558. ย้อนรอยสวรรค์ 3
ในจังหวะนั้นแสงสีทองเข้ามาปะทะกับค่ายกลโลหิตบนฝ่ามือ
เสียงดังทุ้มต่ำขึ้นพร้อมกับค่ายกลโลหิตพังทลายและจุดแสงสีทองเข้าไปในร่างเหยาซีเชว่
เหยาซีเชว่ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ นางจึงกระอัดโลหิตคำโตออกมา ปราณสวรรค์ในร่างเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่งเพื่อต่อสู้กับแสงสีทองที่เข้ามาในร่างกาย
เมื่อแสงสีทองเข้ามา มันทำให้เส้นชีพจรและเลือดเนื้อได้รับความเสียหายอย่างมาก มีเพียงแค่ใช้ปราณสวรรค์เท่านั้นที่สามารถทำให้มันหยุดได้ซึ่งทั้งสองต่างต่อต้านกันเอง!
“หากทั้งเจ้าและชายคนก่อนหน้านี้ไม่ตาย นั่นก็หมายความว่าเจ้าเหมาะสมที่จะเข้าไปในถ้ำ!” เสียงชายวัยกลางคนดังขึ้นมาอย่างสงบนิ่งราวกับแม่น้ำ
หลังจากเหยาซีเชว่ได้ยินเช่นนี้ นางนั่งสมาธิลงและเพ่งความสนใจทั้งหมดในการต่อต้านแสงสีทองในร่างกายโดยไม่รับรู้ถึงสายตาเย็นชาที่กำลังมองมาหานาง
การต่อต้านแสงสีทองของนางกำลังอยู่ในช่วงจังหวะวิกฤต เงาร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากความว่างเปล่าด้านล่างแท่นราวกับอุกกาบาต
ร่างนี้สวมหมวกฟาง เคลื่อนไหวเร็วดั่งสายฟ้าและมาถึงแท่นยืนในพริบตา เขายื่นมือออกมาโดยไม่หยุดชะงักและกระเป๋าของเหยาซีเชว่ลอยขึ้น ในเวลาเดียวกันนั้นฝ่ามือเขาก็ชี้ออกไประหว่างคิ้วของเหยาซีเชว่
ในจังหวะเดียวกัน เหยาซีเชว่ลืมตาขึ้นทันทีและเต็มไปด้วยอาการตื่นตกใจ นางต้องการหลบเลี่ยงแต่นางไม่เร็วพอดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่มองดัชนีร่อนลงระหว่างคิ้วของนาง
พลังทำลายล้างสายหนึ่งพุ่งเข้ามาผ่านจุดระหว่างคิ้วและเคลื่อนผ่านเส้นชีพจร ทำลายทุกสิ่งที่ขวางทาง
ในเวลาเดียวกันปราณสวรรค์ที่หลงเหลืออยู่น้อยนิดในร่างของนางถูกพลังทำลายล้างให้กระจายออกไป ต้องขอบคุณพลังสายนี้และพลังปราณกระบี่ที่พึ่งโจมตีเมื่อครู่ เหยาซีเชว่จึงกระอักโลหิตออกมาและถูกโยนกลับไปสามสิบฟุต เมื่อนางถึงพื้น ควันสีเทาสายหนึ่งปรากฏระหว่างคิ้วแปรเปลี่ยนเป็นผนึกชีวิตและล้อมรอบทั้งร่างของนางเอาไว้
เหยาซีเชว่ไม่สามารถควบคุมโลหิตที่ออกมาจากมุมปากได้และตะโกนด้วยพลังทั้งหมด “หวังหลิน!”
“อยากตายหรือ? มันไม่ง่ายเช่นนั้น!” เสียงเย็นชาดังออกมาจากร่างนั้น ร่างสูงโปร่งถอดหมวกฟางออก เขาคือหวังหลิน!
