504. ศาสตร์สังหารเทพ
ในชั่วขณะ เทียนหยุนชุดเทาลืมตาขึ้นทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาลืมตาขึ้นมา
ดวงตาสีเทาคู่นั้นมองมาที่หวังหลินโดยไม่ได้เอ่ยคำใด ทว่าเมื่อสายตาจรดลงมา หวังหลินรู้สึกว่าวิญญาณดั้งเดิมสั่นสะเทือนและโสตประสาทเต็มไปด้วยเสียงฟ้าร้องคำราม
“อย่ารังควานข้า!”
วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินสั่นสะท้านรุนแรงและสูญเสียสติรอบด้านไปชั่วขณะ เมื่อเขาฟื้นคืนสติได้เทียนหยุนชุดสีเทาก็หายไปโดยไร้ร่อยรอย
“ประหลาด!” หวังหลินใบหน้ามืดมัวและครุ่นคิดเงียบๆ จากนั้นกระจายสัมผัสวิญญาณออกมาและเริ่มค้นหาอีกครั้ง เขาล้มเลิกการตรวจสอบวิชาของเทียนหยุนที่เหลือทั้งหมดและค้นหาเทียนหยุนชุดสีเทาแปลกประหลาดคนนี้
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า หวังหลินค้นหาและสามารถพบเทียนหยุนชุดเทาได้อีกครั้ง
ทุกครั้งที่หวังหลินลองโจมตี ไม่มีการโจมตีไหนที่ได้ผลและเทียนหยุนชุดเทาหายตัวไปโดยไร้ร่องรอย ไม่ว่าเขาพยายามอย่างหนักแค่ไหนก็ไม่สามารถหาได้ว่าเทียนหยุนคนนั้นหายตัวไปได้อย่างไร
จนกระทั่งครั้งที่หก!
กล่าวให้ถูกก็คือครั้งที่หกหวังหลินไม่ได้พบเทียนหยุนชุดเทา แต่เทียนหยุนชุดเทาเป็นคนพบหวังหลิน
วันนี้หวังหลินตัดสินใจล้มเลิกการค้นหาไปแล้วและเรียนรู้วิชาเจ็ดสี วิชานี้เขาคิดว่าเป็นวิชาที่ดีที่สุดที่นี่แล้ว
หวังหลินยืนอยู่เงียบๆเบื้องหน้าเทียนหยุนที่สาธิตวิชาเจ็ดสี ขณะที่ถอนหายใจและกำลังตัดสินใจอยู่นั้น เสียงหนึ่งดังเข้ามาในหูราวกับสายลมเย็นๆ
“เจ้าเป็นศิษย์ของเทียนหยุนใช่ไหม?”
หวังหลินตกตะลึงขณะหันกลับไปมองด้านหลัง
เทียนหยุนชุดเทาปรากฎตัวราวกับภูติพรายห่างด้านหลังหวังหลินไปสิบฟุต
ขณะเดียวกันเทียนหยุนที่สาธิตวิชาเทพเจ็ดสีก็หยุดการแสดงและเงยศีรษะขึ้นมองเทียนหยุนชุดเทา เทียนหยุนชุดเทาชำเลืองที่เทียนหยุนคนอื่นๆทำให้พวกเขาล่าถอยและหายตัวออกไปไกลราวกับกำลังหวาดกลัว
หวังหลินพยักหน้าและเอ่ยขึ้น “ใช่แล้ว!”
“ทำไมเจ้าถึงอยู่ที่นี่?” น้ำเสียงเทียนหยุนชุดเทายังคงเย็นเฉียบ
หวังหลินเอ่ยด้วยท่าทีสงบนิ่ง “เพื่อเลือกวิชาต้องห้าม!”
“วิชาต้องห้าม…” เทียนหยุนชุดสีเทาเผยแววตารังเกียจ จากนั้นเขามองหวังหลินและเอ่ยออกมา “หายากนักที่เขาจะปล่อยให้คนเข้ามาที่นี่ ข้ากลัวว่ามันเป็นเพราะข้า!”
ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้นและเอ่ยถาม “ผู้อาวุโสคือ?”
เทียนหยุนชุดเทาไม่ได้ตอบคำถามของหวังหลินแต่ตรวจสอบหวังหลินอย่างละเอียดและเอ่ยออกมา “จงแสดงเขตแดนของเจ้า!”
