552. เม็ดยาวิญญาณโลหิต
คิ้วเรียวงามของเหยาซีเชว่ขมวดเป็นปม นางรู้สึกว่าข้อเสนอของนางดีอยู่แล้วและนางจริงใจที่สุด นางพูดเรื่องที่จำเป็นต้องพูดไปหมดแล้วและให้รางวัลอย่างงาม นางหักระงับอารมณ์ของตัวเองเอาไว้เพราะจำเป็นต้องให้เขาช่วย
ทว่าหวังหลินยังจำเป็นต้องชะลอเรื่องนี้ออกไปก่อนและนั่นทำให้นางรู้สึกร้อนใจ
อย่างไรก็ตามหากไร้การช่วยเหลือของเขา นางคงต้องรอจนกว่าบรรลุขั้นเทวะได้จึงจะสามารทำลายกฏเกณฑ์ไปได้ แม้ว่านางไม่ได้ขาดแคลนหินหยกสวรรค์แต่นางยังต้องรู้แจ้งสวรรค์ก่อนเป็นอันดับแรก การรู้แจ้งสวรรค์อาจจะใช้เวลาสั้นหรือยาวนานไม่มีใครรู้ได้แน่ชัดจนกว่าจะถึงเวลา
อีกทั้งนางไม่สามารถยอมให้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่รู้เรื่องสถานที่แห่งนั้นไม่เช่นนั้นมันจะเป็นจุดเริ่มต้นหายนะ นางขบคิดเรื่องนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า หวังหลินเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด! เมื่อเห็นร่างปิศาจของหวังหลินตอนที่สู้กับแม่ทัพปิศาจจึงทำให้นางมั่นใจว่านางจะสามารถทำลายกฏเกณฑ์ด้วยการช่วยเหลือของเขาได้
เหยาซีเชว่มองหวังหลินและเริ่มคิด นางคิดกลับไปว่าหวังหลินพูดอะไรไว้ก่อนหน้านี้และดูเหมือนเข้าใจความหมายของเขาอยู่บ้าง สี่เดือนที่หวังหลินขอมาเพียงพอให้นางให้รางวัลเพิ่ม
นางรู้สึกสบประมาทและเป็นธรรมดาที่น้ำเสียงจะเย็นชายิ่งกว่าเดิม “ท่านต้องการอะไรอีก? หินหยกสวรรค์มากกว่านี้? สมบัติ? วิชาเซียน?”
หวังหลินไม่ได้คิดมากเรื่องน้ำเสียงนางและเอ่ยตอบอย่างสงบ “ข้าไม่สนใจเรื่องสมบัติหรือวิชาเซียน แปลงพวกมันเป็นหินหยกสวรรค์มากกว่านี้จะดีที่สุด!”
จิตใจภายในเหยาซีเชว่ยิ่งรู้สึกโดนดูถูกขึ้นไปอีกและนางเอ่ยตอบ “ถ้ำโลหิตของพ่อข้ามีหินหยกสวรรค์จำนวนมาก ข้าจะให้ป้ายสิทธิ์กับท่านและเมื่อออกไปจากดินแดนวิญญาณปิศาจ ท่านก็ไปเก็บเกี่ยวด้วยตัวเองได้เลย!”
หวังหลินพยักหน้า “นั่นก็ดี แต่เรื่องนี้อันตรายมาก ดังนั้นข้ายังต้องขอเวลาคิดอีก”
ใบหน้าเหยาซีเชว่เปลี่ยนเป็นเฉยชาและนางถามทันที “ท่านยังต้องคิดอีกนานแค่ไหน!?”
หวังหลินตอบ “ราวๆสามเดือน!”
“เจ้า!” เหยาซีเชว่เดือดดาล นางสะบัดแขนเสื้อทำให้ประตูเปิดออกก่อนจะหันกลับไปและเดินไปที่ประตู
หวังหลินพูดด้วยท่าทีสงบ “ข้าไม่ส่งท่านนะ!”