เหยาซีเชว่เกิดอาการตกตะลึงอย่างรุนแรง การปรากฏตัวของหวังหลินอยู่นอกเหนือการคาดการณ์ของนางเรียบร้อย แม้เขาจะรอดก็ควรยังได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่ใช่ปรากฎตัวที่นี่แบบนี้
อีกทั้งนางได้กระจายสัมผัสวิญญาณออกมาก่อนหน้านี้กลับไม่พบร่องรอยเขา
หวังหลินมองเหยาซีเชว่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ถูกเขาวางแผนไว้อย่างลับๆ ตั้งแต่ที่เขาพบว่าที่นี่เป็นแท่นสุดท้าย เขาก็เริ่มวางแผนแล้ว
หวังหลินเสี่ยงใช้ตัวตนมารร้ายเพื่อหลอกลวงให้เหยาซีเชว่เชื่อว่าเขาใช้พลังเต็มที่ จากนั้นในจังหวะที่ปราณกระบี่เข้าสู่ร่างกายเขา หวังหลินสลายปราณสวรรค์ในร่างโดยไม่ลังเล
หวังหลินใช้เวลาสามวันที่อยู่ในค่ายทหารเพื่อแปลงหินหยกสวรรค์หนึ่งในสามที่ได้รับมาให้กลายเป็นผลึกสวรรค์เพื่อเอาไว้สร้างสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง
ตอนที่ผลึกสวรรค์แตกกระจาย ปราณสวรรค์จำนวนมากจึงถูกปลดปล่อย ปกติแล้วเมื่อปราณสวรรค์จำนวนมากเช่นนี้ถูกปลดปล่อยเขาจะต้องนั่งลงบ่มเพาะ หากมีสิ่งใดรบกวนเล็กน้อย เส้นชีพจรจะได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง
ทว่าตอนที่ปราณกระบี่เข้ามาในร่างกายเขา ปราณสวรรค์ได้ทำหน้าที่ในการต่อต้านปราณกระบี่ได้อย่างดีเยี่ยม
จากนั้นเขาก็แสดงละครตามแผนทันทีและใส่หมวกฟางของหยุนเซว่จื่อก่อนจะลอบโจมตีกลับมาที่แท่น!
หมวกฟางใบนี้บรรจุกฎเกณฑ์จำนวนมากเอาไว้และเมื่อพิจารณาว่าหยุนเซว่จื่อเป็นเซียนขั้นเทวะระดับกลาง สมบัติของเขาจึงทรงพลังอย่างมากเป็นธรรมดา ผลลัพธ์ประโยชน์ของหมวกใบนี้คือการซ่อนสัมผัสวิญญาณและหวังหลินเคยใช้มันหลายครั้งก่อนหน้านี้เพื่อให้ได้รับผลประโยชน์มหาศาล!
ไม่มีทางที่พวกเขาจะรับรู้หวังหลินได้เว้นแต่อีกคนจะบรรลุขั้นเทวะ!
เหยาซีเชว่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร!?
หวังหลินถือกระเป๋าของเหยาซีเชว่และเอ่ยอย่างเยือกเย็น “สหายเซียนเหยา ไว้พบกันอีกครั้ง”
แม้ว่าเขากำลังพูดกับเหยาซีเชว่ แต่สายตากวาดผ่านไปที่ชายกลางคนด้านหน้าประตูหิน
สายตาของชายวัยกลางคนยังสงบนิ่ง ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างด้านหน้าไม่มีตัวตน
เหยาซีเชว่กัดฟันกรอด “เจ้ามันคนน่ารังเกียจ!”
หวังหลินยิ้มบาง มีคนจำนวนมากที่สาปแช่งเขาแต่ผู้ชนะเป็นฝ่ายถูก ส่วนผู้แพ้เป็นฝ่ายผิด นี่คือกฏแห่งโลกของเซียนและหวังหลินจดจำมันไว้มาตลอด เขายิ้มขึ้น “สหายเซียนเหยาให้ยาเม็ดปลอมกับข้าและปิดบังเรื่องอันตรายในการเข้ามาที่นี่ ข้าเพียงแค่แก้แค้นเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องยกยอข้าหรอก!”
“หากพ่อข้ารู้เรื่องนี้ แม้จะเป็นศิษย์ของเทียนหยุน เจ้าก็จะตายแน่นอน! อีกทั้งข้ากระตุ้นเม็ดยาวิญญาณโลหิตไว้ก่อนที่จะมาที่นี่แล้ว!” เหยาซีเชว่ใบหน้าซีดเผือดไร้ร่องรอยโลหิต
“ทำไมข้าต้องสังหารเจ้าตอนที่เจ้ามีเม็ดยาวิญญาณโลหิตเพื่อฟื้นคืนชีพกันเล่า? การที่จะใช้มัน เจ้าต้องตายก่อน ดังนั้นข้าจะใช้วิชาเซียนเพื่อผนึกทั้งร่างเจ้าเอาไว้ ตอนนี้เจ้าไม่มีปราณสวรรค์หลงเหลืออยู่ในร่าง ข้าอยากเห็นว่าเจ้าจะตายอย่างไร!” หวังหลินยิ้มออกมา ภายในรอยยิ้มแฝงความชั่วร้าย
เหยาซีเชว่ใบหน้าซีดและร่างกายไร้กำลัง เป็นดั่งที่หวังหลินพูด นางไม่มีปราณสวรรค์หลงเหลืออยู่ในร่างและเส้นชีพจรแตกกระจาย ปกตินางคงตายเมื่อร่างกายเป็นแบบนี้ แต่ผนึกบนร่างของนางกำลังส่งคลื่นพลังชีวิตออกมาเพื่อบอกว่ายังรอดชีวิต กักขังนางในวงจรระหว่างชีวิตและความตาย
ชีวิตและความตายของนางถูกติดอยู่ในวงโคจรนี้!
