Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 551

Cover Renegade Immortal 1

551. ธุรกิจ

“มีเซียนอีกสองคนในเมืองปิศาจโบราณนอกจากข้า ทั้งสองคนนี้มีหนึ่งคนระดับแปลงวิญญาณชั้นต้น ดังนั้นจึงไม่อาจช่วยได้มากนัก มีเพียงหวังหลินคนนี้เท่านั้นที่สามารถอดทนต่อหมัดที่เจ็ดของแม่ทัพปิศาจได้ซึ่งควรจะแข็งแกร่งเพียงพอ…เขามีนิสัยเย็นชา ดังนั้นหากไร้รางวัลจูงใจ ข้ากลัวว่าการให้เขามาช่วยข้าก็คงยากมาก…”

เหยาซีเชว่ครุ่นคิดเล็กน้อยและพบันสะบัดแขนเบื้องหน้า ลำแสงสีขาวปกคลุมตั้งแต่คอลงไปและร่างกายถูกซ่อนไว้ภายใต้ชุดราตรีสีขาว

หวังหลินบ่มเพาะข้างในค่ายทหารเกราะดำอย่างต่อเนื่อง หลังจากดูดซับปราณปิศาจของเหล่าทหารปิศาจมากกว่าห้าร้อยนายรวมถึงหัวหน้ากองพันซุน ผลึกปิศาจในร่างหวังหลินจึงทะล่วงผ่านระดับหนึ่งพันไปเรียบร้อยตอนที่เขารวมปราณปิศาจทั้งหมด

การดูดซับปราณปิศาจด้วยผลึกปิศาจระดับหนึ่งพันขึ้นถือได้ว่ารวดเร็วกว่าก่อนหลายเท่า

หวังหลินไม่ได้สนใจเรื่องราวภายในค่ายทหารเลย เขาใช้เวลาทั้งหมดดูดซับปราณปิศาจเพื่อเตรียมตัวทะลวงขั้นแปลงวิญญาณระดับปลาย

ณ วันนี้หวังหลินกำลังบ่มเพาะฝึกฝนทว่าพลันลืมตาขึ้นและท่าทางเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

“สหายเซียนหวัง คืนนี้ยามเที่ยงคืนพบข้าที่ภูเขาโบราณห่างจากค่ายทหารไปหนึ่งพันลี้ ข้าเหยาซีเชว่!”

น้ำเสียงของเหยาซีเชว่ดังก้องภายในวิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินราวกับหมอกควัน

หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะหลับตาและฝึกฝนต่อไป

ณ เวลาเที่ยงคืนบนภูเขาโบราณห่างจากค่ายทหารหนึ่งพันลี้ เหยาซีเชว่ยืนอยู่ที่ยอดภูเขาด้วยชุดราตรีสีขาวและรออย่างเงียบเชียบ เวลาผ่านไปอย่างช้าๆและแม้กระทั่งพระอาทิตย์ปรากฏขึ้นเหนือเส้นขอบฟ้า หวังหลินก็ยังไม่ปรากฏตัว

เหยาซีเชว่มีสีหน้าเยือกเย็นขณะพ่นลมหายใจเย็นเฉียบ จากนั้นร่างเปลี่ยนเป็นลำแสงสีขาวและพุ่งตรงไปที่ค่ายทหารของหวังหลิน นางมาถึงด้านนอกค่ายทหารในเวลาไม่นานและเคลื่อนที่พริบตาเข้าไปข้างในตรงๆ ค่ายกลที่ล้อมรอบค่ายไม่มีผลต่อนาง นอกจากนั้นแล้วนางก็ยังเป็นผู้บังคับบัญชาเช่นเดียวกัน

ภายในค่ายทหาร ทหารปิศาจหลายนายกำลังฝึกฝนค่ายกลภายใต้คำสั่งของหัวหน้ากองพันที่ตนเองสังกัด การปรากฏตัวของเหยาซีเชว่ทำให้ทหารปิศาจทุกนายจับความสนใจ

นางเคลื่อนไหวรวดเร็วมากและเหาะเหินตรงไปที่เจดีย์ซึ่งมีหวังหลินอยู่ข้างใน

ด้านนอกเจดีย์ ฉือซานพลันลืมตาตื่นและยืนขึ้น เขามองเหยาซีเชว่ที่กำลังเหาะเหินมาทางนี้อย่างเยือกเย็น

ฉือซานตะโกน “ผู้เข้ามา จงหยุด!”