เหยาซีเชว่ก้าวเดินออกไปนอกเจดีย์ได้ครึ่งก้าวก็พลันสูดหายใจลึก กัดฟันแน่นและสัมผัสกระเป๋านำยาขี้ผึ้งออกมา นางมองหวังหลินด้วยสายตาไม่แยแส “ข้าจะให้สิ่งนี้และท่านจะไปกับข้าในอีกสามวัน หากท่านยังไม่ตกลงก็จงลืมเรื่องนี้เสียเถอะ!”
หวังหลินหรี่ตาเล็กลงมองยาขี้ผึ้งในมือเหยาซีเชว่ ยาขี้ผึ้งนี้ดูธรรมดามาก ไม่มีสิ่งใดพิเศษ ทว่าขณะที่เขาทำการตรวจสอบมันต่อไปก็ยิ่งเห็นสัญลักษณ์หลายแถวสลักไว้บนยา
สัญลักษณ์นี้กระพริบด้วยความถี่ที่ตรงกับลมหายใจและการเต้นของหัวใจเหยาซีเชว่!
หวังหลินถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “นี่มันอะไร?”
เหยาซีเชว่ไม่ได้ซ่อนแววตาดูถูกและเอ่ยตอบ “ท่านกระทั่งไม่รู้ว่านี่มันคืออะไรงั้นหรือ? ก็ดี งั้นข้าก็คาดไปว่าท่านพึ่งกลายเป็นศิษย์ของเทียนหยุน นี่คือสิ่งพิเศษสำหรับพ่อข้าบรรพชนโลหิต มันเรียกกันว่าเม็ดยาวิญญาณโลหิต!”
“เม็ดยาวิญญาณโลหิต!” เป็นครั้งแรกที่หวังหลินได้ยินเรื่องเม็ดยานี้แต่ท่าทางเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลย เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหากเซียนบนดาวเทียนหยุนได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาทั้งหมดก็คุ้มคลั่งแน่ๆ
มูลค่าของเม็ดยานี้ไม่อาจประเมินค่าได้!
เหยาซีเชว่กล่าวอย่างเยือกเย็น “เม็ดยานี้ชื่อว่าวิญญาณโลหิต มันไม่ได้หมายถึงการกลืนกินแต่หมายถึงการประทับวิญญาณดั้งเดิมและเลือดเนื้อเอาไว้บนมันและสร้างการเชื่อมต่อกัน แม้วิญญาณของท่านถูกทำลายก็ยังเกิดใหม่ได้! กล่าวให้ถูกต้องก็คือมันสามารถให้ท่านตายได้หนึ่งครั้ง!”
ในที่สุดท่าทางหวังหลินก็เปลี่ยนไป เขาโบกแขนขวาทำให้เม็ดยาลอยออกจากฝ่ามือเหยาซีเชว่เข้ามาหาเขา
เหยาซีเชว่รู้อยู่แล้วว่าหวังหลินต้องการตรวจสอบมันด้วยตัวเอง ดังนั้นนางจึงไม่ได้ห้ามเขาและปล่อยให้เขาเอาเม็ดยาไป ขณะที่นางมองการกระทำของหวังหลิน นางก็เริ่มเยาะเย้ยเขาในใจ
แม้ว่านั่นจะเป็นเม็ดยาวิญญาณโลหิต แต่มันคือเม็ดที่ผิดพลาด!
เม็ดนี้เป็นสิ่งที่พ่อของนางสร้างขึ้นเพื่อป้องกันคนอื่นขโมย แม้มันจะบรรจุหยดโลหิตสีน้ำเงินเอาไว้แต่กลับมีสิ่งสกปรกจำนวนมากและพิษเอาไว้ด้วย นอกจากท่านพ่อและลูกสาวแล้วไม่มีใครสามารถบอกความแตกต่างระหว่างเม็ดยาของจริงและของปลอมออก
เป็นผลให้ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าจะมีใครขโมยมันไปได้!