“ข้าเพียงต้องการปิดผนึกเจ้าไว้ในที่ที่เจ้าสามารถอดทนต่อความโดดเดี่ยวหลายพันปีโดยที่ติดอยู่ระหว่างชีวิตและความตายแต่ไม่อาจตายได้ แม้เจ้าจะพยายามกัดลิ้นฆ่าตัวตายก็ไม่อาจทำได้เนื่องจากผนึกบนหน้าผากจะหยุดเจ้าเอง! ข้าอยากเห็นว่าเจ้าจะฟื้นคืนชีพด้วยเม็ดยาวิญญาณโลหิตอย่างไร!” หวังหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย และเมื่อมันถึงหูของเหยาซีเชว่ก็ทำให้ใบหน้านางเปลี่ยนไปมหาศาล!
ขณะที่หวังหลินกล่าวประโยคนั้นก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงตอนที่ระดับบ่มเพาะของตัวเองถูกบรรพชนเผ่ามารยักษ์ทำลายไปพร้อมกับเซียนของเฉว่ยี่ หลังจากเขากลายเป็นขยะไร้ค่าก็ถูกโจรโยนลงไปที่คุกวารี ที่นั่นเขาพบกับโครงกระดูกของสตรีที่ถูกผนึกไว้โดยไม่รู้ว่าผ่านมานานเท่าไหร่!
หวังหลินคิดกับตัวเอง ‘นี่คือวัฏจักรของทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้!’
เขาก้าวไปข้างหน้าและยืนอยู่เบื้องหน้าเหยาซีเชว่ จากนั้นยื่นแขนเข้าหาหน้าอกใหญ่ของนาง เหยาซีเซว่กัดริมฝีปาก สายตาเผยจิตสังหารเข้มข้นและความอัปยศ
สายตานี้ไม่มีผลอะไรต่อหวังหลิน ฝ่ามือเขายื่นเข้าหาตรงกลางระหว่างหน้าอกของนาง ขณะที่ค้นไปเขารู้สึกถึงสัมผัสเนียนนุ่มบนตัวนางได้ทันที
ต้องกล่าวว่าเหยาซีเชว่นั้นเป็นคนน่ารักที่หาได้ยากยิ่งและด้วยสถานะของนางก็เป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจด้วยเช่นกัน นางเป็นลูกสาวของบรรพชนโลหิต ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่จะอยู่เหนือกว่าทุกคน แต่มาวันนี้นางกลับตาลปัตรตกลงอยู่ที่นี่
หวังหลินเผยรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้มพร้อมกับบีบหน้าอกอันเนียนนุ่มของนาง เมื่อเขาถอนมือกลับมาจึงถือกระเป๋าอยู่สามใบ
สายตาอัปยศของนางรุนแรงมากเมื่อจ้องไปที่หวังหลินและขบฟันแน่น นางบ่มเพาะมานานหลายปีและยังรักษาร่างบริสุทธิ์ของตัวเองเอาไว้ นางไม่เคยใกล้ชิดกับชายใดมาก่อน!
หลังจากเก็บกระเป๋าไป หวังหลินจึงเอ่ยขึ้น “สหายเซียนเหยา เรามาทำข้อตกลงกันจะว่าอย่างไร?”
เหยาซีเชว่จ้องหวังหลินและไม่เอ่ยคำพูดอะไรสักคำ!
หวังหลินยิ้มเบาบาง “ข้าตั้งใจปิดผนึกเจ้าจนกว่าอายุขัยของเจ้าจะหมดลง แต่ในดินแดนวิญญาณปิศาจมีเวลาจำกัดอยู่ที่ห้าร้อยปี ดังนั้นข้าจะถามคำถามเจ้าและลดลงทุกห้าสิบปีต่อหนึ่งคำตอบ จะว่าอย่างไร?”
