งที่ทำให้เขาตกใจที่สุดคือตอนที่เทียนหยุนทั้งหมดพุ่งเข้ามา สัมผัสวิญญาณของเขารู้สึกได้ว่าเทียนหยุนทั้งหมด 3600 คนได้มาถึงแล้ว!
ดวงตาหวังหลินจรดลงบนเทียนหยุนที่มีใบหน้าเย็นชา เขาคือคนที่ 3601!
“มีเพิ่มอีกหนึ่ง!” หวังหลินสูดหายใจลึก”