ใบหน้าเหยาซีเชว่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง นางพ่นลมหายใจเย็นเฉียบและแทนที่จะชะลอตัวลงกลับเหาะเหินเร็วขึ้น

ในจังหวะนั้นหัวหน้ากองที่อยู่ข้างนอกทั้งหมดต่างพุ่งเข้าหาเจดีย์โดยไม่ลังเลเลย ด้านหลังพวกเขาเป็นทหารปิศาจที่ปลดปล่อยปราณปิศาจของตนและติดตามมาอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นเหยาซีเชว่ที่กำลังเข้ามาใกล้ ฉือซานคำรามออกมาขณะก้าวไปข้างหน้าและโยนหมัดออกไป

เหยาซีเชว่ชี้กลางอากาศโดยไม่มองฉือซาน ลำแสงโลหิตพุ่งออกมาและล้อมรอบฉือซานเอาไว้ทำให้เขาดูเหมือนกำลังสวมผ้าคลุมสีแดงโลหิต ทั้งร่างของฉือซานถูกแช่แข็งราวกับรูปปั้น

ขณะที่เหยาซีเชว่กำลังก้าวเข้าไปในเจดีย์ ทหารปิศาจเก้าพันนายที่พุ่งเข้ามา หนึ่งในหัวหน้ากองพันรีบตะโกนขึ้น “ผู้บัญชาการเหยา หยุด!”

ใบหน้าเหยาซีเชว่เต็มไปด้วยจิตสังหาร นางสะบัดมือที่ขาวเนียนราวกับหยกไปด้านหลัง ลำแสงสีโลหิตปรากฏขึ้นอีกเส้น ลำแสงนี้ล้อมรอบพื้นที่หนึ่งพันฟุตทันทีและทหารปิศาจที่กำลังพุ่งมาถูกหยุดเอาไว้ด้านนอก

“ข้ามีธุระส่วนตัวกับผู้บัญชาการหวังของพวกเจ้า อย่ารบกวน!” หลังกล่าวเช่นนั้นเหยาซีเชว่ก็เดินเข้าไปในเจดีย์

ขณะที่นางเดินเข้าไป สายลมอุ่นๆก็พัดผ่านมากระทบบนตัวนาง ใบหน้านางเปลี่ยนไปทันที ทั้งร่างเรืองแสงสีแดงโลหิตขึ้นทันทีและหายไปตอนที่สายลมผ่านไปเรียบร้อย

ร่างของฉือซานถูกสายลมปะทะใส่เช่นกันและเขาสั่นเทาทันทีพร้อมกับขยับเขยื้อนได้แล้ว เมื่อได้ยินเสียงของหวังหลินในโสตประสาท เขาจึงกลับไปนั่งลงอย่างเงียบๆตามเดิมโดยไม่ได้มองเหยาซีเชว่

“สหายเซียนเหยาอารมณ์ไม่ดีแน่นอน” เสียงของหวังหลินค่อยๆออกมาจากเจดีย์ ในน้ำเสียงไม่บ่งชี้ว่าอารมณ์ดีหรือโกรธเกรี้ยว

เหยาซีเชว่ยังคงใบหน้าเย็นชาขณะนางพ่นลมหายใจและเอ่ยขึ้น “ความโกรธของข้ามิอาจเทียบได้กับความหยิ่งยโสของสหายเซียนหวัง!” สิ้นคำนางเดินตรงไปอีกสามก้าว เปิดประตูและเข้าไปข้างใน