หากตั้งความหวังไว้บนเม็ดยาผิดพลาดเม็ดนี้ นั่นหมายความว่าคนผู้นั้นโยนอีกครึ่งชีวิตไปทิ้งแล้ว!
หวังหลินถือยาขี้ผึ้งและสังเกตสัญลักษณ์ในนั้นได้ทันที ความถี่กระพริบพลันเปลี่ยนไปเพื่อตรงกับอัตราการเต้นหัวใจของเขา
เห็นได้ชัดว่าความถี่การกระพริบนี่ขึ้นอยู่กับใครที่ถือเม็ดยาในตอนนั้น
เมื่อถือเม็ดยานี้ หวังหลินสัมผัสถึงสายใยโลหิตอันแข็งแกร่งได้ มันเหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายซึ่งความรู้สึกนี้รุนแรงมาก
หวังหลินสูดหายใจลึก จากนั้นเงยศีรษะขึ้นมองไปที่เหยาซีเชว่และเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ส่งหินหยกสวรรค์ให้ข้า!”
เหยาซีเชว่นำกระเป๋าออกมาและโยนให้หวังหลิน “นี่เพียงพอให้ท่านบรรลุขั้นแปลงวิญญาณระดับปลาย ข้าจะให้ส่วนที่เหลือเมื่อเรากลับมา! อีกสามวันมาเจอข้าที่ภูเขาโบราณตอนเที่ยงคืน!”
หวังหลินขบคิดเล็กน้อย หลังจากนั้นสักพักเขาก็ค่อยๆตอบ “ตกลง!”
เหยาซีเชว่ยิ้มออกมาและจากไป นางไม่กลัวหวังหลินจะเอาของมาและจากไป นางไม่สนใจเรื่องหินหยกสวรรค์และแม้แต่เม็ดยาก็ยังสนใจน้อยกว่า
สายตาหวังหลินยังจับจ้องบนเหยาซีเชว่จนกระทั่งนางออกไปไกล หวังหลินถอนสายตาและเริ่มคิด
“สตรีคนนี้ไม่กังวลอะไรเลยจริงๆ อีกทั้งไม่กลัวว่าข้าจะทำลายสัญญา…แต่ว่ามันต้องมีเหตุผลที่นางไร้กังวลขนาดนั้น ข้าเดาว่านางไม่สนใจเรื่องหินหยกสวรรค์เลย การที่นางยกให้มากมายในครั้งเดียวนั้นข้าเดาว่าพ่อของนางที่เป็นบรรพชนโลหิตต้องมีหินหยกสวรรค์จำนวนมาก”
“อย่างไรก็ตามเม็ดยาวิญญาณโลหิตนี้แปลกประหลาดเล็กน้อย หากเม็ดยานี้เป็นของจริงตามที่นางพูด ไม่มีทางที่จำมีอยู่มากนักเพราะมันควรเป็นของหายาก ข้ากลัวว่ามันคงเปรียบได้กับวิชาเทพของจริง!”
“การที่จะให้ข้าช่วยเหลือ นางถึงกับต้องยกเม็ดนึงให้ หากข้าเป็นนางและยกให้ใครสักคน ข้าจะต้องทำอะไรบางอย่างกับมั่นแน่นอน”
หวังหลินเผยอาการเยาะเย้ยและพึมพำ “เหยาซีเชว่ หากเจ้าไม่ห่วงอะไรเลย ข้าสงสัยเจ้ามากที่สุดแต่ตอนนี้ข้ามั่นใจว่าเม็ดยาวิญญาณโลหิตต้องมีปัญหาบางอย่างแน่นอน!”
สายตาหวังหลินสว่างวาบขณะตบกระเป๋าและนำธงวิญญาณธรรมดาออกมา เขาสะบัดธงและตะโกน “เฉาอีโต่ว!”