เหยาซีเชว่สูดหายใจลึกและขบคิดเล็กน้อย “ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าพูดความจริง?”
หวังหลินยักไหล่ “เจ้าไม่ต้องถาม!”
เหยาซีเชว่มองหวังหลินด้วยสายตาเย็นชาและพ่นลมหายใจ “ถามมา!”
“หากเจ้าโกหก แม้ว่าข้าอาจจะไม่รู้ตอนนี้ ในภายภาคหน้าเมื่อถึงตอนนั้นก็อย่าดุด่าว่าข้าไม่มาปลดปล่อยเจ้าจากผนึกซะหละ!”
“คำถามแรก ทำไมเจ้าถึงตั้งใจเข้ามาที่ถ้ำนี่?” หวังหลินฉลาดเลือกคำถามและครอบคลุมหลายอย่าง
เหยาซีเชว่หันศีรษะกลับมามองประตูหิน ชายวัยกลางคนอยู่ใต้ประตูหินยังมีใบหน้าสงบ
“ข้าเพียงต้องการเข้าไป ไม่มีเหตุผลอื่น!”
“เจ้ามาที่นี่ด้วยตัวเอง!” สายตาหวังหลินเปลี่ยนเป็นเย็นชาและฝ่ามือสร้างผนึกจนก่อเกิดเป็นกฎเกณฑ์ตกลงบนพื้นเพื่อสร้างวงกลมกฎเกณฑ์ หวังหลินสร้างกฎเกณฑ์มากขึ้นจนเวลาผ่านไปสักพักวงกลมกฎเกณฑ์บนพื้นก็เริ่มส่องแสงสีดำ
หวังหลินคว้าเหยาซีเชว่และโยนนางเข้าไปในวงกลม ฝ่ามือขวาสร้างผนึกและเอ่ยเสียงเบา “ปิดผนึก!”
เพียงคำเดียว วงกลมกฎเกณฑ์ก็หดลงอย่างรวดเร็วล้อมรอบเหยาซีเชว่ แทบในพริบตามันก็กลายเป็นทรงกลมกฎเกณฑ์ก้อนหนึ่ง!
หวังหลินโบกแขนทำให้ทรงกลมนั้นหดลงและลอยเข้าไปในกระเป๋า
หลังเสร็จเรื่องทั้งหมดนี้ หวังหลินหันกลับมาหาชายวัยกลางคนเบื้องหน้าประตูหินและเอ่ยขึ้น “ข้ามีคุณสมบัติพอจะเข้าไปแล้วใช่ไหม”
ชายวัยกลางคนยังมีใบหน้าสงบนิ่ง “เจ้าทั้งสองต้านทานการโจมตีสามปราณกระบี่ด้วยกัน ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่เจ้าจะมีคุณสมบัติพอจะเข้าไปได้ แต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในถ้ำได้ถูกนายท่านผนึกเอาไว้ ดังนั้นหากเจ้าไม่สามารถเปิดผนึกได้มันก็ไร้ประโยชน์”
หวังหลินไม่ได้รีบเร่งแต่ครุ่นคิดเล็กน้อยและถามออกมา “มันคือถ้ำอะไร?”
“ถ้ำของนายท่าน!”
“ใครคือนายท่านของเจ้า?”
“นายท่านก็คือนายท่าน เจ้าหมายความว่าอะไรว่าใครคือนายท่าน!?”
หวังหลินมองชายกลางคน หลังขบคิดสักพักจึงเอ่ยถามอีก “สัญลักษณ์จากสิบเอ็ดแท่นก่อนหน้านี้คืออะไร?”
ชายกลางคนเอ่ยเบาๆ “เป็นวิชาป้องกัน แต่หลังจากนายท่านผนึกถ้ำนี้มันจึงไม่เป็นส่วนการควบคุมหลักอีกต่อไป ดังนั้นมันจึงสูญเสียพลังไปมาก ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าทั้งสองคงไม่สามารถมาถึงตรงนี้ได้!”
ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้นและถามต่อ “หากใครคนอื่นสามารถทนต่อการโจมตีสามปราณกระบี่ได้ขณะที่ข้าอยู่ข้างใน พวกเขาจะได้เข้าไปในถ้ำด้วยไหม?”