หวังหลินขมวดคิ้วแต่จากนั้นผ่อนคลายทันทีและนำเขตแดนแห่งชีวิตและความตายออกมา หลังจากนั้นไม่นานเขตแดนเปลี่ยนเป็นแสงสีดำและขาวเหนือศีรษะ รวมกันกลายเป็นม้วนคัมภีร์แห่งชีวิตและความตาย!
เทียนหยุนชุดเทาดวงตาส่องสว่างขึ้นจากนั้นพยักหน้า “โจมตีข้า!”
หวังหลินยกฝ่ามือขึ้นโดยไม่ต้องเอ่ยและม้วนคัมภีร์แห่งชีวิและความตายปรากฎในกำมือ หวังหลินเปิดมันออกมา ตอนนี้เขาราวกับสวรรค์ที่กำลังควบคุมเขตแดนแห่งชีวิตและความตาย หวังหลินมองไปที่เทียนหยุนชุดเทาและเอ่ยขึ้น “วัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ ชีวิตและความตาย!”
เช่นนั้นควันสีเทาหลายเส้นออกมาจากภูเขาสีดำและสีขาว รวมถึงแม่น้ำที่แต่งแต้มบนม้วนคัมภีร์ ควันสีเทาหลายเส้นราวกับมังกรดุร้ายพุ่งเข้าหาเทียนหยุนชุดเทา
ดวงตาของเทียนหยุนชุดเทาเรืองแสงสีเทาแทงทะลุผ่านอากาศและร่อนลงในดวงตาหวังหลิน
ควันสีเทาที่กำลังพุ่งเข้าหาเทียนหยุนราวกับมังกร มันแตกสลายเบื้องหน้าเขาอย่างเงียบงัน
“เขตแดนแห่งชีวิตและความตาย…” เทียนหยุนชุดเทามองหวังหลิน “เหตุผลที่เทียนหยุนปล่อยให้เจ้ามาที่นี่ได้อาจจะเพื่อให้เจ้าได้รับศาสตร์สังหารเทพของข้า เป็นไปได้ที่เขาอยากเห็นว่าเจ้ามีโชคชะตาในการเรียนวิชานี้ ศาสตร์สังหารเทพไม่ใช่วิชาเทพอันใด มันเลียนแบบมาจากวิชาเทพที่ไม่ทราบระดับ วิชานี้เข้ากันได้ดีกับเขตแดนแห่งชีวิตและความตายของเจ้า อย่างไรก็ตามการที่เจ้าจะเรียนศาสตร์สังหารเทพนั้นเจ้าต้องสัญญากับข้าอย่างหนึ่ง!”
หวังหลินเอ่ยด้วยท่าทีสงบนิ่ง “กล่าวมา!”
เทียนหยุนชุดเทาเอ่ยขึ้นช้าๆด้วยแววตาเยือกเย็น “เมื่อเจ้าใช้ศาสตร์สังหารเทพ เจ้าต้องไม่ปล่อยให้ศัตรูมีชีวิตรอด หากเจ้าสามารถสัญญากับข้าข้อนี้ได้ ข้าจะสอนมันให้เจ้า!”
หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อยจากนั้นยิ้มบางๆและส่ายศีรษะ “ข้าจะไม่เรียน!”
สิ้นคำ หวังหลินคำนับมือให้เทียนหยุนชุดเทาและหันตัวจากไป
ดวงตาเทียนหยุนชุดเทาส่องสว่างขึ้น เขาโบกแขนขวาและควันสีเทาเส้นหนึ่งปรากฎในฝ่ามือทันที ควันสีเทาเส้นนี้ราวกับกระบี่อันคมกริบ ด้วยการสบัดอย่างลวกๆควันสีเทาก็พุ่งเข้าหาหวังหลินเสียงดัง
หวังหลินหันกลับมาทันที จ้องเทียนหยุนชุดเทาด้วยดวงตาสงบนิ่ง
ควันสีเทาผ่านหวังหลินไปและร่อนลงบนเทียนหยุนที่กำลังฝึกวิชาซึ่งอยู่ห่างมากกว่าหมื่นฟุต
เทียนหยุนคนนั้นไม่มีโอกาสหลบเลี่ยง ควันสีเทาปะทะเข้าใส่เขาตรงๆจากนั้นร่างกายสั่นเทาและเลือนหายกลายเป็นหมอกควัน
ขณะเดียวกันแสงสีเทาเส้นนั้นพุ่งกลับออกมาจากเมฆควันเข้าหาเทียนหยุนชุดเทาเผยออกมาเป็นผนึกอันซับซ้อน
เทียนหยุนชุดเทาเอ่ยขึ้น “ผนึกนี้สร้างขึ้นจากศาสตร์สังหารเทพ! ใช้เส้นทางแห่งการฆ่าฟันเพื่อรับพลังแห่งชีวิตและนำเอาพลังชีวิตโคจรรอบตัวเจ้าเพื่อสร้างผนึกชีวิต ยิ่งเจ้ามีผนึกมากเท่าไหร่การป้องกันของเจ้าก็ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น! ข้ามีผนึกนับล้าน ดังนั้นแม้ดาวเทียนหยุนจะระเบิด ข้าก็ยังปกติดี! เจ้าไม่ต้องการเรียนวิชานี้หรือ?”
