514. เป้าหมาย ผนึกบูรพา!
หลังเห็นหวังหลินมาถึง ชายชราถอนหายใจอย่างโล่งอก
“สหายเซียนหวังหลิน หากมีปัญหาอะไรเราคุยกันได้ ข้าจะบอกทุกสิ่งที่เจ้าต้องการรู้โดยไม่มีการโกหกสักคำ!”
ผู้อาวุโสตัวเตี้ยไร้หนทางสู้เพราะระดับบ่มเพาะอ่อนแอกว่าและสมบัติก็แย่กว่า หวังหลินไม่ต้องไล่ล่าเขา ที่เขาทำเพียงแค่โยนสมบัติสองชิ้นเข้าใส่และนั่นก็เพียงพอให้เขาเป็นบ้าได้แล้ว
กระบี่เหินไม่ได้เลวร้ายเกินไป แม้ว่ามันจะแข็งแกร่งมากแต่ปราณกระบี่ไม่ได้ทรงพลัง ทว่าด้วยความแข็งแกร่งนี้จึงเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเขาเช่นกัน ไม่ว่าเขาจะพยายามเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผลต่อกระบี่เหิน หากไม่ใช่ว่าเขากำลังวิ่งหนีเอาชีวิตรอด เขาคงทำทุกวิถีทางเพื่อนำมันมาศึกษา
ทว่าสิ่งที่ทำให้ผู้อาวุโสตัวเตี้ยต้องยอมแพ้อย่างราบคาบนั่นก็เพราะดาบครึ่งจันทราอันแปลกประหลาดเล่มนี้
ดาบครึ่งจันทราเล่มนี้เป็นเหมือนเทพสงครามแรกเริ่มที่ไล่เข่นฆ่าชีวิต มันว่องไวมากและตลอดเวลามันแทบจะชนศระเขาอยู่แล้ว หากมันมีพลังอำนาจที่กุมลำคอของเขาได้ ไม่ว่าเขาจะทำเช่นไรก็คงยากมากที่จะหนีรอดจากความตายพ้น
เช่นนี้แล้วผู้อาวุโสตัวเตี้ยจะกล้าหนีได้อีกหรือ? เมื่อมีทั้งกระบี่และดาบชี้เข้าหาเขา เขาก็ต้องรอคอยให้หวังหลินมาถึงเท่านั้น
ในใจเขาเจ็บปวดแสนสาหัสมาก เขาเสียใจที่มาที่นี่กับซีฟางและต่อสู้กับเจ้าอสูรตัวนี้
เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าซีฟางจะรอดตายอยู่หรือไม่ สิ่งที่เขากังวลที่สุดตอนนี้คือชีวิตของตัวเอง
ควันสีเทาหลายเส้นเคลื่อนไหวรอบนิ้วหวังหลินขณะที่เขาชี้ไปที่ชายชราและเอ่ยขึ้น “หลายปีก่อนตอนที่เซียนกระบี่กลับจากดินแดนสวรรค์ มีสิ่งผิดปกติอะไรไหม? ลังเลก็ตายซะ! โกหกก็ตายซะ! จงพูดต่างจากซีฟาง ไม่งั้นตาย!”
ผู้อาวุโสตัวเตี้ยตกตะลึงแต่รีบโพล่งออกมา “ตอนที่เซียนกระบี่กลับมามีวิญญาณกระบี่น่ากลัวดวงหนึ่งไล่ตามเขามาด้วย มันต่อสู้กับเซียนกระบี่หลายวันหลายคืนก่อนที่จะแตกสลายไป เซียนกระบี่ผนึกหนึ่งในสามวิญญาณกระบี่ไว้ภายในส่วนลึกของทะเลวิญญาณมารตะวันออก”
ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้นและรีบเอ่ยถาม “ทะเลวิญญาณมารตะวันออกมีเรื่องลึกลับอะไร?”
