53. ลงสนาม (3)
หวังหลินรู้สึกตกใจเช่นกันและไม่ได้สติเป็นเวลานาน
โจวเผิงบันดาลโทสะเพราะคิดว่าเขาประมาทไปเองครั้งก่อน เด็กเหลือขอระดับสามจะเอาชนะเขาได้ยังไงกัน? ตอนนี้เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาและอัญเชิญงูเหลือมยักษ์อีกครั้ง โจวเผิงสร้างผนึกบนมือและงูเหลือมก็เปิดปากออกมา
หวังหลินส่งพลังโน้มถ่วงออกไปอีกครั้ง งูเหลือมร้องเสียงหลงในขณะที่มันหายตัวไปทันที แก้มขวาโจวเผิงบวมเป่ง เขาบ้วนเลือดออกมาคำโตขณะที่ลอยออกไปอีกรอบ
ขณะที่จะถึงพื้น เขาก็กระแทกลงบนลานประลอง ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ริมฝีปากเต็มไปด้วยรอยเลือด เสื้อผ้าฉีกขาดและยันต์เซียนได้หล่นออกมาจากลำตัว ระดับบ่มเพาะเขาเพิ่มสูงขึ้นและปอยผมปลิวกระจายไปในอากาศอย่างแปลกประหลาด
“หวังหลิน!!! นี่กไม่นับ! ข้ายังไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริง! มาสู้กัน!”
หวังหลินเริ่มมั่นใจในความแข็งแกร่งของตนเอง โดยไม่รอช้าเขาใช้พลังโน้มถ่วงและกวาดเขาไปอีกครั้ง
ปะ!
โจวเผิงที่เต็มไปด้วยโทสะถูกตบหน้าอีกครั้ง เลือดพุ่งออกมาจากปากเพิ่มขึ้น ในเวลานี้เขาลุกยืนขึ้นไม่ได้แล้ว พลังปราณในร่างปั่นป่วน เขาตะเกียกตะกายแต่ไม่สามารถลุกขึ้นได้และรู้สึกอับอาย โจวเผิงไม่อาจผืนต่อไปได้และเขาสลบลงไป
ทุกคนเงียบกริบ แม้แต่ลมหายใจก็ไม่มีเสียงเล็ดรอดออกมา
ในที่สุดฮวงหลงก็คืนสติได้และใบหน้าเต็มไปด้วยความปิติยินดี มองหวังหลินอีกกี่ครั้งก็เริ่มชื่นชอบเขาขึ้นเรื่อยๆ พลันคิดว่า “หวังหลินนี่มันดาวนำโชคของเหิงยั่วจริงๆ ไอ้เลวนั่นแข็งแกร่งขึ้นแต่ก็สู้หวังหลินไม่ได้ ข้ายังต้องระวังคำถามกับเขาว่าทำได้ยังไงกัน”
ซุนต้าซื่อสูดหายใจลึก เขาฟื้นคืนสติได้เล็กน้อยและคิดขึ้นได้ “หวังหลินต้องมีความลับบางอย่าง น้ำเต้านั่นต้องไม่มีแค่อันเดียวแน่! หวังหลินเจ้าหลอกข้าดีนัก! ฮึ่มมม!”
ต้าวซิ่วตกตะลึง ครั้งแรกเห็นได้ว่าโชคดีแต่อีกสองครั้งถัดมานี่เป็นของจริง! ยิ่งกว่านั้นหลังจากโจวเผิงหยิบยันต์เซียนลดพลังของตัวเองออก ระดับฝึกเซียนก็เข้าไปสู่ระดับสิบสอง! นั่นระดับเดียวกันกับเขา! แต่ก็ยังถ่ายแพ้ด้วยพลังโน้มถ่วงของหวังหลินครั้งเดียว
หวังหลินสำเร็จไปถึงระดับไหนกันแน่? เขาตรวจสอบหวังหลินอยู่นาน ไม่ว่าจะตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณยังไง เขาก็ไม่อาจมองเห็นระดับฝึกตนของหวังหลินได้
ผู้อาวุโสใบหน้าแดงคืนสติได้และคิดขึ้น “ตอนที่รับหวังหลินเข้าสำนัก เป็นข้าเองที่รับเขาเข้ามา ฮึ่ม! ดูเหมือนตาข้าไม่ได้บอด!”
ชายวัยกลางคนที่รับหวังหลินจากหินของอาสี่คิดขึ้น “โชคชะตา! นี่มันเป็นโชคชะตา! ดูเหมือนข้ากับเด็กคนนี้จะมีดวงชะตาบางอย่างไม่เช่นนั้นข้าคงไม่อาจผลักดันให้หวังหลินเข้าร่วมสำนักได้ ข้าได้ผลบุญจากการทำแบบนี้แล้ว! เรื่องนี้ต้องกลับไปคุยกับท่านจ้าวสำนักทีหลัง”
ถัดจากเขาเป็นชายวัยกลางคนใบหน้าเหลืองซีด เขาพยักหน้าและคิดขึ้น “ตอนที่ข้าทดสอบเด็กคนนี้ครั้งก่อน ข้าเห็นเขามีความเพียรพยายามดีมาก นั่นดูเหมือนเขาจะไม่ใช่คนปกติ ฮึ่ม! ถ้าเขาไม่ถูกซุนต้าซื่อขโมยตัวไป เขาอาจจะเป็นศิษย์ของข้า จางเหรินข่ายคนนี้”
จิตใจของหวังหลินแจ่มชัด เขาไม่ได้ลอยตัวจากคำชม แต่ฉุกคิดขึ้นได้ “กลับกลายเป็นว่าความแข็งแกร่งแบบนี้…เวลาทั้งหมดที่ข้าหลอกเขานั่น…เขาต้องคิดหาทางแก้แค้นข้าแน่…ข้าจะทำอะไรดี?!”