หวังหลินขบคิดก่อนจะถามออกไป “ทำไมข้าต้องเรียนมัน?”
เทียนหยุนชุดเทาเอ่ยอย่างเยือกเย็น “เจ้าเป็นคนที่หกที่เทียนหยุนส่งมา ข้าไม่ชอบเลขเจ็ดแต่ข้ามีสัญญากับเทียนหยุนเอาไว้ หากเจ้ายังไม่ต้องการ เช่นนั้นก็ลืมมันเสีย!”
หวังหลินมองเขาและเอ่ยออกมาทันที “ท่านมีความสัมพันธ์อะไรกับอาจารย์ของข้า?”
เทียนหยุนชุดเทามองหวังหลินด้วยความเยือกเย็น เขาโบกแขนขวาและควันสีเทาเส้นหนึ่งก่อเกิดเป็นหินหยกก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หวังหลินเผยใบหน้าขบคิด หลังจากนั้นคว้าหินหยกที่เกิดจากควันสีเทามา
ขณะที่เขาสัมผัสหินหยก โลกเจ็ดสีรอบตัวเขาพลันเปลี่ยนแปลงทันที ราวกับโลกกลับหัวและวิสัยน์ทัศพร่ามัว เมื่อสายตากลับคืนมาหวังหลินก็กลับมาอยู่บนยอดหอคอย
เบื้องหน้าเขา เทียนหยุนเผยประกายแสงลึกลับในแววตา เขาจ้องหินหยกในมือหวังหลินและลูบเคราของตนเอง “ศาสตร์สังหารเทพ เยี่ยมมาก!”
หวังหลินไม่ได้เอ่ยอะไรแต่ค่อยๆขมวดคิ้ว
เทียนหยุนมองหวังหลินและหัวเราะ “ไม่ต้องคิดอะไรมาก คนผู้นั้นเป็นวิญญาณดั้งเดิมดวงที่สองของอาจารย์ ตอนที่ข้าฝึกฝนเมื่อเยาว์วัย ระหว่างช่วงที่อยู่ขั้นหยินหยาง มีเหตุการณ์บางอย่างทำให้ข้าต้องแยกออกมาจากเขา ศาสตร์สังหารเทพเหมาะสมกับการเอาตัวรอดตามที่เจ้าต้องการ!”
หวังหลินขบคิดเล็กน้อยก่อนจะเก็บหินหยกไว้ เขาไม่ได้เชื่อทุกอย่างที่เทียนหยุนพูดแต่หวังหลินเป็นคนมีไหวพริบมาก ดังนั้นเขาจึงไม่แสดงอาการอะไรทางสีหน้าเลยสักนิดขณะที่พยักหน้าตอบรับไป
เทียนหยุนยื่นมือออกเข้าสู่อากาศว่างเปล่าและลำแสงสีม่วงปรากฎขึ้นในทันที ลำแสงสีม่วงเปลี่ยนไปเป็นแหวนม่วง หลังจากตรวจสอบมันอย่างละเอียดเขาก็โยนให้หวังหลิน “แสงนี้สร้างขึ้นจากแสงสีม่วงจากแสงเจ็ดสี มันจะเป็นสมบัติช่วยชีวิตของเจ้า สมบัติชิ้นนี้สามารถปกป้องพลังเต็มที่ของเซียนเทวะระดับปลายได้สองครั้ง ถึงอย่างนั้นเจ้าต้องจำไว้ว่าหากเจ้าฝ่าฝืนกฎสำนัก ข้าจะลบล้างให้เหลือหนึ่งการโจมตี ฝ่าฝืนกฎสองครั้งสมบัติชิ้นนี้จะไม่มีผล!”
