521. หุบเขา ภูเขา
“ถึงอย่างนั้นเหรียญตราที่ข้าเห็นไม่อาจเทียบกับสิ่งใดได้ เหรียญนั้นคืออะไรกันแน่ถึงกับทำให้สีหน้าเทียนหยุนและหลิงเทียนโฮวเปลี่ยนแปลงไปขนาดนั้น…อาห์ ดาวเทียนหยุนมีความลับมากมายเหลือเกิน ข้าไม่อาจเริ่มเดาอะไรโดยไม่มีความรู้…” หวังหลินถอนหายใจและเงียบเสียงลง
“ช่างเถอะ ข้าทำเรื่องพวกนี้ได้ทีละก้าวเท่านั้นซึ่งไม่อาจเร่งรีบได้ ตอนนี้ร่างหลักซ่อนตัวอยู่บนดาวเคราะห์ร้างไว้อย่างดี ข้าจะไม่เผยตัวเอง รวมถึงตอนที่อยู่ในสุสานซูซาคุ ต้าวเสินจับจ้องบนตัวข้าเท่านั้นและยังไม่รู้เรื่องร่างหลัก ข้าต้องใช้เวลาห้าร้อยปีถัดไปเพื่อทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นและเตรียมการสำหรับอนาคต!”
หวังหลินกระจ่างชัดในใจ ขณะที่กำลังคิดเขาได้เหาะเหินไปหลายลี้โดยไม่รู้ระยะทาง หวังหลินกระจายสัมผัสวิญญาณออกและยังไม่พบสิ่งใด
ที่นี่เงียบเชียบเกินไป ในระยะสัมผัสวิญญาณของหวังหลิน นอกจากเขาแล้วไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นๆเลย
หวังหลินเหาะเหินต่อไปด้วยใบหน้าสงบนิ่ง
สิบวันผ่านไปอย่างเชื่องช้า ขณะที่หวังหลินกำลังเหาะเหินทันใดนั้นท่าทางก็เปลี่ยนไปและหันมองออกไปไกลด้วยสายตาเป็นประกาย เขาก้าวไปข้างหน้าและร่างกายเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับอุกกาบาตด้วยความเร็วมากกว่าก่อนอย่างเห็นได้ชัด
มีป่าไม้หนาแน่นด้านนอกแผ่นดินว่างเปล่าแห่งนี้
ตอนนี้มีคนผู้หนึ่งกำลังนอนอยู่บนพื้นในป่า เขาไม่มีเสื้อผ้าปกคลุมร่างกายท่อนบน ส่วนท่อนล่างเปื้อนด้วยของเหลวสีเขียว
เขานอนอยู่ที่นี่ไม่ไหวติง ลมหายใจรวยรินดูคล้ายหยุดหายไป ในไม่ช้าเขายังดูเหมือนจะเลือนหายไป แทบเป็นไปไม่ได้ที่คนปกติจะสังเกตเขา
ไม่นานนักก่อนจะมีเสียงวิ่งออกมาจากในป่า อสูรขนาดเท่าลูกวัวมีปากดุดันพุ่งออกมา
อสูรตัวนี้คล้ายหมูป่าแต่แฝงความดุร้ายออกมา อสูรตัวนี้ไม่มีเสี้ยวพลังปราณเลย
มันร้องคำรามขณะกระโจนออกมาจากป่า ทว่าขณะที่มันพุ่งออกไป คนที่นอนอยู่บนพื้นก็พลันกระโจนออกเช่นกันและมีหอกสีดำในกำมือทันที!
คนผู้นี้รวดเร็วมาก ในจังหวะที่อสูรป่าพุ่งออกมา หอกก็แทงเข้าหามันเรียบร้อยแล้ว เจ้าอสูรไม่คาดว่าจะมีคนอื่นอยู่ที่นี่ แทนที่มันจะตกตะลึง มันกลับโกรธเกรี้ยวและพุ่งตัวเข้าหาหอก
หอกแตกกระจายตามมาด้วยเสียงแตกร้าว ชายเมือกเขียวบิดร่างกลางอากาศและคว้าเหล็กแหลมของปลายหอก เขาขี่บนหลังอสูรตัวนั้นโดยไม่ลังเล จากนั้นคว้าขนของมันและแทงเข้าคอมันตรงๆ
เจ้าอสูรรู้สึกเจ็บปวด มันร้องคำรามอย่างโหยหวนและเริ่มดื้นรน มันเริ่มพุ่งมั่วซั่วขณะที่มีคนอยู่บนหลัง
หวังหลินปรากฎร่างกลางอากาศ เขาจ้องคนผู้นั้นกับอสูรด้านล่างด้วยสายตาประหลาด
คนผู้นี้กับอสูรเป็นสิ่งมีชีวิตอย่างแรกที่เขาเจอมาในสิบวัน!