ผู้อาวุโสตัวเตี้ยไม่กล้าล่าช้าและตอบออกไป “ทะเลวิญญาณมารตะวันออกเป็นหนึ่งในสามพื้นที่ต้องห้ามขนาดใหญ่ของดาวเทียนหยุน มีมารโบราณหลายตัวข้างในนั้น ทุกๆหนึ่งหมื่นปีการควบคุมประตูสู่พื้นที่จะเปลี่ยนเจ้าของ ครั้งนี้เป็นของสำนักกระบี่ต้าหลัวของข้า ประตูจะเปิดทุกห้าพันปี และทุกครั้งที่มันเปิดขึ้นศิษย์ทุกสำนักจะส่งคนเข้าไปเพื่อจับเหล่ามารโบราณ”
“การจับมารโบราณเป็นเพียงเรื่องรองเท่านั้น เหตุผลหลักสำหรับทะเลวิญญาณมารตะวันตกคือการทดสอบโลหิต เมื่อเข้าไปแล้วอันตรายนับว่าสูงที่สุด!”
“กล่าวได้ว่ายิ่งคนออกมาน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เพราะผลประโยชน์ที่แท้จริงคือตอนที่เจ้าออกมา เมื่อจะได้รับมรดกวิญญาณมาร!” ชั่วขณะนั้นดวงตาผู้อาวุโสตัวเตี้ยเต็มไปด้วยความโลภ
“มรดกวิญญาณมาร!” สายตาตาหวังหลินขมวดเป็นปม
“ถูกต้อง มรดกวิญญาณมารนี้สามารถผลักดันระดับบ่มเพาะของเซียนขึ้นไปหนึ่งระดับ หากได้รับมันระหว่างด่านเสาะหาเต๋ามันจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มการบรรลุขั้นเทวะอย่างมาก!”
“แน่นอนว่าหากคนใดเป็นระดับขั้นเทวะไปแล้วมันจะยังช่วยเพิ่มระดับบ่มเพาะ หากเป็นขั้นเทวะระดับปลายมันอาจจะช่วยก้าวเข้าสู่ด่านหยินนามธรรมและหยางรูปธรรม และได้รับร่างกายที่สามารถคงอยู่ได้หลายหมื่นปี!”
“นี่จึงเป็นเหตุว่ามันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับดาวเทียนหยุน มีคนโลภมากหลายคนแต่ทะเลวิญญาณมารตะวันออกเป็นสถานที่อันตรายอย่างใหญ่หลวง หากเจ้าอยากได้รับประโยชน์เจ้าก็ต้องจ่ายมันเอง ใครก็ตามที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปคือหนึ่งในคนที่โดดเด่นที่สุดของรุ่นนั้น!”
“มีแม้แต่ข่าวลือว่า หากมีออกมาได้เพียงหนึ่งคนเท่านั้น หาก…คนคนนั้นออกมาได้ เขาจะได้รับรางวัลที่ไม่เคยเห็นมาก่อน…วิชาเทพระดับล่าง!”
หวังหลินครุ่นคิดจากนั้นดวงตาส่องสว่างขึ้น เพียงแค่คิดเจ้าฉวี่ลี่กั๋วดูเหมือนสังเกตได้และดาบครึ่งจันทราส่องสว่างทันที ดาบครึ่งจันทราแทงทะลุศีรษะผู้อาวุโสตัวเตี้ยในพริบตา
ร่างผู้อาวุโสตัวเตี้ยสั่นเทา อ้วกเป็นเลือดออกมาจากปาก ดวงตาสลัวลง เขาเพ่งสายตาไปที่หวังหลินขณะที่ค่อยๆปิดลงจากนั้นฟุบลงกับพื้น ร่างกายแน่นิ่ง
หวังหลินสะบัดแขน ดาบครึ่งจันทราและกระบี่สวรรค์กลับเข้าสู่กระเป๋า จากนั้นร่างกายกระพริบและหายวับไป
เวลาสามก้านธูปหลังจากที่หวังหลินออกไป ทันใดนั้นดวงตาผู้อาวุโสตัวเตี้ยเปิดขึ้น หลุมที่โดนแทงค่อยๆปิดตัว
เขาสูดหายใจลึกและดูเหนื่อยใจ จากนั้นหันตัวกลับมองออกไปยังอากาศว่างเปล่าด้วยสายตาดุดันพร้อมกับพึมพำ “เจ้าอยากฆ่าข้าหรือ? มันไม่ง่ายขนาดนั้น! ข้าฝึกฝนวิถีสามวิญญาณซึ่งทำให้ข้ารอดตายได้สามครั้ง ข้าไม่คิดว่าข้าจะต้องใช้ดวงสุดท้ายที่นี่! หวังหลิน เมื่อข้ากลับไปสำนักกระบี่ต้าหลัวข้าจะหาทางบังคับเจ้าให้ตายอย่าสาสมเพื่อล้างแค้นเรื่องในวันนี้!”