หน้าต่างข้างในเจดีย์ถูกปิดผนึกไว้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นจึงไม่มีแสงเล็ดลอดเข้าไปได้ ชั่วขณะที่ประตูถูกเปิด แสงอาทิตย์เจิดจ้าก็เข้าไปในเจดีย์

หวังหลินกำลังนั่งสมาธิอยู่ในความมืด ซ่อนการแสดงออกไว้ด้วย

หวังหลินเอ่ยด้วยความเย็นชา “เมื่อท่านเข้ามาที่นี่แล้ว หากไม่มีสิ่งใดทำให้ข้าสนใจก็อย่ากล่าวหาว่าข้าละเลยท่านหรอกนะ”

หวังหลินบรรลุถึงช่วงเวลาสำคัญในการบ่มเพาะและวางแผนปิดด่านฝึกตนหลายเดือนเพื่อหลอมปราณปิศาจในร่างให้บรรลุขั้นแปลงวิญญาณระดับปลาย ตอนนี้เขาถูกขัดจังหวะจึงเป็นธรรมดาที่จะไม่ให้นางเห็นหน้า

เหยาซีเชว่เอ่ยเย็นชา​ ”ตอนที่ข้าขอให้เจ้าไปพบกับข้าที่ภูเขาโบราณ ทำไมเจ้าไม่มา!?”

“ทำไมข้าต้องไป?” หวังหลินขมวดคิ้ว เขาเพียงแค่พบนางอยู่สองครั้งก่อนหน้านี้ เมื่อนับจำนวนครั้งแล้วนี่ก็เป็นครั้งที่สาม

เหยาซีเชว่ตกตะลึง ก่อนหน้านี้นางเต็มไปด้วยความโกรธจึงตรงมาที่นี่ ตอนนี้หวังหลินตอบโต้นางด้วยคำถาม นางไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

หลังขบคิดเล็กน้อย เหยาซีเชว่โค้งตัวและเอ่ยตอบ “เรื่องนี้ข้าวู่วามจนเกินเหตุและหวังว่าสหายเซียนหวังจะไม่ถือสาหาความ ข้ามาที่นี่เพราะข้าจำเป็นต้องให้สหายเซียนหวังช่วยบางอย่าง”

“เรื่องอะไร?” หวังหลินพูดสั้นๆได้ใจความ เขาไม่ต้องการเสียเวลากับนางมากเกินไปเพราะตอนนี้เขาอยู่ในช่วงวิกฤตของการหลอมปราณปิศาจในร่าง

เหยาซีเชว่ชี้ด้านหลังนางและปิดประตูทันที จากนั้นแสงสีแดงก็ล้อมรอบทั้งเจดีย์

“เรื่องสำคัญนี้เป็นความลับอย่างยิ่ง ดังนั้นข้าจึงต้องระมัดระวัง ข้าหวังว่าสหายเซียนหวังจะไม่เก็บมาคิดมาก!” ตอนนี้เหยาซีเชว่จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือดังนั้นนางจึงระงับอารมณ์ของตัวเองไว้

หวังหลินตอบท่าทีสงบนิ่ง “ไม่มีปัญหา!”

เหยาซีเชว่ครุ่นคิดและเอ่ยออกมา “มีกฏเกณฑ์หนึ่งที่ข้าไม่สามารถทำลายได้ด้วยตัวเอง หากสหายเซียนหวังช่วยข้า เมื่อกฏเกณฑ์พังทลายไปแล้ว ข้าจะตอบแทนรางวัลอย่างงามแน่นอน!”

หวังหลินขบคิดและเอ่ยช้าๆ “ตอนนี้ข้ามีเรื่องสำคัญต้องจัดการ ดังนั้นข้าไม่สามารถช่วยท่านทำลายกฏเกณฑ์ได้ ข้าวังว่าสหายเซียนหวังจะให้อภัย!”