ดวงตาอสูรร้ายแดงฉาน มันร้องคำรามออกมาหลายครั้งแต่คนบนหลังยังมีสายตาเยือกเย็น แขนซ้ายเกาะบนแขนเจ้าอสูรอย่างแน่นหนาและประคับประคองร่างเพื่อรักษาความสมดุลบนหลังเจ้าอสูร ฝ่ามือขวากำมีดไว้แน่นเพื่อให้มั่นใจว่าอยู่บนหลังของมันได้
หลังจากนั้นไม่นาน ดวงตาเจ้าอสูรค่อยๆหมองลงพร้อมกับโลหิตไหลออกมาจากคอซึ่งไม่ได้เป็นสีแดงแต่กลับเป็นแสงน่ากลัว ในที่สุดเจ้าอสูรก็ตกลงบนพื้นและหยุดแน่นิ่งไป
คนบนหลังอสูรถอนหายใจอย่างโล่งอกและดึงมีดออกมา ทว่าใบหน้าเขาเปลี่ยนไปเมื่อหันกลับมาและมองขึ้นบนฟ้าด้านหลังเขาด้วยสายตางุนงง
หวังหลินขมวดคิ้ว เขาตกใจมาก แม้ว่าคนผู้นี้จะไม่มีพลังปราณในร่างแต่เขามีจิตวิญญาณเพียงพอให้สามารถรับรู้คนรอบๆได้
ด้วยความคิดนี้หวังหลินจึงค่อยๆปรากฎตัวกลางอากาศขณะที่จ้องมองเขาด้วยสายตาเยือกเย็น
คนเลอะเมือกสีเขียวตกตะลึงเมื่อเขาเห็นหวังหลินปรากฎตัว ดวงตาเผยประกายแสงลึกลับ วินาทีต่อมาเขากระโดดด้านหน้าอสูรและถือมีดขึ้นพลางมองหวังหลินและเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “อสูรเป็นของข้า!”
ดวงตาหวังหลินหรี่แคบลง “ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อขโมยจากเจ้า!”
เขาจ้องมองหวังหลินเล็กน้อยและพยักหน้าหลังจากนั้น เขาค่อยๆคุกเข่าลงคว้าอสูรด้วยความยากลำบากและลากมันเข้าไปในป่า ขณะที่ลากไปเขาจ้องมองหวังหลินด้วยท่าทางระวังตัว
หวังหลินไม่ได้เคลื่อนไหวแม้เขาจะออกไปได้ไกลแล้ว ในสายตาหวังหลิน คนผู้นี้น่าสนใจอย่างยิ่ง
คนที่มีเมือกสีเขียวลากอสูรออกไปไกลจริงๆ เมื่อเห็นว่าหวังหลินไม่ได้ตามมาจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกและลากอสูรด้วยขนของมันตต่อไป
เขาเดินเหินตลอดทั้งวันและจนกว่าพระอาทิตย์ตกดินเขาจึงลากอสูรเข้าไปในซ่อนในหุบเขาแห่งหนึ่ง
ขณะที่เขาเข้าไปในหุบเขา ระลอกคลื่นเบาบางปรากฎตัว ทว่าระลอกนี้เบาบางมากและหายไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นมันจึงไม่ง่ายที่จะเป็นจุดสนใจ
ขณะที่เขาเข้าไปในหุบเขา ร่างหวังหลินก้าวออกมาจากมิติว่าง ดวงตาส่องสว่าง มองไปรอบๆเผยประกายแสงลึกลับ
“มีคนใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อวางค่ายกลขนาดใหญ่ที่นี่ มันสามารถซ่อนตัวตนของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดได้ แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะรับรู้ตัวตนของที่แห่งนี้เว้นแต่จะมองใกล้ๆ…ร่องรอยบนค่ายกลมันผ่านมาแล้วหลายปี วิธีวางค่ายกลแตกต่างจากกรรมวิธีของสมาพันธ์เซียน ดังนั้นค่ายกลนี้น่าจะถูกวางด้วยเหล่าเซียนโบราณ”
ดวงตาหวังหลินส่องประกายราวกับคบไฟ เขาไม่ได้เร่งรีบเข้าไปในหุบเขา ดังนั้นจึงตรวจสอบหุบเขาจากข้างนอกก่อนช
“สถานที่แห่งนี้น่าสนใจ ทะเลวิญญาณมารตะวันออกแตกต่างจากสถานที่อื่นทั้งหมดที่ข้าเคยล่าสมบัติมา” หวังหลินมองหุบเขาที่ถูกค่ายกลปกป้องด้วยแววตาเป็นประกาย