ประกายสายตาเขาเปล่งแสงเยือกเย็นขณะเหาะเหินออกไป
แต่ว่า!
ชั่วขณะที่เขาเคลื่อนไหว ควันสีเทาสองเส้นพุ่งออกมาจากป่าในหุบเขาอย่างเงียบงัน มันเร็วมากจนทำลายกำแพงเสียงเข้ามาอย่างใกล้ชิด
ใบหน้าผู้อาวุโสตัวเตี้ยเปลี่ยนไปมหาศาล เขาตะโกนออกมาโดยไม่ลังเล “สลายไปซะ!”
ด้วยหนึ่งคำพูด ระลอกพลังจำนวนมากรอบร่างกายก็ขัดขวางควันสีเทาสองเส้นนั้น
ขณะเดียวกันร่างผู้อาวุโสตัวเตี้ยก้าวถอยหลัง ครึ่งร่างเข้าไปในมิติว่างและกำลังจะเคลื่อนที่พริบตาออกไป แต่เขาสายไปแล้ว
ควันสีเทาสองสายไม่สนระลอกคลื่นอย่างสิ้นเชิงและพุ่งตรงเข้าหาเขาราวกับโซ่ตรวนสองเส้น ควันสีเทาพุ่งเข้าไปในร่างกายผู้อาวุโสตัวเตี้ยทันที
ผู้อาวุโสใบหน้าซีดเผือดและเผยรอยยิ้มน่าสงสาร เขาสัมผัสถึงควันสีเทาสองสายที่กำลังโคจรในร่างกายอย่างบ้าคลั่ง ทุกการโคจรหนึ่งรอบเขาจะสูญเสียพลังชีวิตไปหลายส่วน
หวังหลินเคลื่อนร่างเข้าไปในส่วนลึกของดินแดนมารปฐพีทิศเหนือ ควันสีเทารอบตัวเขาบางครั้งก็หนาบางครั้งก็บาง สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือควันสีเทาหลากหลายเส้นที่เคลื่อนไหวระหว่างนิ้วของเขาอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่เหาะเหินสีหน้าหวังหลินเปลี่ยนไป เขามองไปด้านหลังและเผยรอยยิ้มเยาะเย้ย
ควันสีเทาหนาเส้นหนึ่งออกมาจากด้านหลังหวังหลินและก่อเกิดเป็นลูกแก้วสีเทา
หลังจากมองลูกแก้วหวังหลินก็ยื่นมือออกไปคว้ามัน เมื่อแบมือออกลูกแก้วก็เลือนหายไปแล้ว
หวังหลินเหาะเหินราวกับสายฟ้า เขาเปลี่ยนเป็นควันเมฆสีเทาขนาดใหญ่พุ่งเข้าไปในส่วนลึกของดินแดนมารปฐพี
“เวลาไม่เคยรอใคร! ทะเลวิญญาณมารตะวันตกจะเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับข้าในการฝึกฝนศาสตร์สังหารเทพ นี่เป็นเหตุผลที่ข้าต้องไป!”
“โจวยี่ช่วยเหลือข้าก่อนหน้านี้และตอนนี้เขาถูกขังอยู่ในทะเลวิญญาณมารตะวันตก มีอยู่ไม่กี่คนที่ข้าเป็นหนี้เขาและข้าจะจ่ายคืนทั้งหมด ข้าต้องไปเพื่อพยายามช่วยเหลือเขา นี่คือเหตุผลที่สอง!”
“อาจารย์เทียนหยุนสนใจเรื่องโชคชะตาแห่งสวรรค์และไม่ทำอะไรโดยไม่มีเหตุผล หากเขาต้องการให้ข้าไปเขาต้องมีเหตุผล หากข้าไม่ไปจะเป็นการฝืนโชคชะตาและคงยากที่จะตั้งตัวในดาวเทียนหยุนได้ นี่เป็นเหตุผลที่สาม!”