ดวงตาของแม่นางโจวเบิกกว้าง เธองุนงงที่หวังหลินซ่อนความแข็งแกร่งตัวเองไว้และจำได้ว่าเธอคิดว่าเขายังอยู่ระดับสามและพูดความรู้สึกทั้งหมดนั่นให้ฟัง ใบหน้าเธอขึ้นสี ‘หวังหลินคนนี้ความจริงแล้ว…เขาแข็งแกร่งมากแต่หลอกข้าว่าเขาอยู่ระดับสาม ข้าจะไปเอาคำตอบจากปากเขาให้ได้! ฮึ่มมมม!’
แม่นางซิ่วกระพริบตาปริบหลายครั้งขณะที่จ้องไปที่หวังหลิน จากนั้นก็มองไปที่หวังจัว ‘เขาจะเปรียบเทียบกับพี่หวังจัวได้ยังไง? ตอนนี้เป็นเวลาอวดฝีมือของพี่หวังจัวแต่เจ้าหวังหลินคนนี้แข็งแกร่งจริง! เขาส่งหัวหน้าศิษย์สำนักอื่นออกไปนอกสนามได้ ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่นั่นมันสามครั้ง! หวังหลินระบายความอัดอั้นของพวกเราทั้งหมด’
หนึ่งในศิษย์สายในหัวเราะขึ้นในใจและตรวจสอบเหล่าศิษย์รอบๆพลางคิดขึ้น ‘หวังหลินคนนี้ทำท่าเป็นหมูกินเสือตลอดเวลานี่นา พูดกันตรงๆ นอกจากข้าไม่เคยเยาะเย้ยเขามาก่อนหรือก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกแย่ ฮี่ฮี่ ข้าคงได้เห็นการแสดงดีดีจากเหล่าคนที่เคยเยาะเย้ยเขามากแน่ๆ’
หนึ่งในศิษย์สายในที่เยาะเย้ยหวังหลินมามากคิดขึ้น ‘จบสิ้นแล้ว! ข้าเคยชี้และหัวเราะเขาหลายครั้ง แต่ตอนนี้เขาสามารถสังหารข้าด้วยนิ้วเดียว! ระดับฝึกตนสูงเกินไปแล้วแต่ข้ายังแกล้งทำเป็นอ่อนแอ! น่าละอายเกินไป! โถ่เอ้ย! หวังหลินยังมีชื่อที่พวกศิษย์สายนอกเรียกกันว่าหวังใจดำ ข้าควรไปสนับสนุนเขา….’
ศิษย์คนอื่นที่เคยเยาะเย้ยหวังหลินต่างมีสีหน้าเคร่งเครียด ‘หวังหลินคนนี้ต้องเป็นคนฉลาดเยือกเย็น นั่นต้องเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาไม่ตอบโต้เมื่อถูกข้าเยาะเย้ย! เรื่องนี้เหมือนกับสุนัขกัดคน คนก็ไม่กัดสุนัขกลับหรอก ใช่แล้ว! มันต้องเป็นแบบนี้แน่! พี่หวังหลินเป็นอัจฉริยะ ทำไมเขาจะมารำคาญคนเช่นข้ากันหล่ะ?’
ผู้อาวุโสอันดับสามของคลังสมุนไพรสูดลมหายใจอันหนาวเหน็บ ปรากฎใบหน้ายุ่งเหยิงขณะคิดขึ้น ‘นี่มันแย่แล้ว ข้าได้ยินมาว่าไอ้เด็กคนนี้กับหวังเฮ่าเป็นญาติกันและมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก…จะทำอย่างไรดี? ถ้าหากเป็นสามวันก่อนข้าคงนำหวังเฮ่าไปและไม่โกรธเคืองเขา แต่ตอนนี้…อาาาา หวังเฮ่ากลายเป็นแบบนั้นเสียแล้ว ถ้าหวังหลินออกไปค้นหาหวังเฮ่านั่นหมายความว่าข้าต้องเผชิญกับความโกรธเกรี้ยวของเขา…หวังเอ่าไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้! ถ้าข้านำเขาออกไป เมื่อนั้นหวังหลินอาจจะกลับมาแก้แค้นข้า! หลังการประลองนี้จบลงข้าจะไปฆ่าเขาและหลอกว่าหวังเฮ่าตายจากอะไรสักอย่าง!’
หลิวโม่วก้มหัวลงต่ำและมองไปที่ชุดสีม่วงของเขา หัวเราะอย่างขมขื่นและคิดขึ้น ‘ศิษย์สายในของสำนักเหิงยั่วได้เปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ หวังหลินผู้นี้ไม่ใช่หมู แผนของเขาลึกล้ำมาก อาจจะเป็นไปได้ว่าเขาเก็บซ่อนพลังฝึกตนมาก็เพื่อวันนี้ ฮ่าฮ่า ข้ากลัวเหลือเกินว่าชื่อเสียงของหวังหลินจะกระจายออกไปในโลกของผู้ฝึกเซียนแคว้นจ้าวในไม่ช้า ข้าต้องเป็นมิตรกับเขาและไม่สร้างศัตรู!’ เมื่อคิดเช่นนี้เขาจึงตัดสินใจที่จะทำดีกับหวังหลินในอนาคต
ใบหน้าจางขวงเต็มไปด้วยความขมขื่น เมื่อตอนที่เขาได้น้ำพลังปราณ เขาแค่คิดว่ามันเป็นน้ำที่มีพลังปราณเยอะมากจริงๆ แต่กลับไม่ได้ออกไปหาหวังหลินด้วยตัวเอง