หลังสังเกตการณ์อยู่สักพัก หวังหลินชี้อากาศ พลังปราณเส้นหนึ่งลอยออกไปจากนิ้วเข้าสู่หุบเขาอย่างรวดเร็ว
ทว่าจังหวะที่พลังปราณเส้นนั้นเข้าหุบเขา ค่ายกลรอบหุบเขาเริ่มส่งเสียงดังก้องทันที ควันสีเขียวออกมาจากค่ายกลและกลืนกินพลังปราณที่หวังหลินส่งออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นานนักเกิดสัญญาณเตือนดังออกมาจากในหุบเขา
หวังหลินดวงตาสว่างวาบ เขาก้าวถอยหลังและร่างกายเลือนหายไปทันที
แสงสว่างกระพริบออกมาจากภายในหุบเขาและมีคนสามคนเดินออกมา
คนทั้งสามท่อนบนเปลือยเปล่าและมีของเหลวสีเขียวป้ายบนร่างกาย พวกเขาถืออาวุธขึ้นสนิมในมือและหลังจากออกมาจากหุบเขา พวกเขาทั้งหมดระมัดระวังตัวอย่างมาก
ทั้งสามคนมองหน้ากันเองอย่างงุนงง หลังจากนั้นไม่นานก็เดินกลับเข้าไปในหุบเขา
ขณะที่พวกเขาหายตัวเข้าไปในหุบเขาแล้ว ร่างหวังหลินเปลี่ยนเป็นควันสีเขียวและติดตามพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว ทว่าเมื่อสัมผัสกับค่ายกลมันกระตุ้นอีกครั้งและเรืองแสงสีเขียว
สัญญาณวิกฤตรุนแรงล้อมรอบพื้นที่ หวังหลินขมวดคิ้วพลางถอยหลังกลับไป หลังจากออกมาแสงสีเขียวก็หายไปจากค่ายกล
“น่าสนใจ!”
เป้าหมายของค่ายกลคือเพื่อปกป้องทุกสิ่งทุกอย่างข้างในหุบเขาและไม่ยอมให้คนทุกคนผ่านเข้าไปยกเว้นคนข้างใน เมื่อมีคนพยายามทำลายมัน ค่ายกลจะกระตุ้นพลังทั้งหมดเพื่อสังหารผู้บุกรุก!
ค่ายกลนี้แยบยลมาก หลังจากศึกษามันอยู่สักพักหวังหลินจึงรู้ว่าเขาไม่สามารถทำลายมันในช่วงเวลาอันสั้นได้ ดวงตาหวังหลินมืดดำขึ้นขณะนั่งสมาธิลงด้านนอกค่ายกลโดย
หลังจากนั้นไม่นานหวังหลินก็เผยตัวตนออกมา เขาได้รับความสนใจจากคนที่อยู่ในหุบเขา มีแสงกระพริบเกิดขึ้นและสี่คนเดินออกมา
สามในสี่คนเป็นคนเดิมก่อนหน้านี้และคนที่สี่เต็มไปด้วยจิตสังหาร เขาถือง้าวสีดำเรืองแสงน่ากลัว
ขณะที่เขาเดินออกมาไม่พูดพร่ำทำเพลง พลันโยนง้าวเข้าหาหวังหลิน จากนั้นเผยรอยยิ้มโหดเหี้ยมและพุ่งตัวเข้ามา
สามคนด้านหลังร้องคำรามออกมาด้วยและพุ่งตัวเข้าหาหวังหลินด้วยอาวุธขึ้นสนิมในมือ
สายตาหวังหลินนิ่งเรียบ เพียงเพ่งมอง ง้าวที่กำลังลอยเข้าหาเขาพังทลายทันที
คนที่เผยรอยยิ้มโหดเหี้ยมกลับตกตะลึง เขาจ้องง้าวหักพร้อมกับอ้าปากกว้าง ทั้งสามคนด้านหลังเขาหยุดชะงักไปด้วยกัน
หวังหลินไม่ต้องการเสียเวลากับพวกเขาและยื่นมือขวาออกไป ทั้งสี่คนกรีดร้องทันที พลังลึกลับสายหนึ่งจับพวกเขาทั้งสี่ไว้ หวังหลินโยนออกไปด้านข้างและขังไว้เพื่อไม่ให้ขยับ
ปกติแล้วหวังหลินไม่ลดตัวลงมาต่อกรกับคนที่ไม่มีพลังปราณด้วยตัวเอง แต่สถานที่แห่งนี้ประหลาดเกินไป แค่หุบเขาเฉยๆก็มีค่ายกลโบราณปกป้อง ที่เขาทำได้คือหาเบาะแสทั้งหมดจากคนที่อาศัยอยู่ข้างใน
หลังจากจับตัวทั้งสี่คนอย่างง่ายดาย ใบหน้าหวังหลินกลับคืนปกติและดำเนินการบ่มเพาะต่อไป
เสียงอึกทึกดังขึ้นจากภายในหุบเขาในไม่เวลาไม่นานนัก แสงประกายกระพริบเกิดขึ้นข้างในและคราวนี้มีคนสองคนเดินออกมา!