“ข้าแค่ไม่รู้ว่าข้าจะมีโชคในการค้นหาสิ่งที่ช่วยเพิ่มธาตุโลหะของลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าได้หรือไม่ หากลูกปัดเสร็จสมบูรณ์มันอาจจะมีประโยชน์มหาศาลต่อหวานเอ๋อและอาจทำให้นางตื่นขึ้น…” หวังหลินสัมผัสหน้าผากและเผยท่าทางหวนรำลึก
ขณะที่กำลังคิดถึงลี่มู่หวาน หวังหลินรู้สึกถึงความอบอุ่นในใจอันหนาวเหน็บของตัวเองได้ ลี่มู่หวานเป็นเพียงคนเดียวที่เดินเข้ามาในใจเขาและนำพาให้เขามาที่ดาวเทียนหยุน
“หวานเอ๋อ…” หวังหลินครุ่นคิดก่อนจะถอนหายใจ จากนั้นร่างกายเปลี่ยนเป็นควันสีเทาและเลือนหายไป
ลึกลงไปในดินแดนมารปฐพีทิศเหนือ อสูรมารยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น ในรัศมีหนึ่งแสนห้าหมื่นลี้จากใจกลางมีกระทั่งอสูรเดียวดายที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับเซียนขั้นเทวะ
สิบวันที่ผ่านมาดินแดนมารปฐพีทิศเหนือถูกปกคลุมไปด้วยควันสีเทาไร้จุดสิ้นสุด ควันสีเทาพวกนี้พวยพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินและดูราวกับมีชีวิต
ทว่าควันสีเทานี้ไม่เคยเข้าไปภายในรัศมีหนึ่งแสนห้าหมื่นลี้จากใจกลางเลย ดังนั้นอสูรเดียวดายจึงไม่ได้ถูกรบกวน ควันสีเทาเพียงแค่คงอยู่สิบวันก่อนจะหายไป มันจึงไม่ได้เกิดผลอะไรตามมา
สิบวันหลังจากนั้นมีเวลาเหลือเพียงหกวันก่อนที่ทะเลวิญญาณมารตะวันตกจะเปิดขึ้น ดังนั้นหวังหลินจึงออกจากพื้นที่แห่งนี้
เทียบกับสิบวันก่อนหน้านี้ ตอนนี้ในดวงตาเขามีจิตสังหารซ่อนไว้อย่างมิดชิดพร้อมกับควันสีเทาเคลื่อนไหวอยู่ข้างในดวงตา สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือควันสีเทาห้าเส้นกำลังเคลื่อนไหวระหว่างนิ้วซึ่งปลดปล่อยเสียงสายลมหอนออกมา
เสียงนี้ดูคล้ายมีพลังลึกลับและใครก็ตามที่ได้ยินมันจะดึงดูดความสนใจเป็นแน่
“ศาสตร์สังหารเทพถือได้ว่าถึงขั้นบรรลุระดับต้นได้แล้ว!” หวังหลินเดินออกจากดินแดนมารปฐพีทิศเหนือด้วยใบหน้าสงบนิ่งและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
“แปลงพลังชีวิตเป็นผนึกได้ยากมาก รอบนี้ข้าสามารถสร้างขึ้นมาได้สามผนึกเท่านั้น”
สัญลักษณ์สีเทาปรากฎบนหน้าผากหวังหลิน สัญลักษณ์นี้ไม่ซับซ้อน มันเต็มไปด้วยพลังชีวิต หลังจากปรากฎขึ้นมามันก็เริ่มกระจายตัวและปกคลุมร่างกายในทันที
ไม่นานนักสัญลักษณ์อีกรูปแบบหนึ่งปรากฎขึ้นและปกคลุมร่างกาย ทั้งหมดมีสามสัญลักษณ์กระพริบอยู่ปกคลุมร่างกายเขา
หวังหลินก้มศีรษะลงมองร่างกายตนเอง จากนั้นใช้นิ้วเป็นกระบี่และสะบัด เกิดเสียงบดขยี้ออกมาจากจุดที่ปะทะกันแต่นิ้วไม่อาจแทงทะลุได้
“ทะเลตะวันตก…” หวังหลินมองออกไปไกลเผยใบหน้ามุ่งมั่น