หมอกสีดำออกมาจากธงวิญญาณอย่างรวดเร็วและก่อร่างเป็นคนผู้หนึ่ง!
คนผู้นี้คือผู้นำทางที่หวังหลินพบด้วยตัวเอง เฉาอีโต่ว!
เมื่อเฉาอีโต่วปรากฏตัว เขาหมอบกราบบนพื้นและกล่าวอย่างเคารพยกย่อง “ขอคำนับนายท่าน!”
หวังหลินไม่ต้องการเสียเวลาและเอ่ยถามทันที “เจ้ารู้จักบรรพชนโลหิตไหม?”
เมื่อเฉาอีโต่วได้ยินชื่อ ‘บรรพชนโลหิต’ อาการก็เปลี่ยนไปทันที เขาใช้เวลาอยู่นานกว่าจะฟื้นคืนขึ้นมาได้และเอ่ยตอบ “ข้ารู้ว่าชื่อเสียงของบรรพชนโลหิตเป็นสิ่งที่เซียนทุกคนบนดาวเทียนหยุนรู้ทราบ! ข่าวลือว่าเขาประลองกับเทียนหยุนเจ็ดครั้งและแม้จะพ่ายแพ้ทุกครั้ง ระดับบ่มเพาะของเขาก็แข็งแกร่งมากกว่าเดิมทุกครั้งไป ยังมีข่าวลืออีกว่าเขาเป็นคนที่ทรงพลังมากที่สุดอันดับสามบนดาวเทียนหยุนรองจากเทียนหยุนและหลิงเทียนโฮว แม้นั่นจะเป็นเพียงแค่ข่าวลือแต่ก็แสดงให้เห็นว่าระดับบ่มเพาะของเขาแข็งแกร่งแค่ไหน!”
หวังหลินขบคิดเล็กน้อยและถามต่อ “เจ้าเคยได้ยินเม็ดยาวิญญาณโลหิตไหม?”
“เม็ดยาวิญญาณโลหิต!!!” เฉาอีโต่วตื่นเต้นทันที ระดับความตื่นเต้นที่เขาแสดงออกมายังมากกว่าตอนที่หวังหลินสัญญาจะให้ร่างแปลงวิญญาณเสียอีก
“นายท่าน เม็ดยาวิญญาณโลหิตนี้คือสิ่งที่ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสามยอดสมบัติบนดาวเทียนหยุน! เม็ดยานี้มีความสามารถในการฉกชิงสวรรค์เพื่อเปลี่ยนโชคชะตาโดยการทำให้เซียนฟื้นคืนชีพจากความตายได้! เม็ดยานี้เป็นของบรรพชนโลหิตเท่านั้น ไม่มีใครรู้ว่าเขาได้มันมาอย่างไร!” เฉาอีโต่วตื่นเต้นมากและเขาก็พูดเร็วมาก
หวังหลินแบมือออก ในมือขวามียาขี้ผึ้งที่กระพริบประหลาด
“เจ้ารู้ไหมว่านี่มันอะไร?”
เฉาอีโต่วตกตะลึงและมองยาขี้ผึ้งอย่างละเอียด หลังจากนั้นสักพักท่าทางก็เปลี่ยนไปมหาศาลขณะพึมพำกับตนเอง “ห่อหุ้มด้วยขี้ผึ้งที่สร้างจากอสูรกิ้งก่าขาวและมีสัญลักษณ์ทั้งสิ้น 3,614 จุดที่สลักเอาไว้ มันกระพริบตามความถี่ลมหายใจผู้ถือและให้ความรู้สึกว่าเป็นเลือดเนื้อของท่าน…นายท่าน ข้าพูดถูกไหม?”
หวังหลินพยักหน้าด้วยสีหน้าสงบนิ่ง!