ความจริงแล้วตอนนี้เขาไม่มีเวลา แม้จะมีเวลาหวังกลินก็ไม่ตอบตกลงง่ายๆ นอกจากนั้นแล้วเขาไม่มีความสัมพันธ์กับเหยาซีเชว่และหากนางไม่สามารถทำลายได้ด้วยระดับบ่มเพาะของนาง หวังหลินก็ไม่เชื่อว่าตัวเขาจะช่วยได้มากนัก

อีกทั้งส่วนสำคัญที่สุดก็คือคำพูดของนางกว้างมากและมีช่องว่างมากมาย ซึ่งทำให้หวังหลินไม่ต้องการช่วยนางและไม่มีเหตุผลให้ช่วย

ตอนที่เหยาซีเชว่ตัดสินใจขอหวังหลินให้ช่วยเหลือ นางรู้อยู่แล้วว่าเขาจะไม่ตอบตกลงง่ายๆ ดังนั้นนางจึงไม่ยอมแพ้และเอ่ยต่อ “ระดับบ่มเพาะของสหายเซียนหวังอยู่ที่ขั้นแปลงวิญญาณระดับกลาง หากท่านต้องการบรรลุระดับปลายจึงจำเป็นต้องการหยกสวรรค์จำนวนมหาศาล และหากท่านอยากก้าวเข้าสู่ขั้นเทวะก็ยิ่งต้องใช้มากเกินจินตนาการ นี่เป็นเพียงแค่การเพิ่มระดับบ่มเพาะของท่าน การที่ต้องใช้เวลาห้าร้อยปีที่นี่ท่านต้องมีหินหยกจำนวนมากมายเตรียมการไว้เพื่อใช้งาน ข้าเชื่อว่าหินหยกสวรรค์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับสหายเซียนหวังในตอนนี้ ข้าสงสัยว่าสหายเซียนหวังมีพอหรือไม่? หากไม่ข้าก็สามารถช่วยได้!”

หวังหลินลืมตาขึ้นในห้องมืด มีดวงตาหนึ่งคู่ส่องประกายราวกับดวงจันทรามองมาที่เขา เขามองเหยาซีเชว่กลับไปและเอ่ยถาม “ท่านจะให้ข้าได้แค่ไหน?”

เหยาซีเชว่เผยรอยยิ้ม นางไม่กลัวที่จะให้หวังหลินราคาสูงเกินไปแต่หวังหลินไม่ได้สนใจอะไรเลยมาก่อน ตอนนี้ที่หวังหลินถามขึ้นมา นางจึงมั่นใจว่าจะสามารถทำให้เขาพอใจ

เหยาซีเชว่เอ่ยตอบ “ข้าสามารถให้สหายเซียนได้พอจนบรรลุขั้นเทวะระดับต้น!”

สายตาหวังหลินส่องสว่างขึ้น คำพูดของเหยาซีเชว่ทำให้หวังหลินสนใจ ตอนนี้เขาต้องการหินหยกสวรรค์จริงๆ หากเขามีพอก็จะสามารถบรรลุขั้นแปลงวิญญาณระดับปลายได้และไม่ต้องดูดซับปราณปิศาจที่ยากจะเก็บเกี่ยวได้

สิ่งที่นางพูดเป็นเรื่องจริง แม้หวังหลินจะมีหินหยกสวรรค์เพียงพอจนบรรลุระดับปลายได้ฉิวเฉียด หากเขาใช้มันทั้งหมดตอนนี้ เมื่อตอนได้รับบาดเจ็บหรือเสียปราณสวรรค์ไปในเวลาที่เหลืออีกห้าร้อยปี หวังหลินนับว่าเสียเปรียบมหาศาล

หวังหลินคิดเรื่องนี้มาก่อนแล้วซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำไมตอนนี้เขาถึงไม่ได้ดูดซับพลังจากหินหยกก้อนใดเลย แต่กลับรวบรวมปราณปิศาจเพื่อรวมเข้ากับพลังปราณสวรรค์แทน เพื่อที่จะได้เก็บหินหยกสวรรค์ไว้ใช้ในตอนสุดท้าย

หวังหลินคิดไว้ว่าเมื่อเขาบรรลุขั้นแปลงวิญญาณระดับปลายสูงสุด เขาจะนำทหารปิศาจออกไปข้างนอกและบุกปล้นเซียนทุกคนที่เขาเจอเพื่อหินหยกสวรรค์!