“ศิษย์ลำดับสองของกองกำลังสีม่วงที่ถูกเจ้าสังหารไปได้ใช้สมบัติช่วยชีวิตหนึ่งครั้งในรอบหลายปีที่ผ่านมาและทำลายกฎสำนักไปหนึ่งครั้ง ไม่เช่นนั้นไม่มีทางที่เจ้าจะได้วิญญาณดั้งเดิมของเขามาได้ง่ายๆ! อย่างไรก็ตามเพราะเขาเป็นคนที่โจมตีเจ้าหลายครั้งข้าจะไม่ถือสาเรื่องนี้ แต่หวังหลิน จงจำไว้ว่าจะไม่มีครั้งที่สองเด็ดขาด!”
หวังหลินรับแหวนเอาไว้ แทนที่จะใส่ไว้ในนิ้วมือเขาเก็บมันใส่กระเป๋าและกล่าวขึ้น “ขอบคุณ ท่านอาจารย์!”
เทียนหยุนพยักหน้าจากนั้นโบกแขนเสื้อ “ข้าสอนวิชาต้องห้ามให้เจ้าและให้สมบัติช่วยชีวิตไปแล้ว เจ้ากลับไปได้!” เช่นนั้นเขาหันตัวกลับและเดินเข้าหาหอคอย
หวังหลินก้าวถอยหลังสองสามก้าวก่อนจะเงยศีรษะขึ้นและเอ่ยออกมา “อาจารย์ ศิษย์ต้องการออกไปนอกสำนักเพื่อฝึกฝน!”
เทียนหยุนกล่าวออกมาโดยไม่ได้หันตัวกลับ
“ศิษย์ของสำนักชะตาสวรรค์ของข้าสามารถออกไปฝึกฝนนอกสำนักได้หากเป็นผู้ส่งสาส์นเท่านั้น นำป้ายสิทธิ์ของข้าไปที่ลานดูแลดวงดาวและเลือกแคว้นต่ำกว่าระดับหกสักหนึ่งแห่งเพื่อเป็นผู้ส่งสาส์น แต่ว่าอย่าไปทะเลมารทิศตะวันออกช้าเกินกว่าสามเดือน!”
เช่นนั้นร่างเทียนหยุนเดินเข้าสู่หอคอยและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ป้ายสิทธิ์สีขาวลอยออกมาจากหอคอยและร่อนลงในมือหวังหลิน ขณะเดียวกันพลังงานอ่อนโยนเริ่มกระจายออกจากหอคอยและผลักหวังหลินออกจากภูเขา
หวังหลินเผยประกายแสงลึกลับในแววตาขณะที่มองภูเขาสีดำสลับขาวที่อยู่ห่างออกไปห้าสิบลี้ก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว
ลานดูแลดวงดาวอยู่เหนือกองกำลังสีแดง
หลังจากหวังหลินออกมาจากสำนักหลัก เขาต้องการเสียเวลาอันใดและมุ่งหน้าตรงไปที่กองกำลังสีแดง
แสงสีแดงปลดปล่อยออกมาจากยอดภูเขาของกองกำลังสีแดงอย่างต่อเนื่อง มันปกคลุมพื้นที่และดูคล้ายกับทะเลโลหิต
ร่างหวังหลินเหาะเหินเข้าหากองกำลังสีแดงอย่างรวดเร็ว ขณะที่เขากำลังเข้าไปพลันได้ยินเสียงตะโกนออกมาอย่างเย็นชา
“ผู้กำลังเข้ามา จงหยุด!”
หวังหลินโยนป้ายของเทียนหยุนให้เขาโดยไม่ได้เอ่ยอันใดขณะพุ่งตัวเข้าไปในกองกำลังสีแดง
เมื่อคนที่ตะโกนเห็นป้ายสิทธิ์ เขาพ่นลมหายใจเย็นเฉียบออกมาแต่ไม่ได้หยุดหวังหลิน
หลังจากหวังหลินเข้ามา อากาศเกิดระลอกคลื่นและชายวัยกลางคนสวมชุดสีแดงเดินออกมา เขามองตำแหน่งที่หวังหลินหายไปและพึมพำกับตนเอง “น้องเจ็ดแห่งกองกำลังสีม่วง!”
หลังจากนั้นไม่นานหวังหลินออกจากกองกำลังสีแดงและมองตรงไปทางทิศตะวันตก
“แคว้นอันดับห้า หลินเยว่!”