“หากเจ้าสามารถทำลายผนึกหนึ่งอย่างข้างในถ้ำได้ เจ้าก็จะได้รับสิทธิ์ในการเข้าถ้ำ หลังจากนั้นถ้ำจะปิดผนึกโดยอัตโนมัติและไม่ยอมให้ใครคนอื่นเข้าไปข้างในเว้นแต่ว่าเจ้าจะตาย”
หวังหลินถามอีกครั้ง “ถ้ำแห่งนี้คงอยู่มานานหลายปี มีคนอื่นที่เข้ามาที่นี่มาก่อนงั้นหรือ?”
“ใช่ แต่พวกเขาตายกันหมดแล้ว!”
“ข้าจะออกจากที่นี่ได้อย่างไร?”
“ทำลายหนึ่งผนึกและเจ้าก็จะสามารถออกไปจากที่นี่ได้!”
หวังหลินขบคิด เขารู้ว่าหากถามมากกว่านี้ วิญญาณปกป้องถ้ำคงไม่เอ่ยความจริงอีก หวังหลินหยุดถามและเดินเข้าไปในประตูหิน!
สิ่งที่ปรากฎด้านหน้าหวังหลินหลังจากเข้าไปในประตูหินคือกลุ่มพระราชวังมากมายเหมือนพระราชวังขององค์ราชามนุษย์ หวังหลินปรากฎตัวด้านหน้าประตูของวังแห่งหนึ่ง
มีปราณสวรรค์เบาบางล้อมรอบที่นี่ เขาสูดหายใจลึกและรู้สึกสดชื่นทันที จากนั้นก้าวไปข้างหน้าแต่ก้มศีรษะลงมืองบนพื้น
พื้นดินปูด้วยหินสีเขียวและแบนเรียบ หวังหลินนั่งย่อลงเพื่อสัมผัสพื้นดินด้วยมือ ใบหน้าพลันเปลี่ยนเป็นประหลาดทันที
“หยกสวรรค์…”
หวังหลินกระจายสัมผัสวิญญาณออกมาและพบว่าพื้นที่ต่างล้อมรอบไปด้วยกฎเกณฑ์ที่ถูกผนึก หวังหลินถอนสัมผัสวิญญาณออกมาในเสี้ยววินาทีที่ปล่อยออกไป
“สิ่งก่อสร้างทั้งหมดที่นี่ถูกสร้างขึ้นมาจากหยกสวรรค์” หวังหลินมีประสาทสัมผัสไวต่อหินหยกสวรรค์และตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างด้านหน้าเขาถูกสร้างขึ้นมาจากมัน จึงอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจลึก
“น่าเสียดายที่มีผนึกทรงพลังอย่างยิ่งเอาไว้ ไม่เช่นนั้นข้าคงขุดพวกมันออกมาทั้งหมดแน่นอน!” หวังหลินมองถนนหินหยกด้วยใบหน้าเสียดาย
มีเตาปรุงยาขนาดยักษ์เตาหนึ่งสูงราวร้อยฟุตเบื้องหน้าเขา บนเตาปรุงยามีหลุมหลายหลุมขนาดเท่าแขนและพ่นระเบิดควันสีขาวออกมา
ห่างจากเตาปรุงยาออกไปหลายร้อยฟุตมีบ้านสามชั้นตั้งอยู่หนึ่งหลัง
หวังหลินเดินตรงไปและหยุดข้างๆเตาปรุงยา พลันมองเข้าไปข้างในหลุม
มีบ่อน้ำอยู่ข้างใต้เตาพร้อมกับควันสีขาวพวยพุ่งออกมา
“ข้าไม่ใช่คนแรกที่เข้ามาที่นี่ บางทีคงมีเม็ดยาข้างในเตาปรุงยานี้มาก่อนและถูกพวกเขาเอาไปแล้ว” หวังหลินขมวดสายตาขณะมองไปที่เตาปรุงยา
มีผนึกกฎเกณฑ์ชิ้นหนึ่งอยู่ด้านบนแต่มันอยู่ในสภาวะพังไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าถูกใครบางคนทำลายเมื่อนานมาก่อน
หลังจากมองรอบๆอย่างละเอียด หวังหลินเดินตรงเข้าหาบ้าน เขาอยู่หน้าบ้านและมองเข้าไป บ้านแห่งนี้ถูกผนึกเอาไว้และกระทั่งมีผนึกแต่จุดคั่นไว้สามขั้นเพื่อนำเข้าไปที่ตัวบ้าน
“นี่มันผนึกรวมเป็นหนึ่ง เมื่อกฎเกณฑ์เปิดใช้งานจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างข้างในและข้างนอกบ้านกลายเป็นหนึ่งกฎเกณฑ์และผนึกทั้งหลัง! วิธีผนึกเช่นนี้หาได้ยากมากในยุคโบราณ จากหนังสือที่ข้าเคยอ่าน มันบันทึกไว้ว่าวิธีนี้มาจากดินแดนสวรรค์และอ้างอิงเทียบเท่ากฎเกณฑ์เทพ!”