เฉาอีโต่วระงับความตื่นเต้นในใจและกล่าวทันที “นายท่านโปรดหยดโลหิตลงไป!”
หวังหลินลังเลเล็กน้อยก่อนจะกัดปลายนิ้วและบิดโลหิตใส่เข้าไปหนึ่งหยด ขณะที่โลหิตตกลงบนยาขี้ผึ้งมันกระพริบแสงสีฟ้า แสงสีฟ้ากินเวลาสามลมหายใจก่อนจะเลือนหายไป
“สัญลักษณ์กระพริบบนขี้ผึ้งและหยดโลหิตเป็นแสงสีฟ้า! ใช่แล้วนี่มันเม็ดยาวิญญาณโลหิต!” เฉาอีโต่วตกตะลึงกับยาขี้ผึ้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความโลภ
หวังหลินมองเฉาอีโต่วด้วยใบหน้ามืดมนและเอ่ยถาม “เฉาอีโต่ว ด้วยระดับบ่มเพาะของเจ้าแล้ว เจ้าอยู่ตำแหน่งใดในสำนัก?”
ดูเหมือนเฉาอีโต่วไม่ได้ฟังหวังหลินเลย ตอนนี้ในดวงตามีสิ่งเดียวก็คือเม็ดยาวิญญาณโลหิต เม็ดยานี้สำคัญกับเขามาก เขาจำได้ว่าหากเอากินเม็ดยานี้ขณะที่เป็นวิญญาณ มันจะให้เขาควบแน่นร่างใหม่ขึ้นมา!
เมื่อมองท่าทางของเขา หวังหลินขมวดคิ้วและพ่นลมหายใจเย็นเฉียบ ลมหายใจเข้าไปในวิญญาณของเฉาอีโต่วและเหมือนกับน้ำเย็นราดเข้าใส่ ทำให้เขาเงียบขรึมทันที
หลังจากได้ยินคำถามของหวังหลิน เขาก็ตกตะลึงก่อนจะส่ายศีรษะอย่างขมขื่น “ไม่มีตำแหน่งสูง ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่ถูกสำนักซากศพส่งไปที่ดาวซูซาคุเพื่อครอบครองร่างใหม่หรอก”
ดวงตาหวังหลินสว่างวาบ “หากตำแหน่งเจ้าไม่สูง ทำไมเจ้าถึงรู้เรื่องเม็ดยาวิญญาณโลหิตดีนักจนแม้กระทั่งแยกความแตกต่างระหว่างของจริงกับของปลอมออกด้วยหรือ?“
เฉาอีโต่วตกตะลึงอีกครั้งและยิ้มอย่างระมัดระวัง “นายท่าน วิธีระบุเม็ดยาวิญญาณโลหิตเป็นสิ่งที่คนแทบทุกคนบนดาวเทียนหยุนรู้ มันไม่ใช่ความลับ…”
หวังหลินพยักหน้าขณะสะบัดธงและเรียกเฉาอีโต่วกลับไปข้างใน เขามองไปที่เม็ดยาวิญญาณโลหิตและท่าทางยิ่งมืดมนขึ้น
“หากมันมีค่าขนาดนี้ ทำไมวิธีแยกแยะเม็ดยาถึงได้กระจายออกวงกว้างและยืนยันว่าเป็นของจริงเล่า? ต้องมีแรงจูงใจซ้อนเร้นบางอย่างเบื้องหลังนี้แน่!”
“บรรพชนโลหิต ข้าไม่สงสัยเลยว่าเขาเป็นเซียนเฒ่าที่บ่มเพาะฝึกฝนมานาน เพียงขยับง่ายๆครั้งเดียวก็สลายวิกฤตเช่นสมบัติหายากได้ หากข้าเป็นเขาก็คงทำแบบเดียวกัน!” หวังหลินบีบเม็ดยาขี้ผึ้งในมือ ดวงตาเต็มไปด้วยความกระจ่างชัด