เหยาซีเชว่รีบพูด “ว่าอย่างไร? หากสหายเซียนหวังตกลง ข้าจึงสามารถให้หินหยกสวรรค์เจ้าเพียงพอจนบรรลุขั้นแปลงวิญญาณระดับปลาย ส่วนที่เหลือข้าจะให้ทันทีหลังจากที่เรากลับมา!”

หวังหลินครุ่นคิดสักพักและถามต่อ “มันเป็นกฏเกณฑ์แบบไหนกัน?”

“ข้าไม่รู้จักชื่อกฏเกณฑ์ แต่เมือมันกระตุ้นจะสร้างกฏเกณฑ์กงล้อหมุนที่มีผนึกกฏเกณฑ์ทั้งสิ้น 18 ผนึก ข้าสามารถทะลวงถึงผนึกที่ 11 เท่านั้นแต่ข้าเชื่อว่าด้วยความช่วยเหลือของท่านจะสามารถทำลายได้ทั้งหมด!”

สิ่งที่เหยาซีเชว่กล่าวส่วนใหญ่เป็นความจริงแต่มีสิ่งสำคัญมากที่นางไม่ได้พูดถึง การทำลายกฏเกณฑ์นี้สำคัญถึงความเป็นตาย หากทำลายได้ก็รอด แต่หากล้มเหลว ท่านก็ตาย!

นางล้มเหลวไปสี่ครั้งนั่นหมายความว่านางตายไปสี่ครั้งและกลืนเม็ดยาวิญญาณโลหิตอันทรงคุณค่าที่พ่อของนางเสี่ยงชีวิตได้มาไปสี่เม็ด!

มีเม็ดยานี้เพียง 13 เม็ดเท่านั้นและส่วนใหญ่อยู่ในมือนาง!

หวังหลินขบคิด จากนั้นดวงตาหรี่แคบและเอ่ยถาม “กฏเกณฑ์นี้ตั้งอยู่ที่ไหน?”

เหยาซีเชว่ครุ่นคิดและตอบกลับไป “ข้าไม่อาจกล่าวได้มากกว่านี้จนกว่าสหายเซียนหวังจะตกลง ข้าบอกท่านได้แค่ว่ามันจำเป็นต้องมีสมบัติพิเศษเพื่อเข้าไปที่นั่น ตอนนี้ยังไม่มีใครนอกจากข้าที่สามารถเข้าไปได้!”

‘แม้นางจะปิดบังข้อมูลจำนวนมากจากข้า หินหยกสวรรค์เองก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับข้าในตอนนี้ หากมีหินหยกสวรรค์เพียงพอข้าสามารถบรรลุขั้นแปลงวิญญาณระดับปลายได้ในช่วงเวลาอันสั้น แม้การบรรลุขั้นเทวะจะจำเป็นต้องรู้แจ้งเรื่องสวรรค์มากกว่านี้ ด้วยหินหยกสวรรค์ข้าจะไม่มีสิ่งใดให้กังวล! แต่ว่าข้าไม่สามารถสัญญากับนางได้ง่ายๆ ข้าต้องเห็นว่านางปิดบังอะไรเอาไว้!’ หวังหลินครุ่นคิดและส่ายศีรษะ

“ข้าต้องขอเวลาคิดเรื่องนี้สักพัก ข้าจะให้คำตอบกับท่านในอีกสี่เดือน!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!