หวังหลินมองไปรอบๆและพึมพำ “ถ้ำแห่งนี้เต็มไปด้วยกฎเกณฑ์เทพ หรือจะเป็นถ้ำของเทพจริงๆ…”
ขณะที่กำลังคิดเช่นนี้ หวังหลินยิ่งกลายเป็นระมัดระวังมากขึ้น แม้ว่ากฎเกณฑ์บนบ้านด้านหน้าเขาถูกทำลายโดยคนอื่นไปแล้วเขาก็ยังก้าวอย่างระมัดระวังเพื่อตรวจสอบรอบด้านอยู่เสมอ
บ้านหลังนี้มีสามชั้นและหวังหลินเพียงแค่ก้าวขึ้นไปชั้นแรกเพื่อตรวจสอบด้วยความระมัดระวัง แม้ว่าจะดูใช้เวลานานแต่ก็ทำให้หวังหลินมองทะลุกฏเกณฑ์ทั้งหมดข้างในบ้านได้อย่างชัดเจน
บ้านหลังนี้ว่างเปล่า ไม่มีแม้กระทั่งโต๊ะหรือเก้าอี้หลงเหลืออยู่ หากไม่มีร่องรอยบนพื้นที่แสดงว่าเคยมีโต๊ะและเก้าอี้มาก่อน หวังหลินคงไม่คิดว่าพวกมันถูกคนอื่นเอาไป
หวังหลินล้อเลียนเลียนตัวเอง “แม้แต่โต๊ะกับเก้าอี้ในถ้ำของเทพสักตนต้องไม่ใช่สิ่งของธรรมดา ไม่เช่นนั้นมันคงไม่ถูกเอาไป!”
บ้านสามชั้นหลังนี้ล้วนว่างเปล่า หวังหลินพบว่าไม่มีอะไรอยู่ข้างในและกฏเกณฑ์ทั้งหมดถูกทำลายไปหมดแล้ว ทว่าขณะที่เขามองดูอย่างละเอียด เขากลับพบว่ากฎเกณฑ์เหล่านี้ไม่ได้ถูกทำลายด้วยคนเดียวกัน พวกมันถูกทำลายด้วยวิธีการอย่างน้อยสามวิธีที่ต่างกัน
หนึ่งในนั้นคือการใช้กฎเกณฑ์โบราณและมีความละเอียดอ่อนมาก กฏเกณฑ์ที่แตกหักต่างกระจัดกระจายเป็นรูปดอกพลัม(ดอกบ๊วย) หวังหลินเคยเห็นวิธีนี้มาก่อนบนบันทึกโบราณ มันถูกเรียกว่ากฎเกณฑ์สิบแปดดอกพลัม!
กฎเกณฑ์ส่วนใหญ่ของที่นี่ถูกทำลายด้วยวิธีนี้ ชัดเจนแล้วว่าถูกทำลายโดยคนคนเดียวกัน
กฎเกณฑ์นี้มีชื่อเสียงมากในโลกเซียนยุคโบราณ แต่เป็นสิ่งที่มีน้อยคนนักจะเรียนรู้ได้ แม้แต่กระทั่งเหล่าลูกศิษย์ที่เรียนได้ก็ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของแต่ละคน ส่วนใหญ่ศิษย์หนึ่งคนสามารถเรียนรู้ได้ถึงไปถึงแค่เก้ากฎเกณฑ์เท่านั้น มีเพียงแค่หัวหน้าสำนักที่สามารถเรียนรู้ได้ถึงสิบแปดกฎเกณฑ์!
ขณะที่หวังหลินกำลังจะจากไป สายตาพลันขมวดเป็นปม เขามองไปยังรอยที่อยู่บนพื้นซึ่งแสดงให้เห็นว่าโต๊ะและเก้าอี้ถูกเคลื่อนย้ายออกไป!